ไปศาลมาแล้ว อยากเล่าประสบการณ์ และมีคำถามเพิ่มนิดหน่อยค่ะ

ได้หมายเรียกขึ้นศาล 12/6/59 นี้ (บัตรแรก บัตรเดียว หมายแรก ศาลแรก ในชีวิต ไปคนเดียวค่ะ )
ก็เลยลองคำนวณความสามารถในการจ่ายตามคำฟ้องดูก่อน หากเจรจาโชคร้ายไม่ประสบความสำเร็จต้องจ่ายตามคำฟ้องจะได้วางแผนชีวิตถูก

1. ขอคำแนะนำสำหรับตารางที่คำนวณมานี้ถูกต้องไหมค่ะ?
เดือนที่ 1-7 คำนวนดอกเบี้ยจากเงินต้น 86,253.81
เดือนที่ 8 เงินต้น เหลือต่ำกว่า เงินต้นตามคำฟ้อง 85,350.04
หลังจากนั้นจะเป็นลดต้น ลดดอกไปเรือย ๆ ถูกต้องไหมค่ะ
(มีแนบไฟล์ภาพ)





2.จากประสบการณ์ของหลาย ๆ ท่าน หากสมมติดิฉันมีความสามารถผ่อนจ่ายเดือนละ 3000 ได้
ถ้าจ่ายตามตารางที่คำนวณนี้ ความเป็นไปได้ที่เจ้าหนี้รายนี้ จะยอมรับตามนี้ มีกี่% ค่ะ? (3 ปี ครึ่ง)

ได้อ่านกระทู้ การไปศาล การคำนวณหนี้ การจ่ายหยอดหลังคำสั่งศาล/การหักคอจ่าย/การ HC
มาบ้างแล้ว แต่ไม่มั่นใจว่าตัวเองเข้าใจถูกต้องหรือไม่ จึงอยากจะเช็คความเข้าใจกับผู้รู้ในเว็บนี้
เพื่อความมั่นใจค่ะ

หากถามหรือคิดอะไรที่โง่เขลาไป ก็ขออภัย และขอคำแนะนำด้วยนะคะ T T

3. ความต้องการจริง ๆ อยากจะขอเขา HC ที่ 50% บุพการีช่วยได้เท่านี้ แล้วให้เราผ่อนกับท่านโดยไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ทวงถาม ไม่ฟ้องศาล แต่ที่อ่านกระทู้ หลายท่านบอกว่าเจ้าหนี้รายนี้โหดสุด ๆ ไม่เอื้ออาทรใดๆ ใช่ไหมค่ะ

4. หากข้อ 3 หมดหนทาง ดิฉันมีความพร้อมในการจ่ายตามคำฟ้องที่ลองคำนวณมาราว ๆ เดือน สิงหาคม 59 ก็อีก 2 เดือน ดิฉันจะสามารถทำคำให้การ ว่าเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง บลา ๆ ๆ เพื่อตั้งใจจะขอยืดเวลาออกไปอีกหน่อย เลือกใช้แนวทางนี้จะถูกต้องไหมค่ะ?

แต่ที่ดูเขาก็คิด 15% ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายแล้วใช่ไหมค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ การฟ้องด้วยเหตุผลการคิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง ก็จะทำไม่ได้หรือเปล่าค่ะ?

5. หากสามารถใช้แนวทางนี้ได้จริง เห็นว่าต้องมีทนายถูกต้องไหมค่ะ ทางศาลมีทนายคอยช่วยเหลือไหมคะ หรือต้องติดต่อเอง ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ค่ะ คุ้มไหมค่ะ หรือท่านใดมีคำแนะนำสำหรับเคสแบบนี้บ้างไหมค่ะว่าสิ่งใดคือเหมาะสมที่สุด

6. ถ้า HC 50% ไม่น่าจะได้ เขียนคำให้การก็ไม่น่าจะใช่ จะต่อรองว่า จ่าย 3000 บาท สองปี ไม่มีคิดดอกเบี้ย ที่เหลือโป๊ะทีเดียว เพื่อทำยอม คิดว่าเป็นข้อเสนอที่เสียเปรียบไหมค่ะ

ึึ7. สุดท้ายถ้าที่คิดมาทั้งหมด ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย ต้องกลับมาที่ ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และขอความเห็นใจต่อศาลพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยให้เหมาะสมต่อไป และทำใจรับสภาพต่อไปถูกต้องไหมค่ะ?

8. หากเป็นไปตาม 7. ดิฉันสับสนค่ะว่า ลักษณะการจ่ายหนี้ต่อจากนี้ เช่น เดือนละเท่าไหร กี่เดือนกี่ปี ตรงนี้ดิฉันจะไม่สามารถเสมอได้อีกแล้วใช่มั้ยค่ะ เจ้าหนี้จะเป็นผู้กำหนดให้เรา ดิฉันต่อรองไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยค่ะ (ถ้าเป็นแบบนี้ วิธีนี้เราดูจะเสียเปรียบที่สุดเลยนะคะ เพราะถ้าศาลไม่พิจารณาใด ๆ แล้วบอก จ่ายตามคำฟ้องไปเลย ดิฉันต้องทำใจแล้วใช่มั้ยค่ะ)

9. อายุความ 2 ปี / อายุบังคับคดี 10 ปี มีความหมายต่างกันอย่างไรค่ะ?
(อ่านจากกระทู้ คน ไกลเป็นไทยค่ะ)

"2. ของผมหนี้ 160,000 ตอนนี้ยังจ่าย 2,000 บาท/เดือน จะเห็นว่าน้อย....แต่มันควร step ของมันด้วย
ที่ผมใช้คือ ช่วง 2 เดือนแรกจ่าย เดือนละ 3,000 แล้วค่อยเจรจาบอกว่าไม่ไหว เพราะมีหนี้หลายตัว อะไรก็อ้างไปครับ เพราะอายุบังคับคดีตั้ง 10 ปี แถมเจ้าหนี้ได้ดอกเบี้ยด้วย จึงไม่น่ายากในการเจรจา แต่ควรอธิบายดีๆๆด้วย"

10. ระหว่างจ่ายตามคำพิพากษา จะไปทำธุรกรรมกู้ซื้อบ้านโอกาสจะผ่านมีสักกี่ % ค่ะ?
พอดีอาศัยบ้านญาติ แล้วเขาจะขายเพื่อไปอยู่ต่างจังหวัด น่าจะต้องหาที่อยู่เอง ก็เลยมอง ๆ ไว้ว่า
ควรจะผ่อนคอนโดถูก ๆ ดีกว่าเช่าแล้วเอาเงินทิ้งไปเปล่า ๆ อ่ะคะ (สามารถลอง ๆ กู้ดู เผื่อฟลุ๊คได้ไหมค่ะ)?


ถามเยอะมากเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ

happy time เขียน: ลองคำนวณความสามารถในการจ่ายตามคำฟ้องดูก่อน หากเจรจาโชคร้ายไม่ประสบความสำเร็จต้องจ่ายตามคำฟ้องจะได้วางแผนชีวิตถูก

1. ขอคำแนะนำสำหรับตารางที่คำนวณมานี้ถูกต้องไหมค่ะ?

ไม่ถูกต้องครับ เพราะมันต้องมีการ + ดอกเบี้ย"ย้อนหลัง"ไปจนถึงวันที่ฟ้อง(หรืออาจเป็นดอกเบี้ยย้อนหลังไปจนถึงวันตามที่ศาลสั่งในคำพิพากษา) + ค่าฤชาธรรมเนียมศาล(ถ้าอยากรู้ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ก็ต่องไปเช็คที่ศาลเอาเอง) + ค่านายโจทก์(ตามที่ศาลสั่ง)อีกด้วย

รบกวนสอบถามผู้รู้ด้วยครับ เรื่องหมายศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43866&Itemid=64#78324


สมาชิกใหม่ขอปรึกษามีหมายศาลบัตรเคดิตกรุงศรีมาครั้งแรกคะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44236&Itemid=64#83833


ตัวอย่าง การหักคอจ่ายโดยการปล่อยให้ศาลพิพากษาไปก่อน แล้วค่อยมาทำการหักคอจ่ายในภายหลัง

อ่านมา 1 ปีแล้ว ครับ ขอความรู้หน่อยครับ โดนเหมือนกัน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43979&Itemid=64

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43979&Itemid=64&limitstart=20

happy time เขียน: เดือนที่ 1-7 คำนวนดอกเบี้ยจากเงินต้น 86,253.81
เดือนที่ 8 เงินต้น เหลือต่ำกว่า เงินต้นตามคำฟ้อง 85,350.04
หลังจากนั้นจะเป็นลดต้น ลดดอกไปเรือย ๆ ถูกต้องไหมค่ะ

ถูกต้องแล้วครับ...ดอกเบี้ยจะไม่มีทางลดลงได้เลย จนกว่าจำเลยผ่อนจ่ายชำระหนี้ให้เหลือน้อยกว่าเงินต้นตามที่ถูกฟ้อง(85,350.04 บาท) แล้วหลังจากนั้น ดอกเบี้ยจึงจะเป็นไปในอัตรา ลดต้น-ลดดอก ต่อไป

happy time เขียน: 2.จากประสบการณ์ของหลาย ๆ ท่าน หากสมมติดิฉันมีความสามารถผ่อนจ่ายเดือนละ 3000 ได้
ถ้าจ่ายตามตารางที่คำนวณนี้ ความเป็นไปได้ที่เจ้าหนี้รายนี้ จะยอมรับตามนี้ มีกี่% ค่ะ? (3 ปี ครึ่ง)

เจ้าหนี้มันรีบเอาอยู่แล้วล่ะครับ มูลหนี้ฟ้องไม่ถึงแสน แต่ลูกหนี้ขอผ่อนจ่ายเดือนละ 3,000.-บาท/เดือน

แต่การผ่อนด้วยเงินจำนวนแค่นี้(เดือนละ 3,000 บาท) มันไม่ใช่ผ่อนแค่ 3ปีครึ่ง แล้วจะหมดหนี้อย่างที่คุณคิดหรอกนะครับ เพราะมันจะขอคิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อนอีกร้อยละ 10ต่อปี(10%ต่อปี) แถมยังขอคิดดอกเบี้ยย้อนหลังไปจนถึงวันที่ฟ้องอีกด้วย และยังจะให้ลูกหนี้ต้องจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล(ไม่ต้ำกว่า 5,000 บาท) และค่าทนายโจทก์ให้กับมันอีก(ประมาณ 3,000 บาท)

ยกเว้นแต่คุณตกลงกับทายโจทก์มันได้ว่า ในสัญญาที่จะเซ็นต์กันต่อหน้าศาล จะต้องไม่มีเนื้อหาที่ให้ลูกหนี้ต้องจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล กับค่าทนายโจทก์เขียนกำกับเอาไว้ในสัญญา (หากมีเขียนเอาไว้ ก็ต้องขีดฆ่าเอาออก หรือเขียนว่าเป็นพับ(ไม่ต้องจ่าย)แทน) คุณก็อาจเบาแรงในการผ่อนจ่ายลงไปได้บ้าง

ปัญหา คือ เป็นหนี้บัตรเครดิตกรุงไทย ได้ประนีประนอมที่ศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44003&Itemid=64#80210


เหมือนตัวอบ่างในคดีของกระทู้ในข้างล่างนี้เป็นต้น มันเขียนข้อความให้ลูกหนี้ต้องจ่ายค่าต่างๆเอาไว้เพียบเลย แต่ลูกหนี้รายนี้ไม่ยินยอม มันเลยต้องทำการขีดฆ่าออกแล้วเซ็นต์ชื่อกำกับไว้

บ.พรอมิส ฟ้องเป็นที่แรกค่ะ ยอดเงินกู้ 30,000 บาท
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=42258&Itemid=64&limitstart=0#84227

happy time เขียน: 3. ความต้องการจริง ๆ อยากจะขอเขา HC ที่ 50% บุพการีช่วยได้เท่านี้ แล้วให้เราผ่อนกับท่านโดยไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ทวงถาม ไม่ฟ้องศาล แต่ที่อ่านกระทู้ หลายท่านบอกว่าเจ้าหนี้รายนี้โหดสุด ๆ ไม่เอื้ออาทรใดๆ ใช่ไหมค่ะ

ใช่แล้วครับ คุณเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว ไอ้เจ้าหนี้รายนี้มันไม่ยอมขาดทุนเงินต้นเลยแม้แต่น้อย

KTC ไม่มีนโยบายลดหนี้เงินต้นให้ ลดได้แต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว (ไม่เหมือนกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ) ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต , หนี้บัตรกดเงินสด หรือหนี้สินเชื่อเงินกู้ก็ตาม
พูดง่ายๆก็คือ มันยอมเอาดอกเบี้ยออกไปให้ ขอเพียงเอาเงินต้นก่อนที่จะหยุดจ่ายกลับคืนมา
โดยการให้จ่ายเงินคืนแบบเต็มก้อนเดียว หรืออาจขอผ่อนต่อก็ได้ แต่ต้องเป็นการผ่อนระยะสั้นๆเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=6&id=41965&Itemid=64#58947

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41957&Itemid=64#58905

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41826&Itemid=64#57927

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=25879&limitstart=60&Itemid=64#56887

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41607&Itemid=64#55611

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41077&limitstart=40&Itemid=64#55324

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41554&Itemid=64#54911

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41540&Itemid=64#54826

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41410&Itemid=64#53330

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41330&Itemid=64#52508


หากลูกหนี้ไม่มีเงินก้อนจ่ายคืน แต่ต้องการจะผ่อนต่อแบบยาวๆอีกซัก 3ปี ก็ต้องไปทำ"ยอมความ"ที่ชั้นศาล โดยเอาตัวเลขตามยอดที่ฟ้อง มาผ่อนจ่ายใหม่ และอาจมีส่วนลดให้บ้างเพียงเล็กน้อย

ไปขึ้นศาลที่โดน KTC ฟ้องมา มีไฟล์เสียงมาให้เพื่อนๆฟังครับ
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=6&id=40967&Itemid=64&limitstart=0#49259


ไปศาลคดีของ KTC มาแล้ว โดยไกล่เกลี่ยขอผ่อน 3ปี
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40430&limitstart=120&Itemid=64#54345

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40430&Itemid=64&limitstart=120

happy time เขียน: 4. หากข้อ 3 หมดหนทาง ดิฉันมีความพร้อมในการจ่ายตามคำฟ้องที่ลองคำนวณมาราว ๆ เดือน สิงหาคม 59 ก็อีก 2 เดือน ดิฉันจะสามารถทำคำให้การ ว่าเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง บลา ๆ ๆ เพื่อตั้งใจจะขอยืดเวลาออกไปอีกหน่อย เลือกใช้แนวทางนี้จะถูกต้องไหมค่ะ?

นั่นก็หมายความว่า คุณตั้งใจจะเลือกใช้แนวทางที่ 1. ซึ่งก็ต้องเสียเงินค่าจ้างทนายในการเขียนคำให้การสู้คดีด้วยนะครับ

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64


หากเรื่องไปถึงศาล เราสามารถขอเลื่อนศาลได้อีกสัก 2-3 เดือนมัยค่ะ (อยู่ในด้านล่างสุดของกระทู้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44036&limitstart=20&Itemid=64#85499

happy time เขียน: แต่ที่ดูเขาก็คิด 15% ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายแล้วใช่ไหมค่ะ

ใช่แล้วครับ เพราะที่ผ่านมา มันคิดดอกเบี้ยเอากับลูกหนี้ในอัตราร้อยละ 20-28 ต่อปีมาโดยตลอดเลย
พอฟ้องแล้ว มันถึงได้มาปรับคิดดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 15ต่อปีแทน ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด

happy time เขียน: ถ้าเป็นแบบนี้ การฟ้องด้วยเหตุผลการคิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง ก็จะทำไม่ได้หรือเปล่าค่ะ?

ก็สามารถทำได้ครับ ถ้าคุณคิดว่าทนายความของฝ่ายคุณเก่งมาก พอที่จะชนะคดีในชั้นศาลได้

แต่ต่อให้ทนายความของคุณชนะคดีแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกหนี้จะไม่ต้องจ่ายหนี้ใดๆเลยนะครับ ยังไงศาลก็จะต้องพิพากษาให้ลูกหนี้ต้องชดใช้หนี้เงินต้นคืนอยู่ดี โดยตัดเอาดอกเบี้ยที่ไม่ถูกต้องออกไปทั้งหมด

happy time เขียน: 5. หากสามารถใช้แนวทางนี้ได้จริง เห็นว่าต้องมีทนายถูกต้องไหมค่ะ ทางศาลมีทนายคอยช่วยเหลือไหมคะ

ที่ศาลไม่มีทนายมาเสนอตัวช่วยเหลือประชาชนตาดำๆหรอกครับ มีแต่จะคอยหลอกเอาเงินและซ้ำเติมคนที่ไม่รู้กฎหมายเสียมากกว่า

happy time เขียน: หรือต้องติดต่อเอง

ก็ต้องเป็นงั้นแหละครับ ถ้าหากคุณคิดจะสู้คดีความ

happy time เขียน: ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ค่ะ คุ้มไหมค่ะ

ไม่ทราบราคาครับ ขึ้นอยู่กับความเขี้ยวและความโหดของทนายแต่ละคนครับ

happy time เขียน: หรือท่านใดมีคำแนะนำสำหรับเคสแบบนี้บ้างไหมค่ะว่าสิ่งใดคือเหมาะสมที่สุด

แล้วแต่คุณไปพิจารณาเอาเองครับ ว่าจะยอมทำสัญญาผ่อนจ่าย 3ปี(แนวทางที่ 2.)...หรือว่าจะใช้วิธี"หักคอจ่าย"ดีกว่า

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64


เมื่อศาลพิพากษาแล้ว
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44368&Itemid=64#85574

happy time เขียน: 6. ถ้า HC 50% ไม่น่าจะได้ เขียนคำให้การก็ไม่น่าจะใช่ จะต่อรองว่า จ่าย 3000 บาท สองปี ไม่มีคิดดอกเบี้ย ที่เหลือโป๊ะทีเดียว เพื่อทำยอม คิดว่าเป็นข้อเสนอที่เสียเปรียบไหมค่ะ

ไม่เสียเปรียบหรอกครับ แต่ทาง KTC มันก็ไม่ยอมให้คุณผ่อนแบบ"ฟรีดอกเบี้ย"ยาวนานถึง 2ปีหรอกครับ เต็มที่มันก็ให้ได้แค่ปีเดียวเท่านั้น

อยากหยุดหนี้เพื่อเริ่มต้นใหม่
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=6&id=42103&limitstart=80&Itemid=64#80933




ึึ

happy time เขียน: 7. สุดท้ายถ้าที่คิดมาทั้งหมด ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย ต้องกลับมาที่ ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และขอความเห็นใจต่อศาลพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยให้เหมาะสมต่อไป และทำใจรับสภาพต่อไปถูกต้องไหมค่ะ?

ถะ ถะ ถะ ถ ถ ถ ถูกต้องนะคร๊าบบบบ

happy time เขียน: 8. หากเป็นไปตาม 7. ดิฉันสับสนค่ะว่า ลักษณะการจ่ายหนี้ต่อจากนี้ เช่น เดือนละเท่าไหร กี่เดือนกี่ปี ตรงนี้ดิฉันจะไม่สามารถเสมอได้อีกแล้วใช่มั้ยค่ะ เจ้าหนี้จะเป็นผู้กำหนดให้เรา

ตัวเรา(ลูกหนี้)เป็นผู้กำหนดเองครับ โดยการคำนวณมาจากตาราง Excel

สอบถามเรื่องขึ้นศาลค่ะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40812&Itemid=64#47926

happy time เขียน: ดิฉันต่อรองไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยค่ะ

ใช่ครับ

happy time เขียน: (ถ้าเป็นแบบนี้ วิธีนี้เราดูจะเสียเปรียบที่สุดเลยนะคะ เพราะถ้าศาลไม่พิจารณาใด ๆ แล้วบอก จ่ายตามคำฟ้องไปเลย ดิฉันต้องทำใจ แล้วใช่มั้ยค่ะ)

มีความคิดว่าจะหยุดจ่ายหลังได้ไ​ปขึ้นศาลแล้ว
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44237&Itemid=64#83839

happy time เขียน: 9. อายุความ 2 ปี / อายุบังคับคดี 10 ปี มีความหมายต่างกันอย่างไรค่ะ?

อายุความ 2ปี คืออายุความในการฟ้องลูกหนี้ให้ขึ้นศาล ของหนี้ประเภทบัตรเครดิตครับ

อายุความในการฟ้องร้อง คดีแพ่ง (หนี้เงิน)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=813&Itemid=64


ส่วนอายุความ 10ปี คืออายุความที่เจ้าหนี้ สามารถเล่นงานลูกหนี้ได้ตามกฎหมาย(ไม่ว่าจะเป็นการยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนของลูกหนี้ก็ตาม) ภายหลังจากที่ศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว เจ้าหนี้สามารถเล่นงานลูกหนี้ได้นานถึง 10ปี

กฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีหนี้สิน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_content&view=article&id=99:2011-12-17-02-39-30&catid=4:2008-12-16-19-39-10&Itemid=21


หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=8746&Itemid=64

happy time เขียน: 10. ระหว่างจ่ายตามคำพิพากษา จะไปทำธุรกรรมกู้ซื้อบ้านโอกาสจะผ่านมีสักกี่ % ค่ะ?

0% ครับ

happy time เขียน: พอดีอาศัยบ้านญาติ แล้วเขาจะขายเพื่อไปอยู่ต่างจังหวัด น่าจะต้องหาที่อยู่เอง ก็เลยมอง ๆ ไว้ว่า
ควรจะผ่อนคอนโดถูก ๆ ดีกว่าเช่าแล้วเอาเงินทิ้งไปเปล่า ๆ อ่ะคะ

คุณจะผ่อนคอนโดเพื่อให้เจ้าหนี้มันมายึดเหรอครับ?

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของศาล มันสามารถมายึดเอาบ้านที่ยังผ่อนอยู่ไปได้นะครับ

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้) (อยู่ในด้านล่างๆของกระทู้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

happy time เขียน: (สามารถลอง ๆ กู้ดู เผื่อฟลุ๊คได้ไหมค่ะ)?

คุณจะลองดูก็ไม่มีใครเขาว่าหรอกครับ...มันเป็นสิทธิ์ของคุณนี่ครับ
.

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

เล่าประสบการณ์ขึ้นศาลครั้งแรก
อยากแบ่งปันประสบการณ์ขึ้นศาลครั้งแรก เผื่อจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่คนอื่น ๆ ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย อีกทั้งอยากจะขอบคุณเว็บแห่งนี้ที่ทำให้การขึ้นศาลในครั้งแรกผ่านไปได้โดยไม่แย่นัก ก็คิดว่าสิ่งนี้ก็เป็นการแสดงถึงความขอบคุณต่อทุก ๆ ท่านที่เป็นเหมือนผู้ชี้ทาง กำลังใจ และผู้ให้ความรู้ อาจจะเยอะไปหน่อยนะคะ แต่อยากจะเล่าในมุมที่เจอและมุมความรู้สึกด้วยค่ะ

ได้หมายศาลนัดให้ไปศาลวันที่ 12.6.59 เวลา 13.30 น. (เป็นวันอาทิตย์ และเป็นศาลต่างจังหวัด หนี้บัตร KTC)

11.30 น. ไปถึงศาล เจอแต่ รปภ. จะไปดูบอร์ดเพื่อหาห้องพิจารณคดีว่าเราห้องไหน ที่บอดร์ด กลับติดรายการของวันที่ 13/6/59 รปภ. เลยบอกให้ขึ้นไปรอด้านบน ซึ่งเป็นห้องพิจารณาคดี หน้าห้องก็จะมีการติดประกาศว่าห้องนี้มีกี่ราย ๆ ใครบ้างซึ่งมันก็เป็นของวันที่ 13/6/59 (ของเราไม่มีบอก) ดูเงียบ ๆ งง ๆ พิกล แต่ก็นะ ยังไม่ถึงเวลานัด ก็เลยไปนั่งรอทางฝั่งห้องพิจารณาที่เห็นว่ามีการเปิดประตูเอาไว้ แต่ในห้องก็ปิดไฟเงียบ

12.00 น. เจ้าหน้าที่คนที่ 1 เดินผ่านมา ดิฉันถามเขา เขาก็เลยพาไปเข้าห้องพิจารณา 3 เขาให้ดิฉันรื้อดูจากกองคำฟ้อง ว่ามีชื่อดิฉันในกองไหม สรุปว่ามี เขาเลยบอก “นั่งรอด้านหน้านะ”

12.15 น. เจ้าหน้าที่คนที่ 2 เดินเข้าห้องไป และกลับออกมาบอกว่า “รอก่อนนะ”

12.30 น. หน้าห้องเริ่มร้อน เพราะแดดส่อง เลยหลบไปนั่งอีกฝากหนึ่ง มี เจ้าหน้าที่คนที่ 3 เดินมาบอกว่า ห้องพิจารณาอยู่อีกฝั่งนะ ดิฉันจึงบอกว่า “เจ้าหน้าที่ท่านอื่นแจ้งแล้วค่ะ ยังไม่ถึงเวลานัดขอหลบแดดหน่อยนะคะ”(ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนี้คือคนที่ทำสรุปเอกสารหลังการเจรจานั้นเอง)

12.55 น. เจ้าหน้าที่คนที่ 1 มาเรียกเข้าไปในห้องพิจารณาคดี ก่อนเวลานัด (13.30 น.) ก็เจอ เจ้าหน้าที่คนที่ 1 กับ คนที่ 3 และอีกประมาณ 5 นาที ผู้พิพากษา ก็เข้ามา เขาก็ไม่ได้นั่งบัลลังภ์ แต่เรียกเราไปที่โต๊ะข้าง ๆ กับบัลลังภ์ และก็เริ่มบทสนทนา

ผู้พิพากษา : อ้าว นึกว่าไม่มาแล้ว เห็นทนายแจ้งว่าไม่มาแล้ว เขาโทรไปไม่มีคนรับสาย

เรา : อ้าว! ก็นัดไว้ 13.30 น. ไม่ใช่เหรอค่ะ นี้ยังไม่ถึง 13.30 น. เลย (พอดีเราเปลี่ยนเบอร์ แล้วที่ใบสมัครบัตร ได้อ้างอิงเบอร์แม่ไว้ เขาโทรวันนั้นตอน 09.26 น. แม่เห็นเป็นเบอร์แปลก แม่ก็ไม่ได้รับ)

ผู้พิพากษา : ก็ปกติมักจะไม่มีใครมานะซิ เมื่อเช้าก็ไม่มีคนมา (คิดในใจว่า อ้าว! ไงพูดแบบนี้หละ แล้วมาเหมากันแบบนี้ได้ยังไง ชักฉุน!)
จะทำยอมเลยไหม? ศาลพิจารณาดอกเบี้ยให้ที่ 7.7% แล้ว ผู้พิพากษาก็ บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย (ไอ้เราก็งง ๆ ทนายโจทย์ หายไปไหนหละ แล้วยังไง จะไปไงต่อ ที่อ่านมามันไม่ได้เป็นแบบนี้นะ เราต้องตกลงคุยกับทนายโจทย์ก่อน แล้วค่อยไปหาผู้พิพากษา หรืออะไรต่าง ๆ มิใช่หรือ)

เรา : ค่ะ ๆ ๆ ๆ คือ ยังงี้ค่ะ วันนี้ที่มา ตั้งใจว่าจะมาขอปิดยอดเลย ไม่ต้องการจะผ่อน แต่อยากจะขอความเมตตาศาลช่วยพิจารณาในเรื่องของดอกเบี้ยต่าง ๆ ตามที่ทางบริษัท (โจทย์) ฟ้องมา มีส่วนใดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ค่ะ? หรือหากถูกต้องแล้ว จะมีโอกาสที่จะขอลดหย่อน ผ่อนปรนยกเว้น จะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดค่ะ

ผู้พิพากษา : ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ นี้ก็พิจารณาให้แล้ว ก็ราว 7.7% ยังไง ถ้าโอเค ก็ทำยอม (ทำยอม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อะไรเหล่าเนี้ย จะให้ทำยอมอย่างเดียว หรือเราพูดอะไรไม่รู้เรื่องหว่า เดี๋ยวเอาใหม่)

เรา : คืออย่างนี้ค่ะ ดิฉัน พอจะเก็บเงินที่จะจ่ายในก้อนเดียวได้ประมาณหนึ่ง ซึ่งน่าจะครอบคลุมในส่วนของเงินต้น หากดิฉันจะขอปิดที่ยอดนี้ และยกเว้นในส่วนของดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมศาล ค่าต่าง ๆ อื่น ๆ จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดค่ะ

ผู้พิพากษา : โอ้ย ไม่น่าจะได้หรอกนะ เอา ๆ ตกลงมีเบอร์ทนายไหม? ที่เขาโทรหาเมื่อเช้า โทรไปซิ (เออ! คือ ก็รอ ทนายมาก่อนมิดีกว่าเหรอเนี้ย จะรีบไปไหนค่ะท่านผู้พิพากษา)

เรา : กดโทรไป พอติด ผู้พิพากษาก็ กระดิกนิ้ว แบบกวัก คล้ายว่า โทรศัพท์ๆ นะ เอามานี้ (ตอนแรกดิฉันก็เข้าใจว่า จะให้ดิฉันคุยกับทนายเอง เฮ้อ! งงไปหมด) ดิฉันก็ยืนโทรศัพท์ของดิฉันให้ผู้พิพากษา

ผู้พิพากษา : อ้าว ตอนนี้อยู่ไหนหละ ทางจำเลยเขาอยากจะขอ ….. สามารถหรือไม่อย่างไร? พอวางสาย ก็หันมาบอกเราว่า
เขาจะลดให้ได้ประมาณ 9000 (ยอดฟ้อง 99xxx ค่ะ) คือจ่าย 90,000 ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล และฤชาต่าง ๆ พร้อมจ่ายหรือเปล่า

เรา : (คือดิฉันมีเงินพร้อมปิดในส่วนของเงินต้น พอการขอไม่เป็นผล ดิฉันก็คิดว่า อยากจะมีโอกาสต่อรองกับทางบริษัทอีกสักครั้ง ก่อนที่จะตกลงอะไร ดิฉันก็เลยคิดถึงที่อ่านมาว่า ยังสามารถขอเลื่อนได้ เพราะตอนนี้ทนายโจทย์ก็ยังมาไม่ถึง เพราะยังอยู่ที่โรงแรม? เขามาจาก กทม. เลยต้องพักโรงเรม ก็งงว่า นัดลูกความมาทำไมคุณไม่รออยู่บริเวณศาลหละนั้น กลับไปโรงแรมเพื่อ นี้บ่ายโมงกว่า ๆ ใกล้ถึงเวลานัดแล้วด้วย) ก็เลยบอกกับผู้พิพากษาว่า “ดิฉันขอโอกาสที่จะคุยกับทางบริษัท และขอเวลาที่จะเตรียมหาเงินอีกสักหน่อย อยากจะขอเลื่อนการพิจารณาไปสามารถทำได้ไหมค่ะ”

ผู้พิพากษา : ทำไมหละ ไม่พอจ่าย คุณก็ต้องผ่อนเขาซิ นี้ไงดอกเบี้ย 7.7% (โอ้ย จะบ้าตาย จะให้ผ่อนอยู่นั้นแหละ) ไหน ๆ เงินต้นเท่าไหร (เงินต้น 86xxx) โฮ้ย! แค่ 4-5 พัน เอง (ฮ่า! 4-5 พัน เอง เงินนะเงิน ถ้ามันหาง่ายขนาดนั้น จะเป็นหนี้ให้เขาฟ้อง แล้วมานั่งให้ท่านพูดจาถากทางกันอยู่นี้ทำไม ที่รวบรวมเงินมาระยะหนึ่งนี้ก็แทบจะกินแกบอยู่แล้ว ถ้าดิฉันจะต่อรองเพื่อได้ลดเงินสัก 4-5 พันนี้ มันทุเรศมากเลยเหรอ อันนี้คิดในใจค่ะ ไม่ได้พูดออกไป 555 และเริ่มรู้สึกไม่ประทับใจท่านผู้พิพากษาคนนี้แล้ว ดูจะไม่เห็นใจกันบ้างเลย)

เรา : (ก็เพราะอ่านเว็บนี้ เรามีสิทธิขอเลื่อนถ้าเราคิดว่าเรายังไม่โอเค ก็เลยบอกไปว่า) ดิฉันขอโอกาสค่ะ ขอโอกาสได้คุยกับทางบริษัทก่อน

ผู้พิพากษา : ปกติขอเลื่อนเวลาที่ให้ก็ไม่ได้เยอะอะไรนะ ประมาณเดือนเดียว จะหาเงินมาทันเหรอ (แหม! เหมือนกับสคริปที่เคยอ่านจากเว็บนี้เลย แต่ก็นึกเห็นใจว่า ทนายโจทย์ยังไม่มา ท่านก็ต้องทำหน้าที่เป็น 2 คน ในร่างเดียว คงมีคำถามอะไรแย้ง ๆ ความต้องการของเรา แทนทนายโจทย์มั่ง?)

เรา : ไม่เป็นไรค่ะ เดือนเดียวก็ได้ค่ะ ยังไงดิฉันก็ต้องขอโอกาสนี้ไว้นะคะ

ผู้พิพากษา : หันไปทางเจ้าหน้าที่ เอางั้นก็ทำเรื่องเลื่อนพิจารณา เอาวันไหนดี 11.7.59 ก็แล้วกัน (หันมาถามเรา สะดวกไหม)

เรา : ได้ค่ะ
(ระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่ก็พิมพ์เอกสารไป เกิดความเงียบชั่วขณะ)

ผู้พิพากษา : ค้าขายอะไรหละเรา

เรา : ไม่ได้ค้าขายค่ะ ทำงานบริษัทค่ะ

ผู้พิพากษา : หนี้เยอะไหมเรา มีกี่เจ้า (มองด้วยหางตา)

เรา : ก็พอสมควรค่ะ (แต่หนี้อื่น เรายังผ่อนได้อยู่ ยังไม่ฟ้อง)

ผู้พิพากษา : อ้าว! แล้วยังงี้จะไหวเหรอ

เรา : ก็ต้องพยายามค่ะ คือที่จะปิดนี้ ญาติช่วย ๆ กันค่ะ เห็นใจว่าดิฉันเลี้ยงลูก 2 คน ด้วยตัวคนเดียว ญาติไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ฟ้อง น่าจะดีกว่า และเจ้าอื่น ๆ ก็ต้องพยายาม แต่ก็คิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ เพราะดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหนี้ แต่เพียงช็อตชั่วขณะเท่านั้น

(555 ไม่รู้ว่าที่พูดไปนี้จะมีผลอะไรกับรูปคดีหรือเปล่า แต่แค่อยากจะบอกให้ศาลมั่นใจว่าจ่ายแน่ ๆ อย่ากดดัน ๆ เอาจิง ไม่ได้ลีลาอะไร แค่อยากขอในยอดที่พอจ่ายได้เท่านั้น เงินก็พอจะมีปิดอยู่บ้างแต่ก็ไม่เท่ายอดที่เขาฟ้องมา ได้หมายศาลเร็วเก็บยังไม่พอยอดฟ้อง ก็จะมาขอต่อรองดู)

ผู้พิพากษา : อ่อ อือ เดี๋ยวคุณก็โทรไปทีเบอร์ทนาย แล้วก็ขอเบอร์ว่าจะติดต่อกับทางบริษัทเขาได้ยังไง แล้วก็ชี้ ๆ มือมาทางโทรศัพท์ของดิฉัน ดิฉันก็ยื่นให้ ท่านก็มากดข้าง ๆ โทรศัพท์เหมือนจะต้องการเปิดโทรศัพท์ของดิฉัน อยู่สักพักก็เปิดไม่ได้ ดิฉันก็เลยขอกลับมาจะเปิดให้ ท่านก็ว่า ไม่เป็นไร แล้วก็ลุกเดินออกไป

(คือในใจ ดิฉันคิดว่า ท่านค่ะ ไอโฟน ปุ่มเปิดอยู่ด้านบนค่ะ ถ้าด้านข้างส่วนใหญ่จะเป็นของซัมซุงค่ะ โทรศัพท์ผู้พิพากษา น่าจะใช้ซัมซุงเป็นหลัก 555 ขอแอบขำนิดหน่อยนะ ดิฉันเดาว่าท่านน่าจะออกไปโทรศัพท์ด้วยมือถือของท่านเองมั่ง แต่โทรหาใครนี้ซิ โทรหาทนายเหรอ ยังไง?)

ผู้พิพากษา : (กลับเข้ามาในห้องอีก) หันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ เอาเป็น 27 ก็แล้วกัน (ดิฉันก็มี sense ว่า จะเลื่อนไปเป็น 27 แน่เลย แต่ผู้พิพากษาก็ไม่เห็นจะมาพูดอะไรกับดิฉัน ก็นิ่งไม่พูดอะไรอยู่สักอึดใจ) ก็มีเสียงว่า “งั้นผมให้เวลาเพิ่มอีก ขอนัดเป็น 27.7.59 แล้วกันนะ”

เรา : ได้ค่ะ (แอบดีใจนิด ๆ ได้เวลาเก็บเงินหรือต่อรองเพิ่มอีกหน่อยแล้ว)

(สักพัก เจ้าหน้าที่ก็ยื่นกระดาษใบหนึ่งมาให้ผู้พิพากษา ท่านก็เซ็นชื่อลงไป แล้วก็ เอามายื่นอ่านให้ดิฉันฟัง ดิฉันก็เห็นหัวไว ๆ ว่า “รายงานการพิจารณา” อะไรนี้หละค่ะ ข้อความก็ประมาณว่า พิจารณาแล้ว ขอเลื่อนไป จะให้กลับมาพิจารณาหรือทำยอมกันในวันที่ 27.7.59 อีกครั้งหนึ่ง ผู้พิพากษก็ยื่นมาให้ดิฉันเซ็นชื่อในนั้นดิฉันก็เซ็นลงไป และยังมีอีกจุดเป็นของทนายโจทย์ดิฉันก็เข้าใจว่า เดี๋ยวคงรอทนายโจทย์มาเซ็น)

ผู้พิพากษา : หันมาบอกกับดิฉัน ถ้าระหว่างรอนัดถัดไป คุณจ่ายปิดได้ ครั้งต่อไปก็มาทำ “ยกฟ้อง”
(ดิฉันก็ค่ะ ๆ ไป ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ process ถัดไปหรอกค่ะ แต่ก็คิดว่า เราจะหาความรู้ได้ในเว็บนี้แหละ เดี๋ยวกลับไปจะต้องไปอ่านต่อ) จากนั้นท่านก็เดินออกไป

ชั่วประเดี๋ยวสัก 10 นาที ก็มี เจ้าหน้าที่ผู้ชาย อีกคน เดินมานั่งตรงเก้าอี้ที่ผู้พิพากษาเคยนั่ง แล้วเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องเลื่อนก็เอาเอกสารคำฟ้องมาให้ผู้ชายคนนี้ แล้วเขาก็ยื่นเอกสารคำฟ้องนั้นมาให้ดิฉัน แล้วบอกให้เซ็น เจ้าหน้าที่คนพิมพ์ใบเลื่อนก็รีบเดินมาบอกว่า “ไม่ ๆ ๆ “ เขาทำเลื่อน แล้วเขาก็เอาเอกสารเลื่อนที่ดิฉันเซ็นไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนั้น ดิฉันจึงไม่ได้เซ็นอะไร

สักพักผู้พิพากษาก็มาอีก แล้วมาบอกกับทางเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนั้นว่า “ลบ ๆ ลบออกให้หมดเลย” แล้วก็ชี้ไปที่คำฟ้องปึ้งใหญ่ ปึงนั้น ตอนนี้อยากบอกความรู้สึกตรง ๆ เลยว่า รู้สึกแปลก ๆ กับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในศาลนี้จริง ๆ ดูสับสน งุนงง ไอ้เราก็ครั้งแรก และดูเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้คุยกันหรืออย่างไร จะให้เซ็นโน้น เซ็นนี้ แล้วก็ไม่คุยกัน นี้ฉันมาศาลครั้งแรกนะ ความรู้ก็อ่านมาพอประมาณ เกิดพวกคุณทำผิดทำพลาดอะไร ดิฉันมิซวยเหรอนี้ ฉัน โค ตะ ระ ตื่นเต้น ใจเต้น มือไม้ สั่นอยู่นี้ เคยรู้กันบ้างไหม เฮ้อ!!! จากความกังวล ตอนนี้กลายเป็นชักฉุนนิด ๆ แล้วนะ ฮึ่ม!! จากนั้นผู้พิพากษาก็เดินออกไปอีก (เข้า ๆ ออก ๆ เพื่อ? งงจริง)

13.30 น. ทนายโจทย์ก็เดินเข้ามา เป็นผู้หญิง หน้าตามึน ๆ ตึง ๆ ไม่ทักดิฉันสักคำ เดินมายืนข้าง ๆ เก้าอี้ของดิฉัน และก้มเขียนอะไรใน post it และก็ยื่นให้ดิฉัน แล้วบอกว่า
ทนายโจทย์ : พี่โทรไปที่บริษัทเบอร์นี้นะคะ ดิฉันไม่สามารถให้ข้อมูลเรื่องการลดหย่อนหรืออะไรเกี่ยวกับยอดหนี้ได้

เรา : จะให้โทรตอนนี้ได้เลยหรือไม่ค่ะ

ทนายโจทย์ : วันนี้วันหยุดค่ะ

เรา : ค่ะ (นึกในใจ แปลว่าโทรไม่ได้ซินะ) จากนั้นผู้พิพากษาก็เดินเข้ามา

ผู้พิพากษา : (พูดกับทนาย) “ผมทำเลื่อนไป 27/7/59 นัดเดียวกับเคสนั้น” จากนั้นก็เดินจากไป
แล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ชาย ก็ให้ทนายโจทย์ เซ็นในใบเลื่อน หลังจากนั้นดิฉันก็นึกขึ้นได้ที่อ่านจากเว็บนี้ว่าควรขอสำเนาเอกสารเลื่อนตัวนี้จากศาลด้วย ดิฉันก็ลองขอดู

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย : ทำหน้ามึน แล้วบอกว่า “วันนี้วันอาทิตย์ และไม่มีเครื่องถ่ายเอกสาร”

เรา : ถ้าพี่จะขอถ่ายรูปใบนี้ไว้หน่อย จะได้ไหมค่ะ

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย : ไม่ได้ (จะมีครับสักคำหน่อยไม่ได้เหรอ อายุห่างกับเราเป็นลูกได้แล้วมั่งเนี้ย) อะไรจะไม่เป็นมิตรกันขนาดนี้ การเป็นจำเลยจะต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้เหรอ 555 เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งเนอะ

เรา : งั้นดิฉันขออ่านข้อความในนั้นอีกครั้งได้หรือไม่ค่ะ

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย: ยื่นมาให้อ่าน ดิฉันก็เลยโฟกัสแต่บรรทัดสุดท้าย เรื่องว่า นัดมาทำไร แล้วก็วันที่ ดิฉันก็เลยทวนซ้ำกับเขาว่า

เรา : วันที่ ยี่สิบเจ็ด เดือนเจ็ด นะคะ นัดมาพิจารณาหรือทำยอม

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย : เดือนกรกฎาคม!!!!

เรา : ก็เดือนเจ็ดใช่ไหมค่ะ (คือเราเห็นเขาพูดห้วน ๆ หลังจากเราทวนวันที่กับเดือน ลักษณะเหมือนสิ่งที่เราทวนมันไม่น่าจะถูก แล้วเขาก็เลยบอกเดือนมา เราก็เลยถามย้อนกลับไปแบบนั้น)

เจ้าหน้าที่ชาย : ก็เดือนกรกฎาคม (เราก็ทวนกับเขาคำพูดซ้ำ ๆ แบบนี้ เขาก็ตอบซ้ำ ๆ แบบมานี้ ถึง 4 รอบ) แล้วเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนี้ก็พูดออกมาว่า “ก็เดือนกรกฎาคมนะ ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเดือน 7 หรือเดือนอะไร”

เรา : โอ้แม่เจ้า!! (หมดคำจะพูด หรือไม่ก็ เบิ๊ดคำซิเว้า) และเราก็บอก โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะ

ดิฉันก็เลยจดใส่สมุด เรื่องวันนัด กับ เรื่องที่นัดมาครั้งหน้าเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกมาแบบมึน ๆ นี้ฉันเจอกับอะไรอ่ะ? 555

แต่ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ในการขึ้นศาลรึเปล่าค่ะ หากท่านใดมีประสบการณ์ จะช่วยแนะนำ ให้ความเห็นดิฉันยินดีนะคะ หากนัดหน้าได้ไปอีกจะได้ทำได้ถูกต้องมากกว่านี้ ขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้งนะคะ?

ไม่แน่ใจว่าท่านที่อ่านจะได้ข้อคิดอะไรจากประสบการณ์ของดิฉันบ้างหรือเปล่า แต่ดิฉันเล่าให้เห็นภาพการทำงานของศาลในแต่ละที่ มันก็มีแตกต่างกันไป บางทีการที่เราอ่านจากเว็บ มันไม่ใช่สูตรสำเร็จ ณ ขณะนั้น สติ คือสิ่งสำคัญ และเราต้องยืนหยัดโดยยึดความสามารถที่เราจะพอทำได้ สิทธิของเราที่พอจะพึงกระทำได้ตามกฎหมาย วันนั้นดิฉันมีสองอย่างที่ตัดสินใจขอเลื่อน คือ 1 ดิฉันอยากจะได้โอกาสในการต่อรองเพื่อให้เกิดผลดีกับตัวเองที่สุด 2. ดิฉันรู้สึกว่าการพูดคุยกับศาลในวันนี้มันมีบรรยากาศที่ไม่ค่อยราบรื่น ไม่รู้ว่าหากทำตามเขาไปแล้วจะดีกับชีวิตฉันมากน้อยแค่ไหน หากมีโอกาสใช้สิทธิ์ก็ขอกลับมาตั้งสติ แล้วค่อยหาทางกันอีกครั้งค่ะ

ตอนนี้ก็รอความมั่นใจโทรไปคุยกับฝ่ายประนอมหนี้ของทางบริษัทกรุงไทย ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรดิฉันก็ได้เลือกใช้สิทธิ์ที่เราพึงกระทำได้แล้ว ก็จะไม่ติดค้างอะไรอีก เต็มที่แล้ว อย่างไรเป็นหนี้ก็ต้องจ่ายอยู่ดีค่ะ

สุดท้าย หากท่านใดมีประสบการณ์ ดิฉันมีข้อข้องใจอยู่ประมาณหนึ่งเลยหละค่ะ จึงอยากจะรบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ

• ข้อสงสัยเกี่ยวกับประสบการณ์ไปศาลในครั้งนี้

1. การพิจารณาคดีแบบที่เกิดกับดิฉัน โดยไม่มีทนายโจทย์มานั่งอยู่ด้วย แต่เป็นการที่โจทย์คุยกันทางโทรศัพท์กับผู้พิพากษา แบบนี้ก็ถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งใช่มั้ยค่ะ?

2. การที่ศาลมาตัดสินว่าดิฉันไม่มาแล้ว และคิดจะตัดสินอะไรกันไปเองเพราะฟังจากทนายว่าติดต่อดิฉันไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลานัดของดิฉัน อย่างนี้ควรทำไหมค่ะ เขาทำถูกเหรอค่ะ?

3. เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนั้น เขาทำหน้าที่อะไรค่ะ เขาเป็นใครค่ะ แล้วที่เขาจะเอาคำฟ้องมาให้ดิฉันเซ็น เขากำลังเข้าใจผิดในเรื่องใดหรือค่ะ เจ้าหน้าที่คนที่ 3 จึงต้องมาห้ามเขา แล้วที่ผู้พิพากษาบอกให้ ลบ ๆ ๆ นั้นลบอะไรค่ะ ดิฉันแอบเห็นมีลายเซ็นอะไรในใบหน้าคำฟ้องนั้นด้วย ขอโทษนะคะที่ถามแบบนี้โดยไม่มีข้อมูลมากพอ ดิฉันถามเผื่อว่าท่านผู้ใดมีประสบการณ์ด้านคดีเหล่านี้ หากให้ข้อสังเกตุได้ น่าจะเป็นอีกความรู้หนึ่งที่พึงเข้าใจระบบของศาลได้อีกทางหนึ่ง?

(คือดิฉันรู้สึกแปลก ๆ กับทุกคนในศาลวันนั้นเพราะแต่ละคนมีหน้าตาไม่เป็นมิตร การพูดจาก็ไม่เป็นมิตรกับดิฉันเลยสักคน ดิฉันจึงไม่กล้าถาม หรือขอคำแนะนำใด ๆ จากพวกเขาเลย แต่ก็สงสัยว่า เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนี้เป็นใคร มาทำอะไร ทำไมผู้พิพากษาเขาไม่นั่งอยู่ ลุก เข้า ลุก ออก)

4. ดิฉันสามารถถ่ายรูปเอกสารพิจารณาคดี ใบเลื่อนนัด อันนี้ได้หรือไม่ค่ะ ผิดกฎหมายหรือผิดจารีตประเพณีอะไรของศาลหรือไม่ค่ะ?

5. การที่ผู้พิพากษาไม่นั่งบนบัลลังภ์ก็เป็นสิทธิ์ของท่านใช่มั้ยค่ะ ท่านไม่จำเป็นต้องนั่งบนบัลลังภ์ขึ้นอยู่กับคดี ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านใช่มั้ยค่ะ?

6. เวลาที่เราคุยกับผู้พิพากษา เราจะต้อง เรียกผู้พิพากษาว่า “ท่าน” เสมอใช่มั้ยค่ะ เป็นกฎ หรือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติใช่มั้ยค่ะ หากเราเผลอไม่ได้เรียกท่าน เป็นเรื่องที่ผิดขนาดไหนค่ะ?

(พอดีมันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ท่านเดินออกไป มีเจ้าหน้าที่คนที่ 2 ซึ่งไม่ได้อยู่ระหว่างการพิจารณาในครั้งแรกเข้ามาทีหลังมาถามเราว่า เป็นยังไง เราก็อธิบายและเผลอเรียกสรรพนามของผู้พิพากษาว่า “พี่เค้าบอกว่า” ไปแค่คำเดียว เจ้าหน้าที่คนนั้นทำหน้าตาถมึ่งทึง ใส่แล้วบอกว่า “คนที่คุยนั้นผู้พิพากษานะ” (ดิฉันคิดในใจ ก็รู้ค่ะว่าดิฉันน่าจะได้คุยกับผู้พิพากษา เพราะ “ท่าน” ก็ดูมีราศีของท่านมากกว่าทุก ๆ คนในห้องนั้น พอดีดิฉันก็ตื่นเต้นจริง ๆ กับสายตาของทุกท่านที่ดูจะเป็นมิตรซะเกินขนาด ดิฉันก็อาจจะผิดพลาดพลาดบ้างค่ะ) ก็เลยมาถามเป็นความรู้อีกที พอดีเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ติดใจ)

• ข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวต่อไปก่อนจะขึ้นศาลนัดที่ 2

1. ดิฉันมีเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ที่จะเก็บเงิน และต่อรองกับบริษัทเพื่อให้เป็นไปตามที่ดิฉันคาดหวัง นั้นคือ ขอจ่ายก้อนเดียวเท่ากับยอดเงินต้น (ดิฉันต้องต่อรองให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนครึ่งนี้ และก่อนนัดขึ้นศาลครั้งที่ 2 นี้เท่านั้นใช่มั้ยค่ะ)

2. ถ้าการต่อรองเป็นผล สิ่งที่ต้องทำคือ
 รอเอกสาร H/C จากทางบริษัท
 ได้รับเอกสารแล้วค่อยไปจ่ายหนี้ (พร้อมเก็บหลักฐานการจ่ายไว้)
 ติดต่อขอเอกสารจากทางบริษัท ซึ่งจะบอกว่าดิฉันไม่ได้เป็นหนี้เขาแล้ว

ตรงนี้มีคำถามว่า ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมอะไรที่เขาเขียนฟ้องมาในหมายศาล หรือคำฟัองในหมายศาลมันจะเป็นโมฆะไปได้อย่างไรค่ะ จะเป็นได้คือดิฉันต้องไปศาลเพื่อให้เขาทำ “ยกฟ้อง” ใช่มั้ยค่ะ ต้องไปศาลตามนัด 2 ใช่มั้ยค่ะ หรือ มีสิทธิ์ไม่ไปได้ และใช้เอกสารที่ทางบริษัทแจ้งว่าดิฉันหมดหนี้เป็นข้อต่อสู้ได้เลยค่ะ (แอบไปอ่านเรื่องปิดจบก่อนไปศาลนัด 2 แต่ก็ไม่มั่นใจจึงถามอีกครั้งค่ะ)?

3. หากการเจรจาไม่เป็นผล ยังสามารถเจรจารูปแบบการจ่ายอีกกี่แบบค่ะ ที่ดิฉันคิดไว้ คือ ดิฉันจะจ่ายเท่าที่มีไปก่อนในงวดแรก ส่วนที่เหลือ มีทางที่ดิฉันเลือกได้ คือ

1.ขอผ่อนจ่ายโดยไม่คิดดอกเบี้ยตามจำนวนเงินที่ดิฉันพอจะมีความสามารถในการจ่ายจนจบยอดนั้น หรือ

2.ส่วนที่เหลือดิฉันขอจ่ายทีเดียวอีกครั้งแต่จะขอเวลาห่างจากงวดที่ 2 สักเดือนถึง 4 เดือนตามความสามารถที่ดิฉันพอจะหาเงินมาได้โป๊ะได้ โดยไม่คิดดอกเบี้ยกับดิฉันเช่นกัน หรือ

3. แย่สุด คือ ส่วนที่เหลือ จ่ายผ่อน โดยทางเขาคิดดอกเบี้ย และไม่ว่าจะแบบใด ดิฉันก็ต้องไม่ลืมที่จะให้เขายกเว้นค่าทนาย ค่าธรรมเนียมต่างด้วย ใช่มั้ยค่ะ หรือจะมีอีกกี่แบบที่จะต่อรองได้บ้างค่ะ ท่านใดมีประสบการณ์แนะนำหน่อยนะคะ?


4. จากข้อ 3 ไม่ว่าจะวิธีใด นั้นหมายความว่า จะต้องรอนัดที่ 2 ไปศาล เพื่อทำหนังสือประนีประนอมฯ (หรือที่เรียกว่า “ทำยอม”) ตามทางเลือกที่ดิฉันตกลงได้กับทางบริษัท ทางศาลออกคำพิพากษา คำบังคับ ตามกระบวนการปกติต่อไป หากดิฉันผิดนัดก็มีโอกาสถูกบังคับคดีได้ อายัดเงิน ยึดทรัพย์ตามกฎหมายไปต่อไปใช่มั้ยค่ะ?

ข้อสงสัยก็มีประมาณนี้หละคะ (แอบยาวมากมาย) แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณประสบการณ์ของทุกท่านที่เป็นแหล่งความรู้ที่ยอดเยี่ยม

สำหรับดิฉันประสบการณ์ครั้งเดียวก็เกินพอจริง ๆ อยากเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่อยู่ระหว่างทางเช่นกันนะคะ มีสติ และอดทน จะผ่านพ้นไปได้ค่ะ ขออวยพรให้ทุกท่านโชคดี ยิ้มสู้กันต่อไปจนไร้หนี้ มีเงินเก็บ

อีกไม่นานดิฉันก็จะเป็นไทแล้ว

ขอบคุณค่ะ

happy time เขียน: เล่าประสบการณ์ขึ้นศาลครั้งแรก
อยากแบ่งปันประสบการณ์ขึ้นศาลครั้งแรก เผื่อจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่คนอื่น ๆ ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย อีกทั้งอยากจะขอบคุณเว็บแห่งนี้ที่ทำให้การขึ้นศาลในครั้งแรกผ่านไปได้โดยไม่แย่นัก ก็คิดว่าสิ่งนี้ก็เป็นการแสดงถึงความขอบคุณต่อทุก ๆ ท่านที่เป็นเหมือนผู้ชี้ทาง กำลังใจ และผู้ให้ความรู้ อาจจะเยอะไปหน่อยนะคะ แต่อยากจะเล่าในมุมที่เจอและมุมความรู้สึกด้วยค่ะ

ได้หมายศาลนัดให้ไปศาลวันที่ 12.6.59 เวลา 13.30 น. (เป็นวันอาทิตย์ และเป็นศาลต่างจังหวัด หนี้บัตร KTC)

11.30 น. ไปถึงศาล เจอแต่ รปภ. จะไปดูบอร์ดเพื่อหาห้องพิจารณคดีว่าเราห้องไหน ที่บอดร์ด กลับติดรายการของวันที่ 13/6/59 รปภ. เลยบอกให้ขึ้นไปรอด้านบน ซึ่งเป็นห้องพิจารณาคดี หน้าห้องก็จะมีการติดประกาศว่าห้องนี้มีกี่ราย ๆ ใครบ้างซึ่งมันก็เป็นของวันที่ 13/6/59 (ของเราไม่มีบอก) ดูเงียบ ๆ งง ๆ พิกล แต่ก็นะ ยังไม่ถึงเวลานัด ก็เลยไปนั่งรอทางฝั่งห้องพิจารณาที่เห็นว่ามีการเปิดประตูเอาไว้ แต่ในห้องก็ปิดไฟเงียบ

12.00 น. เจ้าหน้าที่คนที่ 1 เดินผ่านมา ดิฉันถามเขา เขาก็เลยพาไปเข้าห้องพิจารณา 3 เขาให้ดิฉันรื้อดูจากกองคำฟ้อง ว่ามีชื่อดิฉันในกองไหม สรุปว่ามี เขาเลยบอก “นั่งรอด้านหน้านะ”

12.15 น. เจ้าหน้าที่คนที่ 2 เดินเข้าห้องไป และกลับออกมาบอกว่า “รอก่อนนะ”

12.30 น. หน้าห้องเริ่มร้อน เพราะแดดส่อง เลยหลบไปนั่งอีกฝากหนึ่ง มี เจ้าหน้าที่คนที่ 3 เดินมาบอกว่า ห้องพิจารณาอยู่อีกฝั่งนะ ดิฉันจึงบอกว่า “เจ้าหน้าที่ท่านอื่นแจ้งแล้วค่ะ ยังไม่ถึงเวลานัดขอหลบแดดหน่อยนะคะ”(ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนี้คือคนที่ทำสรุปเอกสารหลังการเจรจานั้นเอง)

12.55 น. เจ้าหน้าที่คนที่ 1 มาเรียกเข้าไปในห้องพิจารณาคดี ก่อนเวลานัด (13.30 น.) ก็เจอ เจ้าหน้าที่คนที่ 1 กับ คนที่ 3 และอีกประมาณ 5 นาที ผู้พิพากษา ก็เข้ามา เขาก็ไม่ได้นั่งบัลลังภ์ แต่เรียกเราไปที่โต๊ะข้าง ๆ กับบัลลังภ์ และก็เริ่มบทสนทนา

ผู้พิพากษา : อ้าว นึกว่าไม่มาแล้ว เห็นทนายแจ้งว่าไม่มาแล้ว เขาโทรไปไม่มีคนรับสาย

เรา : อ้าว! ก็นัดไว้ 13.30 น. ไม่ใช่เหรอค่ะ นี้ยังไม่ถึง 13.30 น. เลย (พอดีเราเปลี่ยนเบอร์ แล้วที่ใบสมัครบัตร ได้อ้างอิงเบอร์แม่ไว้ เขาโทรวันนั้นตอน 09.26 น. แม่เห็นเป็นเบอร์แปลก แม่ก็ไม่ได้รับ)

ผู้พิพากษา : ก็ปกติมักจะไม่มีใครมานะซิ เมื่อเช้าก็ไม่มีคนมา (คิดในใจว่า อ้าว! ไงพูดแบบนี้หละ แล้วมาเหมากันแบบนี้ได้ยังไง ชักฉุน!)
จะทำยอมเลยไหม? ศาลพิจารณาดอกเบี้ยให้ที่ 7.7% แล้ว ผู้พิพากษาก็ บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย (ไอ้เราก็งง ๆ ทนายโจทย์ หายไปไหนหละ แล้วยังไง จะไปไงต่อ ที่อ่านมามันไม่ได้เป็นแบบนี้นะ เราต้องตกลงคุยกับทนายโจทย์ก่อน แล้วค่อยไปหาผู้พิพากษา หรืออะไรต่าง ๆ มิใช่หรือ)

เรา : ค่ะ ๆ ๆ ๆ คือ ยังงี้ค่ะ วันนี้ที่มา ตั้งใจว่าจะมาขอปิดยอดเลย ไม่ต้องการจะผ่อน แต่อยากจะขอความเมตตาศาลช่วยพิจารณาในเรื่องของดอกเบี้ยต่าง ๆ ตามที่ทางบริษัท (โจทย์) ฟ้องมา มีส่วนใดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ค่ะ? หรือหากถูกต้องแล้ว จะมีโอกาสที่จะขอลดหย่อน ผ่อนปรนยกเว้น จะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดค่ะ

ผู้พิพากษา : ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ นี้ก็พิจารณาให้แล้ว ก็ราว 7.7% ยังไง ถ้าโอเค ก็ทำยอม (ทำยอม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อะไรเหล่าเนี้ย จะให้ทำยอมอย่างเดียว หรือเราพูดอะไรไม่รู้เรื่องหว่า เดี๋ยวเอาใหม่)

เรา : คืออย่างนี้ค่ะ ดิฉัน พอจะเก็บเงินที่จะจ่ายในก้อนเดียวได้ประมาณหนึ่ง ซึ่งน่าจะครอบคลุมในส่วนของเงินต้น หากดิฉันจะขอปิดที่ยอดนี้ และยกเว้นในส่วนของดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมศาล ค่าต่าง ๆ อื่น ๆ จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดค่ะ

ผู้พิพากษา : โอ้ย ไม่น่าจะได้หรอกนะ เอา ๆ ตกลงมีเบอร์ทนายไหม? ที่เขาโทรหาเมื่อเช้า โทรไปซิ (เออ! คือ ก็รอ ทนายมาก่อนมิดีกว่าเหรอเนี้ย จะรีบไปไหนค่ะท่านผู้พิพากษา)

เรา : กดโทรไป พอติด ผู้พิพากษาก็ กระดิกนิ้ว แบบกวัก คล้ายว่า โทรศัพท์ๆ นะ เอามานี้ (ตอนแรกดิฉันก็เข้าใจว่า จะให้ดิฉันคุยกับทนายเอง เฮ้อ! งงไปหมด) ดิฉันก็ยืนโทรศัพท์ของดิฉันให้ผู้พิพากษา

ผู้พิพากษา : อ้าว ตอนนี้อยู่ไหนหละ ทางจำเลยเขาอยากจะขอ ….. สามารถหรือไม่อย่างไร? พอวางสาย ก็หันมาบอกเราว่า
เขาจะลดให้ได้ประมาณ 9000 (ยอดฟ้อง 99xxx ค่ะ) คือจ่าย 90,000 ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล และฤชาต่าง ๆ พร้อมจ่ายหรือเปล่า

เรา : (คือดิฉันมีเงินพร้อมปิดในส่วนของเงินต้น พอการขอไม่เป็นผล ดิฉันก็คิดว่า อยากจะมีโอกาสต่อรองกับทางบริษัทอีกสักครั้ง ก่อนที่จะตกลงอะไร ดิฉันก็เลยคิดถึงที่อ่านมาว่า ยังสามารถขอเลื่อนได้ เพราะตอนนี้ทนายโจทย์ก็ยังมาไม่ถึง เพราะยังอยู่ที่โรงแรม? เขามาจาก กทม. เลยต้องพักโรงเรม ก็งงว่า นัดลูกความมาทำไมคุณไม่รออยู่บริเวณศาลหละนั้น กลับไปโรงแรมเพื่อ นี้บ่ายโมงกว่า ๆ ใกล้ถึงเวลานัดแล้วด้วย) ก็เลยบอกกับผู้พิพากษาว่า “ดิฉันขอโอกาสที่จะคุยกับทางบริษัท และขอเวลาที่จะเตรียมหาเงินอีกสักหน่อย อยากจะขอเลื่อนการพิจารณาไปสามารถทำได้ไหมค่ะ”

ผู้พิพากษา : ทำไมหละ ไม่พอจ่าย คุณก็ต้องผ่อนเขาซิ นี้ไงดอกเบี้ย 7.7% (โอ้ย จะบ้าตาย จะให้ผ่อนอยู่นั้นแหละ) ไหน ๆ เงินต้นเท่าไหร (เงินต้น 86xxx) โฮ้ย! แค่ 4-5 พัน เอง (ฮ่า! 4-5 พัน เอง เงินนะเงิน ถ้ามันหาง่ายขนาดนั้น จะเป็นหนี้ให้เขาฟ้อง แล้วมานั่งให้ท่านพูดจาถากทางกันอยู่นี้ทำไม ที่รวบรวมเงินมาระยะหนึ่งนี้ก็แทบจะกินแกบอยู่แล้ว ถ้าดิฉันจะต่อรองเพื่อได้ลดเงินสัก 4-5 พันนี้ มันทุเรศมากเลยเหรอ อันนี้คิดในใจค่ะ ไม่ได้พูดออกไป 555 และเริ่มรู้สึกไม่ประทับใจท่านผู้พิพากษาคนนี้แล้ว ดูจะไม่เห็นใจกันบ้างเลย)

เรา : (ก็เพราะอ่านเว็บนี้ เรามีสิทธิขอเลื่อนถ้าเราคิดว่าเรายังไม่โอเค ก็เลยบอกไปว่า) ดิฉันขอโอกาสค่ะ ขอโอกาสได้คุยกับทางบริษัทก่อน

ผู้พิพากษา : ปกติขอเลื่อนเวลาที่ให้ก็ไม่ได้เยอะอะไรนะ ประมาณเดือนเดียว จะหาเงินมาทันเหรอ (แหม! เหมือนกับสคริปที่เคยอ่านจากเว็บนี้เลย แต่ก็นึกเห็นใจว่า ทนายโจทย์ยังไม่มา ท่านก็ต้องทำหน้าที่เป็น 2 คน ในร่างเดียว คงมีคำถามอะไรแย้ง ๆ ความต้องการของเรา แทนทนายโจทย์มั่ง?)

เรา : ไม่เป็นไรค่ะ เดือนเดียวก็ได้ค่ะ ยังไงดิฉันก็ต้องขอโอกาสนี้ไว้นะคะ

ผู้พิพากษา : หันไปทางเจ้าหน้าที่ เอางั้นก็ทำเรื่องเลื่อนพิจารณา เอาวันไหนดี 11.7.59 ก็แล้วกัน (หันมาถามเรา สะดวกไหม)

เรา : ได้ค่ะ
(ระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่ก็พิมพ์เอกสารไป เกิดความเงียบชั่วขณะ)

ผู้พิพากษา : ค้าขายอะไรหละเรา

เรา : ไม่ได้ค้าขายค่ะ ทำงานบริษัทค่ะ

ผู้พิพากษา : หนี้เยอะไหมเรา มีกี่เจ้า (มองด้วยหางตา)

เรา : ก็พอสมควรค่ะ (แต่หนี้อื่น เรายังผ่อนได้อยู่ ยังไม่ฟ้อง)

ผู้พิพากษา : อ้าว! แล้วยังงี้จะไหวเหรอ

เรา : ก็ต้องพยายามค่ะ คือที่จะปิดนี้ ญาติช่วย ๆ กันค่ะ เห็นใจว่าดิฉันเลี้ยงลูก 2 คน ด้วยตัวคนเดียว ญาติไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ฟ้อง น่าจะดีกว่า และเจ้าอื่น ๆ ก็ต้องพยายาม แต่ก็คิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ เพราะดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหนี้ แต่เพียงช็อตชั่วขณะเท่านั้น

(555 ไม่รู้ว่าที่พูดไปนี้จะมีผลอะไรกับรูปคดีหรือเปล่า แต่แค่อยากจะบอกให้ศาลมั่นใจว่าจ่ายแน่ ๆ อย่ากดดัน ๆ เอาจิง ไม่ได้ลีลาอะไร แค่อยากขอในยอดที่พอจ่ายได้เท่านั้น เงินก็พอจะมีปิดอยู่บ้างแต่ก็ไม่เท่ายอดที่เขาฟ้องมา ได้หมายศาลเร็วเก็บยังไม่พอยอดฟ้อง ก็จะมาขอต่อรองดู)

ผู้พิพากษา : อ่อ อือ เดี๋ยวคุณก็โทรไปทีเบอร์ทนาย แล้วก็ขอเบอร์ว่าจะติดต่อกับทางบริษัทเขาได้ยังไง แล้วก็ชี้ ๆ มือมาทางโทรศัพท์ของดิฉัน ดิฉันก็ยื่นให้ ท่านก็มากดข้าง ๆ โทรศัพท์เหมือนจะต้องการเปิดโทรศัพท์ของดิฉัน อยู่สักพักก็เปิดไม่ได้ ดิฉันก็เลยขอกลับมาจะเปิดให้ ท่านก็ว่า ไม่เป็นไร แล้วก็ลุกเดินออกไป

(คือในใจ ดิฉันคิดว่า ท่านค่ะ ไอโฟน ปุ่มเปิดอยู่ด้านบนค่ะ ถ้าด้านข้างส่วนใหญ่จะเป็นของซัมซุงค่ะ โทรศัพท์ผู้พิพากษา น่าจะใช้ซัมซุงเป็นหลัก 555 ขอแอบขำนิดหน่อยนะ ดิฉันเดาว่าท่านน่าจะออกไปโทรศัพท์ด้วยมือถือของท่านเองมั่ง แต่โทรหาใครนี้ซิ โทรหาทนายเหรอ ยังไง?)

ผู้พิพากษา : (กลับเข้ามาในห้องอีก) หันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ เอาเป็น 27 ก็แล้วกัน (ดิฉันก็มี sense ว่า จะเลื่อนไปเป็น 27 แน่เลย แต่ผู้พิพากษาก็ไม่เห็นจะมาพูดอะไรกับดิฉัน ก็นิ่งไม่พูดอะไรอยู่สักอึดใจ) ก็มีเสียงว่า “งั้นผมให้เวลาเพิ่มอีก ขอนัดเป็น 27.7.59 แล้วกันนะ”

เรา : ได้ค่ะ (แอบดีใจนิด ๆ ได้เวลาเก็บเงินหรือต่อรองเพิ่มอีกหน่อยแล้ว)

(สักพัก เจ้าหน้าที่ก็ยื่นกระดาษใบหนึ่งมาให้ผู้พิพากษา ท่านก็เซ็นชื่อลงไป แล้วก็ เอามายื่นอ่านให้ดิฉันฟัง ดิฉันก็เห็นหัวไว ๆ ว่า “รายงานการพิจารณา” อะไรนี้หละค่ะ ข้อความก็ประมาณว่า พิจารณาแล้ว ขอเลื่อนไป จะให้กลับมาพิจารณาหรือทำยอมกันในวันที่ 27.7.59 อีกครั้งหนึ่ง ผู้พิพากษก็ยื่นมาให้ดิฉันเซ็นชื่อในนั้นดิฉันก็เซ็นลงไป และยังมีอีกจุดเป็นของทนายโจทย์ดิฉันก็เข้าใจว่า เดี๋ยวคงรอทนายโจทย์มาเซ็น)

ผู้พิพากษา : หันมาบอกกับดิฉัน ถ้าระหว่างรอนัดถัดไป คุณจ่ายปิดได้ ครั้งต่อไปก็มาทำ “ยกฟ้อง”
(ดิฉันก็ค่ะ ๆ ไป ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ process ถัดไปหรอกค่ะ แต่ก็คิดว่า เราจะหาความรู้ได้ในเว็บนี้แหละ เดี๋ยวกลับไปจะต้องไปอ่านต่อ) จากนั้นท่านก็เดินออกไป

ชั่วประเดี๋ยวสัก 10 นาที ก็มี เจ้าหน้าที่ผู้ชาย อีกคน เดินมานั่งตรงเก้าอี้ที่ผู้พิพากษาเคยนั่ง แล้วเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องเลื่อนก็เอาเอกสารคำฟ้องมาให้ผู้ชายคนนี้ แล้วเขาก็ยื่นเอกสารคำฟ้องนั้นมาให้ดิฉัน แล้วบอกให้เซ็น เจ้าหน้าที่คนพิมพ์ใบเลื่อนก็รีบเดินมาบอกว่า “ไม่ ๆ ๆ “ เขาทำเลื่อน แล้วเขาก็เอาเอกสารเลื่อนที่ดิฉันเซ็นไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนั้น ดิฉันจึงไม่ได้เซ็นอะไร

สักพักผู้พิพากษาก็มาอีก แล้วมาบอกกับทางเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนั้นว่า “ลบ ๆ ลบออกให้หมดเลย” แล้วก็ชี้ไปที่คำฟ้องปึ้งใหญ่ ปึงนั้น ตอนนี้อยากบอกความรู้สึกตรง ๆ เลยว่า รู้สึกแปลก ๆ กับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในศาลนี้จริง ๆ ดูสับสน งุนงง ไอ้เราก็ครั้งแรก และดูเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้คุยกันหรืออย่างไร จะให้เซ็นโน้น เซ็นนี้ แล้วก็ไม่คุยกัน นี้ฉันมาศาลครั้งแรกนะ ความรู้ก็อ่านมาพอประมาณ เกิดพวกคุณทำผิดทำพลาดอะไร ดิฉันมิซวยเหรอนี้ ฉัน โค ตะ ระ ตื่นเต้น ใจเต้น มือไม้ สั่นอยู่นี้ เคยรู้กันบ้างไหม เฮ้อ!!! จากความกังวล ตอนนี้กลายเป็นชักฉุนนิด ๆ แล้วนะ ฮึ่ม!! จากนั้นผู้พิพากษาก็เดินออกไปอีก (เข้า ๆ ออก ๆ เพื่อ? งงจริง)

13.30 น. ทนายโจทย์ก็เดินเข้ามา เป็นผู้หญิง หน้าตามึน ๆ ตึง ๆ ไม่ทักดิฉันสักคำ เดินมายืนข้าง ๆ เก้าอี้ของดิฉัน และก้มเขียนอะไรใน post it และก็ยื่นให้ดิฉัน แล้วบอกว่า
ทนายโจทย์ : พี่โทรไปที่บริษัทเบอร์นี้นะคะ ดิฉันไม่สามารถให้ข้อมูลเรื่องการลดหย่อนหรืออะไรเกี่ยวกับยอดหนี้ได้

เรา : จะให้โทรตอนนี้ได้เลยหรือไม่ค่ะ

ทนายโจทย์ : วันนี้วันหยุดค่ะ

เรา : ค่ะ (นึกในใจ แปลว่าโทรไม่ได้ซินะ) จากนั้นผู้พิพากษาก็เดินเข้ามา

ผู้พิพากษา : (พูดกับทนาย) “ผมทำเลื่อนไป 27/7/59 นัดเดียวกับเคสนั้น” จากนั้นก็เดินจากไป
แล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ชาย ก็ให้ทนายโจทย์ เซ็นในใบเลื่อน หลังจากนั้นดิฉันก็นึกขึ้นได้ที่อ่านจากเว็บนี้ว่าควรขอสำเนาเอกสารเลื่อนตัวนี้จากศาลด้วย ดิฉันก็ลองขอดู

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย : ทำหน้ามึน แล้วบอกว่า “วันนี้วันอาทิตย์ และไม่มีเครื่องถ่ายเอกสาร”

เรา : ถ้าพี่จะขอถ่ายรูปใบนี้ไว้หน่อย จะได้ไหมค่ะ

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย : ไม่ได้ (จะมีครับสักคำหน่อยไม่ได้เหรอ อายุห่างกับเราเป็นลูกได้แล้วมั่งเนี้ย) อะไรจะไม่เป็นมิตรกันขนาดนี้ การเป็นจำเลยจะต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้เหรอ 555 เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งเนอะ

เรา : งั้นดิฉันขออ่านข้อความในนั้นอีกครั้งได้หรือไม่ค่ะ

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย: ยื่นมาให้อ่าน ดิฉันก็เลยโฟกัสแต่บรรทัดสุดท้าย เรื่องว่า นัดมาทำไร แล้วก็วันที่ ดิฉันก็เลยทวนซ้ำกับเขาว่า

เรา : วันที่ ยี่สิบเจ็ด เดือนเจ็ด นะคะ นัดมาพิจารณาหรือทำยอม

เจ้าหน้าที่ผู้ชาย : เดือนกรกฎาคม!!!!

เรา : ก็เดือนเจ็ดใช่ไหมค่ะ (คือเราเห็นเขาพูดห้วน ๆ หลังจากเราทวนวันที่กับเดือน ลักษณะเหมือนสิ่งที่เราทวนมันไม่น่าจะถูก แล้วเขาก็เลยบอกเดือนมา เราก็เลยถามย้อนกลับไปแบบนั้น)

เจ้าหน้าที่ชาย : ก็เดือนกรกฎาคม (เราก็ทวนกับเขาคำพูดซ้ำ ๆ แบบนี้ เขาก็ตอบซ้ำ ๆ แบบมานี้ ถึง 4 รอบ) แล้วเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนี้ก็พูดออกมาว่า “ก็เดือนกรกฎาคมนะ ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเดือน 7 หรือเดือนอะไร”

เรา : โอ้แม่เจ้า!! (หมดคำจะพูด หรือไม่ก็ เบิ๊ดคำซิเว้า) และเราก็บอก โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะ

ดิฉันก็เลยจดใส่สมุด เรื่องวันนัด กับ เรื่องที่นัดมาครั้งหน้าเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกมาแบบมึน ๆ นี้ฉันเจอกับอะไรอ่ะ? 555

แต่ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ในการขึ้นศาลรึเปล่าค่ะ หากท่านใดมีประสบการณ์ จะช่วยแนะนำ ให้ความเห็นดิฉันยินดีนะคะ หากนัดหน้าได้ไปอีกจะได้ทำได้ถูกต้องมากกว่านี้ ขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้งนะคะ?

ไม่แน่ใจว่าท่านที่อ่านจะได้ข้อคิดอะไรจากประสบการณ์ของดิฉันบ้างหรือเปล่า แต่ดิฉันเล่าให้เห็นภาพการทำงานของศาลในแต่ละที่ มันก็มีแตกต่างกันไป บางทีการที่เราอ่านจากเว็บ มันไม่ใช่สูตรสำเร็จ ณ ขณะนั้น สติ คือสิ่งสำคัญ และเราต้องยืนหยัดโดยยึดความสามารถที่เราจะพอทำได้ สิทธิของเราที่พอจะพึงกระทำได้ตามกฎหมาย วันนั้นดิฉันมีสองอย่างที่ตัดสินใจขอเลื่อน คือ 1 ดิฉันอยากจะได้โอกาสในการต่อรองเพื่อให้เกิดผลดีกับตัวเองที่สุด 2. ดิฉันรู้สึกว่าการพูดคุยกับศาลในวันนี้มันมีบรรยากาศที่ไม่ค่อยราบรื่น ไม่รู้ว่าหากทำตามเขาไปแล้วจะดีกับชีวิตฉันมากน้อยแค่ไหน หากมีโอกาสใช้สิทธิ์ก็ขอกลับมาตั้งสติ แล้วค่อยหาทางกันอีกครั้งค่ะ

ตอนนี้ก็รอความมั่นใจโทรไปคุยกับฝ่ายประนอมหนี้ของทางบริษัทกรุงไทย ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรดิฉันก็ได้เลือกใช้สิทธิ์ที่เราพึงกระทำได้แล้ว ก็จะไม่ติดค้างอะไรอีก เต็มที่แล้ว อย่างไรเป็นหนี้ก็ต้องจ่ายอยู่ดีค่ะ[/quote
สู้ๆๆ นะคะพี่ ได้อ่านแล้วมีความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยคะ เจ๋งมากๆๆ ต้องอ่านหาความรู้เยอะๆ เพราะของเราน่าจะเร็วๆๆนี้คะ

สู้ๆๆ คะพี่ ได้ความรู้มากๆๆคะ

ขอบคุณค่ะ สู้ ๆ เช่นกันนะคะ

เจอแบบนี้เป็นเราก็คงปรี้ดด เราโชคดีเจอเจ้าหน้าที่ค่อนข้างพูดจาดี น่ารัก ท่านผู้พิพากษาก็ใจดี เราเลื่อนศาลมาแล้ว 2 คดี เอกสารเลื่อน เจ้าหน้าที่ปริ้นให้เราตรงนั้นเลยไม่ต้องไปถ่ายเอกสารให้วุ่นวาย
สู้ ๆ ค่ะอย่าเพิ่งท้อนะคะ

เป็นกำลังใจ ให้ครับของผมก็มี KTC ครับ กำลังรอหมายศาล ครับ

สุดยอดเลยค่ะ คุณ happy time

ของ aaey เองก็ไปขึ้นศาล KTC มาเมื่อวันที่ 13/6 นี้ ยอดลดน้อยมาก ๆ เลยค่ะ
แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี aaey ยอดทำผ่อนเป็นขั้นบันไดค่ะ เพราะคำนวณดูแล้วยอดลดคงได้ไม่มาก
เก็บเงินก้อนไปปิดตัวที่ลดมากก่อนนะค่ะ ช่วงนี้เงินเก็บไม่ค่อยได้ค่ะ

สู้สู้ ค่ะ ทำในสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะกับเราที่สุด สุดยอดที่สุด

ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ ที่แชร์ประสพการณ์

เราจะได้รับหมายศาล มาเป็นแบบไหนครับ มาเป็น จดหมายรึเปล่า

kulikoo เขียน: เราจะได้รับหมายศาล มาเป็นแบบไหนครับ มาเป็น จดหมายรึเปล่า

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6974&Itemid=64

ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาเล่าปสก. มีข้อสงสัยที่บอกว่าคนไม่มาขึ้นศาลกันเยอะนี่ถ้าเราไม่ไปได้หรอคะ ของเรามีนัดขึ้นศาลวันจันทร์หน้านี้แล้วอยากรู้ว่าถ้าไม่ไปจะเป็นไรมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ

จากที่ได้อ่านๆของเพื่อนสมาชิก ถ้าเราไม่ไป ศาลก็จะตัดสินเลยครับ เราก็จะไม่มีสิทธิ์ต่อสู้หรือขอเลื่อนพิจารณาคดีครับ ผมว่าถ้าไม่ลำบากมากก็น่าจะไปครับ ไปดูข้อเสนอของทนายเราจะได้วางแผนได้ว่าจะจ่ายแบบไหนหรื่อจะต้องทำอย่างไรต่อครับ

deer1988 เขียน: ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาเล่าปสก. มีข้อสงสัยที่บอกว่าคนไม่มาขึ้นศาลกันเยอะนี่ถ้าเราไม่ไปได้หรอคะ ของเรามีนัดขึ้นศาลวันจันทร์หน้านี้แล้วอยากรู้ว่าถ้าไม่ไปจะเป็นไรมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ

deer1988 เขียน: ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาเล่าปสก. มีข้อสงสัยที่บอกว่าคนไม่มาขึ้นศาลกันเยอะนี่ถ้าเราไม่ไปได้หรอคะ ของเรามีนัดขึ้นศาลวันจันทร์หน้านี้แล้วอยากรู้ว่าถ้าไม่ไปจะเป็นไรมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ

ไปเถอะครับ เอาประสบการณ์ อย่างมากให้ศาลตัดสินเลย เผื่อได้ลด แล้วหักคอจ่ายเอา

สู้ไปด้วยกัน

ตอนผมขึ้นศาล เจอผู้พิพากษาดีครับ ถามว่าทำไมทำยอมกันหมดเลยล่ะ ได้ยินผู้พิพากษาถามแบบนี้เสียดายทำยอมไปก่อนแล้ว

ขอบคุณมากค่ะ