บทเรียนราคาแพง 7 ปี หนี้ล้านกว่า ๆ โง่สุด ๆ

ไม่น่าเป็นไปได้เลยเรา บอกใคร ใครเค้าจะเชื่อ หลายคนรู้เรื่องถึงกลับช็อค
ตลอดเวลา 7 ปี ใช้ชีวิตแสนสบาย อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน ไม่เคยคิดหน้าคิดหลังเลย
เงินก็ไม่เคยเก็บ อันนี้ไม่ต้องรอจนแก่จนเฒ่าแล้วจะลำบาก ตอนนี้ก็ลำบากแล้วค่ะ
เริ่มจากทำงานได้ประมาณปีที่สาม ตอนนั้น KTC เพิ่งเริ่มรับสมัครบัตรเครดิต
ด้วยรับสมัครที่ฐานเงินเดือน 7,500 บาท ให้วงเงินบัตรเครดิตอยู่ที่ 3 เท่าของเงินเดือน
เราก็ทำทีนี้เอาล่ะสิ เริ่มอยากได้โน่นนี่นั่น ก็ใช้มาเรื่อย ๆ ใช้ไปจ่ายมา ผ่านมาอีกหน่อย
ก็ไปทำบัตรเครดิตอิออน อันนี้ให้วงเงิน 2 เท่าของเงินเดือน ทีนี้มีกระเป๋าตังค์เพิ่มเป็น 2 ใบล่ะ

ผ่านไปประมาณ 5 ปี กลายเป็นหนี้เต็มวงเงินทั้ง 2 ใบ ก็พอดีว่าพ่อขายที่ได้เงินก้อนมา
พอก็แบ่งมาจ่ายปิดให้ อิออนจ่ายปิดยอดและยกเลิกบัตรเลย KTC จ่ายปิดยอดแต่ไม่ยอมยกเลิกบัตร
หลังจากที่พ่อปิดให้ก็สัญญาว่าเลิกแล้วจะไม่ทำอีกแล้ว และพ่อจ่ายให้เลยไม่ต้องใช้คืน
ตอนแรก ๆ ก็ไม่ใช้บัตรเลย มีเงินเก็บด้วย พยายามเก็บเดือนละ 10% ของเงินเดือน
ไม่น่าเชื่อได้เงินมาก้อนนึง ไม่เยอะแต่ก็ไม่น้อย เอาละทีนี้มาเปลี่ยนงานอีก ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
เงินที่ได้ไม่พอ ดึงเอาเงินเก็บมาใช้จนหมด มีเวลาเดินห้างเพิ่ม ก็ไปซื้อเครื่องสำอางค์เพิ่ม
อยากได้อะไร ดูแล้วสวยถูกใจ เอาเลยซื้อเลย ผ่านมา 3 ปี ไปทำบัตรกดเงินสดของ KTC เพิ่มอีก 1 ใบ
ได้วงเงินอีก 60,000 บาท ทีนี้ก็กลับมามีบัตรสองใบอีกแล้ว ก็ใช้อีก ใช้จนเต็ม แต่ในช่วงนี้
เรามีทำบัญชีการใช้บัตรนะคะ อ่ะเปลี่ยนงานใหม่อีกแล้ว ทีนี้บริษัทฝรั่ง ได้เงินเดือนเยอะขึ้นมานิดนึง
ก็ใช้บัตรไป จ่ายไป และก็ไปสมัครเล่นฟิตเนสอีก ผูกกับบัตร KTC อีก โอ้ว ทีนี้ต่อเดือนต้องคำนวณ
ให้วงเงินในบัตรต้องเหลือพอให้ฟิตเนสหักบัตรได้ และได้ไปทำบัตร Central Card Red เพิ่มอีก 1 ใบ
ได้วงเงินมา 54,000 บาทก็ใช้อีก ใช้ไปเรื่อย ๆ ทีนี้มาเปลี่ยนงานอีก แต่เงินเดือนลดหายไปหนึ่งหมื่นบาท
ก่อนที่จะลาออกจ่กบริษัทฝรั่งก็คิดหาทางที่จะเอาเงินไปจ่ายหนี้

ก็ได้รู้จักกับสินเชื่อส่วนบุคคล
โดยสมัครกับกรุงศรีฯ ไดเงินมา 100,000 บาท ก็เอามาปิดยอดบัตรแต่ได้ไม่หมด และเราก็ไม่ได้เอาเงินทั้งหมดไปจ่ายด้วย เก็บเอาไว้บ้าง เอาไว้ซื้อของ และก็เหมือนเดิม จ่ายไปใช้มา ต่อมาก็ทำสินเชื่อส่วนบุคคลอีกสองที่คือ CIMB ได้เงินมา 100,000 บาท กับ Citi Advance ได้เงินมา 90,000 บาท ก็เหมือนเดิม เอาไปจ่ายบัตรบ้าง เก็บไว้ใช้บ้าง และก็ไม่ได้ปิดกับยกเลิกบัตร ก็ใช้บัตรอีกเหมือนเดิม และหนักกว่าเดิมอีก ด้วยที่ต้องไปเล่นฟิตเนสอาทิตย์ละ 2-3 วัน ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ทีนี้มันส์หนักเลยค่ะ Shopping ตลอด ซื้อของทุกอาทิตย์ วันหนึ่งเป็นพัน ๆ มีความสุขมาก อยากได้อะไร ถูกใจอะไร ซื้อหมด อยากกินอะไร ซื้อกินหมด ไม่คิดอะไรเลย เข้าทางแบบว่า รายได้น้อยแต่รสนิยมสูง แต่ไม่แคร์ ช่วงนี้เราทำบัตรเพิ่มอีกคือ Citi M Visa ได้วงเงินมา 40,000 บาท ที่ทำเพราะเราไปเดอะมอลล์บ่อยมาก เลยอยากได้ส่วนลดต่าง ๆ พอใช้ชีวิตแบบนี้ไปซักพัก ทีนี้ล่ะทุกข์เริ่มมาเยือน เงินเดือนไม่พอจ่ายหนี้ ก็เริ่มไปกดบัตรนี้ไปจ่ายบัตรโน้น กดบัตรโน้นมาจ่ายบัตรนี้ ช่วงนี้เราก็ไปทำบัตร UMay+ ได้วงเงินมา 16,000 บาท ก็เหมือนกัน กดไปใช้อีกตามเคย พอมันเต็มอีก ทีนี้ไม่ไหวแล้วเราไปสารภาพกับแม่ แม่ก็ให้ยืมเงินมาไปจ่ายหนี้ 30,000 บาท และเราต้องผ่อนคืนแม่ เดือนละ 2,000 บาท คราวนี้ห่างจากที่พ่อจ่ายให้ 4 ปี ครั้งนี้เราเอาบัตร KTC บัตรหลักให้แม่ไป แต่เรามีบัตรเสริมเก็บไว้อีก 1 ใบ ช่วงนี้เราไม่ได้เล่นฟิตเนสแล้ว ไปขอหยุดไว้ก่อน ผ่านมาไม่กี่เดือนเลย เอาอีกแล้ว เราไม่มีเงินอีกแล้ว เราไปขอยืมกับพ่ออีก โดยที่เราก็โกหกพ่อกับแม่ว่ามีหนี้แค่ 200,000 บาท พ่อให้ยืมเงิน โดยต้องใช้คืนพ่อเดือนละ 1,000 บาท ก็เอาไปปิดบัตร Citi M Visa ปิดยอดยกเลิกบัตร (ขนาดยกเลิกแล้ว ยังจะส่งบัตรใบใหม่มาให้อีก) , ปิดยอดสินเชื่อส่วนบุคคลกรุงศรีฯ , จ่ายยอด Central Card Red , ปิดยอดบัตร UMay+ หมด 200,000 ในพริบตา

หลังจากนั้นยังไม่เข็ด เราก็กลับมาสมัครบัตรอิออนอีกครั้ง ทีนี้ได้วงเงินมา 35,000 บาท ก็เหมือนเดิม ใช้ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่พออีก ไปกู้สินเชื่อส่วนบุคคลของอิออนอีก ได้เงินมา 20,000 บาท ก็เอาไปจ่ายบัตรอีก ทีนี้ก็ไปกู้สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มอีก คือ HSBC (ที่ต่อมาโยกไปเป็นกรุงศรีฯ) ได้วงเงินมา 75,000 บาท พร้อมกับ UOB ได้วงเงินมา 100,000 บาท ก็ใช้ไปบ้าง จ่ายบัตรบ้าง เอามาหมุนจ่ายพวกที่กู้มาบ้าง สุดท้ายก็ทำบัตร K Bank ได้วงเงินมา 40,000 บาท กับ K Express Cash อีกได้วงเงินมา 20,000 บาท
พอมาถึงตอนนี้แทบจะไม่ได้เอาบัตรไปรูดซื้อของเลย กลายเป็นเอาบัตรไปกดเงินสดมาหมุนจ่ายหนี้ ซึ่งระหว่างทางบัตรต่าง ๆ ก็เพิ่มวงเงินให้ยกเว้น Central Card Red กับ K Bank ที่ไม่ได้ปรับเพิ่มวงเงิน บัตร KTC เพิ่วงเงินเป็น 72,200 บาท , KTC Cash Revolve เพิ่มวงเงินเป็น 72,000 บาท , UMay+ เพิ่มวงเงินเป็น 77,000 บาท มิหนำซ้ำ CIMB ยังจะมาเสนอเงินกู้ก้อนใหม่ให้เพิ่มอีก 90,000 บาท แต่ต้องเอาไปหักเงินกู้ก้อนเก่าที่เหลืออยู่ให้หมดก่อนเหลือเงินอยู่ประมาณ 20,000 กว่า ๆ แล้วผ่อนเท่าเดิมต่อไปอีก ทีนี้กู้อะไรทำบัตรอะไรเพิ่มไม่ได้แล้วเพราะภาระหนี้ในเครดิตบูโรเต็ม ก็เริ่มไปยืมเงินคนที่สนิท พี่เค้าใจดีให้เรายืมมาแสนกว่า ๆ ก็เอามาจ่ายหนี้ทั้งหลาย จ่ายเสร็จก็กดออกมาใช้

เอาล่ะมันก็ยังไม่พออีก ไม่รู้จะทำยังไง นั่งรถผ่านเห็นป้ายที่แปะอยู่ตามเสา "เพิ่มวงเงินอิออนได้ 50,00 บาท" เราเลยลองโทร.ไปตามเบอร์ที่แปะไว้ เค้าก็เช็ควงเงินที่เหลือในบัตรอิออนก่อน แล้วทีนี้ก็นัดเจอเราที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ไปเจอเค้าที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือ เค้าก็จัดแจงเอาบัตรอิออนไปรูดซื้อมือถือประมาณ 40,000 กว่า ๆ โดยให้เราผ่อนกับอิออนเดือนละ 3,000 กว่าบาทแล้วเค้าก็ให้เงินสดเรามา 30,000 กว่าบาท เราก็เอาไปจ่ายหนี้อีก พอสิ้นปีได้โบนัสมาเราก็เอาเงินไปจ่ายหนี้แล้วก็กดออกมาใช้อีก พออีก 1 เดือน เงินไม่พอจ่ายอีก เราก็ติดต่อไปที่เจ้าเดิม เค้านัดเราที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เที่ยวนี้เค้าให้เราไปรูดซื้อไอแพด กับ ไอพอด แล้วเค้าให้เงินเรามา 20,000 กว่าบาท ผ่านมาอีก2 เดือน เอาอีกแล้ว ไม่พออีกแล้วเราก็ใช้วิธีโทร.ตามเบอร์ที่แปะอยู่ข้างทางอีก ทีนี้เป็นเจ้าใหม่ เค้าก็นัดที่เดิมเลย เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ไปรูดซื้อไอพอด ได้เงินมา 6,000 กว่าบาท ก็ไม่พอ เค้าแนะนำว่าให้เราขอวงเงินสดฉุกเฉินกับ K Bank โดยที่เราต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้ K Bank ก่อนที่ 5,000 บาท แล้วโทรไปขอเพิ่มวงเงินสดฉุกเฉินก็ไปรูดที่ร้านโทรศัพท์ที่ไปรูดผ่อนของ รูดได้ 4,000 บาท เหลือเงินกลับบ้าน 5,000 บาท พอผ่านมาอีก 1 เดือนเงินไม่พออีก ก็เอาอีกก็ไปรูดอิออนผ่อนไอแพดมินิอีก ได้เงินมาประมาณ 6,000 บาท มันก็ยังไม่พอแต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว จนสิ้นเดือนได้โบนัสมาอีกก้อน พอเดือนถัดมาทีนี้ไม่รู้จะทำยังไง ลองโทร.หาเจ้าใหม่ เค้าแนะนำให้เราไปผ่อนมอเตอร์ไซค์ ราคารถ 86,000 บาท แล้วเค้าให้เงินเรามา 43,000 บาท แต่เราเป็นหนี้อิออน 160,000 บาท พอได้เงินมาก็หายใจได้หน่อย

ผ่านมาอีก 2 เดือนปัญหามาอีกแล้ว ก็ไปผ่อนมอเตอร์ไซค์อีก แต่ทีนี้เป็นผ่อนกับไฟแนนซ์ที่ร้านขายมอเตอร์ไซค์ ราคารถ 55,000 บาท ได้เงินมา 23,000 บาท แต่เราเป็นหนี้ทั้งหมด 91,000 กว่าบาท ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแต่อยากได้เงินมาหมุนอย่างเดียว การกรัทำทั้งหมดนี้ที่บ้านเราไม่มีใครรู้เรื่องเลย เราไปแอบทำทั้งหมดเลย จนกระทั่งไฟแนนซ์ส่งสำเนาสัญญาเช่าซื้อมาที่บ้าน แม่แกะดู แม่ตกใจโทร.หาเราเลย ว่าไปซื้อรถให้ใครทำไมมีสัญญาส่งมาที่บ้าน ซวยแล้ว ก็ได้แต่บอกแม่ว่าเดี๋ยวกลับไปคุยที่บ้านนะ พอกลับถึงบ้านก็เละเลยโดนแม่ว่า เราเอาบัตรเครดิตทั้งหมดให้แม่ แม่ตัดเดี๋ยวนั้นเลย แม่โกรธมาก ทีนี้มันหมดหนทางแล้ว ไม่รู้จะหันไปทางไหน ต้องยอมสารภาพกับพ่อแม่ สุดท้ายก็จบด้วยการที่โดนแม่ว่า แต่แม่ก็ยอมให้ยืมเงินอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ปิดให้หมด ต้องบอกให้หมดทุกอัน แล้วแม่ก็ไม่เชื่อเราอีกแล้ว คอยย้ำตลอดว่าเดี๋ยวก็ไปมำใหม่อีกสิ
เราก็ได้แต่บอกว่ามันทำไม่ได้แล้ว แล้วเราก็ไม่เอาแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว เรารู้แล้วว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย
มันหลอกให้เราสบายตอนแรกแล้วมาตายตอนหลัง พวกนี้เค้าขุดหลุมไว้รอเราตั้งแต่ชวนเราสมัครแล้ว
ถ้าเราใช้มันเยอะ ๆ หลุมก็ลึกลงไปเรื่อย ๆ ทีนี้ล่ะพอเราจ่ายไม่ได้ ก็เอาเราลงหลุมแล้วฝังเราเลย
เราไม่อยากให้ใครเป็นแบบเราเลยค่ะ เรารู้ว่าด้วยอาชีพพนักงานประจำ มันมีภาษีสังคมเยอะ เค้ามีเราก็อยากมี
อยากได้ มันจะมีซักกี่คนที่ตัดภาษีสังคมออกไปได้ ต่อไปนี้เราไม่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีกแลัว
ต่อไปใช้หนี้แม่หมดแล้วเราจะใช้แต่เงินสด ซึ่งต้องหลังจากเก็บออมก่อนแล้ว ชีวิตที่ผ่านมาเราใช้อย่างประมาทมาก
เราเคยบอกแม่ว่าเราไปเดินให้รถชนเลยดีมั้ย ตาย ๆ ไปเลยแม่จะได้เอาเงินประกันเราไปจ่ายหนี้
แล้วจะได้ไม่มีเราเป็นภาระ แต่แม่บอกว่าทำแบบนั้นไม่คิดว่าแม่จะเสียใจบ้างเหรอ

ตอนนี้เราเคลียร์ไปได้หลายอันแล้ว รายละเอียดดังนี้ค่ะ

1. UOB 64,391 (คิดแต่เงินต้น ไม่มีดอกเบี้ย)
2. central 56,049
3. krungsri 54,438.44
4. citi 15,000 (จากยอดหนี้ที่ค้า 21,000 กว่าบาท)
5. aeon 201,696 บาท (จากยอดหนี้ 252,469 บาท)
6. ฐิติกร 73,300 บาท (ไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์)

ที่ยังเหลืออยู่ เรารอต่อรอง
1. KTC ประมาณ 95,000 บาท (ค้างจ่ายมา 3 เดือนแล้วค่ะ)
2. KTC Cash Revolve เมื่อวานเพิ่มโทร.มาแจ้งยอดว่าลดให้ได้แค่ 64,000 บาท (จาก 65,647 บาท) แต่เรายังไม่ได้ตกลง (ค้ามา 1เดือนแล้วค่ะ)
3. kbank 70,429 บาท (ยังไม่ได้ต่อรองเลย และค้างจ่ายมา 1 เดือนแล้วค่ะ)
4. Umay 79,918 บาท (เรากำลังขอต่อรองเป็น 50,000 บาท และค้างจ่ายมา 1 เดือนแล้ว)
5. Cimb 77,072 บาท (เราอยากได้ส่วนลด ค้างจ่ายมา 1 เดือนแล้วค่ะ)