ขอปรึกษา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25236 โดย jaroenpak
ขอปรึกษา was created by jaroenpak
มีหมายศาลมาแล้วของ citybank ยอดหยุดจ่าย 34,000 ยอดที่ฟ้อง 55,000 มีเจ้าหน้าที่โทรติดต่อมาให้ชำระที่ 45,000 ขอลดให้เหลือ 25,000 ไม่ยอมลดให้ จะทำอย่างไรต่อดีค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25238 โดย Skynine
นำหมายศาลมาปรึกษากับคุณอาประพัฒน์ที่สวนลุมนะ..
ทุกวันอาทิตย์เวลา 13.00-16.00 น.ณ ศาลาเรือนไทย "ไทยลานนา" หลังร.6
ตรงข้ามรพ.จุฬาฯ เรามีผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาอยู่ที่นั่น คือ คุณอาประพัฒน์
อาทิตย์นี้ว่างก็หมายศาลมาปรึกษานะ.. พี่อัง สวยประหาร

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25270 โดย ntps
ถามหน่อยว่า อ่านหรือยังค่ะ แล้วเป็นกฎหรือเปล่าว่า เจ้าหนี้ต้องลด

ให้ลูกหนี้ 50% ทุกรายทุกคน เรามีแต่บอกว่า เก็บออมเงินไว้ต่อรอง

จ่ายเมื่อพร้อม
และการต่อรองจะประสบความสำเร็จต่อเมื่อทั้ง 2 ฝ่าย

ยินดีรับข้อตกลง การเจรจาต้องนึกถึงใจเขาใจเรา พบกันครึ่งทาง

ไม่ใช่ข้างหนึ่งจะดันทุรังจ่ายแค่นี้ อีกข้างก็บอกว่า ไม่เอา จะเอามาก

กว่านี้ เรามักบอกเสมอว่า ส่วนลดคือผลพลอยได้ คือกำไรจากการ

หยุดจ่าย และการหยุดจ่ายคือ การคืนความสุขให้กับชีวิตตัวเองและ

ครอบครัว


ในห้องนี้ เขามีบอกว่า ใครไม่เข้าใจว่า Hair cut คืออะไร ให้ไปอ่าน

ต่อเอาเองค่ะ
:sweat:




"นิยาม" ของคำว่า Hair-cut

Hair-cut ก็คือการจ่ายชำระมูลหนี้ ที่มีการค้างชำระกันไว้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยมีข้อตกลงเจรจาเป็นการนำเสนอที่จะทำการลดมูลหนี้ที่คงค้างกันอยู่...ว่าจะมีการลดหนี้ให้เป็นจำนวนเท่าไหร่?

โดยคิดจากมูลหนี้ที่คงค้างทั้งหมด จากยอด ณ.ปัจจุบัน

ซึ่งก็คือยอดหนี้ของ ณ.วันนี้ นั่นเอง

วันที่เรากำลังเจรจาต่อรองเรื่องส่วนลดหนี้กันอยู่ ณ.ขณะนี้

(ไม่ใช่ยอดหนี้ของเงินต้นในอดีต...ไม่ใช่ยอดหนี้ของวันที่เราเริ่มต้นหยุดจ่าย)

ซึ่งส่วนมากทางเจ้าหนี้มักจะเป็นผู้เสนอว่า จากมูลหนี้ที่คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้ จะลดหนี้ให้เท่าไหร่? โดยการแจ้งเป็นตัวเลข ว่าจะลดให้กี่บาท หรือกี่เปอร์เซนต์ (ซึ่งส่วนมากจะเสนอตัวเลขเป็นบาท แต่ถ้าเราอยากรู้ว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์ ก็สามารถเอามาคำนวนเองได้)
ยกตัวอย่างเช่น มีหนี้คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้เป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาท (หนึ่งแสนบาท) ทางเจ้าหนี้เสนอมาว่า จะลดหนี้ให้เป็นจำนวน 40% ก็หมายความว่า ทางเจ้าหนี้พึงพอใจที่จะเรียกเอาเงินคืนเพียงแค่ 60,000.-บาท (60%) เท่านั้น...ส่วนอีก 40,000.-บาท (40%) นั้น...ทางเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ ด้วยเหตุผลต่างๆดังนี้

- ขี้เกียจทวงแล้วโว้ย...ทวงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมจ่ายสักที

- ทางเจ้าหนี้ ตัดหนี้ตัวเป็น NPL ไปแล้ว (เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) หรือตัดเป็น“หนี้สูญ”ไปแล้ว

- ไม่อยากตั้งทุนสำรอง“หนี้สูญ” ตามข้อตกลงของ MOU และตามคำสั่งของ ธปท. เพราะต้องถูกบังคับให้ตั้งเงินสำรองเพื่อกันเอาไว้ 100,000.-บาท (เป็นการตั้งสำรอง“หนี้สูญ”ในอัตรา 100% ของมูลหนี้ที่เสีย) ทางฝ่ายเจ้าหนี้จึงมีความคิดที่ว่า สู้เอาเงินที่ตั้งสำรองจำนวนนี้ ไปปล่อยกู้ใหม่ให้กับลูกหนี้รายอื่นๆ ยังได้กำไรจากการขูดรีดอัตราดอกเบี้ยกับลูกหนี้รายใหม่อื่นๆ มากกว่าการเอาเงินมาตั้งสำรอง“หนี้สูญ”แบบนี้โดยที่ไม่ได้ดอกเบี้ยอะไรเลย แถมยังได้เงินสดคืนมาจากลูกหนี้อีก 60,000.-บาท เมื่อเอามารวมกันแล้ว ก็เป็นจำนวนเงิน 160,000.-บาท เอาเงินก้อนนี้ไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยราคาแพงๆ ให้กับลูกค้ารายอื่นๆยังดีกว่า

- ทางเจ้าหนี้ "กลัว" แพ้คดี ถ้าถึงขั้นการฟ้องร้องต่อศาล เพราะตัวเองก็มีการหมกเม็ด และการโกงอัตราดอกเบี้ยของลูกหนี้เอาไว้เพียบ...ดังนั้น ถ้าวันนี้ ได้เงินคืนกลับมาบ้างบางส่วน ก็ยังดีกว่าที่ได้คืนมาน้อย หรือไม่ได้คืนเลยในชั้นศาล หากตัวเองฟ้องแล้วแพ้คดี (ตามสุภาษิตที่ว่า...กำขี้...ดีกว่ากำตด)

- ทางเจ้าหนี้กลัวว่าลูกหนี้จะเป็นอะไรไป...เนื่องจากการคิดสั้นของลูกหนี้ที่มีหนี้สินเยอะ เพราะถ้าหากลูกหนี้เป็นอะไรไป (หมายถึง ล้มหายตายจากไป) หนี้ดังกล่าว จะเป็นหนี้ศูนย์(0)ทันที และจะไปฟ้องร้องกับใครก็ไม่ได้ เนื่องจากเป็นหนี้สินส่วนบุคคล(หนี้ส่วนตัวที่ไม่มีผู้ค้ำประกัน) จึงไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ดังนั้น ถ้าอยากจะฟ้องต่อ ก็ต้องฆ่าตัวตายตามลูกหนี้ เพื่อไปฟ้องร้องต่อจากท่านยมบาลเอาเอง (แล้วใครมันยอมจะฆ่าตัวตายเพื่อตามไปทวงหนี้ต่อล่ะวะ)

- เจ้าหนี้ได้รับเงินคืนตามที่ตัวเองพึงพอใจแล้ว โดยคิดจากส่วนต่างที่หักจากค่าคอมมิชชั่นในการทวงหนี้ออกไป...ตัวอย่างเช่น...เจ้าหนี้มีการตั้งค่าหัวในการทวงหนี้เราไว้ที่ 30% หากสำนักงานทวงหนี้ที่ใดก็ตาม สามารถทวงหนี้จากเราได้...เช่น...ถ้าสมมุติว่า สำนักงานทวงหนี้ "ชั่ว"คอลเลคชั่น สามารถทวงหนี้เราได้ที่ 100,000.-บาท ดังนั้น สำนักงาน"ชั่ว"คอลเลคชั่น...รับเอาค่าคอมมิชชั่นไปเลย 30,000.-บาท เพื่อเป็นค่าแรงในการทวงหนี้ ส่วนทางเจ้าหนี้พอใจที่จะเอาเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาทเท่านั้นก็พอ ถ้าเป็นเช่นนั้น สู้เราไปจ่ายชำระหนี้ให้กับทางเจ้าหนี้โดยตรง ไม่ดีกว่าเหรอ? (โดยไม่จ่ายผ่านสำนักงานทวงหนี้) ทางเจ้าหนี้ก็พอใจในการรับเงินคืนเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรทางเจ้าหนี้ก็มีความต้องการที่จะได้รับเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาทอยู่แล้วนี่ โดยไม่สนใจว่าจะได้เงินคืนมาจากใครหรือด้วยวิธีใดก็ตาม

- ทางเจ้าหนี้มีการขายหนี้ของเรา ให้กับสำนักงานทวงหนี้ข้างนอก ในราคาถูกๆไปแล้ว เนื่องจากขี้เกียจตั้งทุนสำรองหนี้สูญ (อาจขายหนี้ไปประมาณสัก 2-3 หมื่นบาท จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบันที่ 100,000.-บาท) เพื่อให้สำนักงานทวงหนี้ ไปทวงต่อเอาเองแล้วแต่จะได้ ดังนั้น ถ้าสำนักงานทวงหนี้เสนอราคาให้เรา 60,000.-บาท ในการทำ Hair-cut...ตัวมันเองก็ยังได้กำไรจากส่วนต่างนี้ตั้ง 3-4 หมื่นบาท)

- เจ้าหนี้รีบลดราคาในการทำ Hair-cut ให้...ด้วยราคาที่งามมาก เนื่องจากคดีขาดอายุความในการฟ้องร้องไปแล้ว

ด้วยเหตุผลต่างๆ ตามที่กล่าวมานี้ จึงเกิดกระบวนการที่เรียกกันว่า

Hair-cut เกิดขึ้น

แต่กระบวนการ Hair-cut นี้ มิได้เกิดขึ้นได้โดยง่าย
ต้องผ่านการบ่มระยะเวลามายาวนานพอสมควร โดยมีสูตรดังนี้

ต้องหยุดจ่ายซะก่อน ถึงจะเกิดกระบวนการ

Hair-cut ขึ้นได้


ยิ่งหยุดจ่ายนานเท่าไหร่

หนี้ก็ยิ่งเน่ามากขึ้นเท่านั้น


หนี้ยิ่งเน่ามากเท่าไหร่

ก็ยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้นเท่านั้น

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: meawpung

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.377 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena