เตรียมพร้อมไปศาลครับ

ปิดบัญชีเล็กๆได้อีกหนึ่งบัญชี
บัตรกดเงินสดของ UOB จดยอดตัวเงินในใบแจ้งหนี้ใบสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจหยุดจ่ายพร้อมกันหมดทุกบัญชีเมื่อ 2555/06 ยอดเงินอยู่ที่ 36,xxx โดนทวงหนี้ทุกรูปแบบที่สมาชิท่านอื่นเจอๆกันนั้นแหล่ะตลอดสิบสองเดือนมาตรการการทวงจากเบาไปหาหนักแล้วก็ลดเป็นเบาเมื่อซักสี่เดือนที่ผ่านมาคำพูดคำจาของน้องๆจากสำนักงานกฎหมายที่ทำหน้าที่ทวงค่อยรื่นหูขึ้นมาหน่อยขึ้นต้นด้วยคำว่าตอนนี้ยอดเงินของคุณพี่บัตรเครดิตอยู่ที่ 8x,xxx บัตรกดเงินสดอยู่ที่ 44,xxx สนใจจะปิดยอดงวดเดียวที่ส่วนลด xxx,xxx ไม๊ค่ะ ไอ้เราก็ตอบด้วยคำตอบคลาสคิคไปครับว่ายังเก็บๆเงินอยู่อ่ะครับ ยัยหนูคนทวงแกก็เลยที่ลงท้ายด้วยประโยคที่ว่างั้นวันที่ xx xxxx xxxx หนูโทรมาขอคำตอบใหม่นะค่ะทุกครั้งไปทวงถี่ยิบแต่สุภาพมากทุกครั้งที่ทวง พอดีช่วงนี้มีเงินพอจะใช้หนี้ได้อยู่นิดๆหน่อยๆเลยขอแยกบัญชีใช้หนี้บัตรกดเงินสดก่อนเจรจายอดปิดเริ่มแรกอยู่ที่ 28,xxx ต่อรองกันอยู่เกือบๆสองเดือน(เฮอะๆก็เพราะต้องการเก็บเงินให้พอนั้นแหล่ะ)มาใช้มุกตอนนี้มีเงินอยู่ 23,750 ถ้าปิดยอดในสองวันนี้ที่ 22,000 จะไปชำระเลยขอเก็บเงินเดอาไว้ใช้จนถึงสิ้นเดือน 1,750 ต่อรองกันที่ยอดสุดท้าย 23,000 รับเอกสารต่างๆที่สาขาธนาคารที่กำหนดตรวจสอบให้แน่ใจตามที่ web แนะนำยอดพุ่งพรวดไปที่ 48,xxx ปิดไปได้อีกบัญชีนึง ใครจะเจรจายิดปิดได้มากได้น้อยอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนอะครับ ส่วนตัวของผมถือพอใจแล้วครับถ้าไม่ได้มาเจอ ชมรมฯ คงยังทนจ่ายยอดขุันต่ำอยู่ไม่รู้จักคำว่าหลุดพ้นหรอกครับ

เจอทนายโจทก์แบบเนี๋ยเสียอารมย์จูงเบย....แต่ก็ Let it be….ช่างแม่งมัน

นัดที่สองของคดีบัตรกรุงศรีตั้งใจเอาคำให้การจำเลยไปยื่นต่อศาลแล้วขอเลื่อนนัดสืบพยานเนื่องจากคุณอาไม่ว่าง บรรยากาศศาลแขวงต่างจังหวัดดูยุ่งๆและสับสน(เหมือนทุกๆครั้งที่ไปขึ้น) นัดสี่ห้าบันลังค์ก็มารวมๆกันอยู่บันลังค์เดียวกันได้เพราะมีการจัดอบรมการฟ้องตามวิxxxxxxxใหม่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์ต้องไปเข้าร่วมอบรมไอ้เราก็ดั้นด้นเข้าไปยื่นคำให้การจนได้ พอเจอหน้ายัยทนายโจทก์คนเดิมพอรู้ว่าว่าเราไปเพื่อยื่นคำให้การเพื่อสู้คดีคุณเธอก็เปล่งเสียงทักขึ้นมาว่า “แหม่จะสู้คดีกันให้ตายกันไปข้างเลยรึไงค่ะ” ไอ้เราก็เตรียมใจมาแต่แรกแล้วว่าฤทธิ์เดชยัยคนนี้ตั้งแต่เจอกันนัดแรกไม่เบาก็ได้แต่ยิ้มๆไม่พูดไม่จาโต้ตอบ ยัยนี้ยังถามต่อไปว่า “คราวที่แล้วไหนว่าจะมีเงินมาชำระงวดเดียวไงค่ะคุณขอลดไปจ่ายที่ตัวเลขไหนค่ะ” ไอ้เราก็งึมงำๆตอบไปว่า “ก็ขอลดจากเงินต้นที่หยุดจ่ายแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ต้นสังกัดคุณยังไม่ยอมเลย” ยัยทนายโจทก์ก็ลอยหน้าลอยตาสำราก(สำราก)ต่อไปว่า”สามสิบเปอร์เซ็นต์คนตายไปแล้วเค้ายังไม่ยอมลดให้เลยคุณยังเป็นๆยังไม่ตายนะค่ะ” จำเลยที่สองคนคู่ใจคู่กายเข้ามากระซิบข้างหูว่า”อีนี้ชักจะเยอะง่ะช่างแม่งมันคนที่ทำงานหนูปากคอแบบนี้มีสองประเภทเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนกับคนประเภทมีปมด้อยในชีวิตส่วนตัว”ทำให้เรานิ่งขึ้นมาหน่อยจ้องที่ตามันเขม่งเพราะปกติไม่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับใครชอบใช้แต่กำลังเฮอะๆยิ้มในหน้าฟังประโยคต่อไปของมันที่ว่า”แล้วนี้จะสู้ในประเด็นไหนแล้วคิดว่าจะชนะหรอค่ะ”แค่นั้นเราก็ฟิวส์ขาดหยิบnotebookขึ้นมาจดถ้อยคำที่มันสำราก(notebookจริงๆนะสมุดจดเล่มเล็กๆง่ะ) เลิกสนใจมันนั้งรอทำใจร่มๆดีกว่าในระหว่างนั้งรอเห็นทนายกับจำเลยหลายคดีจับคู่คุยกันหนุงหนิง มีทั้งไกล่เกลี่ยยอมความกัน มีทั้งไปยื่นคำให้การเหมือนเราแต่เห็นทนายโจทก์ทุกรายก็พูดจาดี้ดีกันทุกคน บางรายถามถึงลูกถึงผู้ชายหรือผู้หญิงอายุเท่าไหร่แล้ว บางรายได้ยินเสียงทนายถามปีนี้ข้าวดีไหมพี่พอจะผ่อนไหวไหม เฮ้อได้ยินแล้วผิดกับของเราราวกับฟ้ากับนรกเลยวุ้ย สืบพยานนัดหน้ามึงได้เจอของจริงแน่(เฮอะแบบว่ามีคุณอาไปด้วยง่ะ)
เจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยของศาลรับคำให้การใบแต่งทนายของเราไปอ่านแล้วก็ยิ้มๆไม่ว่าไรยัยทนายโจทก์พออ่านสำเนาคำให้การของเรารีบเข้าไปซุบซิบๆกับเจ้าหน้าที่ที่มารับเรื่องแว๊วๆว่า”ชื่อทนายจำเลยคุ้นๆเค้าคงทำคำให้การคดีหนี้เป็นอาชีพมั้ง” พอเจ้าหน้าที่หน้าบันลังก์พิมพ์เอกสารไปยื่นที่ห้องนัดหมายคดี เจ้าหน้าที่ออกหมายนัดคดีขอวันนัดของทนายทั้งสองฝ่ายเราจำใจต้องยื่นตารางวันนัดของคุณอาให้ยัยทนายโจทก์ที่โชว์เหนือขอปฐิทินนัดของคุณอาคุยกับเจ้าหน้าออกหมายนัดคดีแล้วเราก็เห็นถึงคำพังเพยที่ว่า”เวลาดูพระสงฆ์รูปใดตั้งใจในวัตรปฏิบัติหรือไม่ให้สังเกตุเวลาท่านออกบิณทบาตหากยังชำเรืองดูของในบาตรพระรูปอื่นอยู่อย่าว่าจะเป็นสงฆ์เลยเป็นปุถุชนธรรมดายังไม่คู่ควร” โอ้แม่คุณเล่นอ่านปฐิทินนัดของคุณอาแทบทุกตัวอักษรโดนไหมล่ะวันนัดของคุณอามีแต่คดี ผบ.(ผู้บริโภค) เต็มพรืดไปหมดเกือบสามเดือนแถมเกือบทั่วประเทศซะด้วยไว้นัดหน้าเจอกันนะจ๊ะที่รัก
เดินลงจากศาลคุยกันกระหนุงกระหนิงกับจำเลยที่สองพูดถึงพฤติกรรมแม่ยอดทนายพอหอมปากหอมคอแล้วก็จบลงด้วยคำว่า “ช่างแม่งมัน”

ไปขึ้นศาลคดีบัตร KTC นัดที่สองเพื่อยื่นคำให้การเพราะ KTC ไม่ยอมลดเงินต้นตามยอดฟ้องเอ้าสู้กันซักพักหนึ่งซิวะ เจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยของศาลกับน้องทนายโจทย์มาแสดงความห่วงใยกันใหญ่ว่าค่าทนายจะมากกว่าค่าดอกเบี้ยที่ KTC ฟ้องเราเลยตอบเค้าไปว่าไอ้ค่าดำเนินการสู้คดีไม่สำคัญเท่าไหร่ สำคัญตรงที่เราต้องการใช้หนี้อย่างเป็นธรรม น้องทนายโจทย์ก็พูดจาสุภาพน่ารักบอกว่า ผมก็ไม่ไช่เจ้าของเงินผมก็ทำตามหน้าที่ของผมจริงๆอย่างที่พี่ว่า ผมเป็นทนายให้ KTC มาสองปียังยังไม่เคยเห็นเค้าลดให้ต่ำกว่ายอดเงินต้นที่เค้าฟ้องซักราย สุดท้ายก็อยู่ที่ดุลพินิจของผู้พิพากษานะพี่นะ แล้วทั้งโจทย์ทั้งจำเลยก็แทบจะกอดคอกันไปกำหนดวันนัดสืบพยาน บรรยากาศช่างแตกต่างจากที่เจอยัยทนายบัตรกรุงศรีเสียจริงๆ

ทั้งสองคดีได้บวกเวลาเพิ่มไปอีกคดีละเกือบสองเดือนก้มหน้าก้มตาทำงานเก็บเงินอย่างเดียวก็พอมีเงินจ่ายตามยอดฟ้องสิวๆอยู่แล้วกว่าศาลจะพิพากษาก็คงบวกได้อีกเป็นเดือนไงๆหนี้สิ้นสองก้อนนี้ได้เคลียร์ก่อนสิ้นปีนี้แน่ๆ
อัยยะเหลือเชื่อโดยเฉพาะบัตรเครดิตกรุงศรีเราเริ่มเป็นหนี้มันตั้งแต่ปี 2534 พอได้รู้จักชมรมฯไม่ถึงปีมีทางออกแล้ววุ้ย.....

เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ ขอให้เป็นไปตามสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้น่ะค่ะ

ลาก่อนนะบัญชีสุดท้ายของ UOB
บัญชีบัตรเครดิตจดยอดไว้ตอนตัดสินใจหยุดยอด 69,xxx หวั่นๆใจอยู่แล้วว่าถึงจะปิดไปก่อนหน้านี้กับ UOB สองบัญชีบัตรกดเงินสด กับ บัญชีสินเชื่อเงินสดยอดเงินน้อยกว่าแต่อายุฟ้องเยอะกว่าเดี๋ยวเป็นทวงง่ะเพราะเป็นบัญชีบัตรเครดิตเนี๋ยอายุฟ้องเหลืออีกแค่ปีเดียวเป็นไปตามคาด น้องๆบริษัทกฎหมายส่งเสียงใสๆมาเมื่อสี่วันก่อนว่าพี่สนใจจะปิดยอดไหมค่ะยอดของคุณพี่ตอนนี้ 8x,xxx UOB มีโปรโมชั่นตอนนี้ถ้าพี่ปิดยอดเดียวเหลือ 65,000 เอง ไอ้เราก็ไม่ได้หวั่นไหวบอกไปกงๆเลยว่าทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้มีเงินเก็บเพื่อการใช้หนี้อยู่ 37,000 ถ้าหนู faxยอดปิดมาให้พี่ พี่ไปที่แบงค์จ่ายปิดทันทีภายในวันนี้เลย ยัยหนูคนทวงทำเสียงหว่าวๆบอกโอ้โหยอดที่คุณพี่ขอปิดต่ำเกินคงไม่ได้หลอกค่ะ ไอ้เราก็ยังบอกความจริงต่อไปว่าเงินเก็บใช้หนี้พี่มีเท่าเนี๋ยได้จากเงินจ่ายค่าจ้างมัดจำของลูกค้าทั้งหมดกว่าเงินเก็บจะงอกก็ทยอยเร็วสุดงานชิ้นแรกอีกสี่เดือนข้างหน้างานพี่ถึงส่งลูกค้าเบิกเงินได้ไม่เป็นไร รายอื่นโทรมาพี่ปิดยอดได้ก่อนแล้วของหนูรอไม่ไหวฟ้องเอาตามสะดวกก็แล้วกัน(ทำน้ำเสียงเรียบปกติกึ่งอ้อนไม่ได้ท้าทาย)งั้นหนูปรึกษาหัวหน้าก่อนนะคะ

เหมือนกรรมบังแต่ยังมีบุญมาแทรกวางหูได้แป๊บเดียวเพื่อนที่ทำหน้าที่ป้อนงานให้ทำ โทรมาบอกว่าขอแทรกคิวงานอีกชิ้นโอนเงินลูกค้ามัดจำให้แล้ว 7,000 บะบะบะชักเข้าเค้าวุ้ย

ไม่ถึงสิบนาทีเสียงจากเจ้าหน้าที่ติดตามหนี้สินโทรกลับมาทีนี้เปลี่ยนคนแต่เสียงยังวัยใกล้เคียงกับเจ้าหน้าที่รายแรกยัยหนูบอกว่าดิฉันเป็นหัวหน้าของน้องคนเมื่อกี้ตอนนี้ที่บริษัทจะพอต่อรองเกี่ยวกับยอดเงินปิดของคุณพี่กับธนาคารน่าจะอยู่ที่ถ้าคุณพี่จ่ายก่อนในวันนี้ 37,000 แล้วภายในไม่เกินวันที่ 27 พี่จ่ายอีก 8,000 รวมแล้ว45,000 น่าจะอยู่ที่ยอดนี้นะคะ ไอ้เราก็เพิ่งเข้าสู่วงการเลยละล่ำละลักต่อรองเร็วปรื้อว่า ขอลุงเก็บเงินไว้กินจนถึงสิ้นเดือน 3,000 นะลูก faxมาวันนี้เดี๋ยวไปจ่ายที่แบงค์เลย 42,000 ยัยหนูคนทวงนิ่งไปแป๊บนึงบอกหนูปรึกษากับทางธนาคารก่อนแล้วสี่โมงเย็นหนูแจ้งข่าวอีกทีนะค่ะ บ่ายสี่โมงตรงเป๊ะเสียงยัยหนูคนเดิมโทรมาบอกว่ายอดที่คุณพี่ขอธนาคารโอเคค่ะแต่ต้องไปจ่ายภายในวันพรุ่งนี้นะคะ รุ่งขึ้นนัดแนะเวลาจุดจ่ายไปรับเอกสารที่สาขาธนาคารตรวจสอบเอกสารให้แน่ใจแล้วก็จ่ายยอดปิดที่ 42,000 ปิดไปได้อีกบัญชีก๊าบ...

ยินดีด้วยน่ะค่ะ (แต่แอบอิจฉามากก่า อยากหมดหนี้บ้าง


สุ้มอ่านอยู่นาน ยินดีด้วยจริงๆ อย่างน้อยก็หมดไปอีก 1 ตัวเนอะ วันนั้นก็จะต้องเป็นของเราซักวันเช่นกัน

โทรมาหาพ่อมเธอหรือ

ระหว่างที่รอสู้คดีในชั้นศาลทั้งสองคดีก็ก้มหน้าก้มตาเก็บตังค์ที่ได้จากทำงานนอกเวลามองตัวเลขในบัญชีธนาคารออมสินที่เพิ่มขึ้นอาทิตย์ละสี่ห้าพันอย่างมีความสุข เฮอะๆที่ต้องฝากแบงค์ออมสินก็ได้ความรู้จากแถวๆเนี๋ยนั้นแหละ

กรุงศรีสมายค์แคช(เดิมเป็นหนี้ที่ซื้อมาจาก HSBC )ส่งจดหมายมาขู่ว่าจะส่งเรื่องฟ้องหนึ่งปีเต็มหลังจากหยุดจ่าย โทรมาทวงสองครั้งตั้งแต่หยุดจ่ายได้สองเดือน แล้วก็เดือนที่แปด แล้วก็เงียบแฟ๊ดไปเลย ก็เลยโทรไปหาเองเพราะคนข้างตัวบอกลองๆโทรไปต่อรองดูเสียงเจ้าหน้าที่บอกลดได้แค่ 5% บ่องตงแบงค์เค้าต้องการเลี้ยงดอกเบี้ยไว้พี่ เอาก็เอาไม่ลดก็ไม่ต้องต่อรองกันเฟ้ย อีกสองวันตอนสองทุ่มครึ่งน้องเจ้าหน้าที่โทรมาหาทีนี้เสียงเมาแฟ๊ดเสียงเมาๆยังงี้เราไม่คุยด้วยดีกว่า

บัตรกรุงศรี เจ้าหน้าที่โทรมาถามท่าทางเป็นห่วงถามเหตุผลที่เรายื่นคำให้การ แล้วก็สรุปแนะนำดื้อๆว่า งั้นวันขึ้นศาลพี่ไม่ต้องไปให้การให้ศาลท่านพิพากษาแล้วเราค่อยมาเจรจาต่อรองชำระที่งวดเดียวอีกทีนะพี่ไอ้เราก็ปล่อยก๊ากไปเพราะยั้งไม่ทันจริงๆบอก เอางั้นเลยหรอน้องตลกง่ะ งั้นไว้รอให้พี่ไปให้การก่อนแล้วศาลท่านตัดตัดสินก่อน ถ้าพี่ยังไม่พอใจคำตัดสินเงินเป็นแสนพี่คงไม่เสียดายเงินอีกไม่กี่ตังค์ที่จะยื่นอุทธรณ์แล้วเราค่อยมาเจรจาต่อรองกันดีกว่ามั้งครับ เสียงฝ่ายโน้นตอบครับๆๆๆ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ทั้งสองรายนี้มัน โทรหาพ่อเธอหรือ

เหมือนกันเลยค่ะ ยอดฟ้อง SCB 150,000 ยื่นคำให้การ ต้องนี้รอคำพิพากษาอยู่ค่ะ อาทิตย์หน้ากะจะโทรถามว่าออกหรือยัง ถ้าไม่พอใจคำตัดสินก็จะยื่นอุทรธรณ์ เหมือนกันค่ะ
เมื่อวันจันทร์ สนง. กม. โทรมาบอกบัตครเครดิต พี่จะผ่อนจ่ายยังงัย... งง..เลยตรู เลยบอกไปน้องยังไม่ได้รับคำพิพากษาเลย น้องจะรีบทำไม ดูคำตัดสินก่อน แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า เราไม่ได้ไปศาลนัดสืบพยาน
เค้าบอกเจ้าหน้าที่แจ้งไว้อย่างนั้น เราเลยบอกน้องไปถามทนายไป ว่าพี่ไปหรือเปล่า เอกสารที่ศาลก็เซ็นต์กัน
ได้ความยังงัยแล้วค่อยโทรมาก็แล้วกัน ข้อมูลให้แนนหน่อยนะน้อง....

ไปศาลมาล่าสุดชักจะเริ่มชินไม่มีอาการกลัวแล้วได้เจอศาลออกนั้งบันลังค์ตัวเป็นๆเรียกเราไปซักถามถึงคำให้การที่เรายื่นก็ได้แต่อธิบายไปว่า ในใบเรียกเก็บเค้าคิดดอกเบี้ยเท่านี้ คิดกลับไปเป็นเงินต้นเท่านี้ แล้วไอ้ค่าใช้วงเงินกะค่าทวงถามมีตั้งหลายเดือนที่เมื่อคิดรวมๆกันแล้วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแถมไอ้ค่าทวงถามก็ไม่แสดงให้ศาลเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเกินกว่าใช้จ่ายปกติของสถาบันการเงินนั้นๆจ่ายอยู่อย่างไร แล้วมาหักกันด้วยคำพูดนิดหน่อยอีตรงที่ทนายโจทก์ยื่นเอกสารว่าจำเลยที่สองในฐานะผู้ถือบัตรเสริมเซ็นยินยอมว่าจะยินยอมร่วมรับผิดชอบในกรณีใช้จ่ายบัตรของผู้ถือบัตรหลักอ้าวงี้ก็สวยเลยซิ....อธิบายให้ศาลฟังถึงประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยผู้ถือบัตรเสริม สัญญาที่โจทก์ทำขึ้นมีลักษณะที่จงใจจะให้ขัดกับกฎหมาย ในคำฟ้องส่วนอื่นก็อ้างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหลัก ทีผมแก้ต่างด้วยประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยกลับ(ดัน)เอาความยินยอมในทางแพ่งมาอ้างว่าเป็นกฎหมายที่ใหญ่กว่า นี่(มัน)เป็นคดีผู้บริโภคนะครับสุดแล้วแต่ท่านจะพิจารณาเห็นควรเป็นประการใดครับ ดึงสติให้ศาลท่านกลับมาพิจารณาว่าท่านกำลังอยู่ในคดีผู้บริโภคที่ผู้บริโภครายนี้คือจำเลยไม่ไช่โจทก์ เห็นท่านทำหน้าหงึกๆเราก็ได้แต่ภาวนาให้เราได้เจอศาลที่ท่านขยันและใส่ใจที่เทอด เห็นน้องๆหน้าบันลังค์หันไปซุบซิบกันใหญ่ว่า "สงใสพี่แกจะจบมาทางกฎหมายนิ" ไอ้เราก็ได้แต่นึกในใจว่า พี่แค่จบช่างก่อสร้างน้องแต่มีเพื่อนฝูงดีๆเพียงแค่เข้ามาอ่านใน web แหล่ะ

ฝากบ่นไปถึงขบวนการยุติธรรมบ้านเราซักหน่อยนะ
ชมรมอุตส่าห์เอาคดีหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลมาเป็นคดีผู้บริโภคแทนที่จะเป็นคดีแพ่งเหมือนแต่ก่อน เพื่อให้ทั้งเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยหน้าบันลังก์มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้บริโภคในการสู้คดี แต่นี้xม่xเร่งให้มันจบคดีทำแต้มคะแนนสะสมไปซะแล้ว....โอ้ยอนาจ

คุณกำลังเข้าใจผิด

ถ้าคุณศึกษาเจตนารมณ์ของผู้ผลักดันพรบ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค ว่าทำไมต้องมีกฎหมายนี้
( แม้ในวันที่ประสบอุบัติเหตุ เดินได้ไม่ปกติ ท่านยังขออนุญาตแพทย์ออกจากรพ
เพื่อชี้แจงรายละเอียดของร่างกฎหมายต่อคณะกรรมาธิการฯ )
กับศึกษาคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภค
แล้วคุณจะเข้าใจ

พรุ่งนี้ ก็จะเดินหน้าขึ้นศาลแบบหวั่นๆๆค่ะ กะหนี้ใบแรก แล้วจะตามมาอีกเรื่อยๆๆค่ะ
กลัวๆๆค่ะ ไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ฉายเดียว

www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1286796415&catid=02
ขอบคุณคุณ เด็กหญิงส้มโอ ครับ
ที่ผมโพสหมายถึงชมรมมีส่วนผลักดันแม้อาจจะเป็นส่วนเล็กๆก็ตาม ให้คดีประเภทนี้เป็นคดีผู้บริโภค ที่ผมเน้นคือขบวนการขั้นตอนในการพิจารณาคดีในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเจตนารมย์เดิมที่ผู้ร่วมกันผลักดันจากการพิจารณาคดีแบบการกล่าวหาแบบใช้ทนายของฝ่ายโจทก์ฝ่ายจำเลยมากล่าวหาแก้ต่างกันเองมาเป็นการพิจารณาคดีแบบไตร่สวนให้เจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยหน้าบันลังก์เข้ามามีส่วนช่วยแนะนำแก้ต่างให้จำเลย(ผุ้บริโภค) แต่ปัจจุบันพากันนับเอาจำนวนคดีที่เสร็จปิดเร็วเป็นผลงานกันซะงั้นขั้นตอนแนะนำที่ง่ายๆก็คือยอมๆมันไปเฮ้อมีหนี้ก็ต้องใช้ผ่อนๆไปเดี๋ยวก็หมด ถึงว่าพากันทำหน้างงๆไม่เข้าใจกันใหญ่ที่ผมยื่นคำให้การสู้มันทั้งสองคดี

เฮ้อ....จะว่าแล้วจะหมดอาไรตายอยากซะทีเดียวก็ไม่ไช่
ได้ยินกับหูเห็นมากับตาตัวเองเลยว่า "จำเลยมาไม๊....ตกลงกันเองจริงๆไม่ได้เหรอ...ช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก...รึว่ามีอยู่หลายรายการ"....(ว่าแล้วก็ก้มหน้าทำท่าเอกสารที่อยู่ตรงหน้าต่อไป)
อ่ะหน้าที่ใครก็หน้าที่มันว่ะ ก็มั่นโจทย์หาข้อโต้แย้งไม่ได้อีตรงคิดดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมผิดไปจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดตะแบงได้แต่ว่าเราตกลงทำสัญญายินยอมในทางแพ่ง
เอ๊าถ้าฟังมันมากกว่าตูก้ช่างแม่xมัน

สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ

เอาใจช่วยเพื่อนทุกคน

ทั้งคดีบัตรกรุงไทย กับคดีบัตรกรุงศรี ตัดสินออกมาแล้วลดให้เฉพาะดอกเบี้ยที่เค้าฟ้อง 15% เหลือ 7.5% คำให้การโต้แย้งใดๆไม่รับฟังทั้งสิ้น โดยเฉพาะคดีบัตรกรุงศรีที่ฟ้องแฟนเป็นจำเลยที่สองเนื่องจากถือบัตรเสริมก็ไม่ยอมยกฟ้องแฟนผมซะด้วย ก็ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วครับเพราะดุลพินิจของศาลแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ใจผมก็ยังสู้ต่อนะครับเนื่องจากติดธุระการงานมากมายยังไงๆก็ยื่นอุทธรณ์ไม่ทันแน่ๆ อาจารย์ประพัฒน์แนะนำให้ไปยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปอีก 30 วันบ่ะความรู้ใหม่นะเนี๋ย ดาวห์โหลดแบบฟอร์มคำร้องมาแล้วครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปยื่น ถ้ายังแพ้อีกก็ได้เวลาเก็บตังค์ได้อีกโขล่ะครับ

กะลังนอนสบัดร้อนสบัดหนาวเนื่องจากอาการไข้ถามหากลางฤดูหนาว รับโทรศัพท์จากบริษัทรับจ้างทวงหนี้ของกรุงศรีสมายเคจ(HSBCขายหนี้ให้)อายุความ 5 ปียอดหนี้ก่อนหยุดจ่ายเมื่อเกือบจะ 18 เดือนจดไว้ 39,9xx คุณน้องแกแจ้งว่ายอดหนี้ปัจจุบัน 56,6xx ถามไถ่ได้ใจความได้ว่าที่เราหลงไปเซ็นสัญญาดอกเบี้ยจะพุ่งเป็นร้อยละ 28 ถ้าเราผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามกำหนด รายนี้ก็ตื้อกันมาเป็นปีๆแล้วนะเวลาโทรมาก็ไม่ได้ข่มขู่แต่ไม่ค่อยจะยอมลด พอดีด้วยพิษไข้กะแง่มในกระปุกพอมีเงินที่เตรียมไว้จ่ายไอ้สองคดีที่แพ้ยับเยินไว้ก่อนหน้าอย่ากระนั้นเลยขอโทษกูรูของ web ที่แนะนำให้ต่อรองลดให้สุดๆด้วยความที่ยังแหย่งกับคำตัดสินของสองคดีแรกยังไม่ถึงกับถอดใจแต่คิดซะว่าก็ OK นะ ต่อรองกันที่ยอด 32,500 ลดจากยอดเงินที่หยุดจ่ายไม่มาก ลดจากยอดปัจจุบันก็ประมาณ 40% ก้าๆพอทนได้ รับเอกสารแล้วพรุ่งนี้จ่ายก็แล้วกัน
ปิดไปอีกบัญชี.....ฮิ้ว

วันนี้ไปยื่นเรื่องอุทธรณ์ที่ศาลมาทั้งสองคดีขอบอกว่านานมากอาจจะเป็นด้วยเหตุที่ไม่ค่อยจะมีใครเค้ายื่นอุทธรณ์คดีผู้บริโภคในศาลแขวงต่างจังหวัดก็อาจจะเป็นได้ เจ้าหน้าที่คนรับเรื่องเห็นวิ่งเข้าออกหลายห้องยกหูโทรศัพท์ถามปัญหาวุ่นวายคิดค่าประกันวางเงินผิดๆถูกๆ สุดท้ายก็สำเร็จเกือบเที่ยงหิวข้าวแต่ไม่ท้อครับเป็นวิธีเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับศาลโดยถูกกฏหมายแล้วนิ