จากวันที่ตัดสินใจหยุด - วันที่ได้รับหมายศาล

วันนี้เจ้าหนี้โทรมาอีกแล้วว
ถ้าว่าพร้อมจ่ายไหมสองแสน. จะได้ทำเรื่องถอนฟ้อง
แม่ผมเลยตอบไปว่า ถ้ามีเงินขนาดนั้นจะปล่อยให้ฟ้องหรอ
เค้าก็ถามว่าแล้วจะเอายังไง
แม่ผมเลยบอกว่า ไว้เจอกันที่ศาลละกันเนอะ
มันวางสายทันทีเลยครับ

วันนี้ ดรีมโลนโทรมาหาแม่ครับ

ดรีมโลน : สวัสดีค่ะพี่... ที่จะขึ้นศาลวันที่ 29 นี้ พี่เตรียมการอะไรไว้บ้างหรือยังคะ

แม่ : ไม่ได้เตรียมอะไรคะ ไม่รู้จะเตรียมอะไร รายได้ก็ไม่มี วันๆก็ได้แค่ช่วยลูกทำงาน ก็ได้เงินบ้าง แค่พอกินไปวันๆ ตอนนี้เราก็ไม่ได้ทำกิจการแบบเมื่อก่อนแล้ว

ดรีมโลน : งั้นเอางี้ดีมั้ยพี่ ยอดฟ้องในหมายศาล มัน 3แสนกับ 6พันนิดๆ วันไปศาล เราไปตกลงกัน ผ่อนขั้นบันได 3 ปี เป็นสเตปๆไป ปีแรกก็ผ่อนสักเดือนละ 5000 ก่อน แล้วเดี๋ยวปีต่อๆไปก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น

แม่ : ก็รับฟังไว้ได้นะ แต่ไม่รู้จะหาจ่ายได้หรือเปล่า ตอนนี้เราไม่มีรายได้เลย

ดรีมโลน : แล้ววันไปศาล พี่จะไปกับใครหรือเปล่าคะ หรือ ไปคนเดียว

แม่ : ก็น่าจะไปคนเดียว

วางสาย.....

สรุป เค้าแง้มๆออกมาเองแล้วว่า ให้ผ่อนได้ 3 ปี แต่ยังไงก็กะจะยื่นคำให้การ เพื่อรักษาสิทธิของเรา

อีก 7 วันต้องไปศาลแล้ว ตื่นเต้นบอกไม่ถูกเลยครับ ถึงจะอ่านกระทู้ประสบการณ์การไปศาลของแต่ละท่านมาแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้น่ากลัว แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้เลย

สู้ๆ ค่ะน้อง เสาร์นี้พี่ก็ ไปเป็นพี่เลี้ยงให้เพื่อนเหมือนกัน

สู้ๆ นะครับ

สู้ สู้ ครับ ไม่มีอะไรน่ากลัวครับที่ศาล ยึดมั่นไว้ว่าเราตั้งใจจะไปทำอะไร ไปเพื่ออะไร สู้ สู้ ครับ ขอบคุณครับ

p.namdech เขียน: สู้ สู้ ครับ ไม่มีอะไรน่ากลัวครับที่ศาล ยึดมั่นไว้ว่าเราตั้งใจจะไปทำอะไร ไปเพื่ออะไร สู้ สู้ ครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ สู้คะ

สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ของเรามีหมายศาลของ UOB วันที่ 29 สิงหานี้ ยังพอมีเวลาหายใจ
เป็นครั้งที่ 2 ของการไปศาล ไม่มีอะไรน่ากลัว หนักแน่นเข้าไว้เอาที่เราสบายใจค่ะ ใช้เวลาที่ศาลให้คุ้มค่าค่่ะ

สู้ๆครับ !

Knotto เขียน: สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ของเรามีหมายศาลของ UOB วันที่ 29 สิงหานี้ ยังพอมีเวลาหายใจ
เป็นครั้งที่ 2 ของการไปศาล ไม่มีอะไรน่ากลัว หนักแน่นเข้าไว้เอาที่เราสบายใจค่ะ ใช้เวลาที่ศาลให้คุ้มค่าค่่ะ

Uob ฟ้องผม 12xxxx นัดแรกผมไปเลื่อนนัดศาล นัดที่สองสิ้นเดือน กค. นี้ ว่าจะไปยื่นคำให้การสู้คดี แต่ก็ทาง uob เองไม่ผ่านสำนักงานกฏหมาย โทรมาเสนอส่วนลดปิดครั้งเดียว 75000 เลยตกลงรับข้อเสนอ สู้ สู้ นะครับ ขอบคุณครับ

สอบถาม คุณ FFM ครับ คำให้การให้คุณอาไพโรจน์เขียนให้หรอครับ และมีค่าใช้จ่ายไหมครับ ขอบคุณครับ

p.namdech เขียน: สอบถาม คุณ FFM ครับ คำให้การให้คุณอาไพโรจน์เขียนให้หรอครับ และมีค่าใช้จ่ายไหมครับ ขอบคุณครับ

มีค่าใช้จ่ายแน่นอนครับ แต่รายละเอียดติดต่อคุณอาเองจะดีกว่าครับ

FFM เขียน:

p.namdech เขียน: สอบถาม คุณ FFM ครับ คำให้การให้คุณอาไพโรจน์เขียนให้หรอครับ และมีค่าใช้จ่ายไหมครับ ขอบคุณครับ

มีค่าใช้จ่ายแน่นอนครับ แต่รายละเอียดติดต่อคุณอาเองจะดีกว่าครับ

ครับผม ผมพอจะทราบครับถึงค่าใช้จ่ายต่างๆแค่ลองสอบถามดูเท่านั้นครับ ขอบคุณครับ

มาเล่าประสบการณ์ไปศาล กับ กรุงศรีดรีมโลน ครับ

ที่จริงการไปศาลมันก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกครับ แต่ จะบอกว่า เครียดและกดดันมาก

เริ่มแรก เราไปถึงศาล ก็ 8.40 ซึ่งคนเต็มเลยครับ มีทั้งคดีบัตรเครดิต คดีไฟแนนซ์ยึดรถ คดีมรดก

เราก็นั่งรอทนายโจทก์ครับ จน 9โมงกว่า เค้าก็มา

ก็เข้าไปคุยกันในห้องไกล่เกลี่ยครับ โดยผมจะเป็นฝ่ายพูดแทนแม่ ซึ่งเค้าก็เสนอมาครับ ผ่อนขั้นบันได ดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี โดยปีแรก จะให้เราจ่ายไม่ต่ำกว่า 5000 - 6000 ซึ่งเราเห็นยอดสูง ไม่ไหวแน่

เราเลยบอกทนายโจทก์ครับ ว่าไม่ไหว เขาเลยบอก งั้นโทรคุยกับคนดูแลบัญชีดู เขาก็ให้เบอร์มา
พอโทรไป คนดูแลบัญชีเขาก็บอก ธนาคารให้มาเรทนี้เลย ต้องไม่ต่ำกว่า 6000 ในปีแรก
เราเลยวางสาย แล้วมาคุยกันทนาย ซึ่งทนายก็ถามครับ ว่าแม่มีทรัพย์สินไหม ซึ่งแม่ก็ตอบไปตามตรง ว่ามีแค่มอไซค์ ทนายก็ถามอีกว่า แล้วทำไมธนาคารปล่อยกู้เยอะขนาดนี้ แม่เลยบอก แต่ก่อนเราเคยมีกิจการ แต่ตอนนี้เลิกทำ เพราะขาดทุน
ทางทนายเลยบอกว่า งั้นให้ศาลตัดสินเลยไหม ผมเลยพูดไปว่า ผมยื่นคำให้การดีกว่าครับ
เท่านั้นแหละครับ ทนายที่ดูไม่เครียด หน้าเปลี่ยนเป็นเครียดทันที ทนายก็รีบบอกเลยครับ จะสู้ก็ได้่ไม่เป็นไร แต่คำพิพากษาออกมา ผมตามบังคับคดีเลยนะ ไม่นานหรอก ภายใน 3 - 4 เดือน ทรัพย์สินอะไร จะยักย้ายไปไหน ถ้าเจอยึดได้หมด แล้วผิดกฎหมายอาญาด้วย (ประมาณว่าขู่)
รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วย พอได้ยินว่าจะสู้คดี เขาเรียกผมไปคุยเลยครับ ถามว่า สู้ทำไม สู้ด้วยเหตุผลอะไร ทำไมไม่ตกลงกัน สู้ไปจะชนะหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำนองนี้ครับ ซึ่งผมก็ยืนยันว่า เราตกลงกับเขาไม่ได้ก็คงต้องสู้ เขาเลยถามครับ ว่าถามจริงๆ แม่มีทรัพย์สินไหม (ถามตอนที่ทนายออกไปนอกห้อง) ผมเลยบอกว่าไม่มีทรัพย์สิน มีก็แค่มอไซค์ เจ้าหน้าที่เลยบอก งั้นก็เอาเหอะ แล้วแต่แล้วกัน จะให้ตัดสินหรือจะสู้ ก็ว่ากันไป เพราะไม่มีอะไรให้เขายึด ไม่ต้องกลัว (เขายังแอบบอกครับ ว่าเขาเองก็แนะนำไม่ได้มาก เขาเป็น จนท. เดี๋ยวอีกฝ่ายจะหาว่าลำเอียง)

ก็เข้าไปหน้าบัลลังก์ครับ ศาลยังหนุ่มไฟแรงอยู่เลย ศาลก็เรียกแม่ไปครับ แล้วก็เรียกผมไปด้วย ท่านก็ถามว่า ทำไมคิดจะสู้ เราเป็นหนี้เขาจริง ดอกเบี้ยถ้าเขาคิดมาไม่เกินประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเนี่ย ศาลก็ไม่ถือว่าผิดนะ ลองคิดดีๆ ถ้าจะสู้ แล้วจะยื่นคำให้การเฉยๆ ศาลแนะนำว่า ให้กลับไป แล้วแต่งทนายมาสู้

ผมเลยบอกศาลว่า ผมไม่มีทนายครับ แต่ผมเตรียมไว้พร้อมแล้ว ทั้งคำให้การ และ สำนวนในนัดสืบพยาน

ศาลท่านก็บอกว่า คิดให้ดี ถ้าจะสู้เรื่องดอกเบี้ย ถึงไม่สู้ ศาลก็ตัดสินลดให้อยู่แล้ว แต่จะลดให้แบบเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โจทก์เขาปล่อยเงินกู้ เราไปกู้เขามาจริง เขาก็มีสิทธิ์คิดดอก ศาลไปกู้เงิน ศาลก็โดนคิดดอกเท่ากับคุณนี่แหละ แล้วยิ่งเป็นสินเชื่อบุคคล ไม่มีอะไรค้ำประกัน ดอกเบี้ยก็ต้องสูง มันไม่เหมือนเอาบ้าน หรือ ที่ดินไปค้ำ ถ้าคิดจะสู้ แล้วมาแค่ยื่นเอกสารแล้วคิดว่าจะชนะ ศาลก็ต้องบอกไว้เลยว่า ทำใจไว้ด้วย ถ้าแพ้ขึ้นมา มันจะกลายเป็นล้มทั้งกระดาน
แต่ถ้าจำเลยยืนยันจะสู้ ศาลก็แนะนำให้ไปแต่งทนายมา แล้วทำเรื่องสู้ให้มันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ถ้าคิดจะสู้ เวลาศาลตัดสิน ถ้าจำเลยชนะ ศาลก็ว่าไปตามคำให้การของจำเลย แต่ถ้าจำเลยแพ้ ศาลก็ว่าไปตามคำฟ้องโจทก์นะ ถึงเวลานั้น ถ้าหนี้ไม่ลด จะมาบ่นทีหลังไม่ได้ ก็ต้องเตรียมใจเผื่อแพ้ด้วย เพราะถ้าแพ้ ก็เหมือนเดิม คือศาลจะตัดสินไปตามที่โจทก์ฟ้องมา หนี้มันก็ไม่ได้ลดลง คิดให้ดีนะ

ผมอึ้ง ไปไม่ถูกกับคำพูดศาลเลยครับ สุดท้าย ทนายโจทก์จึงบอกว่า งั้นขอเลื่อนไปก่อน
ศาลก็ถามว่า เอาเร็วๆนี้ได้ไหม เพราะมีคดีเยอะ ไม่อยากให้มันยืดไปนาน
สุดท้าย ทนายโจทก์ก็เลยขอนัด 17 สิงหา 2558 ตอน บ่ายครับ ก็ให้เราเซ็นต์ใบรายงานต่อศาลว่าขอเลื่อน ก่อนจะกลับ ศาลท่านยังบอกว่า นัดหน้า ถ้าคิดจะสู้แล้ว หาทนายมา
เราเลยคุยกับทนายโจทก์ว่า แล้วนัดหน้า ถ้าเกิดเราเปลี่ยนใจไม่สู้ ยอมความได้ไหม แต่ให้เขาไปคุยให้หน่อย ว่าขอผ่อนต่อเดือนต่ำกว่านี้ ทนายก็บอก ได้ อย่าซีเรียส แล้วก็ให้เบอร์มาครับ

ก็จบการไปศาลนัดแรกแค่นี้

อ่านดูแล้วน่าเห็นใจมาก เจอแบบนี้ ถ้ามีกำลังนะ ยื่นอุทธรณ์ ต่อเลย ดูแล้วศาลเข้าข้างโจทย์มาก
เพราะอยากให้คดีจบไวๆ แต่ไม่คำนึงถึงผลกระทบกับจำเลยที่ตามา

หรือหักคอจ่ายมันไปเลย ก็ดีนะ

okok เขียน: อ่านดูแล้วน่าเห็นใจมาก เจอแบบนี้ ถ้ามีกำลังนะ ยื่นอุทธรณ์ ต่อเลย ดูแล้วศาลเข้าข้างโจทย์มาก
เพราะอยากให้คดีจบไวๆ แต่ไม่คำนึงถึงผลกระทบกับจำเลยที่ตามา

หรือหักคอจ่ายมันไปเลย ก็ดีนะ

ตอนนี้ก็กำลังคิดว่าจะเอาไงต่อ สู้ต่อ ยอมความ หรือ ให้ศาลตัดสินเลย ตอนนี้คิดไว้ 3 ประเด็นครับ

FFM เขียน:

okok เขียน: อ่านดูแล้วน่าเห็นใจมาก เจอแบบนี้ ถ้ามีกำลังนะ ยื่นอุทธรณ์ ต่อเลย ดูแล้วศาลเข้าข้างโจทย์มาก
เพราะอยากให้คดีจบไวๆ แต่ไม่คำนึงถึงผลกระทบกับจำเลยที่ตามา

หรือหักคอจ่ายมันไปเลย ก็ดีนะ

เหมือนศาลท่านไม่อยากให้คดีมันยืดครับเพราะคดีที่ศาลเยอะมาก นัดหน้า 17 สิงหาครับ ตอนนี้ก็กำลังคิดว่าจะเอาไงต่อ สู้ต่อ ยอมความ หรือ ให้ศาลตัดสินเลย ตอนนี้คิดไว้ 3 ประเด็นครับ

จะคดีเยอะ คดีน้อย ศาลเอามาอ้างไม่ได้หรอก เพราะมันคือหน้าที่ต้องทำ อยากให้จบไวๆแล้ว มันได้ผลดียังไงเนอะ ในแงของศาลคดีจบไว ศาลได้ผลงาน เจ้าหนี้ได้รับเงินไวขึ้น

ในแง่ของจำเลยล่ะ ถ้าเป็นพี่นะ ทรัพย์มีมอเตอร์ไซร์ 1 คัน ถ้าตัดตรงนี้ได้นะ แม่น้องได้เปรียบมากเลย
อื่นๆ ก็ง่ายขึ้น ถ้าเป็นกรณีของพี่นะ ถ้าถึงขนาดนี้ สักแดงเดียวอย่าได้เห็น ถ้าพี่ผ่อนมันมาหลายปีแล้ว ดอกท่วมต้นไปแล้วนะ

อ่านไปก็ลุ้นตาม เพราะติดกรุงศรีดรีมโลนเหมือนกัน และคิดว่า คงต้องถึงฟ้องศาลแน่ๆ เพราะวางแผนไว้เก็บตังค์ปิดตัวเล็กๆก่อน มีอะไรคืบหน้า เข้ามา update ให้ฟังเรื่อยๆนะคะ

tuckkk เขียน: อ่านไปก็ลุ้นตาม เพราะติดกรุงศรีดรีมโลนเหมือนกัน และคิดว่า คงต้องถึงฟ้องศาลแน่ๆ เพราะวางแผนไว้เก็บตังค์ปิดตัวเล็กๆก่อน มีอะไรคืบหน้า เข้ามา update ให้ฟังเรื่อยๆนะคะ

ตอนนี้กำลังตัดสินใจครับ ว่าจะเอาไงดี ในความคิดผมคือ เลือกทางไหนก็มีค่าเท่ากัน สู้คดี ให้ศาลพิพากษา หรือ ทำยอมความ เพราะเราคิดจะจ่ายอยู่แล้ว และอีกอย่างคือ ไม่มีทรัพย์สินอะไรให้เขาตามยึด
แต่ก็อยากหามาจ่ายให้หมดหนี้กันไป จะได้จบชีวิตหนี้สักที