ขอบคุณ คุณอาประพัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ที่ทำให้ผมหลุดพ้นจากหนี้มหาโหด

ผมเป้นหนี้บัตรเครดิต อยู่หลายใบ รวมๆ แล้วก็ล้านกว่าบาทเกือบ 2 ล้าน

ปลายปีที่แล้ว ผมเข้ามาขอความช่วยเหลือจากคุณอาประพัฒน์ ยับสุวรรณกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายของชมรม เพื่อทำเรื่องต่อสู้คดีในศาล

วันนี้ผลการตัดสินของศาลเริ่มออกมาแล้ว และออกมาอย่างน่าประทับใจ เหนือความคาดหมาย ทำให้ผลหลุดพ้นจากหนี้มหาโหดได้อย่างเหลือเชื่อ

ผลตัดสินออกมาแล้ว 2 บัตร คือ KTC กับ ทหารไทย คุณอาประพัฒน์ ทำให้ผมชนะคดีได้ทั้ง 2 บัตร

ธนาคารแรก
KTC ผมเป็นหนี้ทั้งบัตรเครดิตและบัตรเงินสด รวม 2 ใบ
ธนาคารฟ้องผม 350,672.55+308752.10 รวมเท่ากับ 659,424.64 บาท
ศาลพิพากษามาแล้ว ให้ผมจ่ายตามเอกสารที่สู้คดี 235,196.19+256,881.41 เท่ากับ 492,077.60 บาท
เท่ากับ หนี้ผมหายไป 167,347.04 บาท
พร้อมศาลสั่งให้โจทย์จ่ายค่าทนายให้ผมอีก 10,000 บาท

ธนาคารที่สอง
TMB ธนาคารฟ้องผม 85,598.12 บาท
ศาลพิพากษา "ยกฟ้อง" ผมไม่ต้องจ่ายให้ธนาคารเลยแม้แต่บาทเดียว
พร้อมให้โจทย์ จ่ายค่าทนายให้ผมอีก 4,000 บาท

ทั้ง 2 เคสของผมนี้ อยากเอามาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับลูกหนี้ในชมรมนี้ทั้งหลาย
และอยากจะบอกว่า "คุณอาประพัฒน์ ยับสุวรรณกุล" ช่วยเหลือพวกเราได้จริงๆ
ใครมีปัญหา ไปปรึกษาแกได้ที่สวนลุมทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป

และทีสำคัญ ผมยังค้างค่าทนายคุรอาประพัฒน์อยู่เลย เพราะช่วงนี้ยังไม่ค่อยสะดวกเรื่องเงินๆ ทองๆ
แต่คุณอาประพัฒนืก็ยินดีช่วย บอกมีเมื่อไหร่ค่อยเอามาให้
ผมตื้นตันใจจนบอกไม่ถูกจริงๆ

จึงเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง
เพื่อให้ทุกคนได้รู้ ว่าคณะกรรมการทุกคนในชมรมนี้
เค้าช่วยเราจริงๆ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
โดยเฉพาะ... คุณอาประพัฒน์ ยับสุวรรณกุล

ใครอยากปรึกษาคุณอาประพัฒน์
ไปปรึกษาแกได้ที่สวนลุมทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไปครับ

หมายเหตุ....ผมแนบคำพิพากษามาให้ดูด้วยครับ ว่านี่คือเรื่องจริง

ไฟล์แนบอีกชิ้นหนึ่ง ของ KTC
(แก้ไขเพิีมในโพสต์ด้านบนแล้วครับ)

เยี่ยมมากครับพี่

สุดยอดเลยครับ ดีใจด้วยจริงๆ Share ความเป็นมาหน่อยซิครับ

KTC แต่เป็นบัตรหลักคะ สามีเป็นบัตรเสริม ตอนนี้ได้กดเงินจากบัตรเสริมมาใช้หยุดมาได้สัก 4หรือ5 เดือนแล้ว ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
TMB จำนวน 2 บัตร บัตรเครดิต 33,000 บาท และบัตรกดเงินสด 33,000 บาท หยุดมาเกือบจะ 6หรือ7 เดือนแ้ล้วคะ
กลุ่มใจมากคะ ช่วยแนะนำด้วยคะ ถามหน่อยคะศาลทำไมยกฟ้องของ TMB คะ ช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

เรื่องทั้งหมด จริงๆ ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ผมเลยครับ

ผมแค่เอาเอกสารหมายฟ้องไปให้คุณอาประพัฒน์
แล้วคุณอาก็เอาไปเขียนคำร้องตามหลักของแก
โดยอ้างที่มา ที่ไป ว่าเงินต้นจริงๆ เท่าไหร่ ดอกเท่าไหร่ จ่ายไปแล้วเท่าไหร่
เวลาให้การในศาล คุณอาประพัฒน์ก็เป็นคนดำเนินการให้

ศาลท่านก็ดูตามเอกสารและคำอธิบายที่คุณอาประพัฒน์เขียน
แล้วก็ตัดสินออกมาตามนั้น

เรื่องของ KTB จริงๆ ผมก้ไม่อยากให้ออกมาเป็นแบบนี้
เพราะผมตั้งใจว่าจะยื้อเวลา เพื่อจะได้ยื่นอุทรณ์
เพื่อขยายเวลาออกไป เพราะช่วงนี้ผมไม่มีเงินจ่าย
แต่พอพิพากษาออกมาว่า ผมชนะคดี
ผมก็เลยอุทรณ์ต่อไม่ได้ ตกกระไดพลอยโจนต้องจ่ายตามศาลสั่ง
นี่ผมก็ยังรอคำพิพากษาที่ส่งมาให้ที่บ้านอย่างเป็นทางการ
เพื่อจะได้เริ่มจ่ายต่อไป
อันนี้เป็นความโชคดีในความโชคร้ายของผมเอง
แต่ก็ได้ลดไปจากมูลฟ้องร่วมสองแสน คุ้มมากครับ

ส่วนของ TMB
คุณอาประพัฒน์ก็ทำเอกสาร เรื่องเงินต้น ดอกเบี้ย และยอดจ่ายเหมือนของ KTC
แต่บทสรุปตอนท้ายคือ ถ้าคิดตามที่คุณอาประพัฒน์คิด
ผมจ่ายเงินให้กับทาง TMB เกินหนี้สินที่ผมมีแล้ว
คือเค้าฟ้องผม 85,598.12 บาท
คุณอาประพัฒน์ชี้แจงให้เห็นว่าผมจ่ายไปแล้ว แสนกว่าบาท
เกินมูลค่าหนี้แล้ว
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นข้อมูลจริง
จึงตัดสินยกฟ้องครับ

แต่ปัญหายังไม่จบหรอกครับ
เพราะตอนนี้ทาง TMB เค้ากำลังยื่นเรื่องขออุทรณ์ต่อ
แล้วได้ผลอย่างไรจะกลับมาเล่าให้ฟังครับ

สิ่งที่อยากจะบอกคือ เวลาไปปรึกษากับคุณอาประพัฒน์
ขอให้ฟังในสิ่งที่แกอธิบายให้เข้าใจอย่างท่องแท้
แล้วทำตามที่แกแนะนำ
ผมเชื่อว่าคำตัดสินของผมทั้ง 2 เคส
จะเป็นแนวทางและบรรทัดฐานที่บ่งบอกว่า
สิ่งที่คุณอาประพัฒน์ทำ และแย้งต่อศาล
เป็นเหตุและผลที่น่าเชื่อถือ และศาลเห็นคล้อยตามนี้
และสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราต่อๆ ไปครับ

อีกอย่างคุณอาแกใจดีมากครับ
ผมให้แกช่วยโดยที่ผมยังค้างค่าตอบแทนแกอยู่เลย
เพราะยังโดนปัญหาเช็คลูกค้าเด้งอยู่ เลยไม่มีเงินไปให้แก
ก็ได้แต่บอกแกว่า ผมจะรีบให้แกทันทีที่ผมมี
แถมยังปรึกษาแก เรื่องเช็คลูกค้าผมเด้งอีกต่างหาก
ผมโชคดีจริงๆ ที่เจอคนดีๆ อย่างคุณอาประพัฒน์ และทุกคนในชมรม

ไม่ใช่แค่คุณอาประพัฒน์คนเดียวนะครับ
พี่อังคณา สวยประหาร ก็ช่วยผมไว้เยอะ
ทั้งๆ ที่แกสุขภาพไม่ดี แกก็ยังสละเวลาไปเป็นเพื่อนผมที่ศาล
ในช่วงแรกของการไปศาล ที่เจรจากับเจ้าหนี้
ทั้งๆ ที่แกกับผมไม่รู้จักกันมาก่อน
ผมไปเจอแกที่สวนลุมครั้งเดียวเท่านั้น
แกก็ช่วยไปศาลเป็นเพื่อผม ช่วยเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ให้
โดยแกไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
ค่าข้าวกลางวันที่ศาลสักมื้อแกยังไม่ให้ผมจ่ายเลย

นี่แหละครับ คนดีๆ และประสบการณ์ดีๆ ของคนในชมรมนี้
ที่ผมอยากจะเล่าสู่ให้สมาชิกทุกคนได้รับทราบ

หลายคนอาจจะสงสัย ที่ผมบอกว่าคณะกรรมการในชมรมนี้ช่วยเราได้
แสดงว่าผมต้องรู้จักคนในชมรมนี้เยอะ

ออกตัวเลยครับ ว่าผมรู้จักแค่ 3 คน คือ คุณอาประพัฒน์ คุณอังคณา และคุณ chaowalert
ที่เค้าให้คำปรึกษาอยู่ที่สวนลุม
ส่วนคนอื่นๆ ผมไม่เคยรู้จักและพูดคุยด้วยเลยจริงๆครับ

เพราะตอนที่ผมเข้ามารู้จักชมรมนี้
ตอนนั้นผมโดนหมายศาลแล้ว และกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก
เคยโทรไปหา "คุณนกกระจอกเทศ" กับ "คุณกอบัว" ตามระบุในฮอทไลน์
ก็โดนถามว่า อ่านนั่น อ่านนี่ หรือยัง ถ้ายังก็ตอบไม่ได้
ไปอ่านให้หมดก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน
เพราะวันๆ มีคนโทรมาปรึกษาเยอะมาก

บอกตรงๆ นะครับ ตอนนั้นผมเหมือนคนสำลักน้ำ
ไม่มีปัญญา และไม่มีสติไปอ่านอะไรหรอกครับ
หมายศาลรออยู่ตรงหน้าแล้วนี่ครับ

ดีที่โทรไปหาคุณอาไพโรจน์
แกบอกว่าให้ใจเย็นๆ ให้เข้าไปคุยที่สวนลุมกับทีมของคุณอาประพัฒน์
ผมเลยได้ประสบการณ์ดีๆ แบบนี้

จริงๆ การให้คำปรึกษาที่สวนลุมเป็นเรื่องดีนะครับ
และมีประโยชน์แก่พวกเราทุกคนมากๆ ด้วย
น่าจะเอามาประกาศ และ "ปักหมุด" ไว้เป็นหัวกระทู้แรกของ webboard แห่งนี้ทุกๆ หน้า
แต่เหลือเชื่อ กลับไม่มีบอกรายละเอียดไว้เลยสักนิด
นี่ถ้าผมไม่โทรไปหาอาจารย์ไพโรจน์ ผมก้คงไม่รู้

ฝากบอก "คุณนกกระจอกเทศ" ประธานชมรม
หรือ ใครก็ที่ดูแลบอร์ดแห่งนี้
ช่วยเอาวาระ "ปรึกษาปัญหาหนี้ที่สวนลุม"
ขึ้นเด่นๆ ให้สมาชิกเห็นโดยทั่วๆ กันเถอะครับ
ที่เรื่องอื่นยังปักหมุดได้ เรื่องดีๆ แบบนี้ ทำไมไม่เพิ่มเข้าไป
เพราะมันมีประโยชน์กับสมาชิกทุกคนจริงๆ
เป็นข้อแสนอแนะส่วนตัวนะครับ
เพราะผมเชื่อว่าสมาชิกส่วนใหญ่ยังไม่รู้
(อย่าทำเป็นแอบๆ ประกาศแบบกลัวคนรู้เลยครับ)

ใครยังไม่รู้ ผมขออนุญาติบอกต่อให้ททราบโดยทั่วกันเลยนะครับ
ทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่บ่ายโมงเป้นต้นไป
ทีมคุณอาประพัฒน์ จะไปช่วยปรึกษาปัญหากฏหมาย
และแนวทางออกในการสู้หนี้ ให้กับสมาชิกทุกคนแบบฟรีๆ
ที่ "สวนลุม ศาลาแรก" ซ้่ายมือ เดินเข้าทางประตูพระบรมรูป ร.5

อยากมีประสบการณ์ดีๆ และหลุดพ้นจากเจ้าหนี้มหาโหดแบบผม
....ไปที่สวนลุมครับ

ขอบคุณnaieak มากครับ

naieak เขียน: หลายคนอาจจะสงสัย ที่ผมบอกว่าคณะกรรมการในชมรมนี้ช่วยเราได้
แสดงว่าผมต้องรู้จักคนในชมรมนี้เยอะ

ออกตัวเลยครับ ว่าผมรู้จักแค่ 3 คน คือ คุณอาประพัฒน์ คุณอังคณา และคุณ chaowalert
ที่เค้าให้คำปรึกษาอยู่ที่สวนลุม
ส่วนคนอื่นๆ ผมไม่เคยรู้จักและพูดคุยด้วยเลยจริงๆครับ

เพราะตอนที่ผมเข้ามารู้จักชมรมนี้
ตอนนั้นผมโดนหมายศาลแล้ว และกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก
เคยโทรไปหา "คุณนกกระจอกเทศ" กับ "คุณกอบัว" ตามระบุในฮอทไลน์
ก็โดนถามว่า อ่านนั่น อ่านนี่ หรือยัง ถ้ายังก็ตอบไม่ได้
ไปอ่านให้หมดก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน
เพราะวันๆ มีคนโทรมาปรึกษาเยอะมาก

บอกตรงๆ นะครับ ตอนนั้นผมเหมือนคนสำลักน้ำ
ไม่มีปัญญา และไม่มีสติไปอ่านอะไรหรอกครับ
หมายศาลรออยู่ตรงหน้าแล้วนี่ครับ

ดีที่โทรไปหาคุณอาไพโรจน์
แกบอกว่าให้ใจเย็นๆ ให้เข้าไปคุยที่สวนลุมกับทีมของคุณอาประพัฒน์
ผมเลยได้ประสบการณ์ดีๆ แบบนี้

จริงๆ การให้คำปรึกษาที่สวนลุมเป็นเรื่องดีนะครับ
และมีประโยชน์แก่พวกเราทุกคนมากๆ ด้วย
น่าจะเอามาประกาศ และ "ปักหมุด" ไว้เป็นหัวกระทู้แรกของ webboard แห่งนี้ทุกๆ หน้า
แต่เหลือเชื่อ กลับไม่มีบอกรายละเอียดไว้เลยสักนิด
นี่ถ้าผมไม่โทรไปหาอาจารย์ไพโรจน์ ผมก้คงไม่รู้

ฝากบอก "คุณนกกระจอกเทศ" ประธานชมรม
หรือ ใครก็ที่ดูแลบอร์ดแห่งนี้
ช่วยเอาวาระ "ปรึกษาปัญหาหนี้ที่สวนลุม"
ขึ้นเด่นๆ ให้สมาชิกเห็นโดยทั่วๆ กันเถอะครับ
ที่เรื่องอื่นยังปักหมุดได้ เรื่องดีๆ แบบนี้ ทำไมไม่เพิ่มเข้าไป
เพราะมันมีประโยชน์กับสมาชิกทุกคนจริงๆ
เป็นข้อแสนอแนะส่วนตัวนะครับ
เพราะผมเชื่อว่าสมาชิกส่วนใหญ่ยังไม่รู้
(อย่าทำเป็นแอบๆ ประกาศแบบกลัวคนรู้เลยครับ)

จริงๆ มันมีข้อมูลอยุ่หน้าแนะชมรม หัวข้อกิจกรรม แต่มันลิงค์เข้าไปดูไม่ได้
ไม่รู้มีข้อผิดพลาดอะไร โดนลบไป โดนบล็อค หรือ..... ช่วยแก้ไขด้วยแล้วกันครับ
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&catid=5&id=720&Itemid=64&view=topic

ใครยังไม่รู้ ผมขออนุญาติบอกต่อให้ททราบโดยทั่วกันเลยนะครับ
ทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่บ่ายโมงเป้นต้นไป
ทีมคุณอาประพัฒน์ จะไปช่วยปรึกษาปัญหากฏหมาย
และแนวทางออกในการสู้หนี้ ให้กับสมาชิกทุกคนแบบฟรีๆ
ที่ "สวนลุม ศาลาแรก" ซ้่ายมือ เดินเข้าทางประตูพระบรมรูป ร.5

อยากมีประสบการณ์ดีๆ และหลุดพ้นจากเจ้าหนี้มหาโหดแบบผม
....ไปที่สวนลุมครับ

มี TMB กับ KTC เหมือนกันคะ ทำยังไงถึงจะได้ถอนฟ้องแบบคุณบ้าง ตอนนี้ไม่มีเงินจะจ่ายสักที เมื่อวาน TMB โทรมาจะส่งเรื่องฟ้อง เครียดจังเลยคะ

ไม่มีก้หยุดจ่ายครับ จะโดนทวงหนักๆ 3 เดือนแรก หลังจากนั้นจะหายไป กลายเป็นยื่นข้อเสนอให้เราจ่ายโดยให้ส่วนลดเท่านั้นเท่านี้ ทีนี่ก้อยุ่ที่เราเจรจาครับ แบบนี้เค้าเรียกว่า hair cut ถ้าจ่ายงวดเดียวได้ ก็จะได้ส่วนลดเยอะหน่อย ถ้าแบ่งบ่ายส่วนลดก็จะลดลง ไม่มีตายตัว ขึ้นอยู่กับเจรจาอย่างเดียว ว่าเราพอใจและมีกำลังจ่ายอย่างไร

หลังเจรจาแล้ว ถ้าเราไม่มีจ่าย เค้าก็จะทำเรื่องฟ้อง ระยะเวลาจากที่เงียบหายไปถึงฟ้อง ก้ไม่แน่ไม่นอน ราวๆ 6-12 เดือน ระหว่างนี้ถ้าเรามีเงินไปโปีะ ก้ยังเจรจาได้เรื่อยๆ เจรจาได้จนกระทั่งวันนัดศาลอ่ะครับ

ไปศาลครั้งแรก ส่วนใหญ่ศาลจะให้ไปที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยน เจ้าหนี้ก้จะเสนอเงื่อนไข Hair cut หรือผ่อนจ่ายมาให้เราพิจารณา เราก้ขอเวลาไปพิจารรา ศาลจะให้เลื่อนไปคิดก่อนอีกประมาร 1 เดือน ค่อยกลับมาเจรจากันใหม่

การเจรจาครั้งนี้ ถ้าเราแสดงเจตนาว่าจะจ่าย บางทีศุนยืไกล่เกลี่ยก้จะให้เวลาเราเลื่อนชยายเวลาไปได้อีก 1 ครั้ง แล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกที แต่ถ้าแสดงเจตนาให้เค้าจับได้ว่าเราไม่มีตังค์จ่ายเจรจาเพื่อถ่วงเวลา เค้าก็จะไม่ให้ขยาย

ถ้าไม่ได้ขยาย ก็จะนัดวันสืบ ขั้นตอนนี้เราก็หาทนายไปยื่ยเรื่องทำเอกสารส่งให้ศาลก่อนวันนัด 15 วัน แต่เมื่อถึงวันนัดก่อนเข้าห้องสืบพยาน เจ้าหนี้ก็จะมาคุยกะเราอีก ยื่นข้อเสนอให้เราพิจารณาผ่อนหรือ hair cut อีกครั้ง ถ้าเราตกลง ก็เว็นต์สัญญากัน เค้าเรียกว่ายอมหน้าศาล แต่ถ้าเราไม่ตกลง ก็เข้าสุ่กระบวนการสืบพยาน หลังจากนั้นก้จะนัดวันรับทราบคำพิพากษา หลังจากวันสืบไปประมาณ 1-2 เดือน

หลังจากได้รับคำพิพากษาแล้ว เราก้ไปเจรจากับเจ้าหนี้ ว่าจะจ่ายยังไง

ข้อดีของการสุ้คดี คือเราอาจจ่ายน้อยกว่ามูลหนี้ที่ฟ้อง ถ้าเราชนะ แต่ถ้าเราแพ้ก็จ่ายตามฟ้องพร้อมดอก

ขั้นตอนมีคร่าวๆ แบบนี้ ใช้เวลาประมาณ 1 ปี จบทุกกระบวนการ

มีปัญหาเรื่องทนายและกฏหมายปรึกษาคุณอาประพัฒนืได้ทุกย่ายวันอาทิตย์ที่สวนลุม
อันนี้คือเคสของผม ที่คุณอาประพัฒน์ช่วยทำให้ ลองอ่านดุครับ
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=6&id=40835&Itemid=64

ต่อสู้ในแนวทางเดียวกันครับแต่คำให้การของผมศาลท่านไม่ฟังเลยทั้งสองคดีลดให้เฉพาะดอกเบี้ยที่ทั้งสองคดีฟ้องที่เงินต้น+ดอกเบี้ย15% เหลือยอดเงินต้นเต็มๆ+ดอกเบี้ย7.5% แต่ก็ทำใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้วละครับตั้งแต่วันสอบพยานที่ศาลท่านถามว่า "จำเลยมาไม๊ตกลงกันไม่ได้เลยจริงๆหรือช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกนะ" คำพิพากษาจึงออกมาทำนองที่ว่า ที่โจทย์คิดค่าโน้นค่านี้เกินไปจากที่กฎหมายรึธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดจำเลยสำคัญผิดจ่ายให้โจทย์ไปเองจะเอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ฟังไม่ขึ้น(แปลอีกทีก็คุณโง่จ่ายให้เค้าไปแล้วอย่ามาอ้างอีก) ที่สำคัญหนึ่งในคดีของผมโจทย์ฟ้องจำเลยที่สอง(แฟน)ในฐานะผู้ถือบัตรเสริมศาลฟังคำให้การของโจทย์ที่ว่าแฟนผมเซ็นยินยอมในใบสมัครบัตรเสริมเอง(ผมเข้าใจเอาเองว่าท่านวินิจฉัยว่าคำยินยอมในทางแพ่งท่านเห็นสำคัญมากกว่าประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย)เลยตัดสินไม่ยกฟ้องจำเลยที่สอง ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลแต่ล่ะท่านครับ ก็ได้แต่ปรี๊ดแตกเพราะยอดเงินคดีอย่างเราๆสิ้นสุดแค่อุทธรณ์ศาลฏีกาไม่เคยวางแนวทางคำวินิจฉัยไว้ แต่ยังไงๆก็ยื่นอุทธรณ์สู้ต่อครับ

ทั้งหลายทั้งปวงขอบคุณท่านอาจารย์ไพโรจน์ และอาจารย์ประพัฒน์ ที่ปรึกษาชมรมอย่างสูงครับ

ยินดีด้วยนะครับผม อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยครับ

รบกวนสอบถามคุณ Naieak หน่อยค่ะ คือ ของดิฉันเนี่ยโดนหมายฟ้องจาก SCB มาแล้วค่ะ ฟ้องรวมกัน 2xx,xxx หยุดมาได้แค่ ห้าเดือนเองค่ะ

ต้องไปขึ้นศาลไกล่เกลี่ยวันที่ 1 กพ ที่จะถึงนี่ค่ะ ตอนนี้มืดแปดด้านว่า เราจะสู้หรือลองดูว่าข้อเสนอของเค้าที่ให้มาเป็นแบบไหนค่ะ ว่าจะเอาหมายศาลไปสวนลุมเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาก็ เจอม๊อบซะ เลยไม่ได้ไป

ไปศาลครั้งแรก ส่วนใหญ่ศาลจะถามว่าจะไปเจรจากันก่อนไหมเผื่อตกลงกันได้ ถ้าเรายินดีและแสดงเจตนาที่จะเจรจา ศาลให้ไปที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยน เจ้าหนี้ก้จะเสนอเงื่อนไข Hair cut หรือผ่อนจ่ายมาให้เราพิจารณา เราก้ขอเวลาไปพิจารรา ศาลจะให้เลื่อนไปคิดก่อนอีกประมาณ 1 เดือน ค่อยกลับมาเจรจากันใหม่

การเจรจาครั้งนี้ ถ้าเราแสดงเจตนาว่าจะจ่าย บางทีศุนยืไกล่เกลี่ยก้จะให้เวลาเราเลื่อนชยายเวลาไปได้อีก 1 ครั้ง แล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกที แต่ถ้าแสดงเจตนาให้เค้าจับได้ว่าเราไม่มีตังค์จ่ายเจรจาเพื่อถ่วงเวลา เค้าก็จะไม่ให้ขยาย

ถ้าไม่ได้ขยาย ก็จะนัดวันสืบ ขั้นตอนนี้เราก็หาทนายไปยื่ยเรื่องทำเอกสารส่งให้ศาลก่อนวันนัด 15 วัน แต่เมื่อถึงวันนัดก่อนเข้าห้องสืบพยาน เจ้าหนี้ก็จะมาคุยกะเราอีก ยื่นข้อเสนอให้เราพิจารณาผ่อนหรือ hair cut อีกครั้ง ถ้าเราตกลง ก็เว็นต์สัญญากัน เค้าเรียกว่ายอมหน้าศาล แต่ถ้าเราไม่ตกลง ก็เข้าสุ่กระบวนการสืบพยาน หลังจากนั้นก้จะนัดวันรับทราบคำพิพากษา หลังจากวันสืบไปประมาณ 1-2 เดือน

หลังจากได้รับคำพิพากษาแล้ว เราก้ไปเจรจากับเจ้าหนี้ ว่าจะจ่ายยังไง

ข้อดีของการสุ้คดี คือเราอาจจ่ายน้อยกว่ามูลหนี้ที่ฟ้อง ถ้าเราชนะ แต่ถ้าเราแพ้ก็จ่ายตามฟ้องพร้อมดอก

ขั้นตอนมีคร่าวๆ แบบนี้ ใช้เวลาประมาณ 1 ปี จบทุกกระบวนการ

มีปัญหาเรื่องทนายและกฏหมายปรึกษาคุณอาประพัฒนืได้ทุกย่ายวันอาทิตย์ที่สวนลุมครับ

ไม่รู้ระบบบอร์ดนี้มีปัญหาหรือเปล่าครับ
วันนี้ทุกครั้งที่เข้ามาในนี้ จะ Log In ไม่ได้
ต้องขอ Password ใหม่ตลอด
ใครที่ดูแลอยู่ช่วยแก้ไขด้วยครับ

ขอบคุณครับ

เมื่อวานแจ้งว่า ระบบมีปัญหา Log In ไม่ได้ ต้องขอ Passsword ใหม่ทุกครั้งที่เข้า

วันนี้แย่กว่าเดิม e-mail ผม ถูกลบออกจากระบบ ขอ password ใหม่ไม่ได้ ต้องลงทะเบียนใหม่ ในชื่อใหม่เลย

เอ webboard แห่งนี้ชักจะยังไงๆ ชอบกล ระบบรวน หรือมีอะไรแฝงมากกว่านี้หรือเปล่าครับ คนดูแลระบบ หรือคุณนกกระจอกเทศ ประธาน ช่วยตรวจสอบหน่อยครับ

มีใครมีปัยหาเข้าไม่ได้ ต้องขอ password ใหม่ หรืออีเมลืหายไปจากระบบเหมือนผมหรือเปล่าครับ แจ้งด้วยครับ ถ้ามีเมหือนๆ กัน จะได้รู้ว่ามันเป็นที่ระบบ แต่ถ้าไม่มี มันเป็นแค่ผมคนเดียว แบบนี้น่าคิดนะ

หวังว่า ผมคงไม่ต้องเปลี่ยนชื่อเป้น naieak 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ไปเรื่อยๆ นะครับ

เมื่อวานก็เข้าไม่ได้เหมือนกันคะแต่ไม่ได้คิดไรมากอาจจะขัดข้องของทางชมรมคะ

ผมก็คิดเช่นนั้นครับ เพราะไม่อยากคิดเป็นอย่างอื่นๆ

ผมแค่ผ่านมาแล้วก้ผ่านไปครับ ช่วงนี้ปลายปีเริ่มว่าง และมีข่าวดี ก็เลยมาโพสต์ให้กำลังใจกัน และคิดว่าผมได้ประโยชน์จากชมรมนี้ไปพอสมควรแล้ว ถ้ามีเวลาว่าง ก็อยากเอาประสบการณ์และความรู้ที่ได้เจอกับตัวเองช่วงปีที่ผ่านมา มาแชร์ให้เกิดประโยชน์บ้าง และเห้นใครหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาโพสต์ ถ้าผมพอให้คำแนะนำได้ ก้จะให้คำแนะนำ เพราะไม่อยากให้คลำทางแบบไร้จุดหมายเหมือนผมตอนเข้ามารุ้จักชมรมใหม่ๆ

ผมไม่ใช่ผุ้เชียวชาญนะครับ ไม่มีความรู้มากเหมือนกรรมการชมรม แต่ผมเชื่อว่าประสบการณ์จากบัตร 6-7 ใบ ในช่วงปีที่ผ่านมา มันทำให้ผมรู้อะไรเยอะพอสมควร ช่วยใครได้ ก็ช่วย แชรือะไรได้ ก็แชร์ครับ

สวัสดีค่ะ เป็นหนี้หลายบัตรเหมือนกันค่ะ พึ่งหยุดจ่ายได้ 2 เดือน เข้าเดือนที่สาม รู้สึกกังวลกับบัตร KTC ซึ่งมี ทั้งบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต ยอดรวมหนี้ แสนบาทนิดๆ พอดีอ่านในกระทู้ต่างๆ เห็นว่า เป็นบัตรที่ฟ้องเร็ว สุด ตอนนรี้ยังเก็บเงินไม่ได้เลยค่ะ ทีนี้จะเรียนถามคุณ naiaek ว่า กรณีบัตรกดเงินสด ซึ่งเค้าคิดดอกเบี้ยเรา 28% ต่อปี ซึ่งมากกว่ากฎหมายกำหนดไว้ ไม่ทราบว่าหากเราถูกฟ้องเราจะสามารถยกประเด็นการเก็บดอกเบี้ยที่สูงนี้ร้องต่อศาลให้พิจารณาปรับลดยอดหนี้ได้หรือเปล่า อย่างเช่น ยอดหนี้ของเรา 55,000 บาท ที่นี้เราใช้บัตรนี้มา 7 ปี สมมุติยอดการใช้บัตรเฉลี่ย 45,000 บาทต่อเดือน ตลอด 7 ปีที่ใช้บัตร ซึ่งดอกเบี้ยที่ทางธนาคารได้จากเรา จะเป็น (45000x28)/100 = 12,600 บาทต่อปี ซึ่งถ้าคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายจะเป็นเงิน (45000*15)/100 = 6,750 บาท/ปี ฉะนั้น ธนาคารเก็บดอกเบี้ยเราเกินไปปีละ 12,600-6,750= 5,850 บาทต่อปี ทีนี้ก็แสดงว่า ตลอดเวลา 7 ปี ที่เราใช้บริการบัตรนี้อยู่ เราถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินไปเป็นเงินทั้งหมด 5,850x7 = 40,950 บาท แล้วทีนี้จากยอดเงินที่เค้าขูดเราไปนี้และเราจ่ายไปแล้วตลอด 7 ปี ที่ผ่านมานั้น เราจะสามารถเขียนคำร้องขอให้ศาลเห็นใจและนำยอดดอกเบี้ยที่เราโดนเรียกเก็บเกินไปนี้ไปหักยอดหนี้ที่เค้าฟ้องได้หรือเปล่าคะ ในที่นี้คือ 55,000-40,950 = 14,050 บาท ฉะนั้นยอดหนี้ที่ยุติธรรมสำหรับเราคือ 14,050 บาท อย่างนี้ ได้หรือเปล่าคะ รบกวนผู้รู้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ