ได้หมายศาลละค่า

สวัสดีค่ะ ตั้งแต่เกิดปัญหาหนี้ล้นมือจ่ายไม่ไหว ก็ได้เข้ามาศึกษาข้อมูลจากเว็บไซด์นี้ค่ะ ได้ข้อมูลความรู้มากมาย พี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ในเว็บนี้เหมือนเป็นที่พึ่งของเราเลยค่ะ รวมไปถึงประสบการณ์ของทุกๆคนเหมือนเป็นข้อมูลและแสงสว่างที่ดีให้เราเลยค่ะ ที่แห่งนี้ทำให้เราเข้มแข็งและกล้าจะสู้กับปัญหาทีมีอยู่ ตอนนี้เราได้หยุดหนี้ทั้งหมดตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 มาจนถึงตอนนี้เราปิดไปด้ 4 ที่แล้วค่ะ ถ้ารับ H/C มากบ้าง น้อยบ้าง แต่ถ้าเราจ่ายไหวเราก็ตกลงเลยค่ะ ล่าสุดได้มีธนาคารกสิกร กับ SCB Speedy Loan เสนอส่วนลดเข้ามา จะไหวหน่อยก็คงเป็นของกสิกรน่ะค่ะ แต่ก็ทำใจเรื่องขึ้นศาลไว้บ้าง ต้องขอขอบคุณทุกคนในชมรมนี้นะค่ะ ทำให้เราไม่เครียดกับทุกเรื่องที่เข้ามาค่ะ และแล้วหมายศาลฉบับแรกก็มาถึง เราได้หมายศาลของ KCT เมื่อปลายเดือนมีนา 58 ที่ผ่านมาค่ะด้วยยอดฟ้อง 102,000 กว่าๆ นัดไปศาลวันที่ 16/5/58 เลยศึกษาเรื่องราวของพี่ๆเพื่อนๆสมชิกที่เคยไปขึ้นศาลของเจ้านี้มา ก็เห็นว่าเค้าจะเสนอให้เราถ้าตกลงกันได้ก็จบ ก็พยายามทำใจให้ไม่เครียด แต่ทว่าเมื่อเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ มีหมายศาลมาอีกฉบับของ First Choice ด้วยยอด 60,000 นิดๆค่ะ โชคดีว่าวันนั้นอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีใครเห็น ไม่งั้นแม่คงช็อค ที่นี้จะว่าไม่เครียดก็ไม่ได้แล้วละค่ะ หมายแรกยังไม่ทันได้ไปเลย หมายที่ 2 มาละ ไม่รู้ว่าที่เหลืออีกประมาณ 3-4 ที่ จะมาอีกเมื่อไหร่ ที่นี่เลยมีคำถามอยากจะถามพี่ๆเพื่อนๆน้องๆสมาชิกทุกท่านว่า
- ทางกสิกรจะโทรมายืนยันคำตอบเรื่องส่วนลดในวันที่ 6/5 ที่จะถึงนี้ ถ้าตอบตกลงไป เพื่อที่จะปิดกสิกรก่อน แต่ถ้าได้รับข้อเสนอที่ดีและไหวกับ KTC มาและตกลงไป เท่ากับว่าจ่าย 2 ที่ ที่ 3 ของ First Choice คงไม่ไหวและน่ะคะ จะมีแนวทางแจ้งทนาย แจ้งศาล ทางไหนได้บ้างค่ะ คืออยากให้เค้ารอเราก่อนค่ะเพราะ 3 ที่พร้อมกันไม่ไหวจริงๆ
- และอีกคำถามเพิ่มเติม ถ้าเราอยากทราบว่าธนาคารไหนฟ้องเราแล้วบ้างเราสามารถเช็คได้ที่ไหนบ้างค่ะ หรือโทรเข้าไปสอบถามกับทางธนาคารเลยได้หรือไม่ค่ะ เพราะต้องการไปติดต่อรับหมายฟ้องเองค่ะ ไม่อยากให้พ่อ-แม่รับรู้ไปมากกว่านี้แล้ว อยากจะแก้ไขปัญหาที่ทำขึ้นมาเองด้วยตัวเองนะค่ะ

ขอความกรุณาจากทุกๆท่านช่วยชี้แนะด้วยนะคะ .. ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

มีแต่ได้กับได้ไม่มีอะไรจะคุ้มไปกว่านี้อีกแล้วนะค่ะ

---

gclub casino gclub ผ่านเว็บ

Fineday เขียน: ทางกสิกรจะโทรมายืนยันคำตอบเรื่องส่วนลดในวันที่ 6/5 ที่จะถึงนี้ ถ้าตอบตกลงไป เพื่อที่จะปิดกสิกรก่อน แต่ถ้าได้รับข้อเสนอที่ดีและไหวกับ KTC มาและตกลงไป เท่ากับว่าจ่าย 2 ที่ ที่ 3 ของ First Choice คงไม่ไหวและน่ะคะ จะมีแนวทางแจ้งทนาย แจ้งศาล ทางไหนได้บ้างค่ะ คืออยากให้เค้ารอเราก่อนค่ะเพราะ 3 ที่พร้อมกันไม่ไหวจริงๆ

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64

Fineday เขียน: ถ้าเราอยากทราบว่าธนาคารไหนฟ้องเราแล้วบ้างเราสามารถเช็คได้ที่ไหนบ้างค่ะ หรือโทรเข้าไปสอบถามกับทางธนาคารเลยได้หรือไม่ค่ะ เพราะต้องการไปติดต่อรับหมายฟ้องเองค่ะ ไม่อยากให้พ่อ-แม่รับรู้ไปมากกว่านี้แล้ว อยากจะแก้ไขปัญหาที่ทำขึ้นมาเองด้วยตัวเองนะค่ะ

เคยอธิบายไปแล้วครับ

มือใหม่หยุดจ่ายเดือนแรกและฝากข​อบคุณพี่ๆทุกคน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41372&Itemid=64#52949

ขอบคุณมากๆนะค่ะ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะไปแบ่งปันให้ทุกๆคนได้รู้เพื่อเป็นแนวทางในห้อง "เรื่องเล่าชาวยิ้มสู้หนี้" ค่ะ ต้องบอกเลยว่าเพราะทุกคนในเว็บไซด์นี้ทำให้มีแรงกำลังผ่านปัญหาไปที่ละขั้นๆด้วยรอยยิ้มค่ะ

สู้..สู้ครับ...มีอะไรคืบหน้านำมาบอกพวกเราด้วยนะครับ

ของ ktc หยุดไปกี่เดือนถึงมีหมายสารค่ะ

และช่วงก่อนมีหมายสารมีโทรให้ส่วนลดบ้างไหมค่ะ

มา Update จ้า ตามกำหนดไปศาลของ KTC มาเมือวานนี้ (16/05/58) ก่อนไปก็เข้ามาอ่านกระทู้พี่ๆในชมรมนี้เยอะมากค่ะ เค้ามาอ่านตลอดๆตั้งแต่เริ่มหยุด เท่าที่อ่านหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่าบรรยากาศดีกว่าที่คิด ก็เลยไม่มีความเครียดใดๆเลย จะเครียดก็ตรงที่ว่ากลัวหมายศาลจะมาวันที่พ่ออยู่กับคุยตกลงกับทนายของแบ้งค์ไม่ได้ ซึ่งการไปศาลต้องบอกเลยค่ะว่าจริงค่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ก่อนหน้าจะไปประมาณ 1 อาทิตย์ก็มีจะโทรไปสอบถามศาลว่าเปลี่ยนเวลาได้มั้ย เค้าก็บอกว่าของ KTC เจ้าหน้าที่เข้าทั้งวัน ในกรณีวันเสาร์มาเช้าก็เสร็จเช้าค่ะ ไม่จำเป็นต้องมาตามนัดที่ศาลให้มาบ่ายก็ได้ เช้าวันเสาร์ก็เลยเตรียมตัวออกแต่เช้าค่ะไปถึงศาลประมาณ 10.00 น. บรรยากาศก็เงียบๆนะค่ะ คนน้อยมากๆ ไปถึงก็ขึ้นไปชั้น 1 จะมี รปภ. อยู่ค่ะ (รปภ.ที่ศาลแขวงสมุทรปราการนี่อัธยาศัยดีนะค่ะ 555 ) เค้าก็จะถามว่ามาติดต่ออะไร เราก็บอกว่ามาหมายของ KTC (ที่ถามว่าหยุดประมาณเท่าไหร่ถึงได้หมาย ก็ประมาณ 8-9 เดือนได้นะค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็โทรมายื่นข้อเสนอให้น้อยครั้งมากค่ะ หมายศาลมาปังหน้าบ้านเลย) ทางพี่ รปภ. ก็บอกให้ไปติดต่อที่ชั้น 3 พอไปถึงเจ้าหน้าที่น่ารักยิ้มแย้มแจ่มใส่ ถามว่ามาคดีอะไร หมายศาลเลขอะไร ก็ช่วยหาเอกสาร กับให้บัตรคิว แล้วก็ให้เข้าไปห้องประชุมค่ะ ซึ่งพอเปิดประตู้เข้าไป บรรยากาศก็เป็นเหมือนห้องประชุม จัดโต๊ะสัมนาไรงี้อะคะ เจ้าหน้าที่ก็นั่งสแตนด์บายกันอยู่แล้ว เดินเข้าไปก็ไปนั่งรอได้แปปนึง เจ้าหน้าที่เค้าก็หันมามองถามว่าคุยรึยัง เราก็บอกยังค่ะ เค้าก็เชิญไปนั่งแล้วก็ยื่นข้อเสนอส่วนลด กับ ระยะเวลาการผ่อนให้ ซึ่งจะมี 12 เดือน ดอกเบี้ย 0% กับ 36 เดือน ดอกเบี้ย 10% เราดันห้าวค่ะ ขอดู 24 เดือน ดอกเบี้ย 10% เค้าก็กดเครื่องคิดเลขคำนวนให้ ได้ส่วนลด 95,000 บาท ผ่อนแบบขั้นปันไดไป 2 ปี เดือนละ 4000 บาท เราก็ลองคิด เอ๊ะ! น่าจะไหว เอาอันนี้ละกันก็ทำข้อตกลง ส่งเรื่องให้ทนายที่นั่งอยู่ด้านหลังออกเอกสารแล้วเรียกเราไปเซ็นต์ แล้วก็มานั่งรอผู้พิพากษาที่นั่งหัวโต๊ะเรียกเราไปรับรู้ว่าตกลงอย่างนี้ๆนะค่ะ เสร็จประมาณ 10.30 น. พอออกมาก็เล่าให้เพื่อนที่มาด้วยฟังในสิ่งที่ตกลงออกมาจากห้อง เพื่อนอนก็ช่วยคิดแล้วก็บอกว่าทำไมไม่เอา 36 เดือน ดอกเบี้ยเท่ากัน ผ่อนสบายๆ ปิดบัตรอื่นได้อีก เราก็เอิ่ม ไม่เป็นไร คิดว่าไหวนะ จ๊ะได้หมดหนี้เร็วๆ แล้วหลังจากนั้นขับรถกลับนั่งคิดมากตลอดทางว่า เอ๊ะ!! ทำไมฉันไม่เอาแบบที่เพื่อนบอกนะ ขับมาจนจะถึงทางกลับบ้านแล้วค่ะ ส่งเพื่อนลงแล้วหาที่จอดรถนั่งคิด โทรไปปรึกษาพี่ พี่ก็พูดเหมือนเพื่อน ทำไงดีละฉัน รีบรื้อเบอร์เลยค่ะ หาเบอร์ทนายแบบด่วนๆเลย พอโทรไป ทนายรับสายบอกเค้าว่าจะขอเปลี่ยนจาก 24 เดือน เป็น 36 เดือน เค้าก็บอกว่าไม่น่าจะแก้อะไรทันนะ แต่เดี๋ยวลองไปคุยให้นะครับเดี๋ยวอีกแปปโทรกลับ เราก็นั่งรอใจจดใจจ่อ สักแปปทนายโทรกลับมาค่ะ คำตอบคืด ไม่ได้ เฮ้อ นะตอนนั่นไม่รู้จะทำไงแล้ว นั่งเศร้าเลยค่ะ กำลังจะเข้าบ้าน แต่เผอิญ คิดถึงคุณอาไรโรจน์ ปรึกษาคุณอา คุณอาบอกว่าถ้าศาลพิพากษาไปแล้วก็ไม่ทัน แต่ถ้าเราออกมาไม่นาน สามารถที่จะกลับเข้าไปได้ ก็ให้ไปบอกเค้าว่าเราคิดผิด ตำนวณผิด ขอกลับมาเป็น 36 เดือน เราก็ถามคุณอากลับไปว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ใช่ไหมค่ะ คุณอาบอกได้ ถ้าทนายเค้าช่วยเรา แต่พวกนี้มักจะเล่นตัว เราก็เลยขอบคุณคุณอารีบขอไปโทรอ้อนทนายอีกครั้ง ผลปรากฏคือสำเร็จค่ะ รีบขับรถกลับไปอย่างรวดเร็วเร็วไป ขึ้นไปห้องเดิมทางเจ้าหน้าที่ก็คำนวนใหม่กลับมาได้ 97,000 บาท (มากกว่า 2000 ไม่เป็นไรค่ะ ) แล้วก็ผ่อนปีที่ 1 เดือนละ 2000 ปีที่ 2 เดือนละ 2500 ปีที่ 3 เดือนละ 3000 ตามลำดับ ถ้าปิดได้ไวก็ไปคุยกะเจ้าหน้าที่ใหม่ค่ะ ต้องขอบอก ณ ตรงนี้เลยนะค่ะ ขอขอบพระคุณคุณอาไพโรจน์อย่างมากๆๆๆๆเลยค่ะ ที่ให้คำแนะนำ ณ เวลานั้น คราวนี้หมายต่อไปของ First Choice ค่ะ ไปไกล่เกลี่ยก่อนขึ้นศาลวันที่ 27/05/58 นี้ ต้องคิดให้ดีกว่านี้จะได้ไม่ต้องไปกลับหลายรอบ ถ้ามีความคืบหน้ายังไงจะมาเล่าให้ฟังนะค่ะ ขอบคุณกำลังใจและความรู้ บวกกับประสบการณ์ของทุกๆท่านในชมรมนี้ที่ทำให้เรื่องหนี้ที่เครียดแทบได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องค่อยๆจัดการที่ละจุดนะค่ะ เราเองก็มีหนี้เยอะค่ะ ตอนนี้เดินมาได้ครึ่งทางแล้วเพราะแนวทางของชมรมนี้ สติปัญญา ความกล้า และความอดทนค่ะจะทำให้เราผ่านปัญหาไปได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเช่นกันะค่ะ

ขอบคุณมากครับที่เอามาแชร์เอาไว้เป็นแนวทาง ของผมเงียบมากจะผ่านเดือนที่5ละครับ เงียบจริงๆช่วงนี้

อ่านแล้วแบบ เหมือนไปติดต่อทำเรื่องขอสินเชื่อเลยครับ 555

สอบถามหน่อยครับ กรณีทำยอมแบบนี้ต้องจ่ายค่าทนาย ค่าฤชาธรรมเนี่ยมไหมครับ ของผมก็ว่าจะทำยอมก่อนขึ้นศาลแต่ทางบริษัทกฎหมายบอกว่าเราต้องจ่ายค่าทนายและ ค่าฤชาธรรมเนียมด้วย แต่ล่ะกรณีที่อ่านๆมาไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องค่าทนาย ค่าฤชาธรรมเนียม นี้เลย มันยังไงกันแน่เนี่ย ขอบคุณครับ

p.namdech เขียน: สอบถามหน่อยครับ กรณีทำยอมแบบนี้ต้องจ่ายค่าทนาย ค่าฤชาธรรมเนี่ยมไหมครับ ของผมก็ว่าจะทำยอมก่อนขึ้นศาลแต่ทางบริษัทกฎหมายบอกว่าเราต้องจ่ายค่าทนายและ ค่าฤชาธรรมเนียมด้วย แต่ล่ะกรณีที่อ่านๆมาไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องค่าทนาย ค่าฤชาธรรมเนียม นี้เลย มันยังไงกันแน่เนี่ย ขอบคุณครับ

ถ้าทำสัญญายอมต่อหน้าศาล(สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ)
ก็จะไม่มีค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายโจทก์ เพราะในสัญญาไม่ได้มีการระบุว่าให้จำเลยต้องจ่าย ค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายโจทก์ดังกล่าว

นกกระจอกเทศ เขียน:

p.namdech เขียน: สอบถามหน่อยครับ กรณีทำยอมแบบนี้ต้องจ่ายค่าทนาย ค่าฤชาธรรมเนี่ยมไหมครับ ของผมก็ว่าจะทำยอมก่อนขึ้นศาลแต่ทางบริษัทกฎหมายบอกว่าเราต้องจ่ายค่าทนายและ ค่าฤชาธรรมเนียมด้วย แต่ล่ะกรณีที่อ่านๆมาไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องค่าทนาย ค่าฤชาธรรมเนียม นี้เลย มันยังไงกันแน่เนี่ย ขอบคุณครับ

ถ้าทำสัญญายอมต่อหน้าศาล(สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ)
ก็จะไม่มีค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายโจทก์ เพราะในสัญญาไม่ได้มีการระบุว่าให้จำเลยต้องจ่าย ค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายโจทก์ดังกล่าว

ขอบคุณครับ แสดงว่าไอ้บริษัทกฎหมายมันคิดจะหาทางเก็บเงินจากผมแน่ๆเลย

ไม่ได้เข้าเว็บเลยค่ะ งานยุ่งมากเลยช่วงนี้ เท่าที่เข้ามาเป็นสมาชิกชมรมนี้ ต้องขอบอกเลยค่ะว่า ทุกอย่างที่ทำตลอดระยะเวลา 8-9 เดือนมานี้ ทำตามแนวทางของชมรมมาตลอดค่ะ เบื่อกับการรับสายเจ้าหนี้บ้าง แต่ก็ต้องอดทน สร้างกำลังใจให้ตัวเองอยู่เสมอค่ะ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่บ้างคือไม่เจอเจ้าหนี้สายโหดที่ตามจิกหรือส่งคนมา หรือพูดไม่รู้เรื่อง พูดจาแย่ๆ แบบนี้ยังไม่เจอค่ะ และถ้าทำตามแนวทางของชมรมก็แทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลยค่ะ นอกจากค่าเดินทางไปศาล ค่าข้าว แล้วยังได้ส่วนลดอีก สู้ๆกันนะค่ะ ถ้าเราอดทนปัญหาต่างๆก็จะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ดีใจที่เรื่องราวที่แชร์ลงมาในที่นี่เป็นประโยชน์แกเพื่อนๆสมาชิกนะค่ะ อยากเล่าในมุมไม่เครียดให้ทุกคนผ่อนคลายน่ะค่ะ แล้ววันที่ 27/5 นี้ก็ต้องไปไกล่เกลี่ยของ First Choice อีกแล้วค่ะเพลียจิตแต่ก็ต้องไปค่ะ ถ้าตกลงได้วันนัดสืบพยานก็ไม่ต้องไปค่ะ อันนี้ลองโทรคุยกับทางศาลอ่ะนะค่ะ อ่อ.มีคำถามค่ะว่า วันที่นัดไกล่เกลี่ยนี้ถ้าตกลงกันได้ก็ไม่ต้องไปขึ้นศาลตามหมายวันที่ 16/6 นี้ใช่มั้ยค่ะ

Fineday เขียน: .... อ่อ.มีคำถามค่ะว่า วันที่นัดไกล่เกลี่ยนี้ถ้าตกลงกันได้ก็ไม่ต้องไปขึ้นศาลตามหมายวันที่ 16/6 นี้ใช่มั้ยค่ะ

จริงๆแล้วไม่ต้องไปศาลแล้วครับ...ทางทนายโจทย์จะไปศาลในวันนั้นฝ่ายเดียวเพื่อ...ถอนฟ้องให้เรา maruko เคยทำมาแล้วตอนที่ SCB ฟ้องบัตรเสริมแต่ตกลงปิดบัญชีก่อนขึ้นศาล..ก็ไม่มีปัญหาอะไรหากเราไม่ไปศาล..แต่ขอให้ระวังเรื่องการทำการปิดบัญชี / การตกลงเงื่อนไขต่างๆ.....แต่สำหรับการยอมความหน้าศาล(สัญญานรก) อันนี้เราต้องไปศาลนะครับ....

ขอบคุณค่ะ คุณ Maruko ตอนนี้ก็เตรียมลางานไปคุยเรียบร้อยละค่ะ ไปรอลุ้นส่วนลดวันที่ 27/5 นี้ แล้วจะมาอัพเดทให้ทราบกันนะค่ะ สู้ๆๆๆเช่นกันนะค่ะ ทุกๆคน

Fineday เขียน: มา Update จ้า ตามกำหนดไปศาลของ KTC มาเมือวานนี้ (16/05/58) ก่อนไปก็เข้ามาอ่านกระทู้พี่ๆในชมรมนี้เยอะมากค่ะ เค้ามาอ่านตลอดๆตั้งแต่เริ่มหยุด เท่าที่อ่านหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่าบรรยากาศดีกว่าที่คิด ก็เลยไม่มีความเครียดใดๆเลย จะเครียดก็ตรงที่ว่ากลัวหมายศาลจะมาวันที่พ่ออยู่กับคุยตกลงกับทนายของแบ้งค์ไม่ได้ ซึ่งการไปศาลต้องบอกเลยค่ะว่าจริงค่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ก่อนหน้าจะไปประมาณ 1 อาทิตย์ก็มีจะโทรไปสอบถามศาลว่าเปลี่ยนเวลาได้มั้ย เค้าก็บอกว่าของ KTC เจ้าหน้าที่เข้าทั้งวัน ในกรณีวันเสาร์มาเช้าก็เสร็จเช้าค่ะ ไม่จำเป็นต้องมาตามนัดที่ศาลให้มาบ่ายก็ได้ เช้าวันเสาร์ก็เลยเตรียมตัวออกแต่เช้าค่ะไปถึงศาลประมาณ 10.00 น. บรรยากาศก็เงียบๆนะค่ะ คนน้อยมากๆ ไปถึงก็ขึ้นไปชั้น 1 จะมี รปภ. อยู่ค่ะ (รปภ.ที่ศาลแขวงสมุทรปราการนี่อัธยาศัยดีนะค่ะ 555 ) เค้าก็จะถามว่ามาติดต่ออะไร เราก็บอกว่ามาหมายของ KTC (ที่ถามว่าหยุดประมาณเท่าไหร่ถึงได้หมาย ก็ประมาณ 8-9 เดือนได้นะค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็โทรมายื่นข้อเสนอให้น้อยครั้งมากค่ะ หมายศาลมาปังหน้าบ้านเลย) ทางพี่ รปภ. ก็บอกให้ไปติดต่อที่ชั้น 3 พอไปถึงเจ้าหน้าที่น่ารักยิ้มแย้มแจ่มใส่ ถามว่ามาคดีอะไร หมายศาลเลขอะไร ก็ช่วยหาเอกสาร กับให้บัตรคิว แล้วก็ให้เข้าไปห้องประชุมค่ะ ซึ่งพอเปิดประตู้เข้าไป บรรยากาศก็เป็นเหมือนห้องประชุม จัดโต๊ะสัมนาไรงี้อะคะ เจ้าหน้าที่ก็นั่งสแตนด์บายกันอยู่แล้ว เดินเข้าไปก็ไปนั่งรอได้แปปนึง เจ้าหน้าที่เค้าก็หันมามองถามว่าคุยรึยัง เราก็บอกยังค่ะ เค้าก็เชิญไปนั่งแล้วก็ยื่นข้อเสนอส่วนลด กับ ระยะเวลาการผ่อนให้ ซึ่งจะมี 12 เดือน ดอกเบี้ย 0% กับ 36 เดือน ดอกเบี้ย 10% เราดันห้าวค่ะ ขอดู 24 เดือน ดอกเบี้ย 10% เค้าก็กดเครื่องคิดเลขคำนวนให้ ได้ส่วนลด 95,000 บาท ผ่อนแบบขั้นปันไดไป 2 ปี เดือนละ 4000 บาท เราก็ลองคิด เอ๊ะ! น่าจะไหว เอาอันนี้ละกันก็ทำข้อตกลง ส่งเรื่องให้ทนายที่นั่งอยู่ด้านหลังออกเอกสารแล้วเรียกเราไปเซ็นต์ แล้วก็มานั่งรอผู้พิพากษาที่นั่งหัวโต๊ะเรียกเราไปรับรู้ว่าตกลงอย่างนี้ๆนะค่ะ เสร็จประมาณ 10.30 น. พอออกมาก็เล่าให้เพื่อนที่มาด้วยฟังในสิ่งที่ตกลงออกมาจากห้อง เพื่อนอนก็ช่วยคิดแล้วก็บอกว่าทำไมไม่เอา 36 เดือน ดอกเบี้ยเท่ากัน ผ่อนสบายๆ ปิดบัตรอื่นได้อีก เราก็เอิ่ม ไม่เป็นไร คิดว่าไหวนะ จ๊ะได้หมดหนี้เร็วๆ แล้วหลังจากนั้นขับรถกลับนั่งคิดมากตลอดทางว่า เอ๊ะ!! ทำไมฉันไม่เอาแบบที่เพื่อนบอกนะ ขับมาจนจะถึงทางกลับบ้านแล้วค่ะ ส่งเพื่อนลงแล้วหาที่จอดรถนั่งคิด โทรไปปรึกษาพี่ พี่ก็พูดเหมือนเพื่อน ทำไงดีละฉัน รีบรื้อเบอร์เลยค่ะ หาเบอร์ทนายแบบด่วนๆเลย พอโทรไป ทนายรับสายบอกเค้าว่าจะขอเปลี่ยนจาก 24 เดือน เป็น 36 เดือน เค้าก็บอกว่าไม่น่าจะแก้อะไรทันนะ แต่เดี๋ยวลองไปคุยให้นะครับเดี๋ยวอีกแปปโทรกลับ เราก็นั่งรอใจจดใจจ่อ สักแปปทนายโทรกลับมาค่ะ คำตอบคืด ไม่ได้ เฮ้อ นะตอนนั่นไม่รู้จะทำไงแล้ว นั่งเศร้าเลยค่ะ กำลังจะเข้าบ้าน แต่เผอิญ คิดถึงคุณอาไรโรจน์ ปรึกษาคุณอา คุณอาบอกว่าถ้าศาลพิพากษาไปแล้วก็ไม่ทัน แต่ถ้าเราออกมาไม่นาน สามารถที่จะกลับเข้าไปได้ ก็ให้ไปบอกเค้าว่าเราคิดผิด ตำนวณผิด ขอกลับมาเป็น 36 เดือน เราก็ถามคุณอากลับไปว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ใช่ไหมค่ะ คุณอาบอกได้ ถ้าทนายเค้าช่วยเรา แต่พวกนี้มักจะเล่นตัว เราก็เลยขอบคุณคุณอารีบขอไปโทรอ้อนทนายอีกครั้ง ผลปรากฏคือสำเร็จค่ะ รีบขับรถกลับไปอย่างรวดเร็วเร็วไป ขึ้นไปห้องเดิมทางเจ้าหน้าที่ก็คำนวนใหม่กลับมาได้ 97,000 บาท (มากกว่า 2000 ไม่เป็นไรค่ะ ) แล้วก็ผ่อนปีที่ 1 เดือนละ 2000 ปีที่ 2 เดือนละ 2500 ปีที่ 3 เดือนละ 3000 ตามลำดับ ถ้าปิดได้ไวก็ไปคุยกะเจ้าหน้าที่ใหม่ค่ะ ต้องขอบอก ณ ตรงนี้เลยนะค่ะ ขอขอบพระคุณคุณอาไพโรจน์อย่างมากๆๆๆๆเลยค่ะ ที่ให้คำแนะนำ ณ เวลานั้น คราวนี้หมายต่อไปของ First Choice ค่ะ ไปไกล่เกลี่ยก่อนขึ้นศาลวันที่ 27/05/58 นี้ ต้องคิดให้ดีกว่านี้จะได้ไม่ต้องไปกลับหลายรอบ ถ้ามีความคืบหน้ายังไงจะมาเล่าให้ฟังนะค่ะ ขอบคุณกำลังใจและความรู้ บวกกับประสบการณ์ของทุกๆท่านในชมรมนี้ที่ทำให้เรื่องหนี้ที่เครียดแทบได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องค่อยๆจัดการที่ละจุดนะค่ะ เราเองก็มีหนี้เยอะค่ะ ตอนนี้เดินมาได้ครึ่งทางแล้วเพราะแนวทางของชมรมนี้ สติปัญญา ความกล้า และความอดทนค่ะจะทำให้เราผ่านปัญหาไปได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเช่นกันะค่ะ

คือสงสัยนะครับ คือไปศาลทำไมต้องกดบัตรคิว ผมไม่เคยกดเลย ศาลแขวงสมุทรปราการเหมือนกัน อิๆ

บัตรคิวจะได้ ตอนที่เรายื่นเอกสาร มารายงานตัวว่า จำเลยได้มาตามนัดแล้ว เขาจะตรวจสอบหลักฐานและ
ยื่นบัตรคิวให้ กรณีนี้ ส่วนมากเป็นของ KTC คือเป็นช่วงมหกรรมไกล่เกลี่ย ซึ่งจำนวนจำเลยมาก
เลยต้องให้บัตร เพื่อไกล่เกลี่ย ไม่งั้นคงวุ่นวายมาก เพราะวันนั้นคนจะเยอะมากๆๆ

รอบนี้หายไปนานค่ะ เนื่องจากงานในสัปดาห์นี้เยอะหน่อย จะมาอัพเดทและสอบถามข้อมูลนิดนะค่ะ เมื่อวันที่ 27/05/58 ที่ผ่านมาได้ไปชึ้นศาลไกล่เกลี่ยของ First Choice มาค่ะ ทนายนัด 9.00 น. เราไปถึง 8.00 น. แต่มาคุณทนายมา 9.30 น. (รอจนเซ็ง) พอมาถึงก็เรียกคนที่มีคดีเดียวกันเข้าไป ซึ่ง ณ ขณะนั้นมี เรา กะพี่ผู้หญิงอีก 2 คน เข้าไปพูดพร้อมกันหมดเลยค่ะ ทนายเค้าพูดเหมือนอัดเทปมาเลยอ่ะ 555 เราก็ฟังคือเค้ามีข้อเสนอให้ผ่อน 2000 บาทแบบหยุดดอกเบี้ยคนไหนยอดไม่ถึง 5 หมื่น ก็ให้ผ่อน 1 ปี คนไหนที่ยอดเกิน 5 หมื่น ก็ให้ผ่อน 2 ปี ซึ่งคนนั้นคือเราค่ะ 6 หมื่นกว่าบาท เค้าก็พูดๆๆ เหมือนไม่ให้เราพูดให้เราฟังอย่างเดียว แล้วก็บอกว่าถ้าไม่เชื่อเค้าหรืออยากได้รับข้อเสนออื่นก็ให้โทรคุยกับคนที่ดูแลบัญชีของเราซึ่งเป็นของคนธนาคาร เราอยากรู้ค่ะ เลยกดเบอร์โทรไป เค้าก็เสนอให้ ว่ายอดนี้ของเรา 6 หมื่นกว่าเหลือ 4 หมื่น ลดเยอะอยู่คนแต่ต้องจ่ายงวดเดียว ตายซิค่ะ เยอะกว่าเงินเดือนเราอีก จะไปหาจากไหน เค้าก็เลยบอกว่าให้เอาข้อเสนอที่ตกลงนี้ก่อนคือ 2000 บาท x 2 ปี แล้วผ่อนไปสัก 5-6 เดือนค่อยมาขอส่วนลดใหม่ เราก็ไม่มีทางเลือกค่ะ ก็เอาตามนั้น ทุกคนรับข้อเสนอเดียวกัน เสร็จก็เซ็นต์สัญญาแล้วก็ออกมา พอหลังจากวันนั้นได้ 2 วัน พวกบัตรอื่นๆก็โทรมาถามว่าเป็นไงบ้าง จ่ายเค้าไหวมั้ย แต่เจอนึกค่ะ ทำให้เราปรี๊ดมากหลังจากไม่ได้ปรี๊ดมานาน นั้นคือธนาคารกรุงศรี personal loan เช้าวันนั้นเรายุ่งมากๆ ไม่สะดวกรับจริงๆ เค้าก็โทรมาเช้า 2-3 สายแบบไม่หยุด แบบสายตัดแล้วโทรๆ จนเราทนไม่ไหวรับแล้วบอกว่าไว้โทรมาใหม่นะไม่สะดวก ให้โทรมาใหม่ก่อนเที่ยง คุณเธอก็ไม่โทรมาโทรมาอีกทีเกือบบ่าย พฤคิกรรมแบบเดิม เราก็ยังไม่พร้อมรับ 3-4 รอบ ตัด โทร ตัด โทร เราเลยจัดไปว่า คุณค่ะ นี่ฉันเพิ่งจะทานข้าวเที่ยงเสร็จนะ คุณโทรมาได้น่ารำคาญมากเลยอ่ะ เราไม่รับไม่ได้แปลว่าเราหนี เราอาจจะไม่สะดวก เราสะดวกเราก็รับตลอด นี่เราโทรเข้าต้นสังกัดคุณได้มั้ย คุณเธอบอกว่าได้ค่ะ น้ำเสียงไม่ดี แย่มาก เราถึงออฟฟิตเลยโทรไปหาทางธนาคาร จัดไปชุดใหญ่ ไม่รุ้หรอกว่าจะเป็นยังไง แต่ตอนนั้นอยากให้ทางธนาคารรู้ถึงพฤติกรรมของบริษัทที่คุณจ้าง ไม่ไหวจริงๆ สิ่งทิ่อยากสอบถามมีดังนี้ค่ะ เรื่องของการทวงถามหนี้สิน ถ้าเกินควรเราแจ้งไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช่มั้ยค่ะ และอีกเรื่องคือในกรณีหมายที่ 3 มาแล้วมองแนวโน้มว่าจะจ่ายพร้อมๆกันไม่ไหว เราจะทำยังไงได้บ้างค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กังวลที่สุดเพราะว่ามี 2 บัตรที่ต้องจ่ายแล้ว รวม 4000 บาทต่อเดือน และรายจ่ายอื่นๆในบ้านที่ต้องรับผิดชอบ ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 4 ใบ ถ้า มีหมายมาเพิ่มจะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ รบกวนช่วยชี้แนวทางให้ทีนะค่ะ

คุณก็ไม่ควรไปตกลงยอมความอีกครับ
ถ้าคุณไปยอมความทุกเจ้า สุดท้ายจะก็วนกลับมาแบบเดิมคือ จ่ายรายเดือนไม่ไหว

ในกรณีที่ไม่ตกลงยอมความเราต้องทำอย่างไรค่ะ คืออันนี้ไม่ทราบจริงๆค่ะ คือไม่ไปไกล่เกลี่ยและไปขึ้นศาลให้ศาลท่านพิพากษา หรือต้องยังไงค่ะ เพราะในกรณีโทรทวงเราคงบอกความจริงได้ว่าจ่ายไม่ไหว แต่ถ้าได้หมายเราก็ต้องไปเพื่อให้ศาลท่านพิจารณาใช่มั้ยค่ะ