[ขอคำปรึกษา] เจรจาขอทำ HC กับทาง FC ทาง สนง.กฏหมายให้ส่วนลดแค่ 7%

อย่างแรกผมขอเล่าท้าวความตั้งแต่ต้นเรื่องสักพักแล้วกันน่ะครับ

บัตร FC ของผม
วงเงิน 48,000 ยอดตอนหยุดจ่าย 46,xxx หยุดจ่ายประมาณ 7-8 เดือน
ยอดที่ฟ้องรวมค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย อยู่ที่ ราวๆ 59,600

และในหมายศาลได้มีวันนัดสองวันคือ
วันแรก คือวันนัดไกล่เกลี่ย วันที่ 12 มี.ค 58
วันที่สอง คือวันให้การสืบพยาน วันที่ 7 เม.ย 58

ซึ่งวันแรกเป็นการนัดไกล่เกลี่ยระหว่าง ทางเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งจะไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ ถ้าไม่ไปก็ไปขึ้นหน้าศาล ตามวันที่สองเลย

ผมไปวันแรกด้วยครับสาเหตุเพราะ ผมได้อ่านกระทู้ปักหมุดในบอร์ดนี้มาซักพักแล้วเลยไป เพราะอยากให้ทำให้มันเสร็จๆ จบๆ ไปไม่ต้องไปวันที่สองหากตกลงกับเจ้าหนี้ได้ ผลสรุปของการไปวันแรกคือ ทางเจ้าหนี้เสนอให้ผม และหลายๆ คนที่ไปไกล่เกลี่ยในวันคือ
ให้ผ่อนเดือนละ 2,000 จำนวน 24งวด (บอกแค่นั้นน่ะครับ) หลายคนก็โอเครวมผมด้วย ซึ่งจากยอดฟ้องที่ผมได้พูดไปข้างต้นคือ 59,600 นั้นถ้าเค้าให้ผ่อนตามนี้จริง ก็เท่ากับ ว่า 48,000 ในใจผมก็โอเคน่ะครับ ก็เลยตอบตกลงไป และได้รอหนังสือสัญญายอมความครับ พอได้หนังสือมาผมก็อ่านครับ ทุกตัวอักษร และมันก็มีบางอย่างผิดปกติครับ
คือเค้าได้เขียนระบุไว้ว่า ผมยินยอมรับหนี้ในจำนวน 59,600 โดยคิดดอกเบี้ยจาก 15% เป็น 7.5% ต่อปี โดยมีเงื่อนไขในการจ่าย เดือนละ 2,000 จำนวน 24งวด รวมดอกเบี้ย โดยพอครบกำหนด 24งวด เหลือ เงินต้นเหลือเท่าไหร่ รวมดอกเบี้ยก็ให้ จ่ายให้ครบ ผมได้อ่านตามนั้น ผมเลยถามทางทนายที่เข้ามาเพื่อไกล่เกลี่ยของศาลน่ะครับ ไม่ใช้ของทาง FC เค้าก็บอกตามนั้นจริงครับ คือ ผมจ่าย เดือนละ 2,000 ก็จริง แต่พอครบ 24 งวด ต้องมียอดเงินต้นคงเหลือ และก็คิดดอกเบี้ย 7.5% ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นสรุปว่า ถ้าผมยอม ผมยังจะไม่ได้ส่วนลดซักบาท แถมยังต้องจ่ายดอกให้เค้าไปเรื่อยๆ อีก (ผมเข้าใจน่ะครับว่ามันสามารถปิดได้ระหว่างการผ่อน แต่ผมอยากจะทำให้มันจบๆ ไปไม่ต้องมาคิดดอกเบี้ยกันอีก) ผมเลยตัดสินใจไม่เซ็นยินยอมครับ และรอไปวันที่สองอีกทีและระหว่างนั้นก็จะได้ ตั้งหลัก มานั่งศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม จากในบอร์ด และ ที่อื่นๆ อีกครับ
หลังจากนั้นก็ถึง
วันที่สอง ครับ ผมก็ได้ไปขึ้นศาลครับ ขึ้นหน้าบัลลังก์ ผมก็เจอทนายคนเดิมจากทาง FC ครับเข้าก็ถามผมว่าจะมาเซ็นยอมใช่มั้ย ผมตอบไปว่า ปล่าวครับ ผมจะมาขอเลื่อนนัดครับเพราะยังไม่ได้ตกลงยอดหนี้ที่ต้องชำระกับทาง FC ทางทนายก็ถามผมมาอีกว่าแล้วเบอร์ที่ให้ไปวันนั้นไม่ได้โทรหรอ ผมบอกว่าผมโทรไปครับ และก็คุยอะไรกันเรียบร้อยแล้วด้วย ผมก็บอกว่า เงินโบนัสผมจะออก วันที่ 5 มิ.ย แต่ยังไม่แน่ใจว่าได้เท่าไหร่ ทาง สนง. ก็เลยบอกว่า งั้นให้ไปศาลตาม วันที่สองที่ผมได้บอกไป และแจ้งต่อศาลว่าจะขอเลื่อนนัด
ทางทนายก็ถามผมย้ำอีก ว่า สรุปแล้วนี้จะมาเซ็นยอมใช่มั้ย ผมก็งง ครับจะถามผมอีกทำไม ผมบอกว่าจะมาเลื่อนนัด พูดกันอยู่ประมาณ 4 - 5 รอบกว่าทนายมันจะไปแจ้งคนทำหมายให้เลื่อนนัดผมออกเป็นวันที่ 8 มิ.ย โดยเค้าก็บอกว่า ถ้าจ่ายทั้งหมดก่อนวันที่ 8 ก็จะไปถอนฟ้องให้ และวันที่ 8 ก็ไม่ต้องมา ผมก็โอคับ เพราะผมจะได้มีเวลาราวๆ 2 เดือนในการคิดหาทางออกอื่นอีกครับ
หลังจากนั้น ผมก็ได้นั่งรอวันและศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมคำนวนเงินที่คาดว่าจะปิดยอดได้ตัวเองไม่ลำบาก จนผมคิดว่าผมไหว สุดๆ คือ 30,000 และยอดที่ผมต้องการอยากได้ คือ 25,000 ซึ่งถ้าคิดเป็น % แล้วก็ได้ส่วนลด ราวๆ 50 - 60% (ผมอาจจะฝันไปเองรึเปล่า) แต่อีกทางคือ ผ่อนจ่ายเดือน ละ 5,000 ไม่มีดอกเบี้ย จำนวน 8 งวด อันนี้ คือตัวเลขที่ผมคิดไว้ว่า น่าจะได้ และถ้าได้ก็รับไหว ไม่ลำบากตัวเองต่อในอนาคต
และผมก็ไม่รอช้าครับ พอได้ยอดที่อยู่ในใจมาเรียบร้อย ผมก็ได้ โทรไปทาง สนง.กฏหมาย ทันที (ผู้ชายรับ)
ผมก็บอกว่าผมอยากจะขอทำ haircut ยอดหนี้คับ ผมถามตรงๆ เลยว่า คุณพอจะช่วยให้มีส่วนลดหน่อยได้มั้ยคับโดยผมก็บอกไปตามตัวเลขที่ผมเล่าเอาไว้ครับ เค้าก็บอกว่าทางเราช่วยได้แค่ 55,000 (ผมอึ้งไปแปปนึง) ผมก็เลยถามว่างั้นถ้าจะขอผ่อนชำระหละ เค้าก็บอกตามเงื่อนไขเดิมเลยคับ ตามที่ผมบอกไว้ข้างบน และให้ไปเซ็นยอมความที่หน้าศาล ผมก็บอกว่า ไม่เป็นไรครับ แล้ววางสายไปเลย

---

(ความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับ)

ผมคิดว่าถ้าไม่ให้ส่วนลดผมเลย ให้ผมจ่ายเต็มๆ ยอดหนี้ยรวมดอกเลย ไม่มีดอกอีกผมยังทำใจรับได้ครับหนี้สร้างเองก็ต้องแก้เองรู้จักใช้เงินก็ต้องรู้จักคืนเงิน
แต่ที่ผมรู้สึกว่าเสียเปรียบคือ จากยอดหนี้ตอนที่ผมหยุดจ่าย จนมาถึงยอดฟ้อง มันเพิ่มมาถึง 13,600 โดยประมาณผมว่ามันเกินไปครับ แล้วลดให้ผมแค่ 4,000 มันเหมือนไม่ได้ลดอะไรเลย และพอจะผ่อนยังจะมาคิดดอกเพิ่มอีก
โอเคคับถ้าผมจ่ายตามที่ผมบอกไปก่อนเพื่อลดต้นลดดอก แต่มันก็ คือการยืดเยื้้อไปอีก และแน่นอนมีดอกเบี้ยมาอีก ผมอยากปิดผมอยากจบ แต่จะไม่ให้ผมจบ ผมยอมไม่ได้จริงๆ

---

คำถามที่ผมจะถามทุกๆ คนคือ
1.ผมพลาดตรงไหนไปรึเปล่า
2.ผมเพ้อฝันเรื่องส่วนลดมากไปมั้ย (ถ้าไม่ได้ยอดที่ผมคิดไว้ ผมจะต้องไปศาลอีก วันที่ 8 ผมควรจะทำยังไงต่อ เพราะเงินเก็บได้ประมาณนั้นจริงๆ)
3.ผมควรจะทำยังไงหลังจากนี้ จะยอมๆ ไป หรือว่า จะเจรจาต่อ

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบและทุกความคิดเห็นน่ะครับ
(ผิดพลาดประการใดขอโทษ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)