ประสบการณ์เคลียร์หนี้สินเชื่อบุคคล/หนี้บัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด รวม 1.7 ล้านบาท

2 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #121465 โดย Sailom23
ขอแชร์ประสบการณ์นะคะ 

ที่มาของหนี้ หนี้ส่วนแรกเป็นหนี้บัตรเครดิต ประมาณ 3-4 แสน จากการซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน แต่หนี้ประมาณนี้สำหรับเราคือไม่เยอะ สามารถจัดการได้ ทุกเดือนเราจ่ายเต็ม ไม่เคยจ่ายขั้นต่ำ ทำให้ไม่มีดอกเบี้ยใดๆ เกิดขึ้น ต่อมาต้นปี 2560 ประมาณ ม.ค. เรารู้ว่าเราท้องลูกคนแรก ทุกอย่างแฮปปี้ เลือกคลีนิคสูตินรีแพทย์ที่ดีที่สุด ค่าฝากท้องครั้งละอย่างต่ำ 2,500.-

หนี้ส่วนต่อมา ที่เป็นหนี้ก้อนใหญ่มาก เริ่มที่ พอเราเพิ่งทราบว่าท้องได้ประมาณ 2 สัปดาห์ พ่อก็ล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ รักษาร.พ.เอกชนที่ต่างจังหวัด แต่เราอาศัยอยู่ที่จ.ชลบุรี ต้องย้ายมารักษาที่นี่ มีค่าใช้จ่ายร.พ. ประมาณ 3x,xxx.-  และค่ารถพยาบาลส่งผู้ป่วย 24,000.- มารักษาที่ร.พ.เอกชนในจ.ชลบุรี มีคชจ.ในร.พ.ประมาณ 17x,xxx.- ค่าซื้อเตียง รถเข็น อุปกรณ์ต่างๆ 4x,xxx.- ค่าฝังเข็ม พบแพทย์ ยา 2 สัปดาห์/ครั้ง 13,xxx ขอหมอซื้อยานอก เพราะถูกกว่ายาในร.พ. คชจ. ต่อครั้งก็เหลือประมาณ 6,xxx.- ค่ายานอก ฟื้นฟูสมอง ขวดละ 600 แบ่งกินได้ 3 มื้อ หมอให้กินวันละ 2 มื้อ เป็นเวลา 3 เดือน แน่นอน เฉลี่ยเดือนละ 20 ขวด เดือนละ 12,000.- นี่ตัวเดียวนะ และยาตัวอื่นอีก เบ็ดเสร็จค่ายาประมาณเดือนละ 2x,xxx.- จ้างคนดูแลเดือนละ 9,000.- ติดแอร์ทำพื้นที่ให้พักฟื้น 3x,xxx.-  สุดท้ายพ่อก็ติดเตียงถึงตอนนี้ก็ 4 ปีกว่าแล้ว ค่าฝากครรภ์ เดือนละ 1x,xxx.- มีตรวจโครโมโซม 25,000. คลอดสิงหา 2560 ค่าคลอด + วัคซีน 9x,xxx.- คร่าวๆ ที่จำได้ประมาณนี้ 

แน่นอนเงินเดือนใครที่ไหนจะพอ ก็เริ่มพึ่งบัตรเครดิตในการใช้จ่าย รูดไปก่อน พอต้องจ่ายก็สินเชื่อบุคคล เสนอมา แสน สองแสน ก็เอามาหมุนจ่าย คือช่วงนั้นเครดิตดีมาก ใช้แล้วจ่ายเต็ม ก็จะมีเสนอมาตลอด ก็รับหมด เพราะเราเริ่มหมุนใช้จ่าย ค่าอยู่ ค่ากิน ค่ายา คชจ.อื่นๆ รวมๆ เดือนละ สองแสนกว่า ก็อยู่ได้เพราะบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ก็หมุนกันไปเรื่อยๆ สินเชื่อบุคคลเริ่มพิจารณาภาระหนี้แล้ว ก็จะเริ่มไม่ผ่าน ก็เอารถไปเข้าไฟแนนซ์ 2 คัน คันละ 2 แสนกว่า ก็หมุนอยู่ได้เดือนสองเดือน ก็เริ่มมาบัตรกดเงินสดของซิตี้แบงค์เรดดี้ วงเงินสูง เกือบ 3 แสน ก็กดๆ มาหมุนๆ กันไป จนเริ่มเต็ม ก็เริ่มไป สมัครยูเมะพลัส ได้มาอีก 2แสน ก็เต็ม ก็ลามไปบัตรกดเงินสด KTC Proud ที่ให้มานานมากไม่เคยใช้ ก็เต็ม ไปบัตรของ UOB cash plus ที่ได้มาหลายปีแล้วก็เริ่มเปิดใช้ เต็มหมด เริ่มลามไปวงเงินสดบัตรเครดิต เพื่อนทำร้านมือถือ ให้รูดเหมือนซื้อของเดือนละแสนกว่า โดนหัก 2% พอเงินเข้าบช.เพื่อน เพื่อนก็โอนกลับมาให้ คือหมุนหนักมาก เดือนนึง 2 - 3 แสน หมุนอยู่ได้ปีกว่า จนประมาณ สิงหาคม 2562 เริ่มไปต่อไม่ไหวลามไปเวนคืนประกันชีวิตที่ทำมา 10 ปี 2 กรมธรรม์ ลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัท โบนัสที่ออก 2 รอบต่อปี ทุกอย่างเอามาหมุนจ่ายหนี้หมด ยืมเพื่อนสนิทมากๆ กับน้องที่สนิทมากๆ มาหมุนบ้าง เดือน สองเดือน โบนัสออกรีบคืน (คือสองคนนี้เราเคยช่วยเหลือกันมาเลยกล้ารบกวน) ประคองตัวเองไปถึงต้นปี 63 โบนัสสามีออก จ่ายประกันชีวิตก็เป็นแสนล่ะ ก็เหลือกันไว้คลอดลูกคนที่ 2 ประมาณ 4x,xxx.- 

ช่วงลาคลอดนี่แหละรายได้ก็หาย เงินค่าคลอดประกันสังคมได้มาก็ไม่พอใช้จ่าย เริ่มนั่งลิสต์หนี้ของทุกวงเงิน (ตามไฟล์แนบเลย) เห็นตัวเลขตกใจมากผ่านไป 3 ปี เป็นหนี้ 1.7 ล้านกว่าๆ ไม่รวมหนี้บ้าน รถ และรถอีก 2 คันที่เข้าไฟแนนซ์ เครียดมากเลยตอนนั้น ได้พูดคุยกับสามี สามีแนะนำให้หยุดจ่าย แต่เราไม่กล้า กลัวเสียเครดิต แต่มีใครสักคนนึงให้ความคิดเห็นว่า จะติดแบล็คลิสต์ หรือภาระหนี้เต็มก็ไม่ต่างกัน เพราะทำธุรกรรมอะไรก็ไม่ผ่านเหมือนกัน แค่ติดแบล็คลิสต์มันเสียประวัติไปหลายปี ก็เริ่มหาข้อมูล เริ่มเข้าชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลนี่แหละ ไล่อ่าน ศึกษาข้อมูล ถ้าหยุดต้องทำยังไง ก็ตั้งสติ และต้องจิตแข็งแค่ไหน ถ้าต้องถูกโทรทวงหนี้ ทำใจแข็ง ทั้งที่เครียดมากๆ และไม่ชอบการทวงหนี้มากๆ 

จังหวะโควิดระบาดรอบแรก ธนาคารต่างๆ เริ่มมีมาตรการพักชำระหนี้ เราได้โทรทำเรื่องพักหนี้ บ้างก็ 3 เดือน บ้างก็ 6 เดือน หนี้บ้านนี่ 1 ปี บางส่วนที่พักไม่ได้ก็ต้องหยุดจ่าย ยอดน้อยๆ ก็ยังจ่ายปกติไป เจ้าแรกที่ทวงคือ KTC บัตรเครดิตประมาณ 6 หมื่นกว่า บัตรเงินสดประมาณ 9 หมื่นกว่า ทวงครั้งเดียว ฟ้องศาล หมายศาลมา และให้ไปขึ้นศาล 16 พ.ย. 63 ระหว่างนี้ก็เก็บเงินที่พักชำระหนี้ เคลียร์สินเชื่อ CIMB ที่ค้างประมาณ 2 - 3 หมื่นจบไป และสินเชื่อบุคคลซิตี้แบงค์ยอด 8x,xxx.- เสนอส่วนลดมา 45,000.- รีบตะครุบเลย มีเงินอยู่ 15,xxx- ยืมน้องที่สนิทอีก 30,000.- เคลียร์ปิดจบไป

พอเริ่มหมดระยะเวลาพักชำระหนี้ สถาบันการเงินต่างๆ ก็เริ่มทวง บัตรเครดิตซิตี้แบงค์ 2 ใบ วงเงินประมาณ 4แสนกว่า บัตรกดเงินสดซิตี้เรดดี้เครดิตประมาณ 3แสนกว่า โทรมาทุกวัน พูดดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เราก็ใจเย็น และรับโทรศัพท์เสมอ ไม่เคยปฏิเสธสาย แล้วระหว่างนี้ก็ศึกษากฎหมายคุ้มครองลุูกหนี้ ก็รับสาย และรับปากส่งๆ ไปบ้าง ถึงเวลาก็ไม่ได้จ่าย ก็ทวง ก็บอกว่าขอเวลารวบรวมและสมัครคลีนิกแก้หนี้ แต่ก็โทรมาเรื่อยๆ เกือบทุกวัน ของกรุงศรี ก็โทรทวง มีโฮมโปร จ่ายปกติ กรุงศรีเลดี้อันนี้ยอดเยอะ หลักแสน ก็หยุดจ่าย อันนี้มีทวงเรื่อยๆ ไม่บ่อย สินเชื่อบุคคลกรุงศรีอีก อันนี้ระยะเวลาฟ้องศาลยาวนานมาก เพิ่งจะเริ่มดำเนินการทางศาลเมื่อ พ.ค. 64 (เอาเข้าคลีนิกแก้หนี้ได้ทันพอดี) เทสโก้ โลตัส ก็จ่ายบ้าง ไม่จ่ายบ้าง จ่ายแล้วเอาออกมาหมุน แล้วหยุดจ่าย พอได้เลื่อนการทวงออกไป UOB บัตรเครดิตจ่ายปกติ บัตรเงินสด หลักแสน หยุดจ่าย อันนี้ทวงไม่โหด บางทีก็ไม่ทวงเลย และระยะเวลาฟ้องศาลนานมาก ไม่ฟ้องง่ายๆ (ทันเข้าคลีนิกแก้หนี้ต้นปี 64)

ที่โหดสุดคือ ยูเมะพลัส หยุดจ่ายช้ากว่าเพื่อน เพิ่งมาหยุดสิงหา กันยา 63 แล้ว แต่ทวงหนี้ได้มารยาทแย่มากๆ คือพูดจาไม่ดี เราบอกยังไม่มีตอนนี้ รอคลีนิกแก้หนี้เปิดจะทำเรื่องยื่นไป ตอนนี้คุณดำเนินการตามขั้นตอนของคุณไปก่อนเลย ตะคอกเราว่า ตามขั้นตอนคือคุณต้องจ่ายไง เราบอกไม่มีจ่ายตอนนี้ ไล่เราไปหารายได้เสริมไล่ไปหามา เราก็โมโห ทะเลาะกันกับคนทวง พอวางหู โทรเข้าสนญ. แจ้งมารยาทการทวง ก็รับเรื่องกันไป เจออีก ทวงแย่ๆ บอกต้องจ่าย ถ้าขึ้นศาลคชจ.ศาลคุณจ่ายเองหมดนะ ค่าทนายด้วย บลาๆๆ เราก็เอาล่ะ เข้าข่ายข่มขู่คุกคาม โทรแจ้งสนญ.อีก แล้วอีกเคส เจอโทรเข้าออฟฟิศ เราไม่อยู่โต๊ะมีพี่คนหนึ่งรับสายให้ บอกว่าจากอีซี่บาย ชื่อxx เราก็โกรธล่ะ คือเรารับสายทุกครั้ง มีสิทธิ์อะไรโทรเข้าบริษัท ก็โทรเข้่าสนญ.อีก บอกขอสายคนชื่อนี้ มีคนอื่นรับบอกให้รอสาย รอไป 10 นาที ไม่มารับ เราโทรเข้าไปอีก จนหัวหน้าของพนง.คนนี้มารับ เราได้เล่าเรื่องความเป็นมายังไงให้ฟัง คนเป็นหัวหน้าคุยดีมาก บอกจะอบรมพนง.เรื่องมารยาทในการทวงหนี้ บางทีต้องมองความจำเป็นของลูกหนี้ และหาทางช่วย ไม่ใช่แบบนี้ หัวหน้าคนนี้เลยบอกว่า ก็จะมีโทรทวงไปบ้างนะ แล้วคุณพร้อมชำระเราตอนไหน ต้นปีจะติดต่อไปอีกที การโทรทวงก็ซอฟท์ลง ไม่มีมารยาทแย่ๆ แบบเดิม จนต้องถามคนโทรทวงว่า เปลี่ยนบริษัททวงหนี้เหรอ เค้าก็บอกว่า เคสเราได้ดึงกลับมาส่วนกลางทำเอง 

กลับมาของซิตี้แบงค์ มีหมายศาลออกมา 2 ใบ ยอดของเรดดี้ 3 แสนกว่า กับซิตี้แคชแบ็ค 135,xxx แต่หมายศาลของแคชแบ็คนั้น ตรงวันที่ไปขึ้นศาลของ KTC พอดี KTC เช้า Citibank บ่าย ระหว่างนั้น ได้มีการเสนอส่วนลดหนีัทั้งหมดมา จาก 773,802.36 เหลือ 461,000.- ตาโตอีกแล้ว ถามเพื่อนสนิทมากๆ ที่เงินเย็น ไม่เดือดร้อนอะไร ว่าช่วยได้หรือไม่ ขอยืม 450k (จะคืนที่ 500k) เพื่อนก็ใจดี แต่บอกว่าไม่มีเป็นก้อน ทยอยให้ได้หรือไม่ ก็เจรจากับ Citibank ขอแบ่งเป็น 3 งวด แต่งวดแรกต้องจ่ายของบัตรที่ต้องไปขึ้นศาล 16 พ.ย. 2 งวดขึ้นไปก่อน ทางธนาคารจะยกเลิกให้ไม่ต้องไปขึ้นศาล ก็ได้จ่ายงวดแรกไป 180,000.- งวด 2 152,000.- และ งวด 3 129,000.- เป็นอันจบสิ้นกันไป เป็นหนี้ก้อนใหญ่สุดในบรรดาสถาบันการเงินอื่นๆ 

16 พ.ย. 63 ได้ไปขึ้นศาลหนี้บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด KTC ยอดประมาณ 16x,xxx.- ภาพที่คิดก่อนไปคือ ต้องโดนสอบต่อหนัาบัลลังค์ แอบอาย และกดดัน แต่พอไปถึง โอ้โห แบ่งเป็นโต๊ะ โต๊ะนี้ KTC มีประมาณ 10 กว่าราย โต๊ะอื่นก็สถาบันอื่น รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ไม่ต้องทำอะไรเลย คือทนายฝ่ายโจทก์ก็จัดเตรียมเอกสารมาเลย ว่าคุณต้องผ่อนเดือนละเท่านี้นะ เป็นเวลา 36 งวด ขั้นต่ำคือ เดือนละ 2,500.- แต่งวดที่ 36 เหลือเท่าไหร่ต้องปิดให้หมดตอนนั้นนะ ก็เซ็นรับทราบ เอาหลักฐานกลับบ้าน ไม่มีอะไร บ่ายยังได้ไปแจ้งกับ Citibank ว่ากำลังผ่อนงวดสุดท้ายอยู่ ทนายบอกจริงๆ ไม่ต้องมาก็ได้ แต่คนประสานงานคือให้ข้อมูลสับสน แต่ยังไงเราก็ไปของ KTC อยู่แล้วเลยไม่ได้อะไร

ของกรุงศรีที่เป็นบัตรเครดิต อันนี้ เสนอส่วนลด จาก 117,635.12 เหลือ 69,000.- ตาโตอีกแล้ว แบ่งเป็น 3 งวด ก็กู้เงินจากกรมธรรม์ประกันเงินออมออกมา 5x,xxx.- และกู้จากบริษัทส่วนหนึ่ง มาปิด ก็จบไปอีก 1 ตอนปลายปี 2563 

พอต้นปี 2564 ก็มียูเมะพลัสเสนอส่วนลดมา จาก 214,xxx.- เหลือ 128,500.- และ เทสโก้ โลตัส จาก 71,403.- เหลือ 42,000.- ตาโตอีกแล้ว เพื่อนจ๋าเพื่อน (เพื่อนฟลุ๊คทำธุรกิจรายได้ดี) ก็เสนอเงื่อนไขเพื่อนไปอีก ว่า ขอ 250,000.- รวมของเดิม 450,000.- เป็น 700,000.- แต่ขอคืน 800,000.- ภายใน 5 ปี คือเพื่อนก็ใจมาก และเชื่อมั่นในตัวเรา ก็ให้มาไม่ได้อิดออด ก็ปิดจบ ไปอีก 2 บัญชี ที่ขอยืมมาเกินเพราะกะจะจ่ายสินเชื่อกรุงศรีอีกส่วน แต่บังเอิญสินเชื่อไม่มีส่วนลดเลย จังหวะ ต้องทำประกันสุขภาพลูกคนที่ 2 เลยได้เอาไปทำตรงนี้ก่อน 

ตอนนี้ก็เหลือหนี้ บัตรเงินสด UOB ต้น 116,589.80.- ดอก 29,410.05.-  และสินเชื่อบุคคลกรุงศรี ต้น 126,349.42.- ดอกเบี้ย 37,926.77.- รวมหนี้เงินต้น 242,939.22 รวมดอกเบี้ย 67,336.82.- ก็สมัครเข้าคลีนิกแก้หนี้ by SAM เมื่อประมาณเดือนเมษา 64 ตอนแรกกะเอาหนี้ KTC ที่พิพากษาแล้วเข้าด้วย เพื่อรวมจ่ายเป็นก้อนเดียว แต่ผลคืออนุมัติแค่ 2 ยอดแรก ยอด KTC ไม่อนุมัติ เงื่อนไขคือ ผ่อนจ่ายทั้งหมด 118 งวด (9 ปีกว่า) งวดละ 2,600.- อัตราดอกเบี้ย 5% สามารถจ่ายได้มากกว่าขั้นต่ำ และเมื่อจ่ายครบจะยกหนี้ดอกเบี้ยยอด 67,336.82 ให้ ก็เคลียร์ไปได้อีก 2 บัญชี

ตอนนี้เหลือบัตรเครดิตไว้ใช้ 2 ใบ คือกสิกร กับเซ็นทรัล วงเงินไม่เยอะ รวม 2 ใบประมาณแสน ผ่อนจ่ายเพื่อนเดือนละ 7,000 - 10,000.- แล้วแต่ ผ่อน KTC 2,500.- ผ่อน SAM 2,600.- นอกนั้นก็ผ่อนบ้าน 17,200.- รถหมดงวดสุดท้ายไปเดือนล่าสุด เหลือ รถที่เข้าไฟแนนซ์ 2 คัน อีกประมาณ 12 งวด ประมาณ งวดละ 11,xxx.- สบายใจมากขึ้น ที่ไม่ต้องทนถูกทวงหนี้อีกต่อไป ขอเวลา 5 ปีในการเคลียร์หนี้เพื่อนให้จบ มีเยอะก็ให้เยอะ เคลียร์ส่วนนี้ให้จบก่อน หนี้ของ KTC กับ SAM ก็ผ่อนสม่ำเสมอ ค่อยเป็นค่อยไป 

ก็จบประสบการณ์เคลียร์หนี้ของเรา ระหว่างนั้น ช่วงลาคลอดถึงประมาณ ครึ่งปีหลัง สาหัสมาก เครียด แต่ก็ตั้งสติ อยากบอกทุกคนให้ตั้งสติ รับสายเถอะ รับไป พูดไม่ดีมาก็พูดไม่ดีกลับบ้าง แจ้งสนญ.เลยค่ะ เราไม่ใช่จะไม่จ่าย ถ้ามีใครจะไม่จ่าย ใครจะอยากโดนทวงหนี้แย่ๆ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ

ตัวเล็กเล็ก
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Looknok, Platuth, Mamablue69

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.491 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena