ตั้งใจปลดหนี้ หยุดแล้วทุกบัตร แต่กังวลเรื่องถูกบังคับขายบ้านถอดตลาด

ตัวเองมีหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นการก่อหนี้เพราะความสัปเพร่าของตัวเอง กู้มาให้พี่สาวไปทำธุรกิจ และพยายามยื้อมาหลายปี เพราะคิดว่าเขาน่าจะช่วยรับผิดชอบได้ แต่สุดท้ายกลายเป็นปัญหาตกมาอยู่ที่เราคนเดียว พอได้อ่านแนวทางของชมรมฯ จึงรู้ว่าเราทำผิดมาตลอดที่พยายามจะรักษาเครดิตไว้ หนึ้จึงเลยลุกรามจนแก้ไม่ตก

สรุปหนี้ของตัวเอง
1. กรุงศรีดรีมโลน 225,000
2. กรุงศรีโฮมโปร บัตรเครดิต 40,000
3. ไทยพาณิชย์ บัตรเครดิต 20,000
4. สินเชื่อสแตนดาร์ด 25,000
5. เคทีซี กดเงินสด 156,000
6. เคทีซี บัตรเครดิต 47,000
7. ยูโอบี กดเงินสด 167,000
8. ยูโอบี ไอแคช 30,000
9. citi Visa 260,000
10. citi ready 167,000

ตอนนี้มีเงินสดที่เก็บไว้ประมาณ 1 แสนบาท และพยายามจะเก็บแต่ละเดือนให้ได้ 15,000 แต่เท่าที่คำนวณดูยอดเงินเก็บนี้ไม่พอกับการ H/C ได้สักครึ่งแน่ ๆ และถึงแม้ไปคุยกันที่ศาล ยอดที่ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ต่อเดือนก็จะมากกว่าเงินที่เราจะพอจ่ายเป็นแน่ ตอนนี้จึงเครียดว่าจะทำอย่างไรดี โดยเฉพาะบ้าน ซึ่งมีทั้งครอบครัวตัวเอง พ่อแม่ ลูกและหลานอาศัยอยู่ด้วยกัน ที่ยังผ่อนอยู่ อ่านเจอบางรายเจ้าหนี้อาจจะให้ผ่อนหลังจากคุยที่ศาลแล้วแค่ 18 เดือน ซึ่งตัวเองคงไม่สามารถผ่อนได้ แบบนี้เขาจะสามารถบังคับขายบ้านถอดตลาดได้ไหม ถ้าใครมีประสบการณ์ใกล้เคียงกันอยากฟังคำแนะนำคะว่าควรจะวางแผนการชำระหนี้อย่างไรดีคะ ขอบคุณมากคะ

ผมว่าใจเย็นก่อนครับ ผมมก็ผอนบ้านเหมือนกัน หนี้ก็800000ครับ ทุกอย่างมีทางออกครับอ่านกระทู้ประสบการณ์เยอะๆครับ การทำ hc ทำได้ตลอดเวลา กว่าจะถึงขั้นยึดบ้านอีกนานครับ บางกรณีถ้าจวนตัวเค้าก็จะประนอมหนี้เพื่อยื้อเวลาเก็บเงิน บางกรณีก็ฮึดสู้คดีเพื่อยื้อเวลาและอาจชนะคดีก็ได้ต้องให้กำลังใจตัวเองครับ ชมรมนี้วัตถุประสงค์มาแบบนี้ครับ อย่าให้หนี้มาทำลายเราทั้งชีวิตครับ เราต้องอยู่และสู้กับมันครับ ถ้ายอมตั้งแต่เริ่มคงจบไม่สวยครับ

เป็นกำลังใจให้นะคะ มีหนี้เยอะเหมือนกันยอด เกือบ 5 แสน
และต้องรับผิดชอบ ดูแลแม่ ลูกอีก 2 คน รวมถึงส่งเสียหลาน
2 คน พี่น้อง เพราะพ่อกะแม่ของหลานเสียชีวิต... หนี้ของดิฉัน
เกิดจากการกู้มาจ่ายค่าดำรงชีวิต และค่าเล่าเรียนของลูกและหลาน
สักวันพวกเขาเรียนจบ คงพอมีหนทางได้ปลดหนี้บ้าง ...สู้ๆนะคะ

หนี้ใกล้เคียงกันครับ แต่ผมเก็บตังค์ได้แค่เดือนละหมื่นบาท หยุดจ่ายได้ห้าเดือนกว่า มีบ้านที่ผ่อนอยู่เหมือนกัน มีชวนประนอมหนี้บ้างเกือบๆจะทำอยู่แล้วแต่ยึดแนวทางชมรมครับ ตอนนี้จะเก็บตังค์ให้ได้เยอะที่สุด สู้ๆครับ

ใจเย็นๆนะครับ ทุกปัญหามีทางออกครับ ผมหนี้ 13 ใบ ยอดหนี้ตั้งแต่ปี 47 - 58 รวม 1 ล้านกว่าบาท แถมโดนตั้งเรื่องอายัดเงินเดือนด้วยครับ แต่บริษัทก็ช่วยไว้ ให้เราเจรจาเอง และจ่ายเงินเดือนในรูปเช็คเงินสด ทำให้มีเวลาหายใจได้บ้าง ตอนนี้ก็เจรจา h/c ตลอดครับ และเก้บเงินไว้ พร้อมเลี้ยงลูกอีก 2 คน แฟนก็หนีไป ตอนทำธุรกิจด้วยกัน บ้านก็โดนฟ้องจำนอง

แต่หนี้บัตรผม เน่ามาก ไม่เคยจ่ายเลย เพราะตั้งใจจะ h/c อย่างเดียว เช่น ยอดไทยพาณิชย์ 240000 รวมดอกเบี้ย ให้ h/c 50000 เอง หลายๆตัว ก็ประมาณนี้ ครับ คิดว่าจะทำงานเก็บเงิน แล้ว h/c ทีละใบจนหมดได้ครับ

ให้กำลังใจสู้ๆ นะครับ

ผมก็มีบัตรหลายใบ รวมๆก็เกือบ 1 ล้านบาท เครียดและท้อเหมือนกัน
แต่พอได้อ่านกระทู้บ่อยๆ รู้สึกดีขึ้นมาก จะเริ่มเก็บเงินและปลดหนี้ ตามแนวทาง
ที่เพื่อนๆสมาชิกได้ทำกันมา ครับ
และขอร่วมเป็นกำลังใจให้กัน อีก 1 เสียง ครับ

โอ่ว ไม่ได้มาดูสองวันมีเพื่อนมาช่วยตอบและแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองหลายท่านมาก แค่ได้อ่านว่า่่มีคนอื่นที่กำลังสู้อยู่ มันก็มีกำลังใจขึ้นมาไม่น้อยคะ ตอนนี้ตัวเองก็ได้จัดรายการสิ่งที่ต้องใช้จ่ายใหม่ อะไรที่ไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ตัดออกทุกรายการ ทำให้เหลือเงินได้มากอีกนิดหน่อย ที่กำลังลังเลคือจะเอาอย่างไรดีกับข้อเสนอของ citi วีซ่า เขาเสนอให้ประนอมหนี้ โดยให้ดอกเบี้ย 6% พอถามว่าคิดจากยอดเท่าไร เจ้าหน้าที่บอกว่าคิดจากยอดที่จ่ายสุดท้ายและจะตัดค่าทวงถามออก แต่พอขอให้ส่งตัวเลขให้ดูเขาก็ปฏิเสธบอกว่าให้ไม่ได้ เลยสองจิตสองใจ ด้านหนึ่งก็อยากทำเพราะดูแล้วเราไม่มีเงินแฮร์คัทตัวนี้แน่ และถ้าไปทำที่ศาลเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 15% ไม่ทราบใครมีความเห็นยังงัยบ้างคะ หรือพอมีประสบการณ์กับซีตี้บ้าง

ถ้าจะทำประนอม6%จริงมันก็ดีครับแต่ต้องไปเซนสัญญาโดยที่เราต้องอ่านรายละเอียดทุกคำ ที่น่าสังเกตคือแค่เราถามว่ายอดเท่าไรเค้าไม่ตอบ แค่นี้ก็รู้แล้วครับไม่จริงใจ แต่ถ้าทพหน้าศาลอันี้ชัวร์เผลอๆได้ดอกเบี้ย0%ครับต้องขอร้องศาลครับเผื่อท่านเห็นใจ

PN14 เขียน: โอ่ว ไม่ได้มาดูสองวันมีเพื่อนมาช่วยตอบและแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองหลายท่านมาก แค่ได้อ่านว่า่่มีคนอื่นที่กำลังสู้อยู่ มันก็มีกำลังใจขึ้นมาไม่น้อยคะ ตอนนี้ตัวเองก็ได้จัดรายการสิ่งที่ต้องใช้จ่ายใหม่ อะไรที่ไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ตัดออกทุกรายการ ทำให้เหลือเงินได้มากอีกนิดหน่อย ที่กำลังลังเลคือจะเอาอย่างไรดีกับข้อเสนอของ citi วีซ่า เขาเสนอให้ประนอมหนี้ โดยให้ดอกเบี้ย 6% พอถามว่าคิดจากยอดเท่าไร เจ้าหน้าที่บอกว่าคิดจากยอดที่จ่ายสุดท้ายและจะตัดค่าทวงถามออก แต่พอขอให้ส่งตัวเลขให้ดูเขาก็ปฏิเสธบอกว่าให้ไม่ได้ เลยสองจิตสองใจ ด้านหนึ่งก็อยากทำเพราะดูแล้วเราไม่มีเงินแฮร์คัทตัวนี้แน่ และถ้าไปทำที่ศาลเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 15% ไม่ทราบใครมีความเห็นยังงัยบ้างคะ หรือพอมีประสบการณ์กับซีตี้บ้าง

ไม่ยอมส่งตัวเลขมาให้ แถวบ้านเรียก " ตอแหล " ค่ะ
อย่าไปหลงกันนะคะ เราเคยเจอมาแล้ว ตอนหยุดครั้งแรก 76,000 บาท ให้ประนอมหนี้บอก
ดอกเบี้ย 12% เองนะ มาคำนวณนี้คร่าวๆ นะ แบบว่าหมดจ่ายหมด 60 งวด 120,000 บาท แน่ะ อย่าไปทำเลย

ขอติดตามกระทู้นะค่ะ หนี้เราอาจจะเยอะกว่าด้วย เราก็ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ไหนจะลูกอีก เลยตัดสินใจจะหยุดจ่าย เพื่อรอทำ H/C ด้วยเหมือนก้น

ดีใจที่มีเพือนช่วยคิดในบอร์ดนี้ ไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆ ล่าสุดเช้่านี้ซิตี้โทรมาอีกมีออฟชั่นใหม่ ขอให้จ่ายรายเดือนดอกเบี้ย 0%ถ้าจะทำต้องทำทั้งสองรายการ และต้องตอบรับภายในวันนี้ จะบ้าตาย ตัวเองไม่ไว้ธนาคารเท่าไร ก็ได้แต่บอกว่าขอคิดดู เจ้าหน้าที่พอเห็นเราไม่ตอบรับก้อหงุดหงิด บอกว่าถ้าไปถึงศาลจะโดนดอกเบี้ย 15% ตอนนี้เลยต้องมานั่งกดอครื่องเลขว่าอันไหนคุ้มและอันนี้จะเป็นสัญญานรกอีกแบบไหม เขาบอกว่าจะคิดศูนย์เปอร์เซนต์ไปหนึ่งปี ปีต่อไปก็คุยกันได้อีก ฟีงดูดีมาก แต่มันดูดีเกินไปไหม

อีกเรื่องที่คิดไม่ตกซะที คือหรือเราจะขายบ้านดีหนอ เคยไปปรึกษาบางท่านเขาแนะนำว่าภาระเรามากกว่าที่จะจัดการไหว เรื่องน่าจะมาถึงการอายัดบ้านแน่ และหากเราแบกหนี้เยอะแยะขนาดนี้ไป ไม่รู้เมื่อไรจะลืมตาอ้าปากได้ แต่ที่ตัดสินใจไม่ได้ เพราะแม้การขายบ้านจะช่วยบรรเทาหนี้ลงได้บ้าง แต่เรื่องความรู้สึกคนในครอบครัว พ่อแม่และลูก ที่จะต้องถูกกระทบมันทำให้คิดไม่ตกจริง ๆ

ใจเย็นๆ นะคะทุกอย่างมีทางออกค่ะ เราเองก็มีหนี้หลักล้านเหมือนกันค่ะแต่ยอดหนี้แต่ละใบไม่สูงเท่าคุณ PN14 แต่ก็ผ่านไปได้แล้วหมาดๆ เองค่ะ เราโดนอายัดโฉนดบ้าน 2 ครั้ง โดนอายัดเงินเดือน 2 ครั้ง สำหรับเราถ้าปล่อยให้อายัดเงินเดือนไหวเราก็จะปล่อยเลยค่ะ เพราะแต่ละใบใช้เวลาเริ่มต้นจนจบขั้นตอนนานพอสมควร บัตรอื่นเข้ามาทำอะไรไม่ได้ ส่วนอายัดโฉนดบ้านก็ทำให้เรามีเวลาพอสมควรในการหาเงินนะคะ (ซึ่งเรากลับมองว่าเป็นข้อดีหลังจากมีประสบการณ์แล้วอะไรก็ดูง่ายค่ะ) ยังไงลองพิจารณาดูก่อนนะคะว่ายังผ่อนบ้านไหวรึเปล่าถ้าไม่ไหวก็ขายค่ะ แต่ก็ต้องดูว่าคุ้มรึเปล่านะคะ ลองอ่านประสบการณ์การโดนอายัดโฉนดของเราดูก่อนนะคะเผื่อจะเป็นแนวทางได้บ้างค่ะ สู้ค่าาา....ไปหมดหนี้กานนนน

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=6&id=42377&Itemid=64

ปล..เค้าป่าวโปรโมตกระทู้นะ...แค่ขี้เกียจก๊อปมาอ่ะ มันยาวววว

ขอบคุณคุณ March กระทู้ดี ๆ มีสาระและความบันเทิงครบ ดันมาเรื่อย ๆ เลยคะ คนที่กำลังแก้ปัญหาจะได้เข้าใจว่าทั้งหมดที่ต้องเจอมันจะมีอะไรบ้าเมื่อไปสุดทางแล้ว สำหรับตัวเองตอนนี้คิดว่าจะซื้อเวลากับซิตี้ รับข้อเสนอผ่อน 0% ไป เพราะเจ้านี้ ยอดหนี้เยอะสุดสี่แสนกว่า่ มันคงไปถึงฟ้องศาลแน่ แล้วเน้นเก็บเงินที่มีไปปิดอื่น ๆ ก่อน

กลับลำอีกแล้วเรา หลังจากได้คุยกับอาไพโรจน์แล้วทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมซิตี้ถึงไม่อยากให้เรื่องไปถึงศาล และอยากให้เราทำ 0% สงสัยคราวนี้คงจะต้องสู้จริง ๆ ยิ่งลองไปนั่งทำตารางหนี้มาดู ถ้าเรายอมส่งหนี้ก้อนหนี้ไปเต็ม ๆ หลังจากส่งมาให้เขากว่าสามปี เราคงต้องจ่ายไปอีกอย่างน้อยสามปีกว่าจะหมดแน่ เป็นไงเป็นกัน

พอปฏิเสธไม่รับเงื่อนไขผ่อน 0% กับเจ้าหน้าที่ซิตี้ฯ ไป น้ำเสียงสวย ๆ ของเจ้าหน้าที่ก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์ขึ้นทันที ทำไงได้ เราไม่อยากโดนขูดรีดต่อแล้ว สิ่งที่เธอเสนอเป็นทางเลือกให้คือลดหนี้ให้ได้มากสุดที่ 20% เท่านั้น ขาดตัว เห็นทีก็คงต้องไปถึงศาลละนะ และคิดว่าคดีนี้จะขอสู้คดีด้วย แต่เท่าที่ค้นหาจากกระทู้เก่า กรณีตัวอย่างของคนที่สู้คดีมีน้อยจัง แอบกลัว สิ่งที่ยังตอบตัวเองไม่ได้เสียทีตอนนี้คือจะเอายังงัยกับบ้านดี ถ้าขายก็คงเบาใจเรื่องสู้ความ เพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ต้องกังวลแล้ว และจะได้มีเงินสองนิดหน่อยพอไว้ต่อรอง แต่อีกด้านมันก็เรื่องความรู้สึกของครอบครัว พ่อแม่ ถามว่าพอส่งไหวไหมก็น่าจะ แต่มันก็หนักเหมือนกันและคงต้องจมกองหนี้กันไปอีกหลายปี เฮ้อ...สำหรับปัญหาหนี้ของตัวเอง เรื่องบ้านนี่ ตัดสินใจยากที่สุดแล้ว

ข่าวดี ตอนนี้งานที่สมัครตำแหน่งใหม่ได้แล้ว โชคดีมากถึงมากที่สุด เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยทำให้ลดความกลัวเรื่องการอายัดบ้านหายไปบ้างนิดหน่อย และมีกำลังใจสู้มากขึ้น แต่ข่าวที่ยังกลุ้มคือ เจ้าหนี้แต่ละทีโหดมาก เงินเดือนที่เพิ่มมันจะพอไหมถ้าเจ้าหนี้โหดขนาดนี้ ยูโอฯ บอกจะหกเดือนแล้วนะ เค้าจะฟ้องละ พยายามคุยเรื่องส่วนลด จากยอด180,000 (หยุด 160,000) คุยยังไงก็ได้ลดแค่ 120,050 30% ส่วนซิตี้เหนียวที่สุด ยอด 170,000 ลดให้ได้ 130,000 (23
%) ถ้าเป็นแบบนี้ไปรอคุยหน้าศาลดีกว่า เราจะได้พอมีเวลาเก็บเงินใช่ไหม

ยูโอบี ของผม ยอดรวมสองบัตร 320,000 ลดเหลือ 210,000 ผมบอกว่าไม่ไหว เขาบอกจะลองคุยให้อีก ที่190,000 แต่ที่ผมมีเงินอยู่ตอนนี้คือ170,000 ไม่รู้จะต่อรองได้หรือเปล่า สู้ๆครับ