freedom_life ชีวิตอิสระ...

เหนื่อยนักก็นั่งพักก่อนนะ ไปสู้รบกับรุ่นใหม่มาอย่าง
สะบักสะบอมที่ห้องถาม-ตอบ น่าเห็นใจจริงๆๆๆๆ เป็นกำลังใจ

ขอบคุณพี่ แก้วจ๋าครับ

กระทู้นี้สิ ดุเดือด

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=16386&Itemid=29

แนะนำให้ไปอ่านเลยครับหากหลงเข้ามาอ่านกระทู้ผม 555

น้องหน้าบาง เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว
ชอบคนพูดจาไพเราะ เราเองก็เสือกดีไปช่วยตอบให้ โดยที่เค้าไม่ต้องการ

ไม่ชอบให้ใครว่ามาแดกดัน !!! ป๊าดดดโธ่ะ ธรรมโมสังโฆ นี่มันผู้ดีชัดๆ ดีตายha หมดไปแล้ว
เป็นหนี้เค้า โดนเค้าว่า โดนเค้าแดกดันมาสาระพัด ไม่ยักกะโกรธ มาโกรธกรุ ที่กำลังยื่นมือไปปัดขี้เลื่อยออกจากสมองให้เนี่ยน่ะ ??? ....เอ... พิมพ์ไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่า
จะมีขี้เลื่อยอยู่หรือเปล่าน่ะสิ เพราะน้องผุ้ดีบอกว่า เคลียร์ อิอิ

ตลกอ่ะ พ่อแม่พี่น้อง ขอพยากรณ์ไว้เลยว่า ป่านนี้อีน้องผู้ดีหน้าบางคนนั้น รับสายพวกห่านจิกแบบไร้สติ

คืนนี้ฉันจะแผ่เมตตา ให้น้องผู้ดีหน้าบาง หาทางออกจากสิ่งขุ่นมัวที่มาบังตาเธอให้หายในเร็วพลัน ฉันสัญญา !!!

น้องมะเหงก ที่รัก 555++
ขยันหาศัตูรจริงๆ น้องตู
ช่างหัวแกเถิด...เพราะพอแกไป รุ่นใหม่ก็เข้ามา
ในหนึ่งร้อยคน มีสองคนอย่างมาก ที่ขยันหา ขยันอ่าน นอกนั้นกูถามยี่สิบคำถามตลอด
แต่สำหรับพี่บัว มัน...ถ้ารู้สึกวีน หรือโมโห จะหยุดตอบ
ออกไปทำอย่างอื่น แล้วค่อยมาตอบ
ทำบุญหากมันทำให้เราเหวีี่ยง บางทีมันจะกลายเป็นบาปแทน
แต่พี่บัวรู้ว่า เธอหวังดี ปากจัดไปงั้น แต่เธอมีความหวังดีกับคนอื่นๆ
ถ้าไม่งั้น เธอคงไม่ตอบรับเป็นกรรมการของชมรมเรา

คิดถึงจริงๆนะ เห็นหัวแค่มีตติ้ง แล้วก็ไ่ม่มีโอกาสเจอ เบอร์โทรฉันก็ไม่เคยเปลี่ยน
ไปซื้อกะทิงกระถาง ก็ไม่แวะหากัน บ้านพี่บัวอยู่แถวนั้น ใจร้ายจริงๆ
มีเวลาก็แวะเยี่ยมกันบ้าง พี่บัวชอบอ่านเรื่องของเธอ ฮา และมันส์ โคตร....
คิดถึง...

พี่ลีจะไม่ตอบกระทู้ที่ถามพื้นๆ..หาอ่านเอาก็ได้...ตัวอย่างมีเยอะแยะ....

แต่ถ้ายังไม่เคยอ่าน..เกิดหลงเข้ามา...แล้วมีคนมาแนะนำให้ไปอ่าน...

แล้วตามไปอ่าน...ก็จะให้อภัย...อาจจะมีตอบให้มั่ง....

แต่ถ้าบอกว่า...อ่านมาบ้างแล้ว....แต่ยังสงสัย...อยากจะถามว่า...จะหยุดดีมั๊ย...

หยุดบัตรไหนก่อน....จะเจออะไรบ้าง....โห...รอไปเหอะ...ไม่ใส่ใจกระทู้พวกนี้เลย...

อ่านแล้วผ่านไปเลย..อย่าเสียเวลา...น้องเอ๊ย....แต่พี่ก็ชอบนะ...วิธีการตอบของน้อง...

ทั้งขู่...ทั้งปลอบ...ให้ความรู้...แต่คนฟัง..มันจะสำนึกหรือเปล่าอีกเรื่องนึง...

บางคนเป็นบัวในตม...ยังโผล่ไม่พ้นขี้ดินเลย....ยากจะเยียวยา..ช่วยเหลือ..ปล่อยเขาไป

ไปกรวดน้ำหรือยังละ แบบพี่ลีว่า บัวใต้น้ำมีมาก
บางครั้งเจตนาที่ดีมีมากไป เหมือนเรายัดเยียดให้
เขาเป็นอย่างเราคิด แต่เขาจะเข้าใจหรือรับได้ไหม สุดปัญญา
ความสามารถไม่เท่ากันค่ะ ปล่อยไป พี่ก็เป็น แล้วก็ถอยไปวาง
สักพัก ค่อยกลับมาค่ะ

เธอคนนั้นคงเป็นเหมือนหลายคนที่เคยเข้ามาแล้ว ได้คำตอบ
ไม่ตรงใจเธอ เธอก็แค่สะบัดตัวจากไป

อีกเคส ที่คุณแม่ให้เงินลูกไปใช้หนี้ สงสารคุณแม่เธอจัง ไม่ว่าเขา
จะรวยหรือจน แต่มีลูกที่เลี้ยงไม่โตแบบนี้ เหนื่อยใจแทนนะ ไม่เคย
รู้สึกแย่แบบนี้

บางทีก็ขี้เกียจตอบเหมือนกัน

น่าจะเป็นแบบว่า อ่านแล้ว เขียนแนวทางของตัวเองออกมา เจอปัญหาที่คิดไม่ออก ก็มาถามจะดีกว่า

เมื่อคืนก่อนมาทำงานต่างจังหวัด เปิดดูกระทู้เห็นข้อความจากพี่กอบัวแล้ว พิมพ์ตอบ นึกว่าจะขึ้นอ้าวหายไปหมด เวงกำ !!!

ผมพิมพ์ประมาณว่า

วันนี้...
1. ผมเหนื่อย กับสมาชิกหลายๆ คนที่มาถามคำถามแบบซ้ำซาก ไม่อ่านข้อมูลด้วยตัวเอง และมาเสียเวลากับการพิมพ์กระทู้โต้ตอบผม และใส่อารมณ์แบบบ้าคลั่ง แทนที่จะใช้เวลาที่พิมพ์ไปอ่านกระทู้ หรือ ระบายอารมณ์ไปที่พวกเจ้าหนี้
2. ผมผิดหวัง ที่สมาชิกบางคนมาถูกทางแล้ว แต่เมื่อมีคนหยิบยื่นเงินให้ ซึ่งคนนั้นคือ แม่ กลับใช้วิธีฉกฉวยเงินนั้นอย่างไม่คิดอะไรแม้แต่น้อย คิดง่ายและมักง่าย เห็นแก่ตัว แม้จะเป็นเงินแม่ของเค้าเอง และเค้าจะใช้คืนเมื่อได้โบนัส

ผมยอมรับว่าผมโกรธเมื่อมีสมาชิกหรือน้องใหม่พิมพ์ข้อความโต้ตอบ แต่อีกมุมหนึ่งผมก็ดีใจ ที่เค้ามีแรง "ฮึด" และไม่ยอมแพ้ต่อคำปรามาสของผม นั่นคือ สัญชาตญาณ ของนักสู้ ที่เค้ามีอยู่

คงจะต้องคิดใหม่อีกด้าน แบบที่พี่สาวแสนดี พี่กอบัวบอก มาร้อยคนมีสองคนที่ใช้ได้ อาจจะเป็นเพราะผมคาดหวังสูงเลยพบกับความผิดหวังมาก

และคงจะต้องทำแบบที่พี่แก้วจ๋า พี่สาวที่แสนจะอบอุ่น บอกไว้ วางให้ลง แล้วปลงให้เป็น

ใช่จริงๆ ด้วย หนี้ ก็หนี้ของเค้า เรื่องราวและปัญหาก็เรื่องของเขาเอง เราแค่ชี้แนะและชี้แนวทางให้เท่านั้น สุดแท้แต่ว่าใครจะ "มอง" และ "เห็น" อะไรมากน้อยแค่ไหน

ขอบคุณพี่ลีครับ ที่เข้ามาให้กำลังใจผม ขอบคุณ คุณ Narasingh ที่ติดตามกระทู้ผมและช่วยกันไปตอบคำถามต่างๆ

ผมอาจจะใช้วิธีการพิมพ์ตอบที่ไม่เหมือนกรรมการท่านอื่นๆ แต่ผมคิดและทวนก่อนพิมพ์ทุกครั้ง พิมพ์เสร็จก็อ่านและเปิดดูข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่ ภาษาที่ใช้ ดิบ เถื่อน แต่ไม่ถ่อยแน่นอน

วันนี้ทั้งวันก็ทำงานอยู่ต่างจังหวัด จนถึงวันเสาร์โน่นแหละถึงจะได้กลับบ้าน อยู่เชียงใหม่ครับตอนนี้
ตลอดทั้งคืนและวันที่ผ่านมา ก็นั่งนึกอยู่ว่า คำพูดของเราที่พิมพ์ไปจะไปทำให้เจ้าของกระทู้เค้าทุกข์ใจขนาดไหน แค่คิดก็เหมือนเราทำบาปไปแล้วที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์และเสียใจกับคำพูดเรา

และตอนหัวค่ำก็ไปอ่านกระทู้ที่ตอบไปแล้ว ก็เป็นจริงด้วย...
บางทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า อยู่เฉยๆ ไม่ลำบาก ไม่ร้อนใจ บุญบาปก็มีเท่าเดิม แต่ทำไมจะต้อง "เสือก" เข้ามาแดกดันคนอื่นด้วย ทั้งๆ ที่ก็ไม่ใช่เรื่อง ยิ่งจะทำให้เค้าทุกข์ใจไปกับหนี้มากยิ่งขึ้น
เลยคิดว่า หากเปลี่ยนเค้าไม่ได้ ผมก็คงจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะมันง่ายกว่าเยอะ


ต่อไปจะระมัดระวังมากขึ้นในการตอบกระทู้สมาชิกครับ
แต่ถามว่าจะลดดีกรีเรื่องวาจาลงหรือเปล่า คงไม่ครับ อาจจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ใช่ผม
ข้างบน ผมเขียนว่า เหนื่อย และ ผิดหวัง แต่ผมยังไม่ได้ ท้อ หรือ ถอย

เพราะสุดท้ายแล้ว หนี้ ก็ หนี้ ของเค้า หน้าตาหรือก็ไม่ได้คล้ายพ่อและแม่ของเรา จะอ่านแล้วทำหรือไม่ทำ โกรธก็ได้ไม่โกรธก็ดี สุดแท้แต่ตามลำบากของแต่ละคน เพราะ มันเป็นเรื่องของมรึง ช่างหัวมรึง แม่มรึงก็ไม่เกี่ยวด้วย ดรววววววกกกกกกกส์ !!!!

มาแบบผู้ร้ายกลับใจ เหนื่อยใจก็พัก ว่างก็มา
เธอมาเฝ้าบอร์ดแค่ไม่ถึง 1 อาทิตย์ บ่นเชียวนะ โอโห เผ่นไปตั้ง
หลักถึงเชียงใหม่เชียว

รู้ไหมคนอื่น เขาพิมพ์ตอบมากี่แสน กี่ล้านครั้ง ไหนจะรับสายด่วน
มาแบบถามด่วน แต่ไม่เคยอ่านอะไรกันเลย ใจสั่งปากถามด่วนลูกเดียว

เคยมีคนตอบกลับว่า รับปรึกษาไม่ใช่หรือ เลยตอกกลับว่า
ใช่ แต่ เขียนว่า สายด่วน ก็ต้องเป็นเรื่องด่วน ของคุณด่วนไหม
เงียบไปเลย ขนาดไม่มีเบอร์วางไว้ในสายด่วน คนยังตามกันจนเจอ

เมื่อไรเธอจะใส่เบอร์โทรไว้บ้างละ คนเขาจะได้ชมว่า มากกว่าท่านประธาน
นึกว่าท่านประธานคือสุดยอดของความดุ แต่วันนี้ยังมีนายชีวิตอิสระที่เหนือกว่า
ล้อเล่นนะ

สมัยก่อน เราอาจกล้าน้อยไป จึงไม่ค่อยถาม นั่งแต่อ่าน แล้วเก็บ สมัยนี้
คนเขาใจถึง คนพกบัตรได้ต้องมีระดับ ส่วนมากวัยทำงาน เดินตามค่า
นิยมผิดๆ ๆ คนรุ่นปัจจุบันมีความอดทนน้อย สิ่งล่อใจเยอะ เห็นแล้ว
อดคิดไม่ได้ว่า กว่าหลานจะโต กว่าจะทำงาน จะเจออะไรบ้างหนอ น่าสงสาร
เหนื่อยใจแทน

ทำถูกต้องแล้วที่ หยุดจ่าย

แต่ต่อไปจะต้องทำอย่างไร อ่านกระทู้ปักหมุดเยอะๆ อ่านหลายๆ รอบ

แนะนำว่า ตอนนี้ อ่านวิธีรับมือกับเจ้าหนี้ หรืออีพวกห่า..นจิก ที่จะเริ่มจิกเริ่มทวงหนี้
ไปอ่านซะ จะได้มีภูมิคุ้มกัน ครงไหนก็บอกไปแล้ว หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม

ไปอัญเชิญข้าพเจ้าได้ที่ กระทู้ของ freedom_life แล้วจะรีบเข้ามาด่า เอ๊ย ช่วยด่า เอ๊ย ไม่ใช่อีก
ช่วยแนะนำแบบแสบๆ มันๆ คันๆ จี๊ดๆ



มาอัญเชิญตามคำขอค่ะ..

ขอบคุณค่ะ... ศิษย์พี่.. สำหรับน้ำใจ..(ถือโอกาสเหมาเลย...ละกัน)
และขออัญเชิญ ศิษย์พี่ ได้ตลอดเวลา...ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

คือว่าตอนนี้ต้องการ..พวกพ้อง...น้อง..พี่..เป็นที่สุด...เอาไว้เป็นกำลังใจ และรับฝีปาก...ซ้อมก่อน
ไว้รับมือกับพวกเจ้าหนี้....หรือพวก.....กจิก..เพราะนี่ก็เริ่มมี sms แจ้งยอดและวันใก้ลชำระมาบ้างแล้ว
ใจมันก็เริ่มปอดๆๆ...ไงบอกไม่ถูก (เริ่มเข้าระบบแล้ว...ตามสูตรเป๊ะ)

ต้องบอกว่า...หมุดก็อ่าน....ลิ้งค์ก็อ่าน....นี่น้องก็พึ่งเข้ามาใหม่....
สิ่งที่ต้องรู้..ก็มากมายหลากหลายซะเหลือเกิน..!..
(องค์ความรู้ สงสัย มากก่วาเรียนปริญญาโท แน่เลย..ว่าเปล่า ?)

ใครที่เป็นคนคิดและรวบรวม หลักสูตรนี้ขึ้นมา...ต้องขอชื่นชม...ขอปรบมือให้..สุดยอดจริงๆ
ขอแสดงความชื่นชมค่ะ

เสียดายที่อดีตเราเคยมี รมต. คลังที่ได้รับการยอมรับระดับโลก
รมต. คลังที่เข้าใจปัญหาของ ประชาชน จริงๆ และพยายามที่จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนลดลงได้สักเสี้ยวหนึ่ง

อยากให้ลองอ่านกันดูแล้วจะรู้เองครับ
Korn Chatikavanij
หนี้บัตรเครดิต

ถ้าคุณมีบัตรเครดิตสองใบ และคุณรูดบัตรละ 100,000บาท รวม 200,000บาท พอครบดิวชำระ บัตรแรกคุณชำระเต็ม 100,000บาท บัตรที่สองคุณชำระ 90,000บาท เหลือหนี้ไว้ 10,000บาท

บัตรแรกที่คุณชำระเต็ม คุณจะไม่มีภาระดอกเบี้ยเลย
...
แต่บัตรที่สอง คุณดูเหมือนน่าจะต้องเสียดอกเบี้ยแค่ในส่วนที่เป็นหนี้ค้างอยู่ 10,000บาท แต่เปล่าครับ คุณต้องเสียดอกคิดจากเงินต้นทั้ง 100,000บาท โดยนับตั้งแต่วันที่คุณใช้เงิน

วันนี้เราได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงว่า การคำนวนอย่างนี้ยุติธรรมหรือไม่ คำตอบจากแบงค์ชาติคือ นี่เป็นระบบคิดสากล คำตอบจากผู้ออกบัตรคือ เขาต้องตัดเงินให้ร้านค้าตั้งแต่วันที่เรารูดบัตรซื้อของ

แต่ต้นทุนเงินของผู้ออกบัตรเท่าไรครับ น่าจะประมาณ 2-5% ส่วนดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 20%

ผมก็บอกแบงค์ชาติว่า ขอให้ไปทบทวน แล้วถ้ามีการแข่งขันจริง ทำไมทุกบริษัทคิดเหมือนกันหมด อย่างนี้ไม่เรียกว่า 'ฮั้ว' หรือ แบงค์ชาติก็บอกว่านโยบายไม่ได้ต้องการให้ประชาชนใช้บัตรเครดิตกู้เงิน

แต่ข้อเท็จจริงปัจจุบันหนี้คงค้างบัตรเครดิตสูงถึง 200,000ล้านบาท!

ที่น่าเป็นห่วงตือคนมีสตางค์ไม่เดือดร้อนเพราะชำระเต็มได้ทุกงวด แต่คนที่ต้องคอยหมุนเงินต้องรับภาระเต็มๆ แม้ว่าอาจชำระหนี้บางส่วนไปแล้ว

และยิ่งถ้าการใช้บัตรเครดิตเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนจริง อย่างเช่นค่ารักษาพยาบาลหนือค่าเทอมลูกหลาน ผมว่าระบบนี้ยิ่งเป็นการซำ้เติม

ช่วงเป็นรมต.คลัง เราได้มีนโยบายโอนหนี้บัตรเครดิตเข้ามาเป็นเงินกู้ปกติในระบบธนาคาร แต่นโยบายถูกยกเลิกไปเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล

ผมจะติดตามและมารายงานครับ และนี่คืออีกหนึ่งวันการทำหน้าที่ส.ส. ของพวกเรา

คุณกรณ์เป็นคนหนุ่มที่น่าทึ่งในความคิด เขาเป็นส.ส น้ำดีจริง
ยอมฟัง และยอมรับความคิดเห็นคนอื่นได้ การที่คนเราเห็น
ต่างกัน เราควรใช้เหตุผลมาโต้แย้งกัน แล้วสุดท้าย เราก็จะได้ส่วน
ผสมที่ดีมากค่ะ

แก้วจ๋าเคยได้โอกาสเสวนาเล็กๆ กับท่านหลังเป็นอดีตไปแล้ว
ผ่านทาง FB เรื่อง อดีต DD ของเรา ท่านพูดดีมาก และยอมรับความ
จริงได้ดีที่เดียว แต่น่าเสียดาย ท่านอยู่ในพรรคการเมืองที่เหมือนกันหมด
สิ่งดีๆ ถูกกลืนไปหมด ถ้าท่านมาเป็นหัวหน้าแทนน่าจะรุ่งนะ

สิ่งที่ท่านพยายามทำ เป็นสิ่งที่ดี แต่คนเอาไปทำ ออกมามันแย่
มากๆ แทนที่จะบีบแบงค์กลับถูกแบงค์มันกลืนไป เศร้าใจนะ

กลับมาจากทำงานที่เชียงใหม่ ก็พอจะมีพลังอยู่บ้าง (หรือปล่าว??)
แต่วันนี้ทั้งวันรู้สึก ไม่ค่อยอยากจะทำอะไรเลย เซ็งจิต ยังไงก็ไม่รู้

สุดสัปดาห์นี้ก็ต้องไปทำงาน ตจว. อีกครั้ง คราวนี้ไปที่อุบลราชธานี
เหนื่อยกับการเดินทางมากกกกกกกก ใครบอกว่าบินเนี่ยสบาย สบายตอนบินแต่ก่อนบินเนี่ย ไม่สบายเลยล่ะ
แต่ก็ต้องทำล่ะนะ งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ได้ปลดหนี้หมดสิ้นก็เพราะงานที่ทำอยู่นี่แหละ

วันนี้มีของมาฝากครับ เคยเอาลงแล้วทีนึง แต่คราวนี้ไม่รู้รูปจะขึ้นอีกหรือเปล่านะ
ช่วยให้มือใหม่หัดปลดหนี้ หรือ มือเก๋าเป้าเคลื่อนไหว จะได้รู้เส้นทางปลดหนี้ตัวเอง ว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้ว ดูง่ายๆ แต่ทำตามก็ไม่ได้ยากเกินไป

เชิญ ทัศนา

[img][url=http://postimage.org/image/bxndj9cmj/][img]http://s17.postimage.org/bxndj9cmj/Howtobefreefromdept.jpg[/url][/img]

freedom_life เขียน: เสียดายที่อดีตเราเคยมี รมต. คลังที่ได้รับการยอมรับระดับโลก
รมต. คลังที่เข้าใจปัญหาของ ประชาชน จริงๆ และพยายามที่จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนลดลงได้สักเสี้ยวหนึ่ง

อยากให้ลองอ่านกันดูแล้วจะรู้เองครับ
Korn Chatikavanij
หนี้บัตรเครดิต

ถ้าคุณมีบัตรเครดิตสองใบ และคุณรูดบัตรละ 100,000บาท รวม 200,000บาท พอครบดิวชำระ บัตรแรกคุณชำระเต็ม 100,000บาท บัตรที่สองคุณชำระ 90,000บาท เหลือหนี้ไว้ 10,000บาท

บัตรแรกที่คุณชำระเต็ม คุณจะไม่มีภาระดอกเบี้ยเลย
...
แต่บัตรที่สอง คุณดูเหมือนน่าจะต้องเสียดอกเบี้ยแค่ในส่วนที่เป็นหนี้ค้างอยู่ 10,000บาท แต่เปล่าครับ คุณต้องเสียดอกคิดจากเงินต้นทั้ง 100,000บาท โดยนับตั้งแต่วันที่คุณใช้เงิน

วันนี้เราได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงว่า การคำนวนอย่างนี้ยุติธรรมหรือไม่ คำตอบจากแบงค์ชาติคือ นี่เป็นระบบคิดสากล คำตอบจากผู้ออกบัตรคือ เขาต้องตัดเงินให้ร้านค้าตั้งแต่วันที่เรารูดบัตรซื้อของ

แต่ต้นทุนเงินของผู้ออกบัตรเท่าไรครับ น่าจะประมาณ 2-5% ส่วนดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 20%

ผมก็บอกแบงค์ชาติว่า ขอให้ไปทบทวน แล้วถ้ามีการแข่งขันจริง ทำไมทุกบริษัทคิดเหมือนกันหมด อย่างนี้ไม่เรียกว่า 'ฮั้ว' หรือ แบงค์ชาติก็บอกว่านโยบายไม่ได้ต้องการให้ประชาชนใช้บัตรเครดิตกู้เงิน

แต่ข้อเท็จจริงปัจจุบันหนี้คงค้างบัตรเครดิตสูงถึง 200,000ล้านบาท!

ที่น่าเป็นห่วงตือคนมีสตางค์ไม่เดือดร้อนเพราะชำระเต็มได้ทุกงวด แต่คนที่ต้องคอยหมุนเงินต้องรับภาระเต็มๆ แม้ว่าอาจชำระหนี้บางส่วนไปแล้ว

และยิ่งถ้าการใช้บัตรเครดิตเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนจริง อย่างเช่นค่ารักษาพยาบาลหนือค่าเทอมลูกหลาน ผมว่าระบบนี้ยิ่งเป็นการซำ้เติม

ช่วงเป็นรมต.คลัง เราได้มีนโยบายโอนหนี้บัตรเครดิตเข้ามาเป็นเงินกู้ปกติในระบบธนาคาร แต่นโยบายถูกยกเลิกไปเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล

ผมจะติดตามและมารายงานครับ และนี่คืออีกหนึ่งวันการทำหน้าที่ส.ส. ของพวกเรา

....ใช้บัตรมาเกือบยี่สิบปี...รู้ตัวอีกทีเป็นหนี้แปดแสน..เคลียร์ไปจนเกือบหมดแล้ว

นึกบอกตัวเองในใจว่า..เรามันพลาดเอง เหมือนรู้ทั้งรู้.(รึเปล่า?)..ทำใจให้รับสภาพ...

เห็นบทความนี้.มันสะกิดต่อมขึ้นมาอีกเลย..มันต้องเอาไปช่วยกันเผยแพร่ให้มากๆ...

ส่วนเรื่องการแก้ไขระบบนั้น อย่าหมายเลย..แม้แต่รัฐมนตรีก็โดนด้วย อย่าว่าแต่เราๆท่านๆเลย

ใครแก้ได้ผมจะเอารูปขึ้นหิ้งบูชาเลย..รองมาจากหิ้งพระ...

ผมชอบ แนวความคิดของคุณ กรณ์ หลายๆ เรื่องครับ เป็นคนที่อธิบายเรื่องการเงินการคลังระดับ มหภาค ที่ดูยุ่งเหยิง และวุ่นวาย ให้กลายมาเป็นเรื่องง่ายๆ

ผมติดตามคุณกรณ์ มาตลอดตั้งแต่แนวคิดเรื่อง เก็บภาษีมรดก และ นโยบายเงินออมแห่งชาติ เพราะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับประเทศ แต่งานของคุณกรณ์ช่วงที่เป็น รมต. คลัง ดูเหมือนทำงานอย่างเดียวไม่ค่อยประชาสัมพันธ์ให้รู้จักกันกว้างขวาง เก่งไม่เก่งก็ทั่วโลกยอมรับให้เป็น รมต. คลังดีเด่นแห่งปีเลยล่ะ สะสมเงินกองทุนของประเทศได้สูงสุด และคงจะเสียใจที่ตอนนี้เงินที่สู้อุตส่าห์สะสมกำลังถูกละลายไปกับน้ำ ที่กำลังมาจะมาอีกแล้ว

มาดูแนวความคิดเรื่องที่คุณกรณ์กำลังติดตามอยู่ครับ ในนี้มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเราโดยตรงอยู่ ตรงที่ผมทำสีแดงๆ ไว้ให้

Korn Chatikavanij
Sunday via mobile."ผลงานกระทรวงการคลัง"

ผมได้ข่าวว่าวันนี้ (จันทร์)กระทรวงคลังจะแถลงผลงาน ก็พอนึกออกครับว่าท่านรัฐมนตรีจะแถลงอะไรบ้าง แต่ยังไงๆ กรุณาตอบเรื่องเหล่านี้ด้วยครับ

1. ท่านลด"ภาษีนิติบุคคล"แล้วประชาชนได้อะไรบ้างครับ บริษัทที่ได้ประโยชน์เขาได้เปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรตามเป้าหมายของท่าน

2. รายได้ภาษีที่สรรพากรยืนยันว่าตำ่กว่าเป้าแน่นอน ท่านจะแก้ปัญหาอย่างไร

3. ท่านจะตั้งงบคืนเงินจำนำข้าวให้ธกส.เมื่อไรครับ
...
4. หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 43% จะเพิ่มไปถึงเท่าไรครับในปีนี้

5. "ประกันภัยพืชผล" ท่านได้เอาจริงแค่ไหน มีชาวนาเข้าร่วมโครงการกี่คน

6. "กองทุนการออมแห่งชาติ" เลยเวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมายเกือบครึ่งปีแล้ว เมื่อไรจะให้สิทธิประชาชนสียทีครับ

7. "รถคันแรก" ท่านมั่นใจแค่ไหนว่าทุกคนที่ใช้สิทธินั้นเป็นการซื้อรถคันแรกจริง และมีมาตรการป้องกันอย่างไร

8. "ภาษีที่ดิน" จะทำเมื่อไรครับ ที่ยังไม่ทำกลัวอะไร

9. ท่านปลดผู้จัดการใหญ่การบินไทยไปตั้งนานแล้ว ทั้งๆที่คณะกรรมการได้ประเมินเขาไว้ในเกณฑ์ดี ท่านปล่อยให้หนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศขาดผู้บริหารสูงสุดโดยไม่จำเป็น เพื่ออะไร

10. ท่านจะช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเมื่อไร อย่างได

11. ท่านจะช่วยลดภาระหนี้บัตรเครดิตให้ประชาชนอย่างไร

12. ท่านจะอธิบายอย่างไรว่าพรก.กู้เงิน350,000ล้านที่ท่านบอกว่าจำเป็นเร่งด่วนและพร้อมเบิกจ่ายนั้น ปัจจุบันใช้ไปเพียง 900ล้าน และท่านจะทำอย่างไรเมื่อหมดกำหนดเงินกู้กลางปีหน้าแล้ว

อ้อ...ผมมั่นใจว่าท่านจะต้องอ้างว่าการโอนภาระดอกเบี้ยกองทุนฟื้นฟูออกไปจากคลัง เป็นหนึ่งในผลงานสำคัญ แต่เมื่อในโลกไม่มีของฟรี และท่านเอาเงินจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากมาใช้ดอกเบี้ยแทน ท่านช่วยชี้แจงด้วยว่าท่านจะคุ้มครองเงินฝากประชาชนอย่างไร ต้องกลับมาใช้เงินภาษีเหมือนเดิมหรือไม่

มีเรื่อง หนี้บัตรเครดิต โดยตรงที่คุณ กรณ์ เคยโพสไว้ด้วยครับ
เป็นเรื่องง่ายๆ แต่คนส่วนใหญ่ที่ใช้บัตรมักไม่ค่อยตระหนักและรับรู้กัน


Korn Chatikavanij
September 6 via mobile.หนี้บัตรเครดิต

ถ้าคุณมีบัตรเครดิตสองใบ และคุณรูดบัตรละ 100,000บาท รวม 200,000บาท พอครบดิวชำระ บัตรแรกคุณชำระเต็ม 100,000บาท บัตรที่สองคุณชำระ 90,000บาท เหลือหนี้ไว้ 10,000บาท

บัตรแรกที่คุณชำระเต็ม คุณจะไม่มีภาระดอกเบี้ยเลย

แต่บัตรที่สอง คุณดูเหมือนน่าจะต้องเสียดอกเบี้ยแค่ในส่วนที่เป็นหนี้ค้างอยู่ 10,000บาท แต่เปล่าครับ คุณต้องเสียดอกคิดจากเงินต้นทั้ง 100,000บาท โดยนับตั้งแต่วันที่คุณใช้เงิน

...วันนี้เราได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงว่า การคำนวนอย่างนี้ยุติธรรมหรือไม่ คำตอบจากแบงค์ชาติคือ นี่เป็นระบบคิดสากล คำตอบจากผู้ออกบัตรคือ เขาต้องตัดเงินให้ร้านค้าตั้งแต่วันที่เรารูดบัตรซื้อของ

แต่ต้นทุนเงินของผู้ออกบัตรเท่าไรครับ น่าจะประมาณ 2-5% ส่วนดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 20%

ผมก็บอกแบงค์ชาติว่า ขอให้ไปทบทวน แล้วถ้ามีการแข่งขันจริง ทำไมทุกบริษัทคิดเหมือนกันหมด อย่างนี้ไม่เรียกว่า 'ฮั้ว' หรือ แบงค์ชาติก็บอกว่านโยบายไม่ได้ต้องการให้ประชาชนใช้บัตรเครดิตกู้เงิน

แต่ข้อเท็จจริงปัจจุบันหนี้คงค้างบัตรเครดิตสูงถึง 200,000ล้านบาท!

ที่น่าเป็นห่วงตือคนมีสตางค์ไม่เดือดร้อนเพราะชำระเต็มได้ทุกงวด แต่คนที่ต้องคอยหมุนเงินต้องรับภาระเต็มๆ แม้ว่าอาจชำระหนี้บางส่วนไปแล้ว

และยิ่งถ้าการใช้บัตรเครดิตเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนจริง อย่างเช่นค่ารักษาพยาบาลหนือค่าเทอมลูกหลาน ผมว่าระบบนี้ยิ่งเป็นการซำ้เติม

ช่วงเป็นรมต.คลัง เราได้มีนโยบายโอนหนี้บัตรเครดิตเข้ามาเป็นเงินกู้ปกติในระบบธนาคาร แต่นโยบายถูกยกเลิกไปเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล

ผมจะติดตามและมารายงานครับ และนี่คืออีกหนึ่งวันการทำหน้าที่ส.ส. ของพวกเรา

ไม่ได้เข้าบอร์ดมานาน มาติดตามฝีมือและฝีปากคุณน้องเสรีภาพ ยังเด็ดขาดเหมือนเดิม จะตามอ่านเรื่อยๆ นะคะ เพราะชอบคุณเสรีภาพที่บริหารเงินเก่งมาก

ppan2001 เขียน: ไม่ได้เข้าบอร์ดมานาน มาติดตามฝีมือและฝีปากคุณน้องเสรีภาพ ยังเด็ดขาดเหมือนเดิม จะตามอ่านเรื่อยๆ นะคะ เพราะชอบคุณเสรีภาพที่บริหารเงินเก่งมาก

หายไปนานเลยนะครับพี่ Pan สบายดีนะครับ ดีใจจังที่แวะมาเยี่ยม
วันนี้จะเข้ามาเขียนเรื่อง เครดิตบูโร และแบล๊คลิสครับผม ว่าเป็นหนี้แบบเราเนี่ยจะได้ใช้กับเค้าอีกมั๊ย ไอ้บัตรพลาสติกเนี่ย

จะเขียนเรื่อง เครดิตบูโร
ก็ต้องให้สมาชิกใหม่ที่เพิ่งมาอ่าน ไปหาความรู้จากกระทู้ปักหมุดก่อน
พี่กอบัวเค้ารวบรวมมาให้อ่านแค่คลิกตรงลิ้งค์ก็ได้ความรู้เยอะแยะครับ

เชิญทัศนา
เครดิตบูโร เกณฑ์การติด Blacklist,ระยะเวลาในการติดบูโร อธิบายตัวเลขสถานะบัญชี

www.ncb.co.th/salfenquiry.htmบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National credit Bureau Co.Ltd)

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=12215วิธีเช็คเครดิตบูโร ,ยังไงๆ ก็ต้องติดแบล็กลิส 3 ปีนับจากวันจ่ายหนี้หมด

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=1372&Itemid=29 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเครดิตบูโร หนี้หมดแล้วต้องรอถึงสามปีหรือไม่ ถึงจะทำธุรกรรมกับทางธนาคารได้ กระทู้นี้มีคำตอบ

ขอบคุณพี่กอบัวมากที่รวบรวมมาให้เป็นหมวดหมู่ดีแท้ บุญกุศลที่ทำขอให้นมหญ่ายขึ้นอีก 2 เซ็น อิอิ

หลายสัปดาห์ก่อน มีกระทู้นึงที่ทำให้ฝังใจจนถึงทุกวันนี้ คือ มีสมาชิกใหม่คนหนึ่งของเว็บ ไม่อยากใช้คำว่าสมาชิกชมรม เพราะคุณสมบัติไม่คู่ควร ได้มาตั้งกระทู้เรื่องหนี้บัตร และขอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคนเฮละโล เข้าไปช่วยตอบคำถามและให้คำตอบ

ผลสุดท้ายเธอผู้นั้น ก็ดำเนินการตามแนวทางของชมรม แต่วันเคลื่อนเดือนผ่าน เธอผู้นั้นก็ได้รับความรักมาจากแม่ของเธอ คิดเป็นมูลค่าได้ สามแสนบาท !!! บอกให้เอาไปใช้หนี้บัตรที่คั่งค้างไว้....

จริงๆ กระทู้นั้นมันตกไปแล้วแต่ผมดันเสือกไปขุดขึ้นมาเอง ว่าเดินทางมาถึงป่านนี้แล้วควรจะยึดแนวทางชมรมต่อไป อีกอย่างมีเงินอยู่กับตัวขนาดนี้เสียงดังขึ้นเยอะ ควรใช้ "เงินของแม่" ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ผลสุดท้าย เธอ ก็เลือกใช้วิธีเคลียร์ "หนี้ของเธอ" ทั้งหมดด้วย "เงินของแม่" แม้จะบอกว่าเป็นการยืมและจะทะยอยใช้คืนให้แม่ตอนโบนัสออก ซึ่งเป็นเงินที่มองไม่เห็น เป็นเงินในอนาคต แบบที่พี่แก้วจ๋าเคยพูด เธอไปหวังพึ่งพิงกับสิ่งที่มองไม่เห็นและมั่นใจกับเงินที่จะได้มามาก

มิไย ที่พี่พี่สาวแสนดี พี่กอบัวจะไปทักท้วง ด้วยคำพูดแรงๆ ซึ่งผมก็อยากเขียนแต่ไม่กล้าเพราะช่วงนั้นก่อคดีไว้เยอะ 555 แต่เธอก็คงจะไม่เข้ามาอ่านหรือสนใจอะไรแต่อย่างใด กลับไปอ่านกระทู้นั้นทีไรกลับออกมาก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก จริงอยู่ที่หลายคนอาจจะคิดว่า ก็เงินของเค้า จะใช้อย่างไรก็ได้ แต่ผมกลับมองอีกอย่างว่า การที่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ผิดหรอก แต่จะต้องใช้เงินที่ได้มานั้นอย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินของแม่ ซึ่งแค่ได้มาแล้วก็จ่ายไปเท่านั้นมันไม่ถูกต้อง สตางค์แดงเดียวก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด

คิดว่าอนาคต เธอ คนนั้นก็คงจะไม่เข็ดหลาบหรือเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตเรื่อง การเงิน แต่อย่างใด เพราะ เธอ ไม่เข้าใจหลักการและแนวทางของชมรมแม้แต่น้อย ต่อไปคงจะหวนกลับมาอ่านและติดตามหาเว็บชมรมนี้อีกแน่นอน เพราะเป็นหนี้มีคนช่วยจ่าย ค่อยไปคืนแม่เมื่อมีโบนัส จะวนเวียนอยู่แบบนี้แหละครับ

ประโยค ที่แสนจะเจ็บปวดคือเธอเขียนบอกไว้กับผมว่า "คุยกับแม่แล้ว แม่ให้ปิดไปเลยค่ะ แม่ไม่อยากให้ติด blacklist"

เจ็บ ตรงที่เหมือนจะบอกว่า อย่ามายุ่งกับกู กูจะปิดด้วยเงินก้อนนี้แหละ เพราะกูไม่อยากติด blacklist
เย็นนั้น คืนนั้น และอีกหลายวันก็ยังรู้สึกแย่ๆ ในใจที่เราไม่สามารถทำให้ เธอ คนนั้นเปลี่ยนใจได้

คิดไปก็ปวดหัว คิดใหม่ดีกว่า เออ ช่างมัน มันจะเอา blacklist ไปกินแทนข้าว !!! หวังเพียงเพื่อให้ฉลาดขึ้นมาสักน้อยนิด ก็ช่างหัวมัน !!!

พิมพ์มาหมดยืดยาวเนี่ย ก็อยากจะบอกไว้แค่ว่า อย่าให้คำว่า blacklist มาเป็นตัวเร่งหรือสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ อะไรกับชีวิต เพราะมันไม่ได้จำเป็นสำหรับเราขนาดนั้น เพราะการที่เรามีประวัติค้างชำระหนี้แค่สามเดือน หรือสองเดือน บางที่ก็ถือว่าเราเป็น บัญชีดำ บัญชีแดง สำหรับเค้าแล้วล่ะ เค้าบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อให้คุณมรึงเอาเงินที่เป็นหนี้มาใช้ให้ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยที่เรียกร้อง คุณมรึงก็ยังได้รับเกียรติบันทึกชื่ออยู่หอเกียรติภูมิ Blacklist ของสถาบันการเงินนั้นๆ อยู่อีกนาน

ตอนนี้ผมไม่แคร์คำนี้หรอก ช่างมันปะไร เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้เห็นว่า สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและความตั้งใจในการมีวินัยทางการเงินต่างหากที่มันสำคัญกว่าเยอะ !!!!