ปิดหนี้ล้านกว่าบาทใน4ปีค่ะ

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #40771 โดย Anna
:say:
ดิฉันชื่อ แอนนา วันนี้จะขอแชร์ประสบการณ์ การปรับวิกฤตให้เป็นโอกาสให้เพื่อน ๆ นำไปปรับใช้ดูนะคะ
เมื่อประมาณปลายปี 2551 แอนนาโดนญาตินำบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเงินกู้บางส่วนที่กู้ให้ ญาติจนญาติหนีหายไปทิ้งหนี้กองโตไว้ให้ต่างหน้า ดังนี้ค่ะ
- บัตรดรีมโลน (ของกรุงศรี) เงินต้นยอด = 40,000 บาท
- บัตรเครดิต กรุงศรี MASTER CARD เงินต้นยอด= 50,000 บาท
- บัตรกดเงินสด KTC เงินต้นยอด= 80,000 บาท
- บัตรเครดิต KTC MASTER CARD เงินต้นยอด= 80,000 บาท
- บัตรเครดิต HSBC PLATINUM VISA เงินต้นยอด= 80,000 บาท
- บัตรเครดิต CITY BANK CASH BACK VISA เงินต้นยอด= 120,000 บาท
- บัตรเครดิต CITY BANK THE MALL VISA เงินต้นยอด= 50,000 บาท
- บัตรกดเงินสด Ready Credit เงินต้นยอด= 140,000 บาท
- สินเชื่อ CITY ADVANCE เงินต้นยอด= 140,000 บาท
- สินเชื่อ CIMB THAI เงินต้นยอด= 140,000 บาท
- บัตรเครดิต HSBC เงินต้นยอด= 80,000 บาท
- บัตรเครดิต SCIB VISA เงินต้นยอด= 60,000 บาท
- บัตรเครดิต SCIB MASTER CARD เงินต้นยอด= 20,000 บาท
- AEON VISA เงินต้นยอด= 40,000 บาท
- AEON LOAN เงินต้นยอด= 40,000 บาท

รวม= 1,120,000 บาท
เส้นทางการปิดยอดเดินทางดังนี้ค่ะ อดทนรอคอย และทนการทวงหนี้จากทุก ๆ ทาง ทั้งทางโทรศัพท์ เบอร์บ้านและเบอร์ออฟฟิตกว่า 7 เดือน ที่แสนสาหัส และ สามปีกว่า ที่มีแต่สายทวงหนี้
มิชชั่นการปิดหนี้ให้ได้มีเส้นทางตามนี้ค่ะ

1. ธนาคารที่ตัดสินใจปิดยอดคือ ธนาคารกรุงศรี บัตรดรีมโลนที่มียอดเต็ม 40,000 บาท ทางธนาคารมีโปรโมชั่น ลดให้เหลือ 20,000 บาทเมื่อช่วงประมาณ กลางปี 2552 เราจึงเอาเงินค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากบริษัท ปิดยอดทันทีค่ะ

2. เจ้าหนี้รายที่ 2 ที่เรายอมจ่าย คือ - บัตรเครดิต CITY BANK CASH BACK VISA เงินนต้นยอด120, 000 บาท แต่ตอนนั้นรวมดอกเบี้ยแล้ว ก้าวไปไกลประมาณ 135,000 บาท แต่เราโชคดีเจอเจ้าหน้าที่ใจดีแนะนำเราให้ทำการผ่อน โดยจะให้เวลา 10 เดือนและจ่ายเบ็ดเสร็จเพียง 70,000 บาท ดังนั้น เราจึงยอมจ่าย ตั้งแต่ช่วง พย 2552 – พค 2553 และปิดได้ในที่สุด

3. ระหว่างนั้น ช่วง พค 2553 มีเจ้าหนี้ รายนึงฟ้องมา คือ Ready credit ยอดรวม 140,000 บาท และฟ้องมาที่ยอด 180,000 บาท ซึ่งนับว่าสูงมาก ๆ เลย เราไม่รู้จะทำยังไง โชคดีมีน้องที่เป็นทนายเพิ่งเรียนจบ ไปเลื่อนนัดครั้งแรกให้เรา จาก เดือน กพ 2553 ไปเป็น พค 2553 แทน หลังจากนั้น นัดครั้งที่ 2 เราไปเอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ศาลของเรา เราก็กลัว ๆ มาก และในที่สุดยอมจ่ายทนายไปและทำสัญญาที่ศาล ที่ยอดรวม 160,000 บาท ผ่อนเดือนละ 1,500 บาทขั้นต่ำและต้องปิดบัญชีภายใน 2 ปี

4. ช่วงประมาณเดือน กันยา 2553 เราเก็บเงินได้อีก 15,000 บาท และสามีคงสงสารเรา ให้เงินมาช่วยปิดเจ้าหนี้รายนี้ 20,000 บาท เพราะว่า ทางธนาคารกรุงศรีเสนอมาจากยอดเต็ม 5x,xxx บาทรวมดอกเบี้ย และเสนอลดให้ที่ยอด 35,000 บาท เราจึงตัดสินใจปิดเป็นใบที่3 เพราะอันบนยังไม่ได้ปิด แค่ไปประนอมหนี้มาเฉย ๆ แต่ปัจจุบันหาเงินปิดไปแล้วเมื่อปลายปี 2555 จ้า

5. ฟ้องมาอีกใบกับ city advance คราวนี้ก็เริ่มมีประสบการณจากคราวแรกเรื่องขอเลื่อน ครั้งแรกนัดประมาณ ปลาย พย 53 ครั้งแรกเราขอเลื่อน ไปเป็น มค 2554 และครั้งที่ 2 พอไปที่ศาล ไม่ได้ตั้งใจจะขอเลื่อน แต่ทางทนายฝั่ง city advance สับสนเรื่องยอดเงินที่เราแจ้งว่า เรามีการจ่ายก่อนหน้าที่จะฟ้องไป เดือนละ 2,500 บาท 4 เดือน เพราะทางทนายบอกว่าถ้าจ่ายจะไม่ฟ้องแล้วอยู่ดี ๆ มาฟ้อง เรานำหลักฐานให้ทางผู้พิพากษาดู และนำเรื่องยอดตัวเลขว่า วงเงินที่อนุมัติ คือ 140,000 บาท ก่อนหน้านี้เรามีการผ่อนชำระอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะผิดสัญญา รวมเป็นเงิน xx,xxx บาท และ เมื่อมีการทาวงถามก็มีการชำระอีก รวม 10,000 บาทก่อนได้รับหมายศาล รวม แล้วเราไม่ควรเป็นหนี้ที่ยอดเกิน 13x,xxx บาท เมื่อนำเรื่องตัวเลขและรายละเอียดเข้าพูด ร้อยทั้งร้อย ทนายที่ไม่ได้อย่างข้อมูลมาก่อนจะสับสน และนิ่งไป สรุปทนายจะขอเลื่อนเป็นช่วง กพ แต่เราท้องและใกล้ถึงกำหนดคลอดแล้ว ทางผู้พิพากษาจึงบอกทางทนายโจทย์ว่า ถ้าต้องการเลื่อนต้องให้จำเลยไปคลอดลูกและพักอีก 3 เดือนจึงมาคุยกันใหม่ได้ คราวนี้ เราได้พักยาว นัดอีกทีคราวหน้าก็ ปลาย พค เลย พอถึงปลาย พค 2554 ก็ไปสรุปที่ยอดตามที่เราแจ้งต่อหน้าศาลคราวนั้น และ ผ่อนได้อีกเดือนละ 3,500 บาท ภายใน 2 ปีเคลียร์ ยอดให้หมด

6. คราวนี้มาถึงใบสุดยอดแห่งนักทวงนี้ที่นับถือ คือ ทาง CIMB BANK แนะนำเราดีมาก ๆ คือ ก่อนหน้านี้เรามีทำสัญญษผ่อนแบบขั้นบันได้กับ CIMB จากยอดรวม 140,000 บาท ผ่อนปีแรก 1,500 บาท ปีที่ 2 5,000 บาท และ ปีที่ 3 8,000 บาทให้หมดภายใน 3 ปี เป็นอันว่าหมดหนี้ แต่ว่า ผ่อนไปได้จนจะครบปีแรก เริ่มคิดว่า พอปี 2 จะรอดไหม คราวนี้ไม่รู้จำทำไงหนี้เยอะมากเครียด ช่วงประมาณ ปลาย พค 2553 เลยโทรไปหาอาจารย์ไพโรจน์ อาจารย์แนะนำว่า ถ้ามีอะไร พอจะเปลี่ยนเป็นเงินได้ ให้เอาไปเปลี่ยน ตอนนั้นผ่อนรถอยู่แต่ถ้าเอาไปrefinance น่าจะได้เงินซักก้อน เลยอยาก refinance รถ แต่ก็ทำไงได้ ติดเครดิตไปแล้ว ตอน เจ้าหน้าที่ CIMB โทรมาให้ส่วนลดถ้าปิดก่อน ตอนนั้นเหลือ ยอดประมาณ 125,000 บาท เลยถามพี่เค้าไปว่า พี่ ๆ จะหาเงินมาได้จากไหนบ้าง ติดบูโรเนี้ย พี่เลยแนะนำ CITY LEASING ไป ให้เอารถไป refinance สรุปแนะนำแบบเดียวกับอาจารย์ไพโรจน์เลย เราเลยจัดไป ได้ยอดมา 145,000 เลยปิดของ CIMB ไป 70,000 บาท

7. จากข้อ 6 เงินเหลืออีก 70,000 บาท HSBC ใจดีลดให้อีกเลยปิดตัวนี้แหละ เพราะตัดอื่นมัวแต่ทวงไม่ยอมลด ปิดยอดไป 75,000 บาท

8. สุดยอดมหากาบเลยใบนี้ จ่ายๆ หยุด ๆ จ่าย ๆ แบบไม่มีผล ตัดแค่เศษเสี้ยวดอกของ KTC ในที่สุดหยุดจ่าย นาน ปีกว่า กว่าจะฟ้อง ของ KTC ฟ้อง 2 ตัวรวมกันที่ยอดเงินต้น credit 80,000 บาท บัตรกดเงิน 80,000 บาท แต่ฟ้องรวมที่ 260,000 บาท ซึ่งยอดมันเยอะมาก จากประสบการณ์ ของ ready credit ทำไมเราต้องยอดจ่ายดอกให้ฟรี ๆ เยอะขนาดนั้น จึงไม่ยอมเซ็นต์ยอมในครั้งแรกที่นัด ครั้งที่สอง เลื่อนมาจากครั้งแรก 2 เดือน ประมาณ ช่วง กพ 2556 ที่ผ่านมา คราวนี้ไปคนเดืยว และ บอกตรง ๆ ว่าขอเลื่อน ค่ะ รอเงินจากพี่สาวก่อน นี่เป็นครั้ง ที่ 2 ที่เราขอเลื่อน และนัดครั้งที่ 3 แปลว่า เราต้องไปเลื่อนแล้ว ใจไม่รู้จะทำไง แต่โชคดีพี่สาว จะกู้เงินสวัสดิการให้เรา แต่เงินยังไม่น่าออกทัน ปลายเมษานี้แน่ ๆ ไม่รู้จะทำงเครียดมากอีก จึงวิ่งรถไปหาอาจารย์ไพโรจน์ ก่อนนั้ดแค่ 3 วันซึ่งแย่มากเพราะ ถ้าอาจารย์ไม่ว่าง หรือ มีคิวแล้วเราคงแย่ โชคดีอาจารย์ยังว่าง และช่วยเขียนเอกสารต่อสู้คดีให้เรา และไปกับเราในครั้งที่ 3 นี้ พอไปถึงเราบอกจะสู้คดี คุยไปมาเลยนัดไปสู้คดีที่ 1 สิงหา 2556 และบอกทางทนายโจทย์ว่า ถ้าเราปิดที่เงินต้นได้ก่อนให้ถอนฟ้อง โชคดีเป็นของเรา เมื่อต้นเดือน กค ที่ผ่านมาเราได้เงินมาจากพี่สาว 2 แสนกว่า เราจึงปิดยอด KTC ได้ที่เงินต้น 160,000 จากยอดฟ้อง 260,000 บาท

9. และผลพลอยได้อีก 2 ใบกับ SCIB ใบนี้ จ่าย ๆ หยุด ๆ มา แต่พนักงานทวงก็น่ารักบอกว่า พี่ไม่ต้องจ่าย ปล่อยฟ้องเลยพี่ ดอกจะได้หยุดแล้วไปทำยอมที่ศาลค่ะ ผ่อนสบาย ๆ 2,000 ต่อเดือน ภายใน 3 ปี ปิดยอดที่ 9x,xxx บาท แต่ปรากฏผ่อน ๆ ไป ไม่ถึง 3 ปีหรอกพอดีจากข้อ 7 ที่ได้เงินมา พนักงานใจดี ลดให้เหลือ 38,000 สรุป คือ จ่ายแค่เงินต้นรวมจ่ายไป 80,000 บาท

10. ทวงมาข้ามปี ขอเล่าหน่อย ใบนี้ บัตรเครดิต CITY BANK THE MALL VISA เงินต้นยอด 50,000 บาท ระหว่างทางก่อนน้ำท่วมกรุงครั้งใหญ่ช่วงปี 2554 ปกติ city bank เวลาเราจ่ายเงินแล้วทางธนาคารจะมีใบเสร็จมาให้เรา แบบว่าช่วง มีค 2554 เราจ่ายไปจากยอด 5x,xxx บาทเหลือประมาณ 36,000 บาท แต่พอช่วงก่อนเปลี่ยนรัฐบาลตอนนั้น กระทรวงการคลังมีการประกาศนโยบายใหม่ไฉไลมาก ยอดเงิน แค่สามหมื่นกว่ากลายเป็น 56,000 บาท เซงมาก เลยตัดใจ ช่วงมันคิดตังเพิ่มขนาดนี้ไม่จ่าย ไม่หนี เซง ฟ้องมาเลย แต่ ก็ไม่ฟ้อง มีแอบจ่ายช่วงหลังน้ำท่วมไปเดือนละ 500 แล้วก็หยุด จนช่วงปี 2556 จากข้อ 8 ที่ได้เงินมา เหลือ ทางเจ้าหน้าที่ลดให้ แบบว่า จะปิดยอดกลางปีพอดีมั้ง 28 มิย ตอนแรกเรากะว่า จะขอลดเหลือ 30,000 บาทและปิดยอด สรุป เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าจ่ายวันนี้ ลดให้อีก 5,000 เหลือ 25,000 บาท เพราะเราบอกเขาว่า จะได้เงิน มา ต้นเดือน ถ้าทาง city bank ไม่ลดให้ก็จะไปจ่ายตัวอื่นแทน เพราะมีอีกหลายตัว สรุป เขาลดให้ พี่สาวใจดี เลยวิ่งโอนตังให้ก่อน และได้ค่าขนมไปฝากพ่ออีก 5,000 บาท ค่าส่วนต่าง สรุปใบนี้เงินถึงแบงค์แค่ 25,000 บาทจ้า

11. มาถึงเด็กน้อยอีก 2 ใบกับ Non-bank AEON ตอนนี้จ่ายไปเรื่อย ๆ เพราะว่า AEON ไม่คิดดอกเพิ่มแล้ว จ่ายแล้วก็ลด ๆ ตอนนี้ใบสองใบรวมกันน่าจะเหลือ ไม่ถึง 40,000 แล้วล่ะ คิดว่า จ่ายๆ ไปเดือนละพัน หรือไม่สิ้นปี ก็ปิดทีเดียวก้อจบละจ้า Hair cut อีกตามระเบียบ

สรุป เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การอดทน และ อดออม เป็นผลให้เราหลุดจากการเป็นหนี้ที่แสนปวดหัวได้แน่นอนค่ะ และต้องขอขอบคุณอาจารย์ไพโรจน์ หรือ คุณอาไพโรจน์ แห่งมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคนะคะ ที่สละเวลาให้คำปรึกษาและช่วยเหลือดำเนินการต่าง ๆให้ค่ะ นับว่าเป็นพระคุณมาก ๆ เพราะได้ช่วยเหลือให้เราและครอบครัวหลุดพ้น จากความคิดลบและช่วยแนะแนวทางที่ดี กับการปลดหนี้ค่ะ

สิ่งสำคัญเราต้องมีกำลังใจและกำลังกายที่จะอยู่ต่อ และเดินหน้าต่อไปเพื่อความสำเร็จที่รอคอยเราอยู่ค่ะ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ค่ะ ถ้าเรามีความตั้งใจจริงค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ ทุก ๆ ท่าน ขอให้มีความสุข ค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.449 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena