สมาชิกใหม่ หาแนวทางแก้หนี้ 2ล้าน 3 แสนครับ

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา - 7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89539 โดย เป็นไทย
พึ่งสมัคร สมาชิกเมื่อวาน ตอนนี้กำลังไล่อ่านปักหมุด และกระทู้ต่าง ๆ อยู่ครับ ตอนนี้มีหนี้อยู่ 2 ล้าน 3แสน หยุดจ่ายทุกอย่าง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ บ้าน รถ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สิ่งที่กังวลสุดตอนนี้คือ บ้าน บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล อยู่ในธนาคารเดียวกัน มีพี่ ๆ ท่านใดพอแนะนำกระทู้เกี่ยวกับเรื่องหนี้ที่อยู่ธนาคารเดียวกันได้ไหมครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89544 โดย jackTs

เป็นไทย เขียน: พึ่งสมัคร สมาชิกเมื่อวาน ตอนนี้กำลังไล่อ่านปักหมุด และกระทู้ต่าง ๆ อยู่ครับ ตอนนี้มีหนี้อยู่ 2 ล้าน 3แสน หยุดจ่ายทุกอย่าง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ บ้าน รถ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สิ่งที่กังวลสุดตอนนี้คือ บ้าน บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล อยู่ในธนาคารเดียวกัน มีพี่ ๆ ท่านใดพอแนะนำกระทู้เกี่ยวกับเรื่องหนี้ที่อยู่ธนาคารเดียวกันได้ไหมครับ


กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64#57746




ความรู้ต่างๆ มีอยู่ในนี้หมดแล้ว

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20


.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89563 โดย เป็นไทย
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ พี่นกกระจอกเทศ เมื่อวานได้ไปขอเช็คเครดิตบูโรแล้ว รอเวลา 7 วันทำการเค้าถึงจะส่งเอกสารให้ ยึดหลักที่พี่ให้ไว้ รู้เค้ารู้เรา รบร้อยครั้งชนะ 101 ครั้ง อันนี้คิดเอง5555 ต่อไปก็เตรียมตัวถอยก่อน ส่วนเรื่องรายละเอียดเจ้าหนี้ รายไหน ผมยังไม่บอกนะครับ ตอนนี้อยากเช็คบูโรก่อนว่าเค้ารู้จักเราขนาดไหน และเรารู้จักตัวเองขนาดไหน และต้องขอขอบคุณศิษย์ผู้พี่ หลาย ๆ ท่าน ที่ได้โพสต์ เกี่ยวกับประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ยิ่งอ่านยิ่งเพ่ิมความมั่นใจ และไม่หวั่นไหวมากขึ้น บางคนเค้าลำบากกว่าผมมาก แต่ก็ยังผ่านมันไปได้ สู้ สู้ โว้ยเฮ้ย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89588 โดย Na99
สู้ไปด้วยกันครับ อ่านเยอะๆ :bye: :bye:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89592 โดย vitadada
แจ้งรายละเอียดหนี้หน่อยก็ดีนะคะ คนที่สถาบันเดียวกันจะได้แนะนำถูก แต่ละที่ทวงไม่เหมือนกันคะ o_)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89628 โดย เป็นไทย
ขอบคุณครับคุณ Na99 และ คุณ Vitada สำหรับคำแนะนำครับ
ตอนนี้เจอทวงเหมือนเพื่อน ๆ ที่อยู่ในชมรมครับ ยังไม่เจอพูดไม่ดี ส่วนมากแนะนำให้เราประนอมหนี้ ยังไม่มีที่ไหนจะไปถึงขั้น Hair cut หรือ ขู่ส่งฟ้อง อย่างมากก็มีว่าจะส่งออกไปข้างนอก มีหนี้เรื่องบ้านอยู่กับธนาคาร 1ใน 3 ที่ไม่ค่อยมีส่วนลด ที่เรามีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับบัตรเครดิต รวมกันก็ประมาณ 1ล้าน 7 แสน กำลังหากรณีตัวอย่างอยู่ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะตอนนี้กำลังคิดว่าจะปล่อยให้ยึดบ้านเลย แต่ยังไม่แน่ใจว่า เวลาฟ้องเค้าจะฟ้องรวมกัน ระหว่างบ้าน 9แสน8 + สินเชื่อเพื่อที่อยู่แอาศัย6แสน ไหม ซึ่งทั้ง 2 รายการนี้มีจดหมายแจ้งมาแล้วจากข้างนอก หลังจากไม่มีเงินจ่ายมา 3 เดือนแล้ว เพื่อน ๆ พอจะมีคำแนะนำสำหรับเครสนี้ไหมครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89630 โดย vitadada

เป็นไทย เขียน: ขอบคุณครับคุณ Na99 และ คุณ Vitada สำหรับคำแนะนำครับ
ตอนนี้เจอทวงเหมือนเพื่อน ๆ ที่อยู่ในชมรมครับ ยังไม่เจอพูดไม่ดี ส่วนมากแนะนำให้เราประนอมหนี้ ยังไม่มีที่ไหนจะไปถึงขั้น Hair cut หรือ ขู่ส่งฟ้อง อย่างมากก็มีว่าจะส่งออกไปข้างนอก มีหนี้เรื่องบ้านอยู่กับธนาคาร 1ใน 3 ที่ไม่ค่อยมีส่วนลด ที่เรามีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับบัตรเครดิต รวมกันก็ประมาณ 1ล้าน 7 แสน กำลังหากรณีตัวอย่างอยู่ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะตอนนี้กำลังคิดว่าจะปล่อยให้ยึดบ้านเลย แต่ยังไม่แน่ใจว่า เวลาฟ้องเค้าจะฟ้องรวมกัน ระหว่างบ้าน 9แสน8 + สินเชื่อเพื่อที่อยู่แอาศัย6แสน ไหม ซึ่งทั้ง 2 รายการนี้มีจดหมายแจ้งมาแล้วจากข้างนอก หลังจากไม่มีเงินจ่ายมา 3 เดือนแล้ว เพื่อน ๆ พอจะมีคำแนะนำสำหรับเครสนี้ไหมครับ

กรณีหนี้เสียเรื่องบ้าน เท่าที่ศึกษาถ้าเราจะซื้อบ้นครั้งต่อไปจะมีปัญหานะคะ ถ้าหนี้อื่นเสียยังพอคุย แต่ถ้ามันสุดางก็ต้องยอมปล่อยอะไรที่มันเกินลิมิตเกินกำลัง :สู้ๆ: :สู้ๆ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89671 โดย jackTs

เป็นไทย เขียน: มีหนี้เรื่องบ้านอยู่กับธนาคาร 1ใน 3 ที่ไม่ค่อยมีส่วนลด ที่เรามีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับบัตรเครดิต รวมกันก็ประมาณ 1ล้าน 7 แสน กำลังหากรณีตัวอย่างอยู่ว่าจะต้องทำอย่างไร


กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
*** อยู่ในด้านล่างๆของกระทู้ ***
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64#57746

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89702 โดย เป็นไทย

vitadada เขียน:

เป็นไทย เขียน: ขอบคุณครับคุณ Na99 และ คุณ Vitada สำหรับคำแนะนำครับ
ตอนนี้เจอทวงเหมือนเพื่อน ๆ ที่อยู่ในชมรมครับ ยังไม่เจอพูดไม่ดี ส่วนมากแนะนำให้เราประนอมหนี้ ยังไม่มีที่ไหนจะไปถึงขั้น Hair cut หรือ ขู่ส่งฟ้อง อย่างมากก็มีว่าจะส่งออกไปข้างนอก มีหนี้เรื่องบ้านอยู่กับธนาคาร 1ใน 3 ที่ไม่ค่อยมีส่วนลด ที่เรามีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับบัตรเครดิต รวมกันก็ประมาณ 1ล้าน 7 แสน กำลังหากรณีตัวอย่างอยู่ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะตอนนี้กำลังคิดว่าจะปล่อยให้ยึดบ้านเลย แต่ยังไม่แน่ใจว่า เวลาฟ้องเค้าจะฟ้องรวมกัน ระหว่างบ้าน 9แสน8 + สินเชื่อเพื่อที่อยู่แอาศัย6แสน ไหม ซึ่งทั้ง 2 รายการนี้มีจดหมายแจ้งมาแล้วจากข้างนอก หลังจากไม่มีเงินจ่ายมา 3 เดือนแล้ว เพื่อน ๆ พอจะมีคำแนะนำสำหรับเครสนี้ไหมครับ

กรณีหนี้เสียเรื่องบ้าน เท่าที่ศึกษาถ้าเราจะซื้อบ้นครั้งต่อไปจะมีปัญหานะคะ ถ้าหนี้อื่นเสียยังพอคุย แต่ถ้ามันสุดางก็ต้องยอมปล่อยอะไรที่มันเกินลิมิตเกินกำลัง :สู้ๆ: :สู้ๆ:


ขอบคุณมากนะครับ คุณ Vitadada สำหรับกำลังใจที่มีให้กัน แต่เรื่องซื้อบ้านครั้งต่อไปจะมีปัญหา ผมว่าน่าจะมีทางแก้อยู่นะครับ ผมลองเข้าไปอ่านในห้อง เรื่องเล่าชาวยิ้มสู้หนี้ สมาชิกก็สามารถทำได้อยู่ ซึ่งในเรื่องนี้ ผมขอเปรียบเทียบแต่ละสถาบันการเงิน ดังคำประมาณนี้นะ เค้าเหมือนสิ่งมีชีวิตล่าเนื้อ ถ้าเมื่อไหร่หิวโซ เค้าจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้เนื้อชิ้น นั้น ๆ มารับประทาน แม้จะกัดกันเองเค้าก็จะทำครับ อันนี้น่าจะเป็นพฤติกรรม การหากินของเค้าเนอะ 55555 ถึงมีหนี้ก็ไม่หวั่น

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89703 โดย เป็นไทย

นกกระจอกเทศ เขียน:

เป็นไทย เขียน: มีหนี้เรื่องบ้านอยู่กับธนาคาร 1ใน 3 ที่ไม่ค่อยมีส่วนลด ที่เรามีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับบัตรเครดิต รวมกันก็ประมาณ 1ล้าน 7 แสน กำลังหากรณีตัวอย่างอยู่ว่าจะต้องทำอย่างไร


กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
*** อยู่ในด้านล่างๆของกระทู้ ***
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64#57746


ขอบคุณครับพี่นกกระจอกเทศ สำหรับโพสต์ที่แนะนำ ช่วงนี้ผมกำลังค่อย ๆ ถอยอยู่ครับ ผมไม่ซีเรียสเรื่องบ้าน ว่าจะไม่มีที่อยู่เท่าไหร่ แต่จะทำอย่างไร ที่เมื่อเวลาเค้าฟ้อง จะได้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในเรื่องภาระฟ้อง :sweat:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89738 โดย เป็นไทย
เสร็จสิ้นไป 1 ภาระกิจ ในการถอยเพื่อสู้ บัญชีเงินเดือน ที่อยู่ในธนาคารที่เป็นหนี้อยู่ ย้ายเรียบร้อยแล้วครับ ที่นี้ก็ไม่ต้องกังวล ว่าจะโดนหักไปชำระหนี้ ถึงจะอ้างว่าหักได้ก็ช่าง ไม่มีกำลังพอจะไปเรียกร้องคืนกับธนาคาร สู้ย้ายก่อนที่จะมีปัญหาดีฝ่า

วันนี้อยากจะขอคำแนะนำ หรือประสบการณ์จากเพื่อน ๆ ที่โอนสิทธิ์ในสินทรัพย์บ้าน เพื่อชำระหนี้บ้าน ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง :shy:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #89807 โดย เป็นไทย
ช่วงที่ยัง รับโทรศัพท์ทวงหนี้อยู่ ยังไม่ถึงระยะเวลาที่ จะมีการเสนอส่วนลด ตอนนี้ก็เก็บตังค์ก่อนครับ ถ้ายังหารายได้ทางอื่นไม่ได้ ก็ต้องลดรายจ่าย เพื่อเพิ่มเงินเก็บไว้ H/C ทรัพย์สินที่ยังพอขายได้ ก็ค่อย ๆ ขายออกไปก่อน ไว้เป็นทุนในการ H/C เพิ่มเติม ตอนนี้ปล่อยวางอย่างเดียว ครอบครัวต้องมาก่อน

ขอขอบคุณคุณอาไพโรจน์ มาก ๆ นะครับ ที่คุณอาเตือนสติเรื่อง Cash Flow และเรื่องบ้าน ไหน ๆ จะเดินทางนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ให้เป็นฝ่ายรุกไปเลย สุดท้ายเราก็ต้องใช้หนี้เค้าอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องรอให้ยึดบ้าน ก่อนที่ดอกเบี้ยจะวิ่งไปมากกว่านี้ สุดท้ายรักษาสุขภาพ นะครับคุณอา เวลาคุยกับคุณอา เหมือนคุยกับคุณพ่อตัวเองเลย เพราะอายุคุณอา น้อยกว่า คุณพ่อตัวเองไม่กี่ปี :No:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #93728 โดย เป็นไทย
วันนี้เข้ามา Update นะครับ ช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่ง ๆ กับเรื่องงานที่ทำอยู่ ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาอ่านของเพื่อน ๆ
สถานการณ์ ณ ตอนนี้ พึ่งสามารถ H/C ได้ 1 รายการครับ
1) Citi Adv. ณ วันที่ปิดยอดอยู่ที่ 2.2 แสนบาท สามารถปิดได้ที่ยอด 1.1 แสนบาท ผ่อนชำระ 3 งวด พึ่งปิดจบไป งวดแรก ชำระ 2 หมื่นบาท งวดที่ 2 และ 3 ชำระงวดละ 4.5 หมื่่น

รายละเอียดคร่าว ๆ สำหรับการปิดยอดของ Citi Adv. นะครับ
รายการนี้ผมหยุดจ่ายมาประมาณ 4 เดือน ถึงจะตกลงกันได้ ซึ่งช่วงเริ่มต้นในเดือนที่ 3 ก็จะมีการเสนอส่วนลด แล้ว แต่ไม่มากเท่าไหร่ ประมาณ 20 - 30 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็พยายามรับโทรศัพท์ พูดคุยกับพนักงานที่ทำการติดตามทวงหนี้กับเราอยู่เสมอ มีแม้กระทั่ง มีติดตามทวงถึงที่บ้าน แต่ก็พยายาม ที่จะไม่ให้ตัวเองรู้สึกไม่ดี กับพนักงานที่ติดต่อทวงถาม คิดซะว่า เค้าทำหน้าที่ของเค้าตามคำสั่ง ที่บริษัทให้มา หรือเพราะความขยัน ที่จะต้องเร่งรัดหนี้สินกับเรา อันนี้ก็สุดแล้วแต่
ในช่วงแรก ๆ ก็เก็บตังค์ไม่ค่อยได้อยู่เหมือนกัน แต่พอเราเริ่มตั้งหลัก และจัดการกับรายจ่ายต่าง ๆ ที่มีอยู่ได้ ก็พอจะมีเงินเก็บไว้ต่อรองกับทาง Citi Adv. ซึ่งพอเราทำได้กับการ H/C ครั้งแรก ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ และ ทีมงานในชมรมนี้ อย่างมาก ที่ให้แนวคิด และ เรื่องราวต่าง ๆ ที่ไว้ให้อ่านเป็นแนวทาง ที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถทำได้ แต่เราก็สามารถผ่านจุดนั้นมาได้ครับ แต่ละคนก็มีวิธีการแตกต่างกันไป ถ้าเราสามารถยอมรับมันได้ หรือยังไม่สามารถยอมรับได้ ก็ต้องเก็บเงินกันต่อไป "มีเงินในมือ มีอำนาจต่อรองเสมอ" และ "อย่าปล่อยให้เจ้าหนี้พูดอยู่ฝ่ายเดียว ให้เราเป็นปัญหา ลองพูดกับสิ่งที่เราสามารถทำได้กลับไปให้เจ้าหนี้เป็นปัญหาบ้าง"

สำหรับการ H/C รายการต่อไป เมื่่อมีความคืบหน้าปิดบัญชี ผมจะนำมา Update ไว้ให้เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่าน เพิ่มกำลังใจในการก้าวเดินไปด้วยกันนะครับ

:bye: :ลั่ลล้า:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #95460 โดย เป็นไทย
วันที่ 30 มิถุนายน 2560 (รายการ H/C ที่ 2) Update
2) Citi Credit Card "CASH BACK"
สำหรับรายการนี้ ผมหยุดชำระมา 7 เดือน ถึงจะตกลงทำ H/C ด้วยยอด ณ วันตกลงอยู่ที่ 1.1 แสนบาท ทาง Citi เสนอให้ส่วนลดปิดยอดอยู่ที่ 6 หมื่นบาท แบ่งจ่าย 3 งวด เดือนละ 2 หมื่นบาท มีหนังสือยืนยันจากสำนักงานติดตามทวงหนี้ ปิดไปทั้ง 3 งวด เรียบร้อยแล้วครับ
ก่อนที่จะสามารถตกลงกันได้ ก็ใช้ระยะเวลาค่อนข้างที่จะนาน ในตัวเลขที่เราสามารถที่จะจ่ายไหว กับตัวเลขที่เค้ารับได้ โดยที่เราก็กังวลอยู่เหมือนกันว่า เค้าจะยอมให้ส่วนลดในตัวเลขที่เราคิดไว้หรือเปล่า แต่เมื่อผ่านการปิดยอดจากรายการที่ 1 มาได้ ทำให้เรามีกำลังใจ และมีความหวังที่จะผ่านไปให้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นบัตรเครดิตใบแรก ที่สามารถปิดได้ จากทั้งหมด 3 ใบ ส่วนอีก 2 ใบ เมื่อปิดจบแล้ว ผมจะนำมาเล่าให้ฟังนะครับ
ในระหว่างปิดบัตรเครดิตใบแรก ก็มีเรื่องตื่นเต้นเข้ามาในชีวิต กับหมายศาล แขวนไว้อยู่หน้าบ้าน ซึ่งแรก ๆ เราก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่า ถ้าเรายังตกลงกับเค้าไม่ได้ หรือเราไม่พร้อมสำหรับการชำระหนี้ เดี๋่ยวไม่นานคงจะได้ไปขึ้นศาล เป็นประสบการณ์ ตอนได้รับตอนแรก ๆ ก็อื้งอยู่นานไปเป็นอาทิตย์ ไม่คิดว่าจะได้รับหมายศาล พร้อมกันทีเดียว ทั้ง 2 เจ้าหนี้ ยอดหยุดแรก ๆ ทั้ง 2 เจ้าหนี้รวมกัน ก็ประมาณ 2.6 แสน แต่ยอดฟ้องทั้ง 2 เจ้าหนี้ เพิ่มไปเป็น 3.1 แสน โอ้แม่เจ้า..... จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายหละเนี่ย.... แต่พอค่อย ๆ อ่านในหมายแล้วดูระยะเวลา จากวันรับหมายจนถึง วันนัดไปศาลก็ เกือบ 3 เดือน ทำให้พอมีเวลาเข้าไปศึกษาใน ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เพื่่อน ๆ และทางชมรมได้ปักหมุดไว้
จนสุดท้ายทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่า จะสู้คดีทั้ง 2 เจ้าหนี้เลย ในเมื่อเราเอาเงินเค้ามา สุดท้าย เราต้องจ่ายคืนอยู่ดี ถ้ามีโอกาสสู้ ก็จะลองสู้ดูครับ เผื่อไว้เป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ ไว้อ่าน ว่าจะเลือกแนวทางอย่างไหนดี หลังจากนั้นเมื่อตัดสินใจสู้แล้ว ผมก็โทรปรึกษา กับคุณอาไพโรจน์ ซึ่งท่านแนะนำไว้ดีมาก ๆ ทำให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ขึ้นเยอะเลย ซึ่งในการสู้ จะต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่า ท่านผู้พิพากษาแต่ละท่าน อาจจะมีมุมมองที่ต่างกัน หรือ ตัดสินและวินิจฉัยไม่ตรงกับที่เราต้องการ แต่ก็จะทำให้เรารู้ว่า เราพยายามที่จะชำระหนี้แล้ว แต่เรายังไม่พร้อมที่จะชำระ ณ ตอนนั้น

ถ้ามีความคืบหน้าในเรื่องไปศาล จนจบคดี ทั้ง 2 เจ้าหนี้ ผมจะมา Share ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันนะครับ :pray:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #100879 โดย เป็นไทย
วันที่ 7 มีนาคม 2561

หายไปนานเลยครับ ช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ได้มา Update ให้เพื่อนสมาชิกได้อ่าน หรือพอจะเป็นแนวทางให้กับผู้เข้ามาพบเห็นได้บ้าง ซึ่งก่อนที่จะเล่าเรื่องประสบการณ์ จากการไปศาล ทั้ง 2 คดี ณ ปีที่แล้ว แต่ระหว่างนั้น ผมได้มาอีก 1 คดี ในหนี้เรื่องบ้าน ซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่เราก็ไม่คิดว่าจะผ่านมันมาได้ ทั้ง 3 คดี ซึ่งก่อนที่จะไปที่ 3 คดี หรือหมายศาล ผมจะขอเล่าเรื่องที่ผมปิด ก่อนที่จะถึงศาลก่อนแล้วกันนะครับ ซึ่งจริง ๆ ผมรับปากกับคุณอาไพโรจน์ไว้ ว่าจะพยายามเขียน แต่ละเรื่องให้เสร็จช่วงปลายปี แต่ผมพึ่งได้มาเขียนก็วันนี้เอง ต้องขอโทษคุณอา ด้วยนะครับ ที่ผมรับปากไว้ซะดิบดี เริ่มเลยนะครับ

3) รถยนต์
รถยนต์เป็นหนี้ตัวแรก ที่ผมปลดออกจากรายจ่ายรายการแรกที่ผมเริ่มต้น การหยุดชำระหนี้ในปี 2016 ซึ่งรถยนต์ผมมีงวดที่ต้องผ่อนชำระคงเหลืออยู่ทั้งหมด 11 เดือน เดือนละ 8,900 บาท ซึ่ง ณ ตอนที่ผมเริ่มศึกษาเรื่องเล่าของพี่ ๆ เพื่อน ในชมรม และ ผมก็มีปรึกษากับทางญาติ ผู้ใหญ่ ที่พอจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้บ้าง ทางญาติผู้ใหญ่ก็เลยเสนอให้ผมนำเงินไปปิดชำระหนี้รถยนต์ ที่คงค้างทั้งหมดให้หมดจำนวน 80,000 บาท และส่วนที่เหลือ ผมยังพอมีเงินติดตัวบ้าง ก็เลยได้ปิดหนี้รายการนี้เป็นตัวแรกในเดือน ตุลาคม 2016
รถยนต์ เป็นรายการสินทรัพย์แรกที่ผมคิดว่าจะถอย และเผื่อไว้ถึง ไม่มีเงินชำระหนี้เจ้าอื่นด้วย ทำให้หลังจากผมชำระหนี้สินส่วนนี้เสร็จแล้ว ผมก็เลย โอนขายต่อไปให้กับญาติผู้ใหญ่ที่ให้เงินมาชำระหนี้รายการนี้ ณ ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า ถ้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด ยังไงก็ยังคงเหลือรถไว้ใช้งาน ถึงจะไม่ใช่เป็นชื่อเราแล้วก็ตาม อย่างน้อยก็มีรถไว้ชำระหนี้ญาติผู้ใหญ่ที่เค้าเข้าใจสถานการณ์ของเราที่เป็นอยู่ และเรายังคงมีรถสำหรับขับไปทำงานในทุก ๆ วัน
( ณ ตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้ชำระหนี้ญาติผู้ใหญ่ครับ เพราะเมื่อไหร่ที่ผมมีเงินไม่พอ จะชำระหนี้ ท่านก็เข้าใจและให้เรามาชำระหนี้ก่อน จากตอนแรก 80,000 บาท ณ ตอนนี้เดือน มีนาคม 2018 เพิ่มมาเป็น 120,000 บาท ทำให้บางช่วงที่เงินเก็บเราไม่พอ ท่านก็เมตา ให้มาชำระก่อน เมื่อเสร็จสิ้นเครียร์หนี้สินทั้งหมด ค่อยนำส่งคืน แล้วกลับมาเป็นไท จริง ๆ )

4) U Credit
บัตรเครดิตรายการนี้ตั้งแต่เริ่มไม่มีเงินจ่ายจนถึงเจรจา ขอปิดหนี้ใช้ระยะเวลา 5 เดือนครับ เป็นเจ้าที่ค่อนข้างที่จะคุยยากมาก เวลาทางเจ้าหนี้โทรมาก็รับทุกครั้ง เจราจาไล่ตั้งแต่ 5 หมื่นขึ้นไป ขอส่วนลดก็ไม่ให้ สุดท้ายช่วงที่ตกลงจะปิด พอมีเงินเหลือต่อเดือนอยู่ก็เลย ขอปิดตกลงที่ ยอด 1 แสน จากยอด 1.3 แสน จ่ายเฉพาะเงินต้น ขอผ่อนจ่ายทั้งหมด 10 งวด ๆ ละ 1 หมื่นบาท ซึ่งเจ้านี้ปิดจบไปปี 2017 ที่ผ่านมาครับ

5) CM สินเชื่อส่วนบุคคล
หนี้สินตัวนี้ เป็นหนี้สินตัวสุดท้ายที่ผมสร้างขึ้น ก่อนที่จะมาถึงทางตัน ว่าเราไปไม่ไหวแล้ว ใช้วิธีหมุนเงินไม่ได้ และทำให้เราคิดได้ว่า ยิ่งหมุนยิ่งเพิ่ม จนไม่มีทางออก ซึ่งรายการนี้ ผมขอกู้มา 1 แสนบาท จ่ายรายเดือน ๆ ละ 3.3 พันบาท ก่อนที่จะถึงทางตัน จ่ายชำระได้ทั้งหมด 5 เดือน หลังจากนั้น ก็ถึงทางตัน เลยหยุดชำระ ทั้งหมด 7 เดือน เป็นการเจรจาที่ค่อนข้างจะนาน เพราะรายการนี้เป็นรายการที่ผมอยู่ระหว่าง ตัดสินใจกับที่เจ้าหนี้ รายอื่นอยู่ว่า จะชำระเจ้าไหนดี สุดท้าย อีกเจ้านึง ส่งหมายศาลมาก่อน เลย ได้ปิดหนี้เจ้านี้ก่อน ซึ่งตอนที่เจรจา พยายามต่อรองให้เหลือ 5 หมื่นบาท ก็ไม่ได้สักที คงจะเป็นเพราะผมจ่ายเงินต้นเข้าไปน้อย ทำให้ไม่ได้ สุดท้าย ณ ตอนที่เจรจาขอปิดได้ 7 หมื่นบาท จ่าย 3 งวด ซึ่งก่อนที่จะเจราจาปิด 3 งวดได้ ผมต้องส่งสำเนาบัตรประชาชน และเขียนคำขอในสำเนาบัตรประชาชน ขอปิด หนี้ 7 หมื่นบาท 3 งวด และแนบหมายศาลไปให้พนักงานที่ติดตามทวงถามเพื่อขออนุมัติ ซึ่งทางเจ้าหนี้ ก็อนุมัติมาให้จ่ายปิด 3 งวด 7 หมื่นบาท ซึ่งผมได้ทำการปิดไปแล้ว เมื่อปี 2017 ก็แทบจะไม่มีตังค์เลยละครับ เพราะว่าจะต้องจ่ายหนี้ที่ขอปิดบัตรเครดิต ด้วยอีกเดือนละ 1 หมื่นบาท เบ็ดเสร็จทั้ง 3 เดือนนั้น ผมต้องใช้เงินปิดหนี้เดือนละ 3 หมื่นกว่าบาท และจะต้องส่งให้ครอบครัว ไว้ใช้ต่อเดือนตั้งแต่เริ่มถอย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แทบไม่มีเงินไปทำงานเลยทั้ง 3 เดือน

วันนี้ ว่าจะเขียนเรื่องราวไว้ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านให้หมด คงไม่ทันแล้ว วันไหนผมพอมีเวลา เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องการไปศาล และการตกลงกับเจ้าหนี้ 2 คดี ที่ศาล และอีก 1 คดี มีการตัดสิน และ มีการเจรจากับเจ้าหนี้ หลังจากตัดสินแล้ว มาเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ไว้พอจะเป็นแนวทางไม่มากก็น้อยนะครับ

ปล. ผมรบกวน Admin ย้าย โพสต์ของผมไปที่ห้อง เรื่องเล่าของชาวยิ้มสู้หนี้ได้มั้ยครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #100882 โดย lejun

เป็นไทย เขียน: วันที่ 7 มีนาคม 2561

หายไปนานเลยครับ ช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ได้มา Update ให้เพื่อนสมาชิกได้อ่าน หรือพอจะเป็นแนวทางให้กับผู้เข้ามาพบเห็นได้บ้าง ซึ่งก่อนที่จะเล่าเรื่องประสบการณ์ จากการไปศาล ทั้ง 2 คดี ณ ปีที่แล้ว แต่ระหว่างนั้น ผมได้มาอีก 1 คดี ในหนี้เรื่องบ้าน ซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่เราก็ไม่คิดว่าจะผ่านมันมาได้ ทั้ง 3 คดี ซึ่งก่อนที่จะไปที่ 3 คดี หรือหมายศาล ผมจะขอเล่าเรื่องที่ผมปิด ก่อนที่จะถึงศาลก่อนแล้วกันนะครับ ซึ่งจริง ๆ ผมรับปากกับคุณอาไพโรจน์ไว้ ว่าจะพยายามเขียน แต่ละเรื่องให้เสร็จช่วงปลายปี แต่ผมพึ่งได้มาเขียนก็วันนี้เอง ต้องขอโทษคุณอา ด้วยนะครับ ที่ผมรับปากไว้ซะดิบดี เริ่มเลยนะครับ

3) รถยนต์
รถยนต์เป็นหนี้ตัวแรก ที่ผมปลดออกจากรายจ่ายรายการแรกที่ผมเริ่มต้น การหยุดชำระหนี้ในปี 2016 ซึ่งรถยนต์ผมมีงวดที่ต้องผ่อนชำระคงเหลืออยู่ทั้งหมด 11 เดือน เดือนละ 8,900 บาท ซึ่ง ณ ตอนที่ผมเริ่มศึกษาเรื่องเล่าของพี่ ๆ เพื่อน ในชมรม และ ผมก็มีปรึกษากับทางญาติ ผู้ใหญ่ ที่พอจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้บ้าง ทางญาติผู้ใหญ่ก็เลยเสนอให้ผมนำเงินไปปิดชำระหนี้รถยนต์ ที่คงค้างทั้งหมดให้หมดจำนวน 80,000 บาท และส่วนที่เหลือ ผมยังพอมีเงินติดตัวบ้าง ก็เลยได้ปิดหนี้รายการนี้เป็นตัวแรกในเดือน ตุลาคม 2016
รถยนต์ เป็นรายการสินทรัพย์แรกที่ผมคิดว่าจะถอย และเผื่อไว้ถึง ไม่มีเงินชำระหนี้เจ้าอื่นด้วย ทำให้หลังจากผมชำระหนี้สินส่วนนี้เสร็จแล้ว ผมก็เลย โอนขายต่อไปให้กับญาติผู้ใหญ่ที่ให้เงินมาชำระหนี้รายการนี้ ณ ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า ถ้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด ยังไงก็ยังคงเหลือรถไว้ใช้งาน ถึงจะไม่ใช่เป็นชื่อเราแล้วก็ตาม อย่างน้อยก็มีรถไว้ชำระหนี้ญาติผู้ใหญ่ที่เค้าเข้าใจสถานการณ์ของเราที่เป็นอยู่ และเรายังคงมีรถสำหรับขับไปทำงานในทุก ๆ วัน
( ณ ตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้ชำระหนี้ญาติผู้ใหญ่ครับ เพราะเมื่อไหร่ที่ผมมีเงินไม่พอ จะชำระหนี้ ท่านก็เข้าใจและให้เรามาชำระหนี้ก่อน จากตอนแรก 80,000 บาท ณ ตอนนี้เดือน มีนาคม 2018 เพิ่มมาเป็น 120,000 บาท ทำให้บางช่วงที่เงินเก็บเราไม่พอ ท่านก็เมตา ให้มาชำระก่อน เมื่อเสร็จสิ้นเครียร์หนี้สินทั้งหมด ค่อยนำส่งคืน แล้วกลับมาเป็นไท จริง ๆ )

4) U Credit
บัตรเครดิตรายการนี้ตั้งแต่เริ่มไม่มีเงินจ่ายจนถึงเจรจา ขอปิดหนี้ใช้ระยะเวลา 5 เดือนครับ เป็นเจ้าที่ค่อนข้างที่จะคุยยากมาก เวลาทางเจ้าหนี้โทรมาก็รับทุกครั้ง เจราจาไล่ตั้งแต่ 5 หมื่นขึ้นไป ขอส่วนลดก็ไม่ให้ สุดท้ายช่วงที่ตกลงจะปิด พอมีเงินเหลือต่อเดือนอยู่ก็เลย ขอปิดตกลงที่ ยอด 1 แสน จากยอด 1.3 แสน จ่ายเฉพาะเงินต้น ขอผ่อนจ่ายทั้งหมด 10 งวด ๆ ละ 1 หมื่นบาท ซึ่งเจ้านี้ปิดจบไปปี 2017 ที่ผ่านมาครับ

5) CM สินเชื่อส่วนบุคคล
หนี้สินตัวนี้ เป็นหนี้สินตัวสุดท้ายที่ผมสร้างขึ้น ก่อนที่จะมาถึงทางตัน ว่าเราไปไม่ไหวแล้ว ใช้วิธีหมุนเงินไม่ได้ และทำให้เราคิดได้ว่า ยิ่งหมุนยิ่งเพิ่ม จนไม่มีทางออก ซึ่งรายการนี้ ผมขอกู้มา 1 แสนบาท จ่ายรายเดือน ๆ ละ 3.3 พันบาท ก่อนที่จะถึงทางตัน จ่ายชำระได้ทั้งหมด 5 เดือน หลังจากนั้น ก็ถึงทางตัน เลยหยุดชำระ ทั้งหมด 7 เดือน เป็นการเจรจาที่ค่อนข้างจะนาน เพราะรายการนี้เป็นรายการที่ผมอยู่ระหว่าง ตัดสินใจกับที่เจ้าหนี้ รายอื่นอยู่ว่า จะชำระเจ้าไหนดี สุดท้าย อีกเจ้านึง ส่งหมายศาลมาก่อน เลย ได้ปิดหนี้เจ้านี้ก่อน ซึ่งตอนที่เจรจา พยายามต่อรองให้เหลือ 5 หมื่นบาท ก็ไม่ได้สักที คงจะเป็นเพราะผมจ่ายเงินต้นเข้าไปน้อย ทำให้ไม่ได้ สุดท้าย ณ ตอนที่เจรจาขอปิดได้ 7 หมื่นบาท จ่าย 3 งวด ซึ่งก่อนที่จะเจราจาปิด 3 งวดได้ ผมต้องส่งสำเนาบัตรประชาชน และเขียนคำขอในสำเนาบัตรประชาชน ขอปิด หนี้ 7 หมื่นบาท 3 งวด และแนบหมายศาลไปให้พนักงานที่ติดตามทวงถามเพื่อขออนุมัติ ซึ่งทางเจ้าหนี้ ก็อนุมัติมาให้จ่ายปิด 3 งวด 7 หมื่นบาท ซึ่งผมได้ทำการปิดไปแล้ว เมื่อปี 2017 ก็แทบจะไม่มีตังค์เลยละครับ เพราะว่าจะต้องจ่ายหนี้ที่ขอปิดบัตรเครดิต ด้วยอีกเดือนละ 1 หมื่นบาท เบ็ดเสร็จทั้ง 3 เดือนนั้น ผมต้องใช้เงินปิดหนี้เดือนละ 3 หมื่นกว่าบาท และจะต้องส่งให้ครอบครัว ไว้ใช้ต่อเดือนตั้งแต่เริ่มถอย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แทบไม่มีเงินไปทำงานเลยทั้ง 3 เดือน

วันนี้ ว่าจะเขียนเรื่องราวไว้ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านให้หมด คงไม่ทันแล้ว วันไหนผมพอมีเวลา เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องการไปศาล และการตกลงกับเจ้าหนี้ 2 คดี ที่ศาล และอีก 1 คดี มีการตัดสิน และ มีการเจรจากับเจ้าหนี้ หลังจากตัดสินแล้ว มาเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ไว้พอจะเป็นแนวทางไม่มากก็น้อยนะครับ

ปล. ผมรบกวน Admin ย้าย โพสต์ของผมไปที่ห้อง เรื่องเล่าของชาวยิ้มสู้หนี้ได้มั้ยครับ


ผมเอาใจช่วยนะครับผมเพิ่งจะเริ่มไม่รู้จะเจออะไรบ้าง จ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #100965 โดย เป็นไทย
สู้ ๆ นะ lejun : วันเวลาจะเป็นของเราเอง

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #100966 โดย เป็นไทย

เป็นไทย เขียน: สู้ ๆ นะ lejun : วันเวลาจะเป็นของเราเอง


12 มีนาคม 2561

ประสบการณ์การไปศาล

6) หมายศาลแรกในชีวิต ธนาคาร TB
ประสบการณ์ของเจ้าหนี้รายนี้ ผมสมัครขอสินเชื่อและได้รับการอนุมัติมาทั้งหมด 2 แสนบาทถ้วน จากวันที่ได้รับเงินมาจนถึง หยุดการชำระไม่มีเงินจ่ายต่อรวม ๆ ก็ 2 ปี ครับ จากสัญญา จ่ายชำระทุกเดือน ๆ ละ 5,300 บาท X 60 งวด = 318,000 บาท ณ วันที่ชำระวันสุดท้าย จ่ายไปทั้งหมด 24 งวด x 5,300 = 127,200 บาท ถ้านำมาลบกับการคำนวณ 60 งวด จะเหลือหนี้ที่ต้องชำระ 190,800 บาท นั่นก็หมายความว่า 2 ปี ที่จ่ายไปแทบไม่มีความหมายอะไรเลย ยังเป็นหนี้ค้างเค้าอยู่ ขาดอีก 1 หมื่นบาท ก็เท่ากับที่เอามา 2 แสนบาทแล้ว มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างเจ็บปวดนะ เมื่อลองคำนวณย้อนกลับ ไม่น่าไปเป็นหนี้เลย หาเงินมาได้ก็นำไปจ่ายเป็นรายได้ของธนาคารซะงั้น ตั้งแต่วันที่หยุดจ่าย ธนาคารนี้ติดต่อน้อยครั้งมาก โทรมาทีก็ชวนไปทำสัญญา ลดยอดจ่ายต่อเดือนเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ให้เราสามารถมีเงินชำระได้ในแต่ละเดือน ถ้า ณ ตอนนั้น ไม่ได้เข้ามาอยู่ในชมรมนี้ ผมก็คงไปทำสัญญาลักษณะนี้ไปแล้ว แต่พอไปอ่านเจอในประสบการณ์ของเพื่อน ๆ ในชมรม และคำแนะนำจากคุณนกกระจอกเทศน์ ทำให้มองเห็นภาพได้กว้างขึ้น
ธนาคารนี้ติดตามทวงถามน้อยครั้ง หลังจากการติดตามทวงถามประมาณ 3 เดือน ก็ส่งบัญชีผม ออกไปข้างนอกให้สำนักงานกฎหมาย ที่รับทำหน้าที่ติดตามทวงถาม และรับมอบอำนาจ เป็นผู้ติดตามแทน แรก ๆ ก็อยากจะให้เราปิดบัญชีในงวดเดียว โดยไม่เอาดอกเบี้ย คิดเฉพาะเงินต้นที่ค้างชำระอยู่ ซึ่งในสถานการณ์นั้น คนเป็นลูกหนี้ จะเอาตังค์ที่ไหนมาปิดบัญชี ส่วนลดก็ไม่ให้ เงินที่จะใช้ปิดก็สูง ผ่อนชำระก็ไม่ให้ แต่มีดีอย่างเดียว ไม่ค่อยโทรทวงทามบ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่โทรทวงถาม ก็ใช้คำถามเหมือนกัน ส่วนลดไม่มีให้ จนในที่สุด จากเดือนที่เราหยุดจ่ายเดือนแรก จนถึง สำนักงานกฎหมาย รวมระยะเวลาได้ 7 เดือน หมายศาลก็ออกมาทันที จากศาลแขวงจังหวัดแถบภาคตะวันออก EEC ด้วยยอดฟ้อง 1.9 แสนบาท ขาดไป 1 หมื่นบาท จะครบกับ 2 แสน ที่กู้มา และนับจากวันแรกที่ออกหมาย จนถึง วันที่ต้องไปศาล “ นัดไกล่เกลี่ย ให้การ และสืบพยาน” รวม 3 เดือน ทำให้เราพอมีเวลา ที่จะต้องเตรียมเอกสาร ปรึกษากับคุณอาไพโรจน์ ร้องขอให้คุณอา ช่วยเขียนคำให้การ ซึ่งเอกสารที่เตรียมก็ไม่มีอะไรมาก ก็หมายศาลทั้งชุด พร้อมกับเอกสารที่แนบฟ้อง ส่งไปให้คุณอา ทั้งหมด แต่ที่ต้องเตรียมตัว คือ ศึกษากับประสบการณ์ของเพื่อน ๆ ในชมรม ที่ได้ช่วยกันแชร์ประสบการณ์ไว้ให้ รุ่นหลัง ๆ ได้อ่าน ไว้เป็นแนวทาง

วันไปศาล

วันนั้นจำได้ไม่ลืม รู้สึกตื่นเต้น ตื่นแต่เช้า ขนาดเราลางานไปทั้งวัน เพื่อจะไปตามที่ศาลนัด ในเวลา 13:30 น. ไปถึงที่ศาลก็หาที่จอดรถ ได้บริเวณหน้าศาลพอดี ไปถึงก่อนเวลาเกือบ ๆ 2 ชั่วโมง เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ไป ก็เลยต้องไปก่อนเวลานานหน่อย
- เดินเข้าประตู้หน้าศาล จะพบกับด่านตรวจ Scan หาโลหะ และจะมีพี่ ๆ ที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณนั้น ขอเรียกดูบัตรประชาชน เพื่อทำการ Scan ว่าเป็นใคร เข้ามาในบริเวณศาล
- พี่ที่ขอตรวจบัตรประชาขนเห็นเราก้มหาบัตรประชาชนในกระเป๋าอยู่นาน ก็เลยบอกเราว่า บัตรประชาชนไม่มี ใช้บัตรทนายความแทนก็ได้ครับ ผมก็ยิ้ม ๆ ตอบแกกลับไปว่า วันนี้ไม่ได้มาเป็นทนายครับพี่ ผมมาเป็นจำเลย พี่แกก็ถามเราต่อว่ามาศาลเพื่ออะไร เราก็ตอบว่ามาศาลตามคำสั่งศาล มาไกล่เกลี่ย ให้การ และสืบพยานครับ
- พี่เค้าก็เลยถามต่อว่า หมายเลขคดี เลขที่อะไร ธนาคารอะไร เวลานัดเวลาไหนครับ เราก็บอกหมายเลขคดี ธนาคาร โจทย์ และเวลานัด กับพี่เค้าไป
- พี่เค้าก็เปิดตารางนัด ที่ปกติ จะติดไว้ที่บอร์ด ตรงประตูทางเข้าศาล และอีกส่วนก็อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ที่พี่ ๆ รักษาความปลอดภัยประจำการอยู่ แล้วพี่เค้าก็แนะนำเราว่า ให้ไปรอที่ห้องไหน ชั้น อะไร และเมื่อถึงเวลา พี่ เค้าก็แนะนำว่า จะมีทนายโจทย์เข้ามา ซึ่งก่อนที่ทนายโจทย์เข้ามา เราก็ไปแจ้งกับ เจ้าหน้าที่ศาล ที่รับเรื่องคดีที่ห้องไกล่เกลี่ย ว่ามาคดีอะไรช่วงเวลานั้น แล้วก็ลงลายมือชื่อ ว่าเรา จำเลย ได้มายังศาล ตามวันเวลานัดแล้วนะ
- เสร็จแล้วผมก็ขอบคุณพี่เค้า และก็เดินดูห้องที่พี่เค้าแนะนำว่าอยู่ตรงไหน และก็หารายชื่อตารางนัด ว่ามีชื่อเราอยู่ที่ห้องไกล่เกลี่ยหรือเปล่า เมื่อดูแล้วว่ามี ผมก็เลยดูว่า คดีผมอยู่บัลลังก์ศาล ห้องที่เท่าไหร่ ชั้นอะไร เสร็จแล้ว ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ผมก็เลยถือโอกาส ขึ้นไปดูที่ห้องพิจารณาศาล ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร
- ผมขึ้นลิฟต์ ไปยังห้องพิจารณา ที่นัดพิจารณาคดีผม ทำการตรวจสอบรายชื่อตัวเอง กับหมายเลขคดี ที่ติดอยู่หน้าห้องบัลลังก์ ก็ปรากฎว่า มีรายชื่อตัวเองอยู่ที่ห้องนี้ คิดในใจว่า ถ้าเจราไกล่เกลี่ย ไม่เป็นผล สงสัยจะได้มาต่อที่ห้องนี้แหละ ( สำหรับเพื่อน ๆ ท่านใด ที่ไม่เห็นรายชื่ออยู่ที่หน้าห้องบัลลังก์ อย่าพึ่งตกใจนะครับ บางที ห้องนั้นในวันนัด อาจจะมีการขยับห้อง หรือย้ายห้อง ซึ่งปกติ เราจะรู้อีกที ตอนที่ไปถึงห้อง แล้วที่บอร์ดจะติดประกาศที่หน้าห้อง จะแจ้งว่าย้ายไปที่ห้องพิจารณาคดี บัลลังก์ไหน)
- เมื่อถึงเวลานัดหมาย 13:30 คนที่มาค่อนข้างจะเยอะ ทั้งทนายโจทย์ ทนายจำเลย รวมถึงจำเลย ส่วนตัวผมเองมาคนเดียวครับ สิ่งที่นำติดตัวมาก็คือหมายศาล และคำให้การ ที่ทางคุณอาไพโรจน์ ช่วยเตรียมไว้ให้
- เจ้าหน้าที่ศาล ก็แจ้งกับจำเลยที่มา ว่าแต่ละคดี มีทนายโจทย์มาแล้ว มีธนาคารอะไรบ้าง ซึ่งวันนี้ มีคดีค่อนข้างที่จะเยอะ มีหลายคดี เกี่ยวกับ สินเชื่อ บัตรเครดิต การกู้เงินทั้งนั้น ทำให้เราค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อย ๆ ไม่ใช่ตัวเราแค่คดีเดียว แต่ละธนาคาร ก็นัดฟ้อง โจทย์ ในวันเวลาเดียวกันก็เยอะ
- ในห้องไกล่เกลี่ย ก็จะแยกไว้เป็นแต่ละโต๊ะ ไว้ให้ทางทนายโจทย์กับจำเลย ไว้พูดคุยกันตกลงเรื่องหนี้สินที่ต้องชำระ ซึ่งถ้าข้อเสนอที่ทางทนายโจทย์ ได้รับมอบอำนาจ มาจากทางธนาคาร เป็นที่พอใจของลูกหนี้ (จำเลย) ก็สามารถทำสัญญา ประนีประนอมยอมความ ชำระหนี้ ในวันนั้นได้เลย ซึ่งเมื่อทำสัญญาเสร็จแล้ว ทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องส่งเอกสารให้กับท่านผู้พิพากษา พิจารณา เซ็นต์ อนุมัติในการตกลงทำสัญญานั้น โดยจะถือว่าสัญญานั้น สามารถบังคับใช้ได้ตามคำสั่งศาล เมื่อฝ่ายลูกหนี้ผิดสัญญา ไม่ชำระหนี้ตามตกลง คำสั่งศาลนั้น ก็จะสามารถมีผลบังคับใช้ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องอีกต่อไป ฝ่ายโจทย์ สามารถนำคำสั่งศาลนั้น ไปเพื่อบังคับคดี ให้ลูกหนี้ ชดใช้ตามมูลหนี้ที่ตกลงกันไว้
- ในส่วนของผมนะครับ ในโต๊ะเจรจา ก็มีลูกหนี้หลายคน ทางทนายโจทย์ ก็เลยให้นั่งฟังพร้อมกันเลย โดยในส่วนของผม ทางธนาคารโจทย์ ยื่นข้อเสนอให้ผม ชำระเป็นรายเดือน ทั้งหมด 36 เดือน ๆ ละ 5,300 บาท + อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12% ซึ่งเมื่อผมลองคำนวณคร่าว ๆ ปรากฎว่า ยอดเท่ากับที่ฟ้องเลย แล้วทางทนายโจทย์ ก็ไล่ถามแต่ละคนว่า ติดปัญหาอะไรไหม ทำยอมความวันนี้ได้เลยไหม ซึ่งมีบางคนก็ไม่ติดปัญหาอะไร แต่บางคนก็เจรจา ขอลด แต่ทางทนายความก็แจ้งกลับว่า ได้รับมอบอำนาจมาเท่านี้ ไม่สามารถจะลดลงได้มากกว่านี้แล้ว คนที่ยอมตกลงทางทนายโจทย์ก็ให้เซ็นเอกสาร ประนีประนอมยอมความ ส่วนลูกหนี้ท่านอื่น ที่ไม่ตกลง ก็ขอกลับไปเจรจากับทางธนาคารอีกครั้งก่อน โดยขอเลื่อนไปอีก 1 นัด ทางทนายโจทย์ก็ไม่ติดใจอะไร ก็เลื่อนตามที่ทางลูกหนี้ (จำเลย) ต้องการ ซึ่งในประเด็นการขอเลื่อน ไปเพื่อเจรจา ไม่ต้องใช้เอกสารอะไร แค่เซ็นต์ชื่อ ว่าเราได้มาตามที่ศาลนัดไว้แล้ว และตกลงพร้อมใจกับทางฝั่งทนายโจทย์และจำเลย ขอเลื่อนไปเพื่อเจรจากับธนาคารอีกรอบ โดยจะต้องมีการเซ็นต์อนุมัติ จากทางท่านผู้พิพากษา ด้วยนะครับ ว่าท่านอนุญาติ ให้เลื่อนได้ ตามวันเวลา ที่ทางโจทย์ กับ จำเลย ได้ตกลงกัน ซึ่ง บางครั้ง ท่านผู้พิพากษา ถ้าเห็นว่านานไป ท่านอาจจะไม่อนุมัติ และให้เราเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ที่เรา ว่าเราจะขอเลื่อนได้นานขนาดไหน อยู่ที่การเจรจาเป็นหลักครับ
- ส่วนคดีของผม เมื่อทางทนายโจทย์ ได้สอบถาม ผมก็ตอบกลับไปไว้ ให้ชำระต่อเดือน สูงมาก รวม ๆ แล้ว เท่ากับยอดฟ้องเลย ผมคงจะไม่รับข้อเสนอหรอก เพราะทางธนาคาร ก็ให้ทางเลือกผมมาแค่ทางเลือกเดียว คงไม่สามารถชำระได้ ก็เลยแจ้งกับทางทนายโจทย์ กลับไปว่า ผมขอสู้คดีครับ ทางทนายโจทย์ ก็ไม่ติดใจอะไร ผมก็เลยแจ้งไปว่า ผมจะยื่นคำให้การเพื่อสู้คดีนะ ทางทนายโจทย์ก็เลยแนะนำให้ผม ไปยื่นคำให้การกับทางเจ้าหน้าที่ศาล หน้าห้องไกล่เกลี่ย
- ผมส่งเอกสารยื่นคำให้การ กับทางเจ้าหน้าที่ศาล แจ้งว่า ไกล่เกลี่ยไม่เป็นผล ขอสู้คดีครับ ทางเจ้าหน้าที่ศาลก็เลยมองผมแว็ปนึง ก็รับเอกสาร ผมไว้แล้วก็ Stamp รับ เสร็จแล้วก็ส่งเอกสาร สำเนาส่งคืนผม แล้วแจ้งกับหัวหน้าพนักงานศาลว่า ไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ขอขึ้นห้องพิจารณา
- ผมก็สอบถามกลับว่า เป็นอย่างไรครับ ขึ้นห้องพิจารณา เจ้าหน้าก็อธิบายว่า ให้ขึ้นไปรอที่ห้องพิจารณา ที่ทางผมไปดูไว้แล้ว เมื่อท่านผู้พิพากษา เซ็นต์เอกสาร คดี ที่มีการตกลงในวันนี้ เสร็จแล้ว ก็จะออกนั่งบัลลังก์ เพื่อพิจารณา คดีผม
- ผมค่อนข้างจะตกใจมาก เมื่อได้ยินว่า ท่านผู้พิพากษา จะออกนั่งบัลลังก์ เพื่อพิจารณา คดีผมเลย ตอนนั้น ทำอะไรไม่ถูก ก็เลยยังงง ๆ อยู่ เดินขึ้นไปรอ ที่ห้องที่ผมไปดูมาแล้ว ตอนแรกที่เข้ามา นั่งรอแบบไม่สบายใจ พยายามหาเรื่องราวต่าง ๆ ที่เพื่อน ๆ พี่ ได้แชร์ประสบการณ์ไว้มาอ่าน ก็หาไม่เจอ ตอนนั้น สับสนไปหมด ทำอะไรไม่ถูก เวลาก็ช่างเดินเร็วเหลือเกิน
- ในระหว่างรอ หน้าบัลลังก์ศาล ก็เข้ามาในห้องพิจารณาเตรียมเอกสาร และถามเราว่า มาคดีอะไร เราก็ตอบหน้งบัลลังก์ เสร็จแล้วพี่เค้าก็หาเอกสารแปร็บนึง ปรากฎว่า เอกสารยังไม่ถูกส่งขึ้นมา พี่เค้าก็เลยให้เรานั่งรอก่อน และก็แจ้งกลับเราว่า ในห้องพิจารณาคดี ไม่อนุญาติ ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือ ถ่ายภาพนะ ผมก็ได้แต่ตอบว่า ครับ แล้ว ก็เก็บมือถือนั่งรอ สักพักก็มีคดีอื่น ๆ ทยอยกันเข้ามา เพื่อรอศาลท่าน ขึ้นพิจารณาคดี อย่างน้อย ๆ ก็มีเพื่อนในห้องแล้ว
- เมื่อถึงเวลา ท่านผู้พิพากษา ก็ขึ้นนั่งบัลลังก์ ทุกคนยืนขึ้นทำความเคารพศาล เสร็จแล้วท่านก็นั่ง และเชิญทุกคนในห้องนั่ง
- ท่านผู้พิพากษา ก็ไล่ถามตามรายชื่อเอกสารที่วางอยู่ที่หน้าท่าน ว่าเป็นใครบ้าง มาแสดงตนว่าอยู่ในห้อง พิจารณาคดีอะไร และก็พิจารณาไปแต่ละคดี
- มาถึงคดีของผม ท่านก็ถามว่าที่ยื่นคำให้การมาจะสู้เรื่องอะไร ผมก็ตอบท่านว่า จะสู้เรื่อง สัญญาไม่เป็นธรรม และ ดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด
- ท่านก็ตอบกลับว่า เท่าที่ดู เหมือนว่า ดอกเบี้ยได้คิดถูกต้องแล้ว ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนเรื่องสัญญาไม่เป็นธรรม ท่านจะพิจารณาให้นะ
- ศาลท่าน ก็ถามผมว่า วันนี้มีทนายความมามั้ย เพราะเอกสารคำให้การ มีแต่ข้อกฎหมาย ถ้ามีทนายความมาด้วย ท่านจะอธิบายให้ฟัง ว่าข้อต่อสู้ของเราเป็นอย่างไรบ้าง
- ผมก็ตอบกลับท่านว่า ผมไม่มีทนายความมาครับ ไม่มีเงินที่จะจ้างทนาย อยากเก็บเงินไว้ใช้หนี้มากกว่า
- ท่านก็เลย ตอบกลับว่า แล้วผมจบกฎหมายมาหรือเปล่า หรือ คำให้การนี้ให้ใครเป็นผู้ร่างให้
- ผมก็ตอบกลับไปว่า ไม่ได้จบกฎหมายมาครับ วานให้คุณอา ร่างคำให้การให้
- ท่านก็เลย แจ้งผมกลับมาว่า ในเมื่อทางผมยื่นคำให้การมาแล้ว ท่านก็จะพิจารณาตามคำให้การที่ผมยื่นให้นะ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่ท่านจะไปตัดลดยอดหนี้ให้ได้ แต่ในเรื่องของดอกเบี้ย ท่านอาจจะตัดลดได้เป็นบางส่วน เพราะธนาคาร ทำธุรกิจ ก็ต้องการดอกเบี้ย ทางจำเลย เป็นคนกู้มา ก็ยอมรับ ว่าได้กู้มา ตามคำให้การ และท่านก็ถามว่า มีประเด็นไหน ที่ติดขัดถึงอยากให้พิจารณาไหม
- ผมก็ตอบท่านกลับไปว่า ผมกู้ธนาคารมา 2 แสนบาท ผมผ่อนชำระมา 2 ปี รวม ๆ ถ้าคิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็ 1.2 แสนบาทแล้วครับ แต่ที่ธนาคารฟ้อง ขาดไปแค่ 1 หมื่นบาท จะครบ ตามจำนวนเงินที่ผมกู้มา ผมก็เลยยังติดใจอยู่ครับ
- ท่านก็เลยบอกว่า เอาหละ เดี๋ยวจะลองพิจารณาจากคำให้การดู แล้วก็เลย ถามไปยังทนายโจทย์ ว่าติดปัญหาอะไรมั้ย หรือว่า ทางธนาคารให้ข้อเสนออะไรมา
- ทางทนายโจทย์ ก็ไม่ติดปัญหาอะไร ก็ตามคำให้การที่ทางทนายโจทย์ยื่นไว้เลย ส่วนข้อเสนอ ทางทนายโจทย์ก็เรียนแจ้งต่อท่านผู้พิพากษาว่า ได้รับมอบอำนาจและข้อเสนอมาเท่านี้
- ท่านผู้พิพากษาก็ไม่ว่า อะไร เสร็จแล้ว ก็แจ้งว่า เดี๋ยวให้ทางผม จำเลย กับ ทางทนาย โจทย์ นัดกัน ว่า จะมาศาลอีกทีวันไหน เพื่อ ยื่นเอกสาร พยาน นำสืบ เสร็จแล้ว ท่านก็พิจารณา คดีอื่น ต่อไป
- ส่วนผม กับทางทนายโจทย์ ก็ปรึกษากัน ว่า จะเลื่อนนัดหน้า เพื่อนำสืบพยานวันไหน ตอนแรก ผมกะว่า จะนัดอีกที อีก 2 เดือน ปรากฎว่า ทางฝั่งทนายโจทย์ไม่ว่าง ก็เลย นัดกันอีกที ในเดือน ที่ 3 เมื่อได้วัน ก็แจ้งกับทางหน้าบัลลังก์ ให้ตรวจสอบตารางนัดศาลให้ ปรากฎว่า ได้วันที่ ผมกับทางทนายโจทย์ เห็นร่วมกัน
- ทางผมและทนายโจทย์ ก็เลยเรียนศาลท่าน เลื่อนนัดสืบพยาน ไปในวันที่ และเดือนที่ตกลงกัน ปรากฎว่า ศาลท่านอนุญาติ แต่ก็ติงกลับมาว่า คดีแบบนี้ ไม่น่าจะเลื่อนศาลไปนานขนาดนั้น แต่เมื่อจำเลยกับโจทย์ ตกลงกันแล้ว ท่านก็ให้เลื่อน ไปตามนั้น
- เสร็จแล้ว ผมกับทนายโจทย์ ก็เซ็นต์เอกสาร ขอเลื่อนวันนัดพิจารณาสืบพยาน ให้กับทางท่านผู้พิพากษา เซ็นต์อนุมัติ
- เอกสารที่ขอเลื่อน ผมก็ขอ ปริ้น อีกแผ่น เพื่อเป็นหลักฐานในการขอเลื่อน ส่วนที่มีลายเซ็นต์ ทางศาลไม่อนุญาติ ให้ถ่ายรูป หรือ นำเอกสารที่มีลายเซ็นต์ ท่านผู้พิพากษาออกนอกศาล
- เสร็จแล้ว ผมกับทางทนายความโจทย์ ก็ขอเบอร์โทรกัน เผื่อมีอะไรที่จะติดต่อ แล้วในวันนั้น ก็แยกย้ายกันกลับบ้านครับ

หมายเหตุ : เพิ่มเติมสำหรับ เพื่อน ๆ คนใดที่ไม่ได้ไปศาลในวันนัด ในวันดังกล่าว ท่านผู้พิพากษา จะนำเอกสารคำฟ้องนั้น มาเรียกชื่อในห้อง พิจารณาคดี ถ้าจำเลย ไม่มาแสดงตน ท่านก็จะพิจารณา ในวันดังกล่าวเลยนะครับ

(เขียนยาวหน่อย ก็ขอโทษด้วยนะครับ เผื่อท่านใดสนใจไว้อ่าน) > เดี่ยวจะมาเขียนต่อ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #100970 โดย เป็นไทย
(ต่อนะครับ)

นัดไปศาล ครั้งที่ 2 ให้การ และสืบพยาน โจทย์และจำเลย

หลังจากที่ผ่านไป 3 เดือน ครั้งที่ 2 ที่จะต้องไปศาล ตามนัด
- เริ่มคุ้นเคยกับการไปศาล นัดช่วงบ่าย 13:30
- เราเริ่มรู้แล้ว ในวันนี้ ลางานครึ่งวันพอ ช่วงเวลานัด ศาลท่าน จะต้องนั่งรอพิจารณาคดี บริเวณชั้นห้องไกล่เกลี่ยก่อน เมื่อเสร็จแล้ว ท่านถึงจะออกนั่งบัลลังก์ ในวันนี้ ท่านออกนั่งบัลลังก์ ประมาณ 14:30 น.
- เข้าไปที่ศาล ทำเหมือนเดิม ผ่านเครื่อง สแกนโลหะ ตรวจบัตรประชาชน วันนี้พี่ ที่ดูแลความปลอดภัย ทักขึ้นก่อนเลย ทนายมาคดีอะไรครับ ขอบัตรทนาย หรือ บัตรประชาชนก็ได้ครับ
- ผมเลยยิ้ม ๆ ตอบพี่เค้าไป วันนี้มาเป็นจำเลยครับ แจ้งเลขที่คดี พี่เค้าไป เป็นคดีกับโจทย์ ธนาคารอะไร และก็ตารางนัดช่วงไหน
- พี่เค้าก็ใจดี หาเลขที่คดี กับตารางนัดให้ แล้วพี่เค้าก็แจ้งห้องพิจารณาเรา
- ผมเดินขึ้นไปที่ห้องพิจารณา ที่พี่เค้าแจ้งเรา ก็ไปตรวจดูลายชื่อที่ห้องพิจารณา ก็ปรากฎว่า มีการเปลี่ยนห้องพิจารณา เลยไปห้องพิจารณาที่มีการเปลี่ยนแปลง แล้วก็ตรวจดูรายชื่ออีกรอบ ปรากฎว่า มีชื่อผมอยู่ ก็เลย เข้าไปนั่งรอในห้อง ตอนนั้น ยังไม่ได้เปิดไฟ เปิด แอร์ ก็เลย ถือวิสาสะ เข้าไปเปิดไฟ เปิดแอร์ นั่งรอ ท่านผู้พิพากษา ขึ้นนั่งบัลลังก์ ก่อนเลย
- เมื่อเข้าไปนั่งได้สักพัก เลยเวลา 13:30 ไปจนถึงเวลาประมาณ 14:10 ก็เลยโทรศัพท์ หาทนายโจทย์ ว่าอยู่ไหนแล้ว ทางทนายโจทย์ ก็แจ้งกลับว่า อยู่ที่ศาลแล้ว กำลังเครียร์ คดีอื่น อยู่ห้องไกล่เกลี่ยอยู่ ถ้าศาลขึ้นนั่งบัลลังก์ ก็ให้ผมรอแปร็บนึง จะขึ้นตามมา
- สักพัก ทางเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ก็เข้ามาในห้อง แล้วก็ถามผมว่ามาคดีอะไร ก็แจ้งทางเจ้าหน้าที่บัลลังก์กลับไป พี่เค้าก็ดูเอกสาร เสร็จแล้วก็แจ้งกลับเราว่า วันนี้ คดีไกล่เกลี่ยเยอะหน่อยนะ อีกสักหน่อย ท่านผู้พิพากษา จะออกนั่งบัลลังก์ ให้รอก่อน
- ก่อนที่ศาลท่านจะออกนั่งบัลลังก์ ทนายความฝั่งโจทย์ ก็เข้าห้องมา ทักทายกัน ก็เลยคุยกันว่า นัดสืบพยานโจทย์ จำเลย ไม่มีประเด็นใดยื่นเพิ่มเติม คำให้การพยานโจทย์ จำเลย ก็ตามเอกสารนะ เสร็จแล้ว เราก็นั่งรอท่านผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์
- ท่านผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์ ทุกคนยืนขึ้นทำความเคารพ เมื่อท่านนั่ง ท่านก็เชิญให้ทุกคนนั่งตาม
- ท่านผู้พิพากษา เรียกเลขคดี จำเลยและโจทย์ ที่จะต้องมีการพิจารณาวันนี้ ทำการแสดงตัว เสร็จแล้ว ท่านก็ไล่แต่ละคดีตามลำดับ
- ถึงลำดับคดี ผม ท่านก็เรียกทางฝั่ง ทนายโจทย์ และ ฝั่งผม เข้าไปสาบานตนต่อหน้าแท่นบัลลังก์ เสร็จแล้ว ท่านก็ถามว่า วันนี้ มีพยานบุคคล ให้สืบมามั้ย ทั้งทางผม และทนายโจทย์ ก็เลยแจ้งท่านกลับไปว่า ไม่มีครับ ให้ท่านพิจารณา ตามคำให้การที่ยื่นให้วันนี้ได้เลย ทางฝั่งผม มีพยานแค่ตัวผม จำเลย ทั่งฝั่งโจทย์ ก็มีพยานแค่ทนายโจทย์ ท่านก็พยักหน้ารับทราบ แล้วเริ่มพิจารณา ตรวจสอบเอกสาร การให้การ
- ท่านผู้พิพากษา สอบถามผมว่า คำให้การพยานที่ให้มา เหมือนกับ ยื่นต่อสู้ใช่มั้ย ผมตอบว่าใช่ครับ เสร็จแล้วท่านก็ถามไปที่ทนายฝั่งโจทย์ ไม่ติดใจอะไร หรือจะให้การเพิ่มเติมนะ ทนายโจทย์ตอบว่าใช่ครับ และก็สอบถามกลับมาทางผม ผมก็ตอบกลับว่า ใช่ครับ ตามเอกสารคำให้การพยานจำเลยครับ
- เสร็จแล้ว ท่านก็แนะนำว่า ถ้าทางผมมีทนายมาด้วย จะแนะนำข้อกฎหมายให้ แต่ไม่มีมา ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวท่านจะพิจารณาตามเอกสารที่ยื่นมา
- เมื่อท่านตรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ก็แจ้งคำสั่ง นัดวันตัดสิน พิจารณาคดี หมายเลขที่ผมเป็นจำเลย ในเดือนถัดไป
- เสร็จแล้ว ก็ทำความเคารพท่าน และเซ็นต์เอกสาร นัดฟังคำสั่งศาล พร้อมกับทนายฝ่ายโจทย์ แล้วก็กลับบ้านครับ โดยไม่ลืมขอ ปริ้นเอกสารที่เซ็นต์ ไว้เตือนตัวเอง ว่าต้องมาอีกทีเมื่อไหร่

นัดไปศาล ครั้งที่ 3 วันฟังคำพิพากษา

- ทำเหมือนเดิม ผ่านเครื่องสแกน ตรวจสอบบัตรประชาชน และสอบถาม พี่ ๆ ที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ว่าคดีเราอยู่ห้องพิจารณา ที่เท่าไหร่
- ไปที่ห้องพิจารณา ตรวจสอบรายชื่อตัวเอง แล้วนั่งรอ วันนี้เราไม่ได้มาคนแรก มีคนอื่น ๆ มานั่งรอก่อนแล้ว และที่อยู่หน้าห้องด้วย เราก็เข้าไปนั่งรอ สักพักเจ้าหน้าที่ศาล หน้าบัลลังก์เข้ามา ก็สอบถามผมว่ามาคดีอะไร ก็แจ้งหน้าบัลลังก์กลับ ไป พี่เค้าก็พยักหน้า บอกให้รอสักครู่ แล้วพี่แก ก็ถามคนอื่น ๆ ต่อไป
- พี่ที่หน้าบัลลังก์ ก็ให้เราเตรียมบัตรประชาชน ไว้ด้วย เพื่อแสดงตนว่า เรามาแล้ว เพื่อฟังคำตัดสิน
- ถึงเวลา ท่านผู้พิพากษา ออกนั่งบัลลังก์ ทุกคนยืนเคารพ ท่านนั่ง และเชิญให้เรานั่ง
- ท่านผู้พิพากษา ก็พิจารณาคดี ไปตามลำดับ สักพัก มีตำรวจศาลเข้ามา ทำให้เรา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว วันนี้เราจะโดนขังหรือเปล่าหว่า แต่พอคิดไปคิดมา คดีเรา มันเป็นคดีแพ่งนี้ ไม่ต้องติดคุก แต่คดีที่อยู่ในห้อง มีคดีอาญาด้วย เห็นพี่ตำรวจศาล ดึงเลสข้อมือคู่ ออกมา ก็ทำให้เราใจหายได้เหมือนกันแฮ่ะ
- พอถึงคดีผม ท่านก็เรียกชื่อผม และผมก็แสดงตน ซึ่งในวันนี้ ทนายฝั่งโจทย์ไม่มาฟังคำตัดสิน
- ท่านผู้พิพากษา ก็ตัดสินว่า ตามที่คำฟ้องมา ฟังได้ว่า ผมมีหนี้สินที่ต้องชำระจริง ตามมูลฟ้อง และ ในเรื่องของดอกเบี้ยที่ฟ้องมา ท่านพิพากษา ให้ลดดอกเบี้ยลง ตามมูลฟ้อง รวมเงินต้นและดอกเบี้ย ที่ต้องชำระ อยู่ที่ 1.6 แสนบาท ให้ชำระดอกเบี้ยที่ 15% ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ส่วนค่าทนาย ฝ่ายโจทย์ และค่าทำเนียบศาล ให้จำเลย รับผิดชอบในการชดใช้ ทั้งหมด ภายใน 15 วัน จากวันตัดสิน
- ท่านก็ถามว่า จะยื่นอุธรณ์ หรือไม่
- ผมก็ตอบกลับไปว่า ยอมรับในคำตัดสินครับ คงไม่ยื่นอุธรณ์ ซึ่งท่านก็บอกว่า ไม่น่าจะมีข้อไหนยื่นอุธรณ์ ได้อีก ผมก็ยอมรับตามที่ท่านแนะนำ ซึ่งการยื่นอุธรณ์ จะต้องยื่น ภายใน 30 วัน หลังวันตัดสิน

สรุปคดีแรก ของชีวิต

1) เป็นอันว่า คำตัดสิน ผมต้องชดใช้หนี้ครับ แต่ว่า ดีอย่างคือยอดหนี้ ลดลงจากยอดฟ้อง
2) แต่ที่ผมติดใจ ณ ตอนนั้นยังคิดไม่ออก จนมาถึงเซ็นต์เอกสาร ที่หน้าบัลลังก์ ว่าผมจะมีปัญญาไปหาเงินมาจ่ายหนี้เป็นแสน ๆ ภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ได้ไงคือ ถ้าผมไม่ไปฟังคำตัดสินที่ศาล ในวันนั้น ผมจะมีเวลาหาเงินเพิ่ม เป็น 4 อาทิตย์ ที่ต้องชดใช้จากคำตัดสิน อันนี้ พี่ทนาย ที่มาคดีอื่น ในบริเวณนั้น ไขข้อข้องใจว่า ทำไม ทนายความฝั่งโจทย์ก็ไม่มาฟังคำตัดสินในวันนี้ และที่ผมมาฟังคำตัดสินโดยตรง ศาลท่านก็ถือว่า ผมได้มารับทราบคำตัดสินด้วยตัวเองแล้ว จึงไม่มีเหตุ ให้ยืดระยะเวลาออกไปอีก ที่จะชดใช้หนี้
3) เซ็นต์ชื่อเสร็จ ก็ทำความเคารพต่อท่านผู้พิพากษา ที่กำลังพิจารณาคดือื่น อยู่ แล้วก็เปิดประตู ออกจากศาล ไปแบบกังวล ว่าจะหาเงินจากไหนมาชำระหนี้ และชำเรืองดู เลสข้อมือสีเงินที่อยู่ในมือพี่ตำรวจศาลด้วย

“จุดจบของคดีนี้”

1) ระหว่างทางกลับบ้าน โทรปรึกษาคุณอาไพโรจน์ก่อนเลย ซึ่งแนวโน้มที่คุณอา กังวลก็สูงเหมือนกัน แต่อย่างไรก็แนะนำว่าอย่าพึ่งท้อ ให้ลองคำนวณดี ๆ ว่า ถ้าเราเก็บเงินไว้ แล้วไม่ชำระหนี้ จะเหลือเงินจากการบังคับคดี หักบัญชีเงินเดือนมั้ย ที่แน่ ๆ คุณอาแนะนำให้เอาชีวิต และครอบครัวให้รอดก่อน เรื่องอื่น ที่หลัง
2) หลังจากผ่านคำตัดสิน ก็ลองโทรไปเจรจา กับบริษัทที่รับติดตาม และทำคดีของผม ก็เลยได้ข้อสรุป และลองให้ทางบริษัทที่ติดตามยื่นขออนุมัติจากทาง ธนาคาร เพื่อปิดบัญชี ในวงเงิน 1.6 แสนบาท ผ่อนจ่าย 12 งวด เท่า ๆ กัน ซึ่งได้รับการอนุมัติ กลับมา และเรายังพอที่จะผ่อนชำระต่องวดรายเดือนได้ ก็เลยเป็นอันจบ จากคดีแรกสุดของชีวิตครับ

( ในคดีแรกของชีวิต ขอจบประสบการณ์นะครับ ส่วนคดี 2 และ 3 มีเวลาจะมาเขียนแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ในชมรมได้อ่านครับ)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #100979 โดย Ice23
ปักหมุดรอเลยครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.923 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena