การอายัดบัญชีที่เป็นบัญชีโอนรายได้จากงานอิสระ ไม่ใช่เงินเดือน

ผมค้นหาคำว่า "อายัดเงินฝาก" และ "อายัดบัญชีธนาคาร" แต่ยังไม่ได้คำตอบครับ เลยมาตั้งคำถามนี้ หากมีคำตอบตามที่ผมโพสถาม ขออภัยด้วยครับ และ ขอลิงค์คำตอบด้วยนะครับ

ณ ตอนนี้ มีหนังสือคำพิพากษามาแล้วให้ดำเนินการจ่ายภายใน 15 วัน แต่ผมไม่มีงานทำแล้ว ตอนนี้ทำงานส่วนตัวกับเว็บของตัวเอง มีรายได้จากค่าคลิ๊กโฆษณา และถ่ายภาพขายทางเน็ต แต่รายได้รวมๆกันแล้วยังไม่พอเลี้ยงชีพได้เลย บ้านที่อยู่เป็นของ พ่อ-แม่ ผมมีทรัพย์สินของตัวเองจริงๆคือ Notebook กับ กล้อง Nikon d5000 และ Olympus e520 รุ่นเก่าทั้งคู่ รวมราคาไม่ถึง 1 แสนแน่ๆ ซึ่งถ้าบังคับคดีมาคงยึดอะไรไปไม่ได้ เพราะทรัพย์สินเป็นของ พ่อ-แม่ผม หรืออาจแจ้งให้บังคับคดีว่า ทรัพสินทั้งหมดเป็นของพ่อ-แม่ผม และไม่ให้เข้ามาตรวจค้น (จะได้ไหมครับ)
*** ประเด็นที่กังวลคือ บัญชีเงินฝาก มี 2 บัญชี
1. กรุงไทย เป็นบัญชีที่บริษัทที่ผมมีรายได้จากค่าคลิ๊กโฆษณาจะโอนเข้ามา ยอดขั้นต่ำ 200 บาท และมีการผูกกับ paypal ด้วยเพื่อรับรายได้จากต่างประเทศด้วย และเป็นบัญชีที่ผมต้องโอนจ่ายประกันสังคมและค่าฌาปณกิจ ยอดต่อเดือนไม่ถึงหมื่นบาท ส่วนมากไม่เกิน 4,000 บาท แต่จ่ายเกือบหมดเหลือปลายๆเดือนไม่เกิน 200
2. กรุงเทพ ผูกกับ port หุ้น มีหุ้นเหลือแค่ 100 หุ้น (มูลค่ารวม 300 บาท) แต่มีเงินวางประกัน 15,000 อยู่ที่โบรก เงินในบัญชีตอนนี้เหลือประมาณ 500 บาท

บังคับคดี สามารถอายัดได้ไหม การอายัดมีระยะเวลาไหมครับ ... เพราะถ้าโดนอายัดผมไม่สามารถมีรายได้เข้ามาได้เลย หมดหนทางทำมาหากินแน่ๆ

*** ยอดหนี้ประมาณ 65,000 บาท

ขอบคุณครับ

piews เขียน: ผมค้นหาคำว่า "อายัดเงินฝาก" และ "อายัดบัญชีธนาคาร" แต่ยังไม่ได้คำตอบครับ เลยมาตั้งคำถามนี้ หากมีคำตอบตามที่ผมโพสถาม ขออภัยด้วยครับ และ ขอลิงค์คำตอบด้วยนะครับ

คำตอบส่วนใหญ่ ก็อยู่ในห้องรู้ทันกฎหมายหนี้แล้วไงครับ

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20

piews เขียน: ณ ตอนนี้ มีหนังสือคำพิพากษามาแล้วให้ดำเนินการจ่ายภายใน 15 วัน แต่ผมไม่มีงานทำแล้ว ตอนนี้ทำงานส่วนตัวกับเว็บของตัวเอง มีรายได้จากค่าคลิ๊กโฆษณา และถ่ายภาพขายทางเน็ต แต่รายได้รวมๆกันแล้วยังไม่พอเลี้ยงชีพได้เลย บ้านที่อยู่เป็นของ พ่อ-แม่ ผมมีทรัพย์สินของตัวเองจริงๆคือ Notebook กับ กล้อง Nikon d5000 และ Olympus e520 รุ่นเก่าทั้งคู่ รวมราคาไม่ถึง 1 แสนแน่ๆ ซึ่งถ้าบังคับคดีมาคงยึดอะไรไปไม่ได้ เพราะทรัพย์สินเป็นของ พ่อ-แม่ผม หรืออาจแจ้งให้บังคับคดีว่า ทรัพสินทั้งหมดเป็นของพ่อ-แม่ผม และไม่ให้เข้ามาตรวจค้น (จะได้ไหมครับ)

ผมก็เขียนเอาไว้ชัดเจนแล้วนี่ครับ อยู่ในห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ไงครับ

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

piews เขียน: *** ประเด็นที่กังวลคือ บัญชีเงินฝาก มี 2 บัญชี

1. กรุงไทย เป็นบัญชีที่บริษัทที่ผมมีรายได้จากค่าคลิ๊กโฆษณาจะโอนเข้ามา ยอดขั้นต่ำ 200 บาท และมีการผูกกับ paypal ด้วยเพื่อรับรายได้จากต่างประเทศด้วย และเป็นบัญชีที่ผมต้องโอนจ่ายประกันสังคมและค่าฌาปณกิจ ยอดต่อเดือนไม่ถึงหมื่นบาท ส่วนมากไม่เกิน 4,000 บาท แต่จ่ายเกือบหมดเหลือปลายๆเดือนไม่เกิน 200

2. กรุงเทพ ผูกกับ port หุ้น มีหุ้นเหลือแค่ 100 หุ้น (มูลค่ารวม 300 บาท) แต่มีเงินวางประกัน 15,000 อยู่ที่โบรก เงินในบัญชีตอนนี้เหลือประมาณ 500 บาท

บังคับคดี สามารถอายัดได้ไหม

กรมบังคับคดีสามารถยึด/อายัดเงินฝากในบัญชีธนาคารของลูกหนี้ได้ หรือยึดหุ้นของลูกหนี้ก็ได้...ถ้าหากฝ่ายโจทก์(เจ้าหนี้)มันสืบรู้ หรือมันสืบเจอว่า ลูกหนี้ไปเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่ไหนบ้าง หรือซื้อหุ้นที่ไหนบ้าง แล้วมันก็จะเอาหลักฐานที่สืบเจออันนี้ ไปมอบให้กรมบังคับคดี เพื่อให้กรมบังคับคดีทำการยึด/อายัดต่อไป

แล้วฝ่ายทางโจทก์(เจ้าหนี้)มันจะสามารถสืบเจอว่าลูกหนี้อย่างคุณ ไปเปิดบัญชีฝากเงินไว้กับที่ธนาคารไหน? หรือคุณไปซื้อหุ้นที่ไหนบ้างล่ะครับ? ถ้าหากไม่ใช่เป็นบัญชีธนาคารของมันเอง(บัญขีธนาคารของฝ่ายเจ้าหนี้เอง) หรือเป็นหุ้นของฝ่ายเจ้าหนี้มันเอง


เจ้าหนี้มันจะใช้วิธีไหน? ถึงจะสามารถสืบได้ว่าลูกหนี้ของมัน

ไปฝากเงินไว้กับธนาคารที่ไหนบ้าง? หรือไปซื้อหุ้นที่ไหนบ้าง?

ถ้าหากไม่ใช่บัญชีเงินฝากธนาคารและหุ้นของมันเอง

piews เขียน: การอายัดมีระยะเวลาไหมครับ

ผมไม่รู้ครับ ...เพราะผมไม่ใช่นักสืบ และก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบทรัพย์ของธนาคารด้วย

ผมไม่รู้ว่าจะสืบเงินฝากในบัญชีธนาคารของคุณได้อย่างไร? หรือด้วยวิธีไหน? ที่จะทำให้ผมสามารถรู้ได้ว่า...คุณเอาเงินไปฝากไว้ที่ธนาคารไหนบ้าง...หรือคุณไปซื้อหุ้นที่ไหนไว้บ้าง

ปล. กรมบังคับคดี ไม่มีหน้าที่สืบทรัพย์ของลูกหนี้นะครับ และกรมบังคับคดีก็ไม่มีนักสืบด้วย

กรมบังคับคดี มีหน้าที่แค่ทำการยึด/อายัดทรัพย์สินต่างๆของลูกหนี้ที่ซุกซ่อนเอาไว้ ตามหลักฐานที่ทางฝ่ายเจ้าหนี้มันสืบเจอ และเอาหลักฐานที่สืบเจอนั้นมาแฉ เพื่อให้ทางกรมบังคับคดีทำการยึดทรัพย์ตามหลักฐานที่เอามาแฉต่อไป เท่านั้น


ผมรู้แค่เพียงว่า เจ้าหนี้มันมีระยะเวลาในการเล่นงาน(ยึด/อายัด)ทรัพย์สินของลูกหนี้ ได้แค่เพียง 10ปี เท่านั้น นับตั้งแต่วันที่ถูกศาลพิพากษา

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

piews เขียน: เพราะถ้าโดนอายัดผมไม่สามารถมีรายได้เข้ามาได้เลย หมดหนทางทำมาหากินแน่ๆ

แล้วเจ้าหนี้มันจะใช้วิธีไหน? ที่จะสามารถสืบทรัพย์ได้ว่า คุณเอาเงินไปฝากไว้ที่ธนาคารไหนบ้างล่ะครับ? หรือคุณไปซื้อหุ้นไว้ที่ไหนบ้าง?

ผมรู้แค่เพียงว่า ธนาคารที่ต่างกันและไม่ได้เป็นเครือเดียวกัน มันจะเป็นคู่แข่งทางการพาณิชย์ซึ่งกันและกัน (ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า"เป็นศัตรูทางการค้ากัน")
ดังนั้น มันจะไม่ยอมให้ข้อมูลของลูกค้าของตัวมันเอง มอบให้กับศัตรูทางการค้าของมันอย่างแน่นอน


ถ้าคุณรู้วิธีการสืบทรัพย์เงินฝากในธนาคารของผู้อื่น และก็วิธีการสืบผู้ซื้อหุ้น...ก็ช่วยกรุณาสอนผมด้วยนะครับ ผมจะได้มีความรู็เพิ่มขึ้นมาด้วย
.

ลิงค์นี้เข้าไปอ่านแล้วครับ คืออ่านทบทวนแล้วไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเลยมาโพสอีกทีครับ
ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับ
ค่อยๆหาเคสที่ใกล้ๆกัน

piews เขียน: ลิงค์นี้เข้าไปอ่านแล้วครับ คืออ่านทบทวนแล้วไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน เลยมาโพสอีกทีครับ
ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับ
ค่อยๆหาเคสที่ใกล้ๆกัน

นี่คือคำถามเดิมของคุณนะครับ

piews เขียน: ณ ตอนนี้ มีหนังสือคำพิพากษามาแล้วให้ดำเนินการจ่ายภายใน 15 วัน แต่ผมไม่มีงานทำแล้ว ตอนนี้ทำงานส่วนตัวกับเว็บของตัวเอง มีรายได้จากค่าคลิ๊กโฆษณา และถ่ายภาพขายทางเน็ต แต่รายได้รวมๆกันแล้วยังไม่พอเลี้ยงชีพได้เลย บ้านที่อยู่เป็นของ พ่อ-แม่ ผมมีทรัพย์สินของตัวเองจริงๆคือ Notebook กับ กล้อง Nikon d5000 และ Olympus e520 รุ่นเก่าทั้งคู่ รวมราคาไม่ถึง 1 แสนแน่ๆ ซึ่งถ้าบังคับคดีมาคงยึดอะไรไปไม่ได้ เพราะทรัพย์สินเป็นของ พ่อ-แม่ผม หรืออาจแจ้งให้บังคับคดีว่า ทรัพสินทั้งหมดเป็นของพ่อ-แม่ผม และไม่ให้เข้ามาตรวจค้น (จะได้ไหมครับ)

แล้ว Link ที่ผมทำให้ดู เขียนเอาไว้ว่าอย่างนี้นะครับ


กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สินภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)


- เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดี(จพค.) ตรวจสอบสำเนาทะเบียนบ้านของลูกหนี้แล้ว ปรากฎว่าลูกหนี้เป็นแค่ “ผู้อาศัย”

จพค.ก็อาจไปยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามทะเบียนบ้านหลังนั้นๆได้ เพราะกฎหมายสันนิษฐานว่า หากลูกหนี้อาศัยอยู่ที่ไหน ทรัพย์สินของลูกหนี้ก็ควรอยู่กับลูกหนี้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย แต่ถ้าหากไปแล้วพบว่าบ้านหลังนั้น ถูกปิดประตูหรือ ถูก Lock อยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไม่สามารถ ไข/งัด/หรือทุบทำลาย สิ่งที่ใช้ Lock บ้าน ในการเปิดบ้านเพื่อทำการยึดทรัพย์ได้เลย ไม่เหมือนกับกรณีที่ลูกหนี้เป็นเจ้าบ้าน เพราะบุคคลที่อยู่ในฐานะ“เจ้าบ้าน” ก็ได้รับการสันนิษฐานตามกฎหมายว่า เจ้าบ้านก็เป็นเจ้าของทรัพย์สินภายในบ้านเช่นกัน และมีน้ำหนักหลักฐานที่ดีกว่าทางฝ่ายลูกหนี้ ที่เป็นฐานะผู้อาศัยภายในบ้าน

ในกรณีนี้ หาก จพค.จะทำการเข้าไปตรวจสอบหรือยึดทรัพย์ภายในบ้านหลังนั้น จะต้องได้รับการ“อนุญาต”จากผู้ที่เป็น“เจ้าบ้าน”เสียก่อน เพราะผู้ที่เป็น“เจ้าบ้าน”มิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา แถมยังมีน้ำหนักแห่งความเป็นเจ้าของทรัพย์ภายในบ้าน สูงมากกว่าผู้อาศัย

ดังนั้น...
หากเจ้าบ้านอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ต่างๆที่เกี่ยวข้อง เข้าไปในตัวบ้านได้ แล้วหลังจากนั้นมีการโต้แย้งจากทางเจ้าหนี้ว่า ทรัพย์ที่ตรวจพบภายในบ้าน เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งมีหลักฐานมาแสดงยืนยัน โดยผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านไม่มีหลักฐานโต้แย้งกลับ ก็ให้ทำการยึดทรัพย์นั้นๆ

แต่ถ้าหาก“เจ้าบ้าน”ออกมาแสดงตน พร้อมกับหลักฐานความเป็น“เจ้าบ้าน”ต่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ณ.ที่หน้าบ้านของตนเอง พร้อมกับยืนยันว่า ทรัพย์สินทุกอย่างภายในบ้าน เป็นทรัพย์ของเจ้าบ้านแต่เพียงผู้เดียว...“ผู้อาศัย”(ลูกหนี้)ไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์ภายในบ้านแต่อย่างใด แค่มาอาศัยอยู่เท่านั้น
ให้ถือว่า“เจ้าบ้าน”เป็นเจ้าของทรัพย์ดังกล่าวตามที่แจ้ง และให้ เจ้าพนักงานบังคับคดี “งดยึด” แล้วทำรายงานต่อไปยังศาล เพื่อปลดเปลื้องความรับผิดชอบการยึดทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 283 ต่อไป

***หมายเหตุ***
หากผู้ที่เป็น“เจ้าบ้าน”(ที่มิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ยังไม่ได้อนุญาตให้บุคคลภายนอกอื่นใดเข้ามาในตัวบ้าน แต่บุคคลภายนอกอื่นใดเข้าไปภายในอาณาบริเวณพื้นที่ครอบครองของ“เจ้าบ้าน” โดยที่ยังไม่ได้รับการ“อนุญาต” จะต้องมีความผิดในข้อหา“บุกรุกเคหสถาน”




กรณีที่เจ้าหนี้ขอยึดเครื่องมือหรือเครื่องใช้ที่จำเป็น ในการเลี้ยงชีพหรือประกอบวิชาชีพ ราคารวมกันประมาณไม่เกิน 100,000.- บาท เป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ภายใต้การบังคับคดีให้ เจ้าพนักงานบังคับคดี“ไม่ยึด” ตามที่เจ้าหนี้นำชี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีกลับรายงานศาลปลดเปลื้องความรับผิด ป.วิแพ่ง ม. 283

สรุปความก็คือ อุปกรณ์/เครื่องมือ ของลูกหนี้ที่จำเป็นต้องมี เพราะเป็นอาชีพของลูกหนี้มาแต่ดั้งเดิม หากมีมูลค่าไม่เกิน 100,000.-บาท ห้ามยึด เช่น

- เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมฯ หากรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000.-บาท ก็ไม่ต้องยึด...ถ้าลูกหนี้มีอาชีพรับจ้างเขียนโปรแกรมขาย , รับ ซื้อ-ขาย สินค้าผ่านทาง Internet , รับแปลและพิมพ์งานเอกสาร เป็นต้น


อ้างอิงข้อมูลจาก
กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64