freedom_life ชีวิตอิสระ...

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22436 โดย ntps
^^ คนอะไรฝังใจ กับหญิงคนเดียว ^^
หายไปนาน กลับมายังแค้นฝังหุ่น เปลี่ยนเป็นกิน black แบบนี้ได้ไหมละ

โปรดใช้วิจารณญาณในการชม ห้ามเมาแล้วขับรถค่ะ



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: freedom_life

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22446 โดย freedom_life
... ความที่อยากพิสูจน์ว่า ไอ้ที่กลัวๆ กันน่ะมันแก้ไขไม่ได้เลยเหรอ
หรือ มันน่ากลัวจริงเหรอ blacklist เนี่ย ???

สุดท้ายก็เข้าใจด้วยตัวเองจากการ อ่าน และ ลองพิสูจน์ สรุปได้ว่า blacklist ติดแล้วก็ติดเลยเป็นบัญชีที่สถาบันการเงินนั้นๆ "อาจจะ" ต้องระมัดระวังในการให้สินเชื่อต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินนั้นๆ ว่ามีวิธีการและขั้นตอนอย่างไร

ส่วนคำที่มาพร้อมกันคือ เครดิตบูโร อันนี้หลายคนก็ไปกล่าวโทษเครดิตบูโรเค้าว่าทำให้ไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อเงินกู้ เงินด่วน บัตรเครดิต บลา บลา บลา จริงๆ แล้วเค้าทำหน้าที่แค่เป็นตัวกลางในการรวบรวมประวัติสินเชื่อต่างๆ มาไว้ที่เดียวกัน เพื่อเป็นข้อมูลให้สถาบันการเงินต่างๆ เข้ามาตรวจสอบว่าควร หรือ ไม่ควร อนุมัติ สินเชื่อต่างๆ ให้กับบุคคล คนนี้ และ หากให้ ควรจะให้เท่าไหร่

เค้าทำหน้าที่หลักๆ แค่นี้เอง เป็นถังข้อมูล ส่วนการจะอนุมัติสินเชื่อนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสถาบันการเงินนั้นๆ ต่างหาก ประมาณว่า ฉันมีข้อมูลให้เธอประมาณนี้นะ ส่วนเธอจะให้เงินเขาหรือไม่ ช่างหัวเธอเพราะมันเป็นเงินของเธอ

เครดิตบูโร ยังจะช่วยให้เราไม่มีภาระหนี้เกินตัว นั่นคือ เดิมหลายๆ คนจะมีบัตรเครดิตเยอะมาก เป็นสิบใบก็มี และปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ คือ ที่ไหนมีบัตรให้ ฉันก็มีกับเค้าด้วยทุกใบ เพราะเครดิตบูโรจะคอยเตือนสถาบันการเงินต่างๆ ว่า นี่ นายคนนี้น่ะมีวงเงินเท่านี้แล้วนะ จากธนาคาร ABCDE วงเงินรวมทั้งหมดหนึ่งล้านบาท เธอยังจะให้เค้าเพิ่มอีกหรือเปล่า ???

เครดิตบูโรจะช่วยถามให้แทนตัวเรา แต่หากสถาบันการเงินนั้นๆ ยัง ดึงดัน ที่จะให้ ก็บอกไปแล้วว่า ช่างหัวมัน เงินของเธอ ฉันให้ข้อมูลแล้ว

เลยอยากให้ทำความเข้าใจกับหน้าที่ของเครดิตบูโรซะใหม่

อ้าวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่มาบอกด้านบนนี้ล่ะ ???

เกี่ยวเซ่....

อ่ะ อย่างผม อยากมีหนี้อีก แต่เป็นหนี้บ้าน โห ประวัติเครดิตบูโร เยี่ยมมากค้างชำระทุกใบ บางใบก็โดนฟ้อง บางใบก็อายัดเงินเดือน อ่ะ สุดท้ายก็อนุมัติวงเงินให้ ไม่ใช่น้อยๆ นะ สี่ซ้าห้าล้านเลย :ลั่ลล้า: :ลั่ลล้า:

มีหลักฐานยืนยัน เพิ่งไปเจอมาวันก่อน น้อง Anakin สุดหล่อ เค้าไปรวบรวมไว้ให้
เชิญทัศนา

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=1372&Itemid=29#1372

หลังจากที่ได้บ้านมา ก็ต้องเริ่มผ่อนชำระหนี้ใช่ป่าวครับ จะไปผลัดผ่อนเค้าก็เห็นทีจะไม่ได้ ดีไม่ดีผลัดไว้นานๆ บ้านเค้าจะมายึดเอาได้ไม่เหมือนพวกสินเชื่อหรือบัตรเครดิต ที่จะติดไว้ได้เยอะๆ
เพราะจากที่เคยทำงานมาเกี่ยวข้องกับพวกนี้อยู่ เลยทำให้ได้ทราบว่า หนี้ที่เป็นพวกบัตรต่างๆ หรือสินเชื่อเงินสด อะไรก็แล้วแต่ที่ให้มาเป็นวงเงินนั้น เค้าจะเรียกกันว่า สินเชื่อด้อยหลักประกัน หรือ สินเชื่อไร้หลักประกัน คือ ปล่อยไปก็ระวังเอาเองนะจ๊ะ

ส่วนพวกสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ นั้น เค้าจะเรียกว่า สินเชื่อมีหลักประกัน กลุ่มพวกนี้คือ เจ้าหนี้สามารถบังคับเอาหลักประกันนั้นๆ มาขายทอดตลาดได้ คุณๆ ลองสังเกตดูสิ ว่า สัญญากู้ซื้อบ้านนั้น จะมีสัญญาจำนองติดมาอีกฉบับ นั้นหมายความว่า บ้านหลังนี้ธนาคารออกเงินซื้อให้เธออาศัยอยู่นะจ๊ะ เธอมีหน้าที่จะต้องจ่ายเงินที่ธนาคารออกให้คืนกลับมาทุกเดือนๆ หากเธอไม่จ่ายหรือประวิงเวลาจ่าย ฉันก็จะยึดบ้านส่วนตัวเธอเองก็รีบไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ

เช่นเดียวกับรถยนต์ ที่มักจะเห็นว่ายึดรถกลับไฟแนนซ์ กันบ่อยๆ พอยึดเสร็จหนี้ก็เป็น 0 แต่เครดิตคุณๆ ก็พังทะลายลงอีกรอบ เหอๆ

สินเชื่อที่มีหลักประกันแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจประวัติเครดิตบูโรมากนัก แต่จะสนใจกับ แหล่งที่มาของรายได้มากกว่า และความสามารถในการชำระหนี้ ยกเป็นตัวอย่างเช่น
1. เงินจอง มีเงินจ่ายหรือเปล่า
2. เงินดาวน์ จ่ายตรงตามที่กำหนดไว้หรือไม่ จ่ายไปกี่เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินกู้
3. หน้าที่การงาน ความมั่นคง อายุงาน ตำแหน่ง เงินเดือน

ทั้งหมดนี้เค้าจะพิจารณาเป็นหลักโดยเฉพาะข้อ 3 ส่วนที่ผมกู้ผ่านนั้นอาจจะเป็นเพราะด้วยการปิดบัญชีหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดทุกใบ และมีหลักฐานชัดเจน ทั้งๆ ที่ประวัติในเครดิตบูโรยังคงมีอยู่ แต่ธนาคารก็อนุมัติให้ แถมให้ 100 % ทั้งๆ ที่บ้านหลังนี้ผมดาวน์ไปแล้วเยอะมาก ก็ยังคงให้เต็มราคาซื้อขาย

ดังนั้น ย้ำอีกครั้ง หากคุณมั่นใจว่าชำระหมด มีหลักฐานและหน้าที่การงานมั่นคง มีแหล่งที่มาของรายได้ชัดเจน คุณก็กู้สินเชื่อบ้านได้



อ้าว แล้วบัตรเครดิตล่ะ จะมีกับเค้าได้อีกมั๊ย ???

อยากรู้ก็ต้องอ่านต่อ ^^

ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบๆ สิบปีผมไม่เคยได้ใช้บัตรเครดิตอีกเลย เพราะทำพังไปตั้งแต่สองสามปีแรกของการมีบัตร หลังจากนั้นก็ไม่มีโอกาสได้แสดงความเท่ห์และมีเสน่ห์ล้นเหลือโดยการเซ็นชื่อแกร๊ก แกร๊กกกกก เวลาจ่ายเงินซื้อของต่างๆ
^^ ^^

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ของที่อยากได้เสมอไป ก็ไปใช้เครดิตคนอื่นเอาครับ แต่เราก็ต้องมีสัจจะเค้าให้เราใช้เครดิตและวงเงิน เราก็มีหน้าที่จะต้องจ่ายเงิน ไม่ใช่มาเบี้ยวหนี้กัน แบบที่หลายๆ คนต้องกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตเพราะเอาบัตรให้คนอื่นใช้ ... อย่าเลวแบบนั้น !!!

ส่วนใหญ่ที่ยืมเครดิตคนอื่น ก็เพราะเป็นสินค้าที่สามารถผ่อน 0 % ได้ เพราะจะช่วยยืดระยะเวลาการใช้เงินสดของเราไปอีกนานๆ หรือตอนนั้นผมอยากได้ของชิ้นนี้แต่เงินสดไม่พอ ก็ต้องใช้บัตรเครดิตมาช่วย ก็จะทำให้เราหมดปัญหาไป ตรงนี้สงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ลองสังเกตดู เวลาเราจ่ายเงินสด ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านอาหาร หรือพวกซื้อสินค้าอะไรก็ตาม มักจะไม่ค่อยมีโปรโมชั่นให้ ไม่มีส่วนลดอะไรให้ แต่พอแสดงบัตรปุ๊ป ก็มาเลย ส่วนลด 5-10 % หรือ เงินคืน คูปองแถม บลา บลา บลา.... พูดง่ายๆ สนับสนุนให้รูดบัตรและเป็นหนี้กันเยอะๆ ทั้งๆ ที่เราจ่ายเงินสดกลับไม่มีส่วนลด ผมสังเกตเห็นหลายครั้งและหลายที่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นอีกแรงจูงใจหนึ่งที่ทำให้ ผมเองหลายๆ ครั้งก็อยากจะมีบัตรเครดิตใช้อีกครั้ง

โดยเฉพาะช่วงที่ทำบ้าน อย่างที่หลายๆ คนคงรู้ ว่าทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ประดามีต่างๆ นั้นก็ต้องใหม่ ให้สมกับที่เรามีฐานะ...เอ่อ..ฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจน 555 เงินสดที่มีนั้นหายไปแบบวืบ วืบ วืบ สุดท้ายหากไม่ได้ผู้มีอุปการะคุณทั้งหลายให้ใช้เครดิต ก็คงจะได้นอนบนเสื่อเป็นแน่แท้
ซึ่งตรงนี้คือ ประโยชน์ของบัตร หากใช้เป็น เพราะช่วยยืดระยะเวลาการใช้เงินสดของเราออกไป จะได้เอาเงินสดไปจ่ายของที่ไม่สามารถผ่อนได้ก่อน เช่น ค่าช่าง ค่าตกแต่ง แบบนี้เป็นต้น

หรือไม่ งานของผมก็จำเป็นจะต้องไปต่างจังหวัด บางทีต้องจ่ายค่าโรงแรม ค่ารถ ค่าอาหาร จิปาถะแล้วค่อยมาเบิกคืนกับบริษัท เหมือนเราสำรองจ่ายเงินไปก่อน แต่ขอโทษ บริษัทเนี่ย อย่างที่คุณๆ ก็รู้กว่าจะจ่ายคืนเงินให้เรา ก็อีกหลายวัน หรือบางทีก็หลายเดือน แถมต้องมีหลักฐานโน่นนั่นนี่มาอีกต่างหาก สรุป กรูเอาเงินให้บริษัทยืมใช้โดยไม่มีดอกเบี้ย :เฮ้อ: :เฮ้อ:

หากเราจ่ายเป็นบัตรเครดิตแทน เราก็ไม่ต้องเอาเงินสดของเราไปจ่ายแทนก่อน กว่าจะครบรอบบิลมา บริษัทก็จ่ายเงินคืนกลับมาให้แล้ว แบบนี้มันก็จำเป็นสำหรับอาชีพเรา เพราะบางทีก็เจอบิลหลายหมื่นทำเอาหงายเงิบไปเหมือนกัน หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่วางบิลล่ะ ต้องบอกว่า หลายที่ก็ยอมให้วางบิลได้ แต่หลายที่เค้าก็ไม่ยอม บางทีเราเลี่ยงไม่ได้ หรือ แล้วทำไมไม่ขอเบิกเงินสดของบริษัทออกมาก่อน อืมมม.. เคยลองแล้ว แต่เวลาคืนเงิน โค-ตะ-ระ ยุ่งยากมาก ดีไม่ดีเอาเงินไปหายอีก ซวยสิกรู เลยไม่นิยมทำแบบนี้

ที่ผ่านมาก็เลยต้องใช้วิธี สำรองเงินสดก้อนหนึ่งให้กับงาน !!!! โห ...กรุน่าจะได้โล่ห์ผู้มีอุปการะคุณกับบริษัทจริงๆ เพราะเดินทางบ่อยมาก กลับมาทีก็ต้องรีบทำเบิกคืน โชคดีที่ตอนนี้หลายๆ ที่เค้าก็ใช้บัตรเดบิตรูดแทนจ่ายเงินสดได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมคล้ายบัตรเครดิต ก็เลยไม่ต้องพกเงินสด เอาเป็นว่าได้ไอเดียเขียนเรื่อง บัตรเดบิต อีกเรื่อง บันทึกไว้ก่อน เดี๋ยวลืม จะกลับมาเขียน ใช้บัตรเดบิตอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด 555


ที่ผ่านมาก็เคยยื่นสมัครบัตรเครดิตไปหลายที่ แต่ ก็อย่างที่ทราบ ประวัติเละซะขนาดนี้จะได้กับเค้าหรือนี่ แต่จริงๆ ที่ยื่นไปนั้นก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ชัวว์ อ้าว ??? แล้วคุณมรึงจะยื่นไปทำไม ก็ อิอิ... ยื่นเอาไว้เวลาที่ปฏิเสธมา จะได้ใช้หนังสือปฏิเสธ ไปยื่นขอตรวจสอบข้อมูล บูโร ได้แบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงิน 100 บาทไง 555 เห็นป่ะ เอาทุกเม็ด เงินร้อยเนี่ยกินข้าวได้สองสามมื้ออยู่นะคร๊าบบบ เพราะผมก็จะตรวจสอบทุกๆ สามเดือน ตอนนี้ประวัติก็เดินสวยหรู พวกค้างบัตรเครดิตที่ว่าปิดบัญชีไปแล้ว สิ้นปีนี้ก็จะอันตรธานหายไปจาก ประวัติเครดิตบูโรแล้วล่ะ แต่สำหรับประวัติ blacklist นั้นก็ยังคงติดตัวไปนะจ๊ะ 555 อ้อ ได้เห็นประวัติการจ่ายเงินสินเชื่อบ้านด้วย อันนี้สวยงามมาก จ่ายก่อนถึงกำหนดชำระทุกๆ งวด :wo: :wo:

เขียนเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ ยังไม่รู้ว่าจะได้ใช้บัตรกับเค้าหรือเปล่า อิอิ ก็จะบอกว่า ได้ ณ บรรทัดนี้แหละ ก็หลังจากที่อยากพิสูจน์ความจริงที่เกี่ยวข้องกับ blacklist นั่นของกรณี เธอ ผู้นั้น เลยสมัครอีกรอบคราวนี้แบบตั้งใจสมัครเลยล่ะ สุดท้าย ก็มี SMS ตอบกลับมาว่า อนุมัติให้ท่านชายได้เป็นหนี้แล้ว !!!

เหอๆ ไม่ใช่แบบธรรมดานะจ๊ะ ระดับนี้ต้องเป็นแบบ Plattinum หนี้แบบพิเศษสำหรับลูกหนี้คนพิเศษ อนุมัติมาวงเงินหลายแสน !!! เอากะเค้าเซ่.... ถามว่าดีใจมั๊ย ??? เหอๆ ไม่เลย เป็นไปได้อยากจะลดวงเงินให้เหลือแค่แสนเดียวพอ เลยไปจำกัดวงเงินไว้ ถ้าเป็นเมื่อสิบปีก่อนคงจะระรื่นสุดๆ :555: :555:

เลยมาบอกให้รู้ว่า ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ หรือ เจ้าหน้าที่พิจารณาสินเชื่อทั้งสิ้นทั้งมวลว่าจะอนุมัติให้หรือไม่ มาตรฐานของแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน เค้าจะมีวิธีพิจารณาที่แตกต่างกัน ที่ทราบเพราะว่าเคยไปคลุกคลีกับการทำงานของคนในหน้าที่นี้ ที่ได้บัตรมาก็เป็นธนาคารแห่งหนึ่ง

พอได้มาใบที่หนึ่งแล้ว หะหะ ก็มีอีกหลายที่แห่ กันโทรเข้ามายังกะช่วงทวงหนี้ ขอให้ใช้วงเงิน ขอให้สมัครบัตร โอ๊ะ !!! คุ้นๆ นะเนี่ย เหมือนจุดเริ่มต้นเลย คราวนี้โทรมาขอให้มาเป็นหนี้ ช่วยหน่อยเถอะเอาเงินไปใช้หน่อยน๊ะ เค้าขอร้องงงงง ....ชิส์ กรุพลาดมาแล้ว กรุจะไม่ยอมพลาดอีกว้อยยยยยยส์

เลยย้ำว่า ...บัตรเครดิต จะมีอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องกลัว ข้อสำคัญ มีแล้วก็ต้องใช้ให้มันมีประโยชน์ที่สุดกับเรา เป็นเครื่องมือทำเงินให้เรา ไม่ใช่ เครื่องมือใช้เราทำเงินให้มัน

กำลังจะทดลองให้บัตรเครดิตช่วยหาเงินและให้มันทำงานแทนเรา โดยใช้ระยะเวลาปลอดหนี้และวงเงินให้เป็นประโยชน์ หากทำแล้วได้ผล จะมาเผยแพร่ แต่บอกไว้ก่อนว่า การลงทุนมีความเสี่ยงและความเสียว ดังนั้นต้องรอบคอบนะจ๊ะ :im_here: :im_here:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22451 โดย ppan2001
พี่แพนมารายงานตัวนะคะ
ขอพูดถึงบัตรเดบิตนิดนึง

คือ บัตรเดบิตนี่ก็เป็นเสมือนบัตรถอนเงินสด(จากบัญชีเรา)หรือบัตรเอทีเอ็ม คือ ถอนเงินเหมือนกับถอนในธนาคาร แต่ไม่ต้องถอนกับพนักงาน สามารถใช้ได้ตลอดเวลาที่ตู้เปิดให้บริการ ที่สำคัญคือ คุณต้องมีเงินในบัญชีให้ถอนด้วย ไม่ต้องพกเงินสดไว้กับตัวมาก ๆ ป้องกันการหาย

แล้วเวลาทำรายการเดบิต ก็คือ เมื่อคุณไปซื้อของตามห้าง หรือร้านค้าที่รับบัตร โดยส่วนใหญ่จะรับทั้งบัตรเดบิต และบัตรเครดิต ซึ่งบัตรเดบิต พอรูดปุ๊บ ก็จะหักเงินจากบัญชีเราปั๊บ ถ้าเงินในบัญชีเราไม่พอ ก็คือ รูดไม่ผ่าน ทำให้เราไม่ต้องใช้เงินเกินตัว

ข้อดีอีกประการหนึงก็คือ บางธนาคารที่ให้ใช้บัตรเดบิต จะมีคะแนนให้ด้วย เหมือนใช้บัตรเครดิตเลยค่ะ แล้วคะแนนนั้นก็สามารถนำไปแลกของกำนัลของธนาคารได้ด้วย

ส่วนบัตรเครดิต เราจะต้องทำการสมัครและขอให้ธนาคารอนุมัติวงเิงินให้เราใช้
ส่วนจะได้รับวงเงินเท่าไหร่ ก็แล้วแต่สถานะของแต่ละบุคคล ซึ่งเมื่อใช้รูดซื้อสินค้าแล้ว ก็จะมีระยะเวลาที่ปลอดดอกเบี้ย น่าจะไม่เกิน 30 วัน หรือ 45 วัน(อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ) พอถึงวันสรุปยอดใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็จะมีวันที่สรุปยอด และวันที่ต้องชำระเงิน ซึ่งถ้าคุณจ่ายยอด 100%ภายในวันที่ต้องชำระ คุณก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย (แต่จะมีกี่คนที่ทำได้อย่างนี้คะ)

ซึ่งพี่แพนเองก็ใช้บัตรเครดิต และชำระเต็ม 100% ทุกครั้ง (ถ้าไม่มีเงินในบัญชีรอไว้ พี่แพนจะไม่ซื้อสินค้าต่าง ๆ เลย และไม่ทำผ่อนทุกประเภท ไม่ว่า จะ 0% หรือ กี่ % ก็ตาม)

พี่แพนอธิบายอย่างนี้ถูกต้องไหมคะ น้องเสรีภาพ ถ้าไม่ถูกต้องก็ชี้แนะด้วยค่ะ

:love: :love: :love:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22453 โดย ppan2001
จะรออ่านวิธีการหารายได้จากบัตรเครดิตนะคะ เพราะปกติก็ได้แค่คะแนน กับเงินคืนที่มีโปรโมชั่น จากการใช้จ่าย ตามสเต็ป เผื่อน้องเสรีภาพจะมีวิธีการอื่น ๆ ที่ดีกว่าพี่แพน

จริง ๆ ที่เมื่อก่อนน้องเสรีภาพแนะนำการลงทุนจากกองทุนรวม พี่แพนก็สนใจนะคะ แต่ก็จนใจว่าอยู่ต่างอำเภอ และต่างจังหวัดด้วย ไม่ค่อยสะดวก ก็เลยลงทุนแค่ในกองทุนรวมที่ธนาคารเสนอขาย ผลตอบแทนก็อยู่ในอัตราที่สูงกว่าเงินฝากนิดหน่อย และไม่ต้องเสียภาษี

จะรอดูดความรู้จากมือโปร อย่างน้องเสรีภาพค่ะ

:pray: :pray: :pray:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22543 โดย freedom_life

ppan2001 เขียน: พี่แพนมารายงานตัวนะคะ
ขอพูดถึงบัตรเดบิตนิดนึง

คือ บัตรเดบิตนี่ก็เป็นเสมือนบัตรถอนเงินสด(จากบัญชีเรา)หรือบัตรเอทีเอ็ม คือ ถอนเงินเหมือนกับถอนในธนาคาร แต่ไม่ต้องถอนกับพนักงาน สามารถใช้ได้ตลอดเวลาที่ตู้เปิดให้บริการ ที่สำคัญคือ คุณต้องมีเงินในบัญชีให้ถอนด้วย ไม่ต้องพกเงินสดไว้กับตัวมาก ๆ ป้องกันการหาย

แล้วเวลาทำรายการเดบิต ก็คือ เมื่อคุณไปซื้อของตามห้าง หรือร้านค้าที่รับบัตร โดยส่วนใหญ่จะรับทั้งบัตรเดบิต และบัตรเครดิต ซึ่งบัตรเดบิต พอรูดปุ๊บ ก็จะหักเงินจากบัญชีเราปั๊บ ถ้าเงินในบัญชีเราไม่พอ ก็คือ รูดไม่ผ่าน ทำให้เราไม่ต้องใช้เงินเกินตัว

ข้อดีอีกประการหนึงก็คือ บางธนาคารที่ให้ใช้บัตรเดบิต จะมีคะแนนให้ด้วย เหมือนใช้บัตรเครดิตเลยค่ะ แล้วคะแนนนั้นก็สามารถนำไปแลกของกำนัลของธนาคารได้ด้วย

ส่วนบัตรเครดิต เราจะต้องทำการสมัครและขอให้ธนาคารอนุมัติวงเิงินให้เราใช้
ส่วนจะได้รับวงเงินเท่าไหร่ ก็แล้วแต่สถานะของแต่ละบุคคล ซึ่งเมื่อใช้รูดซื้อสินค้าแล้ว ก็จะมีระยะเวลาที่ปลอดดอกเบี้ย น่าจะไม่เกิน 30 วัน หรือ 45 วัน(อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ) พอถึงวันสรุปยอดใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็จะมีวันที่สรุปยอด และวันที่ต้องชำระเงิน ซึ่งถ้าคุณจ่ายยอด 100%ภายในวันที่ต้องชำระ คุณก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย (แต่จะมีกี่คนที่ทำได้อย่างนี้คะ)

ซึ่งพี่แพนเองก็ใช้บัตรเครดิต และชำระเต็ม 100% ทุกครั้ง (ถ้าไม่มีเงินในบัญชีรอไว้ พี่แพนจะไม่ซื้อสินค้าต่าง ๆ เลย และไม่ทำผ่อนทุกประเภท ไม่ว่า จะ 0% หรือ กี่ % ก็ตาม)

พี่แพนอธิบายอย่างนี้ถูกต้องไหมคะ น้องเสรีภาพ ถ้าไม่ถูกต้องก็ชี้แนะด้วยค่ะ

:love: :love: :love:


โหยยย....พี่แพนมาช่วยผมแล้ว
ถูกเป๊ะ เป๊ะ เลยครับเกี่ยวกับเรื่องบัตรเดบิต ผมเองใช้บริการแบบนี้แหละในช่วงไม่มีบัตรเครดิต ก็เราใช้เครดิตตัวเองเองจ่าย วงเงินก็วงเงินจริงที่มีเงินอยู่จริงๆ ^^ ^^

พี่แพนน่าจะใช้ของธนาคารสีเหลืองใช่ป่าวครับ พวกสะสมพ้อยเนี่ย 555 เพราะผมก็ใช้เช่นเดียวกัน พูดเป็นเล่นไปผมสะสมจนเอาไปแลก voucher ของ Central ได้มา 1000 บาทเลย หะหะ เอาไป shoping ฟรีๆ

ส่วนบัตรเครดิต เห็นด้วยกับพี่แพนครับ ที่ไม่มีเงินสดก็ยังไม่ต้องซื้อ เก็บเงินไว้ก่อน ช่วงที่ไม่มีบัตรทำให้ผมยับยั้งชั่งใจได้หลายอย่างเลย เพราะจะพูดไปแล้วผมเองนี่ก็สติแตกบ้า shoping เช่นกัน ปีๆ หนึ่งๆ เลยให้รางวัลกับชีวิต shop แหลกกระเป๋าแหกกระจายปีละ 2 รอบ 555 ซื้อทีก็เป็นหมื่นอ่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกชุดทำงานนี่และ เชิ้ต เหมาเลยครบโหล เนคไทน์ รองเท้า แต่ก็ใช้นานโขอยู่ สองปีค่อยโละ

การไม่มีบัตรเครดิตใช้ มันทำให้เราได้ใช้เงินเดือนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่เหมือนเพื่อนร่วมงานที่พอเงินเดือนออกวิ่งเข้าธนาคาร ไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตเงินเป็นฟ่อนๆ สุดท้ายเหลือเงินติดบัญชีเป็นเลขหลักพัน

ผมเองตอนนี้บริหารการเงินได้ดีขึ้น แต่ยังไม่มีวินัยแบบเต็มที่ กะจะหักดิบตัวเองอีกรอบครับ เพราะรู้สึกจะฟุ้งเฟ้อไปพอสมควร ยิ่งมีเงินสดมาก ยิ่งใช้มาก

ส่วนเรื่องกองทุน พี่แพนซื้อผ่าน Internet ได้เลยครับ ทำรายการผ่านทาง online ผมเองก็ทำแบบนี้แหละ ส่วนกองที่พี่แพนมีอยู่นั้น สามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ เสียค่าธรรมเนียมนิดเดียวเอง เอาไปกองไหนๆ ก็ได้ครับ หากรู้สึกว่ากองที่ซื้อตอนนี้มันไม่ค่อยทำงานเอาซะเลย สงสัยตรงไหนโพสถามได้

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22545 โดย Nok2865
อยากจุ๊บ จุ๊บ ให้น้องชายคนเก่งสักหลายๆที
เดี๋่ยวพี่บัวจะออกหนังสือสองเล่ม
เล่มแรก หนังสือปลดหนี้ "หลุดจากนรก"
เล่มสอง หนังสือใช้ชีวิตหลังจากปลดหนี้ "สู่สรวงสวรรค์กับชีวิตอิสระ" 555++
ตั้งชื่อได้ ลิเกมาก ต้องประกวดตั้งชื่อ
ขอฉันหาสำนักพิมพ์ก่อนนะ ที่สำคัญ แกต้องเขียนให้ฉันนะ...
รักนะครับ...คนเก่ง (อย่าพึ่งทิ้งกรูนะเฟ้ย) มีอะไรให้ทำอีกเยอะ


มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: freedom_life, ppan2001

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22562 โดย ppan2001
พี่แพน ซื้อกองทุน LTF กับ RMF ไว้ลดหย่อนภาษีให้สามีค่ะ
แต่ RMF บางกองผลตอบแทนน้อยมาก ๆ ประมาณว่า กระดึ๊บ กระดึ๊บไป (ยังกะหนอนแน่ะ)
แต่ว่าไม่รีบขายก็เลยปล่อยไว้

พี่แพนจะซื้อเป็นกองทุนปิด เพราะผลตอบแทนดีกว่าฝากประจำ

เรื่องบัตรเดบิต พี่แพนใช้ของธนาคารสีเขียวค่ะ เคยเป็นอดีตพนักงานของที่นั่นด้วย มีพอยท์ให้แลก แต่ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บก่อน ของธนาคารสีเหลืองก็ดีนะคะ แต่อยู่ใน อ.เมือง พี่แพนอยู่ต่างอำเภอ จะเข้าไปก็ไม่สะดวก เคยใช้อยู่พักนึง ก็เลยต้องไปปิดบัญชี

ติดตามอ่านเรื่องหนี้ แล้วก็เป็นแฟนอ่านมหากาพย์ของคุณกอบัว เรื่องฮาของลูก ๆ เธอ เพราะลูกเราก็ฮาเหมือนกัน

น้องเสรีภาพก็มีข้อมูลการบริหารเงินเยอะดี จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22576 โดย Ly89
หนทางสู่ความมั่งคั่ง อิสภาพทางการเงิน หลังจากที่ได้ปีนป่ายออกมาจากขุมนรกแห่งหนี้....

จะรอติดตามอ่านนะครับ กระทู้นี้มีความรู้ให้ศึกษาและเป็นแนวทางได้ มองเห็นภาพครับ....

ขอบคุณนะครับ....
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, ppan2001

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22805 โดย Pych
ปีที่แล้ว ผมเริ่มโดนหักภาษีที่ 20% ว่าจะซื้อ LTF ของกสิกรซะหน่อย เห็นมีคนบอกว่าผลตอบแทนดี แต่ดันบอกต้องเปิดบัญชีกสิกร ตอนนั้นก็ยังเป็นหนี้กับกสิกรอยู่ (ยังไม่ได้ตกลงยอมความหน้าศาล) เลยไม่ได้ทำ แต่ไปๆ มาๆ จนผ่านไปอีกปี ก็ยังไม่ได้ซื้อสักที

ตอนนี้มาอยู่เมืองนอกอีก คุณ freedom_life แนะนำผมหน่อยได้ไหมครับ ว่าซื้อ LTF ดีไหม สำหรับ คนที่เสียภาษีที่เกณฑ์ 20% ซื้อของที่ไหนดีครับสำหรับปีนี้ และผมควรซื่อของที่ไหนดีครับ ที่ผมสามารถทำรายการทางอินเตอร์เน็ตได้ครับ

อีกหน่อยว่า หมดหนี้ จะเล่นหุ้นดเหมือนกันครับ แต่ช่วงนี้ ตลาดหุ้นบ้านเราน่ากลัวเหลือเกินครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22818 โดย ntps
นาย freedom_life หายไปไหนเอ๋ย ? :shy:

มีคนถือบัตรคิวรอกูรูมาตอบ มาซะทีสิจ้ะ

มีคำถามมาถามด้วยนะ เจ้านายเขาถามว่า เขาขายที่ได้เงินมา 2 ล้าน จะไปทำอะไร

ดีให้เงินมันงอกงามแบบโตเร็วแต่มั่นคงนะ เขอซื้อทองแท่งไปแล้ว ได้กำไรพอตัว

แต่ตอนนี้ทองอัพอย่างเดียว ซื้อไม่ไหวแล้ว แนะให้ซื้อกองทุน เขาว่า ช้าและเสี่ยง

LTF/RMF ต้องซื้อทิ้งไว้สัก 5 ปีใช่ไหม ถึงถอนได้ ใช่ไหมค่ะ ส่วนฝากแบงค์มาก

ก็ไม่มีประกันคุ้มครองแล้ว แถมดอกเบี้ยเดินช้า มีความเสี่ยงล้มอีก จะซื้อพันธบัตร

ดอกเบี้ยน้อย มั่นคงสูง แต่ดอกเบี้ยคลานเป็นเต่า เธอว่า มีอะไรแนะนำอีกไหม เก็บ

ไว้เผื่ออนาคตมีเงิน แต่ไม่มีงาน ไม่รู้จะทำอะไรให้เงินมันงอกงามนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

เออ ข่าวว่า กองทุน LTF จะปิดจริงเหรอค่ะ และต่างกับ RMF ยังไงค่ะ คิดว่า RMF

ผลตอบแทนน้อย และช้ากว่าใช่ไหม เพราะเหมาะสำหรับคนที่ซื้อไว้เลี้ยงชีพ

บัตรเดบิต พี่ทำแล้ว ของธนชาติ ได้คะแนน เงินคืน เล็กๆน้อยๆ ได้ยินว่า ธนชาติ

กำลังไปโลด ตามล่าหาพันธมิตรเยอะ และเป้นแบงค์ที่แกร่งที่สุดในประเทศตอนนี้

จริงหรือเปล่า

วันนี้ขอมีแต่คำถามค่ะ

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22972 โดย ppan2001
@คุณอนาคิน กองทุน LTF ของไทยพาณิชย์ก็ดีค่ะ (ของกสิกรก็ดีนะคะ แต่เหมือนของไทยพาณิชย์จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า ) มีให้เลือกหลายความเสี่ยง แต่ต้องไปเปิดบัญชีที่สาขาก่อน (เปิดบัญชีทางเน็ตไม่น่าจะได้) หลังจากนั้นจึงจะซื้อทางเน็ตได้ค่ะ คุณอนาคินอยู่ต่างประเทศ น่าจะไม่สะดวกนะคะ อ้อ ต้องมีบัญชีออมทรัพย์ไว้คู่กันด้วยค่ะ

@คุณแก้วจ๋า ถ้าเจ้านายชอบความเสี่ยงค่อนข้างสูง ก็ลงทุนในกองทุนที่ ลงทุนในตลาดหุ้นก็ได้ค่ะ จะมีชื่อเรียกที่ลงท้าย ด้วย SET50 หรืออื่น ๆ อีกค่ะ แต่พี่แพนยังไม่ได้ลองเล่นนะคะ เพิ่มจะเริ่มศึกษาข้อมูล ไว้ลองเล่น สัก 2-3 เดือนแล้วจะมารายงานค่ะ

ส่วนเรื่องระยะเวลาการถือกองทุน LTF/RMF ถ้าเป็น L นับเป็นปีปฏิทินค่ะ ถ้าซื้อปี 55 ก็นับปีที่ซื้อด้วย เริ่มนับที่ 55 56 57 58พอถึงปี59 ตั้งแต่ 1 มกราคาก็ขายได้เลยค่ะ ส่วน RMF ถ้าผู้ซื้ออายุเกิน 50 ปีแล้ว ก็นับตั้งแต่วันที่ซื้อเลยค่ะ เช่น ซื้อ 1 ก.ย.55 ก็จะขายได้ 1 ก.ย.60 ค่ะ

แล้วก็มีกองทุนที่เรียกว่า Trigger fund พอดีธนาคารเพิ่งมานำเสนอเมื่อกี้ ยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลเลยค่ะ แต่ช่วงนี้หุ้นดี ก็น่าจะมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น เดี๋ยวจะลองศึกษาดูก่อนนะคะ

คุณเสรีภาพน่ะ เมื่อไหร่จะเข้ามาสักที พี่แพนให้คำแนะนำไปก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าถูกต้องทั้งหมดหรอกนะคะ แต่เท่าที่ถามพนักงานแบงค์ก็ให้ข้อมูลมาอย่างนี้แหละค่ะ

:สู้ๆ: :สู้ๆ: :สู้ๆ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22981 โดย june


นึกว่าใคร...ที่แท้ก็ลูกชายชวนป๋วนปี่แป๊ะกอของหม่ามี๋นี่เอง เดี๋ยวนี้ดังเป็น ณเดช ไปซะแล้ว :bye:

รู้ว่ายุ่งขิงเลยไม่กล้าโทรไปรบกวน และตอนนี้โทรศัพทฺ์ของหม่ามี๊ก็หายไปแล้วด้วย :ไม่ยอม:

เบอร์โทรใครต่อใครหายไปหมด... :laughing:

ไม่เว้นแม้แต่เบอร์ของกิ๊ก(ก๊อก)... ^^



รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #22988 โดย Nok2865
พี่แพน คะ น้องมันงานเยอะช่วงนี้
เดือนหน้า น่าจะว่าง พอที่จะมาต่อได้
บัวจำขี้ปากเขามาบอกอีกที

Trigger Fund หรือ Target Fund ..

มันคือ กองทุน ที่มีกำหนดระยะเวลา เช่น .. ลงทุน 10 เดือน หวังผลตอบแทน 7%

ภายในระยะเวลา 10 เดือนนี้ .. ถ้ากองทุน ทำผลงานได้ 7% ติดต่อกัน 2-3 วัน .. กองทุน จะทำการปิดกองทันที .. และจะรับซื้อหน่วยลงทุนคืนทั้งหมด กำไรที่ได้ ก็จะแบ่งกันไปตามจำนวนหน่วยลงทุนที่คุณซื้อ

แต่ถ้าครบกำหนด 10 เดือนแล้ว .. ยังทำกำไรได้ไม่ถึง 7% .. กองทุน ก็จะปิดกองเช่นเดียวกัน .. แล้วก็จะรับซื้อหน่วยลงทุนคืนทั้งหมด .. ซึ่งผลก็คือ คุณก็ขาดทุนไปตามจำนวนหน่วยลงทุนที่คุณซื้อ ..

ส่วนใหญ่แล้ว .. พวก Trigger Fund หรือ Target Fund .. ต้องดูเงื่อนไขที่ระยะเวลาการลงทุนว่ากี่เดือน แล้วก็ผลตอบแทนที่คาดหวังว่าจะทำให้ได้กี่ %

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ppan2001

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #23036 โดย ntps

ppan2001 เขียน: @คุณอนาคิน กองทุน LTF ของไทยพาณิชย์ก็ดีค่ะ (ของกสิกรก็ดีนะคะ แต่เหมือนของไทยพาณิชย์จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า ) มีให้เลือกหลายความเสี่ยง แต่ต้องไปเปิดบัญชีที่สาขาก่อน (เปิดบัญชีทางเน็ตไม่น่าจะได้) หลังจากนั้นจึงจะซื้อทางเน็ตได้ค่ะ คุณอนาคินอยู่ต่างประเทศ น่าจะไม่สะดวกนะคะ อ้อ ต้องมีบัญชีออมทรัพย์ไว้คู่กันด้วยค่ะ

@คุณแก้วจ๋า ถ้าเจ้านายชอบความเสี่ยงค่อนข้างสูง ก็ลงทุนในกองทุนที่ ลงทุนในตลาดหุ้นก็ได้ค่ะ จะมีชื่อเรียกที่ลงท้าย ด้วย SET50 หรืออื่น ๆ อีกค่ะ แต่พี่แพนยังไม่ได้ลองเล่นนะคะ เพิ่มจะเริ่มศึกษาข้อมูล ไว้ลองเล่น สัก 2-3 เดือนแล้วจะมารายงานค่ะ

ส่วนเรื่องระยะเวลาการถือกองทุน LTF/RMF ถ้าเป็น L นับเป็นปีปฏิทินค่ะ ถ้าซื้อปี 55 ก็นับปีที่ซื้อด้วย เริ่มนับที่ 55 56 57 58พอถึงปี59 ตั้งแต่ 1 มกราคาก็ขายได้เลยค่ะ ส่วน RMF ถ้าผู้ซื้ออายุเกิน 50 ปีแล้ว ก็นับตั้งแต่วันที่ซื้อเลยค่ะ เช่น ซื้อ 1 ก.ย.55 ก็จะขายได้ 1 ก.ย.60 ค่ะ

แล้วก็มีกองทุนที่เรียกว่า Trigger fund พอดีธนาคารเพิ่งมานำเสนอเมื่อกี้ ยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลเลยค่ะ แต่ช่วงนี้หุ้นดี ก็น่าจะมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น เดี๋ยวจะลองศึกษาดูก่อนนะคะ

คุณเสรีภาพน่ะ เมื่อไหร่จะเข้ามาสักที พี่แพนให้คำแนะนำไปก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าถูกต้องทั้งหมดหรอกนะคะ แต่เท่าที่ถามพนักงานแบงค์ก็ให้ข้อมูลมาอย่างนี้แหละค่ะ

:สู้ๆ: :สู้ๆ: :สู้ๆ:





ขอบคุณค่ะ พี่แพนสำหรับข้อมูลมากมายมีสาระประโยชน์มากค่ะ แก้วจ๋า
กำลังศึกษาไว้ เพื่ออนาคตอันใกล้จะมีโอกาสหาเงินเพิ่มบ้างค่ะ

สำหรับเจ้านายแก้วจ๋า เขาชอบความเสี่ยงต่ำ ผลประโยชน์สูงค่ะ ซึ่ง
ไม่ค่อยจะมีตัวเลือกมาก ตอนนี้ทองก็ขาขึ้นทุกวัน หุ้นก็อยู่ขาขึ้นค่ะ
จะซื้อใหม่ก็ใช้เงินลงเยอะตามค่ะ

จะฝากแบงค์ ธรรมดาก็ดอกเบี้ยต่ำมาก ส่วนพวกที่ประกาศว่า ดอกเบี้ย
สูง ดูแล้วมีเงื่อนไขสูงตามไปด้วย แบบคุณแบงค์ป้องกันตัวเองไว้หลายชั้น

LTF/RMF ของแต่ละแบงค์เงื่อนไขต่างกันไปคงต้องทำการบ้านมากๆ แต่
เงื่อนไขผูกมัดว่า ต้องเปิดบัญชีเขาก่อนนี้นะซิค่ะ ทำให้คิดหนักหน่อย

^^ แต่ไม่อยากชักจูงเจ้านายมาก เกิดลงทุนแล้วไม่ได้ตามฝัน แก้วจ๋า
ไม่อยากเอาตัวเข้ารับประกัน เพิ่งหมดหนี้หลักล้านมา ไม่อยากหาหนี้
เพิ่มเป็นล้านค่ะ :laughing:

ตัวแก้วจ๋าเอง ทำประกันชีวิตไว้ 3 ที่ค่ะ แบบออมเงินและเพื่อลดหย่อนภาษี
ตัวกองทุนนี้ เราต้องถูกหักภาษีเท่าไรค่ะ

แล้วพี่แพนลงทุนอะไรบ้างค่ะ


ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #23183 โดย ppan2001
@พี่แก้วจ๋า

แพนลงทุนเป็นกองทุนปิดค่ะ (term fund) ที่ประกาศขายทุกสัปดาห์นั่นแหละค่ะ จากบริษัทจัดการกองทุนรวมของแบงค์นั่นแหละ เขาก็แข่งกันหาลูกค้านะคะ

จะมีระยะเวลาลงทุน 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือนหรือมากกว่า แต่ผลตอบแทนก็เกือบจะตายตัวตามที่ประกาศเสนอขายค่ะ
ประมาณ 3 % กว่า ๆ ค่ะ ไม่ต้องเสียภาษี แต่ไม่สามารถเป็นหลักประกันอะไรได้เลย ต้องรอครบกำหนดอย่างเดียว ถ้าไม่ชอบเสี่ยงก็โอเคนะคะ

แล้วก็ลงทุนในหุ้นกู้ของแบงค์ หรือบริษัทอื่น ๆ ที่น่าสนใจตอนนี้ก็มี หุ้นของ เครือซีเมนต์ไทย แต่้ผลตอบแทนน้อยกว่า ของ ทรูค่ะ อันนี้เข้าไปดูรายละเอียดที่ธนาคารกรุงไทยได้ค่ะ แต่ดอกเบี้ยหุ้นกู้พวกนี้ต้องหักภาษี ณที่จ่ายนะคะ ประมาณ 15%ค่ะ

เจ้านายคุณแก้วจ๋า น่าจะเงินเดือนเยอะ และถ้าอายุเกิน 50 น่าจะลงเป็น LTF นะคะ หักลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ ไม่เกินคนละ 500,000 บาท ต่อปี แถมยังขายคืนได้อีก (จริง ๆ ลงทุนแค่ 3 ปี+ นิดหน่อย) ช่วงนี้หุ้นขึ้นก็ซื้อไป ถ้าหุ้นเริ่มลง ก็ค่อยสวิฟท์(ใช้คำถูกไหมเนี่ย)ไปกองที่ลงทุนในหุ้นน้อยกว่า

เงิน 2ล้าน ก็แบ่งออกสัก 4-5 ส่วน ลงทุนในกองทุนปิดบ้าง กองทุนเปิดบ้าง หุ้นกู้บ้างก็ดีนะคะ แล้วก็เป็นฝากประจำระยะสั้น ๆ 3-6 เดือน(เผื่อฉุกเฉิน) เพราะฝากประจำยังไงก็สามารถถอนได้ แต่บรรดากองทุนทั้งหลายเนี่ย อาจจะขายในตลาดรองได้ แต่ก็ขาดโอกาสได้รับผลตอบแทนค่ะ

ลืมไปค่ะ เงินฝากที่ธ.ออมสิน ดอกเบี้ยก็ดีใช้ได้เลยนะคะ อย่างเช่น เผื่อเรียกพิเศษ มีระยะเวลาในการฝาก หรือฝากประจำ 11 เดือน (อาจจะหมดโปรแล้ว) ทหารไทย ฝากไม่ประจำ ดอกเบี้ย 2.25 ถอนได้เดือนละ 2ครั้ง กรุงไทยก็มีเป็นเน็ตแบงค์ ไม่มีสมุดเงินฝาก ทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ต ก็มีดอกเบี้ยฝากประจำที่สูงพอใช้ได้เลยค่ะ

ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็ย่อมสูงไปด้วยค่ะ

อัตราผลตอบแทนจากเงินฝาก และเงินกองทุนภายในสิ้นปีนี้ มีแนวโน้มที่จะลงนะคะ น้องที่แบงค์บอกมาค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #23200 โดย ntps
ขอบคุณค่ะ คุณ ppan2001 กูรูเศรษฐศาสตร์สาวของชมรมฯ

ขอไปศึกษาก่อนนะค่ะ ไม่เข้าใจจะกลับมาถามใหม่ค่ะ โรคภูมิแพ้

หวัดกำเริบ อึดอัดมากค่ะ อยากนอนอย่างเดียว ^^

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #23294 โดย meawpung
หาข้อมูลการลงทุน กองทุนต่างๆ ได้ในนี่นะครับ

www.tsi-thailand.org/index.php

มีบทความดีดี สัมมนาฟรีๆ ให้ไปฟัง

ทุกเรื่องการลงทุนที่อยากรู้ก็พอหาได้จากเวปนี้แหละครับ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, freedom_life

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #23295 โดย meawpung
เดือนพฤศจิกายนมีอบรมฟรี ที่ตลาดหลักทรัพย์ครับ

พี่แก้ว พี่บัว และท่านอื่นๆ สนใจไปลองฟังได้นะครับ

หลักสูตร จ่ายภาษีอย่างไรให้เงินออมเพิ่ม (Tax Planning)

www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_content&task=view&id=1278&Itemid=1253
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, freedom_life

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25629 โดย freedom_life
^^ ^^ ฮี่ ฮี่ หายไปเป็นพักๆ
ตอนนี้กลับมาแค่ดันกระทู้ก่อน 555 กลัวกระทู้หาย

หัวหมุนกะงานประจำอยู่เพราะมีน้องในทีมลาออก ตอนนี้เหมางานอยู่ พรุ่งนี้มีนัดประมือกับ "ศาล" จากหนี้ที่คิดว่าหมดแล้ว......โผล่มาได้ไงฟะ แบบงงๆ ต้องไปรื้อข้อมูลดูถึงบางอ้อ

ไปศาลเสร็จแล้วก็ต้องบินหล่อๆ ไปทำงานต่างจังหวัดอีก

มาอ่านคำถามจากหลายๆ ท่านแล้วทั้ง พี่แก้วจ๋า พี่แพน คุณอนาคิน เกี่ยวกับเรื่องกองทุน LTF&RMF และกองทุนเปิดต่างๆ แล้ว ขอรวบยอดตอบทีเดียวคราวหน้านะครับ ขอกลับไปดูข้อมูลเดิมๆ ที่เคยเขียนไว้ก่อน

ช่วงนี้ หากไม่อยากรอผมตอบ ลองเข้าไปดาวน์โหลดเอกสารมาอ่านก่อนได้ครับ เข้าใจได้ง่ายพอประมาณที่คุณ Narasingh มาวางไว้ให้
www.tsi-thailand.org/images/stories/TSI2009_Investor/Download/taxplanning_10oct10.pdf

ปีนี้กำลังปวดหัวกับการลงทุนเช่นกันครับ เพราะมีโปรเจคใหญ่ยักษ์รออยู่ คิดถึงทุกๆ คนนะครับ :)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25637 โดย ntps
save ไว้แล้วค่อยอ่าน ตั้ง 25หน้า ^^ thank you นะจ้ะ ที่มาส่งข่าว

แล้วก็ดีใจด้วยนะที่ศาลและเจ้าหนี้ยังคิดถึง ส่งการ์ดเชิญให้ไปเยี่ยม

:ลั่ลล้า: อุตส่าห์ยินดีว่า หมดจบหนี้แล้ว :upset: ยังมีควันหลงตามอีกหรือเธอ

ว่างๆ ก็ฝากเอารูปมาอัพให้หายคิดถึงศาลแขวงเหนือด้วยแล้ว

กันนะ ไม่รู้ว่า สหายชาวใต้ในห้องไกล่เกลี่ยยังสบายดีไหมหนอ :P



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.042 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena