รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด กรณีฟ้องร้อง ศาลสั่งอายัดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดได้หรือไม่คะ

สวัสดีค่ะ พึ่งเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ ดิฉันมีคำถามที่อยากรบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบคำถามที่คาใจให้หน่อยนะคะ
ก่อนอื่นขอเกริ่นนำรายละเอียดค่ะ ดิฉันมีหนี้ค้าง ที่หยุดชำระไปแล้วอยู่ 3 ใบค่ะ และมีที่ใช้และผ่อนชำระอยู่อีก 3 ใบ ตอนนี้ดิฉันว่างงานอยู่ค่ะ เลยต้องเก็บเงินสะสมไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในระหว่างที่กำลังรอลู่ทางหารายได้ใหม่อยู่ เลยทำค้าขายเล็กๆน้อยๆ รอแพลนที่วางไว้น่ะค่ะ เลยตัดสินใจหยุดชำระ กะว่าเก็บเงินได้เป็นก้อนแล้วค่อยจะจ่าย
- 3 ใบแรกที่หยุดชำระ
Citibank 162,000 บาท จากวงเงินอนุมัติ 157,000
เฟิร์สช้อยส์ 70,000 บาท
กรุงศรี 40,000 จากวงเงิน 35,000
- ส่วนอีก 3 ใบที่เหลือคิดว่ายังพอจ่ายไหว เนื่องอยากมีสำรองไว้บ้าง วงเงินน้อยกว่า และ 2 ใน 3 ใบนั้น เป็นแบงค์เดียวกันกับ ลีสซิ่งรถยนต์ที่เรายังผ่อนชำระอยู่ค่ะ กลัวมีปัญหาน่ะค่ะ
คำถามที่อยากรบกวนมีดังนี้ค่ะ

1.citibank. หยุดจ่ายแล้วเมื่อ 3/57 ค่ะ ณ วันที่ดิฉันโพสกะทู้นี้ มีคุณผู้ชายมาติดต่อที่หอพักที่พักอยู่ปัจจุบัน โทรขึ้นมาที่ห้องเลยค่ะ แต่ดิฉันกลัวเลยไม่ลงไปพบ เค้าเลยฝากโน๊ตให้ติดต่อกลับ อ้างในเอกสารว่า เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก Citibank เพื่อดูแลสถานภาพบัญชีบัตรเครดิต .. อยากทราบว่าเค้ามาทวงนี้ด้วยตัวเองราวกับว่าเราไปกู้หนี้นอกระบบมา เค้าสามารถกระทำได้ตามกฏหมายหรือเปล่าคะ
2.หากมีกรณีการฟ้องร้อง และศาลตัดสินให้เราแพ้คดี และชำระหนี้ จะโดนสืบทรัพย์สินที่ดิฉันมีชื่อถือครอบครองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งตอนนี้คุณแม่ท่านทำสวนผลไม้อยู่นะค่ะ และรถยนต์ที่ผ่อนมาแล้ว 2 ปีกว่า เหล่านี้จะมีโอกาสเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่จะโดนศาลท่านสั่งอายัดเพื่อขายทอดตลาดและใช้หนี้บัตรเหล่านั้น
.. วันนี้ดิฉันเลยตัดสินใจติดต่อไป Citibank เรื่องการชำระหนี้ เค้าก็เสนอว่า จะลดดอกเบี้ยให้จาก 20% เป็น 6% ต่อปี และเสนอแคมเปญพิเศษ ผ่อนสบาย โดยผ่อนชำระขั้นต่ำ 1.5% เป็นเงิน 2,500 ต่อเดือน ระยะาวลา 1 ปี จากนั้นดอกเบี้ยจะปรับเป็น 20% ตามเดิม ก็พยายามขอลดและผลัดผ่อน เค้าบอกว่าให้พิเศษสุดๆล่ะ แต่พอตกมาบ่ายแก่ๆ โทรกลับมาแจ้งว่า ปรับลดยอดจ่ายรายเดือนให้เป็น 1,700 ต่อเดือน ระยะเวลา 1 ปีเช่นเดิมโดยไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่ม และจะส่งเอกสารมาให้เซ็นต์และส่งกลับพร้อมสำเนา บัตรประชาชน ..นี่ใช่ไหมคะที่เหล่าท่านสมาชิกเรียกกันว่า..สัญญานรก..แต่ดิฉันมาคำนวณยอดรวมที่เค้าให้จ่ายเข้าไปในระยะเวลา 1 ปีนั้น ก็เท่ากับลบแค่ยอดค่าปรับต่างๆและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากวงเงินอนุมัติไปเท่านั้น ก็เลยตัดสินใจว่ารอหมายศาลล่ะกัน เค้าบอกว่าเดือนหน้าก็จะส่งฟ้องละถ้าไม่จ่ายภายใน 20/08/57 นี้น่ะค่ะ..คิดแล้วกลุ้มใจจังเลยค่ะ เพราะเราเป็นลูกหนี้ที่ดีมาตลอด อีกอย่างรถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์คันแรกในชีวิตด้วยค่ะ มันคือน้ำพักน้ำแรงที่ดิฉันกับสามีหามาได้ หากต้องถูกขายทอดตลาดจริงๆ คงเสียดายอย่างที่สุดเลยค่ะ..พอประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน เลยต้องตัดสินใจกันแบบนี้ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยคลายปัญหานี้ให้ทีนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ

.
กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สินภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64#2194

เรื่องการอายัดบ้าน ที่ดิน ทรัพย์สินที่เป็นชื่อลูกหนี้ มันจะมีขั้นตอนดังนี้

1. ศาลพิพากษาแล้ว
2. เจ้าหนี้นำคำพิพากษาของศาลไปแจ้งยังกรมบังคับคดี
3. กรมจะดูก่อนว่าหากมีเงินเดือนก็จะอายัดเงินเดือน 30% หากมีโบนัสก็จะโดนด้วย
4. หากไม่มีเงินเดือนให้อายัด เขาก็จะไปตามกับทรัพย์สินอื่นๆ ต่อไป เช่น รถ บ้าน ที่ดิน อะไรประมาณนี้ครับ

ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าหากยังมีเงินเดือนให้อายัด เขาก็ไม่สามารถมายึดทรัพย์สินเราได้

ขอบคุณมากนะคะ

ในทางกฎหมายแล้ว เจ้าหนี้(โจทก์)ในคดีแพ่ง สามารถอายัดเงินเดือนและยึดทรัพย์สินของจำเลย พร้อมๆกันได้ทั้งสองอย่างเลย เคยมีตัวอย่างของลูกหนี้ที่โดนแบบนี้มาแล้วด้วย

โดนอายัดบ้านจากคดีบัตรเครดิต วงเงิน 25,000
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&func=view&catid=2&id=9039

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&func=view&catid=2&id=9039&limitstart=6

ดังนั้น คำแนะนำที่ว่า หากโดนเจ้าหนี้ทำการอายัดเงินเดือนแล้ว ทรัพย์สินต่างๆที่มีชื่อของลูกหนี้เป็นเจ้าของอยู่ จะไม่โดนยึดนั้น...จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ประโยคนี้ไม่ถูกต้อง
"มั่นใจได้เลยว่าหากยังมีเงินเดือนให้อายัด เขาก็ไม่สามารถมายึดทรัพย์สินเราได้"
ถ้าเรื่องถึงกรมบังคับคดี สิทธิเรียกร้อง (เงินเดือน), ทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ สามารถยึด/อายัดได้
เช่น
โดนอายัดเงินเดือนเเล้ว ก็โดนอายัดบัญชีได้
หรือ
เจ้าหนี้ 1 อายัดเงินเดือนเเล้ว เจ้าหนี้ 2 ขี้เกียจรอ ก็มาอายัดบ้านไปขายทอดตลาด
หรือ
มีเงินเดือนให้อายัด เเต่เจ้าหนี้ไม่เลือกอายัดเงินเดือน อยากอายัดบ้าน ก็ยื่นเรื่องต่อกรมบังคับคดีไป

รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด ยังยึดไม่ได้ เพราะเป็นกรรมสิทธิ์ของ finance

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ รู้สึกสบายใจขึ้นมากเลยค่ะ จะได้เตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ และจะพยายามเก็บเงินเพื่อรอช่วง Hair Cut ล่ะกัน

ขอ Update เรื่อง Citi Bank นะคะ
ตั้งแต่ที่เจรจาต่อรองยอดก็มีเจ้าหน้าที่จาก สนง.กฏหมายรับจ้าง โทรมาทวงเป็นระยะ ลดยอดให้บ้าง แต่เราก็ยังไม่ตกลงชำระ เนื่องจากคิดว่ายอดยังคงสูงอยู่ จนช่วง ตุลาคม 57 ทางฝ่ายกฏหมายของ Citibank โทรมาเอง เสนอยอดพิเศษให้ที่ 68,000 จากยอดหนี้ที่ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนแตะที่ยอด 172,000 บาท ดิฉันจึงรับข้อเสนอ และสามารถปิดยอดงามๆ นี้ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ และก็ได้รับเอกสารยืนยันการปิดยอดให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกคำแนะนำอย่างมากนะคะ ที่สามารถปิดยอดหนักๆลงได้แล้ว ยังเหลืออีก 2 ราย ของผู้ประกอบการเดียวกัน ที่ยังคงต้องสู้ต่อไปค่ะ

อยากขอความคิดเห็น และคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ
1.เนื่องจากตอนนี้ดิฉันได้รับหมายฟ้องจาก กรุงศรี นัดไปศาลและไกล่เกลี่ย 17 มีนาคม 58 ที่จะถึงนี้ค่ะ ตอนแรกกะว่าจะไปขอไกล่เกลี่ย ณ วันไปศาลเลย แต่วันนี้ลองโทรไป เบอร์ที่ทางกรุงศรี ระบุไว้ในเอกสาร เพื่อจะลองขอลดยอดดู เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องไปศาล หากตกลงยอดที่พอใจได้ แต่ทางแผนกที่เกียวข้องไม่คุยเลยค่ะ และบอกจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา ซักพักเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกฏหมายก็โทรกลับมา บอกว่าถ้าลดก็สามารถลดได้แค่ 20% ซึ่ง ยอดที่เค้าลดให้นั้นยังคงมากกว่ายอดที่เราหยุดจ่ายอยู่เล็กน้อยค่ะ เราจึงยังลองต่อที่ต่ำๆ ดู เค้าก็บอกไม่ได้เลย
2.อีกยอดเป็นของ First Choice รายนี้ พึ่งได้รับเอกสารจาก สนง.กฏหมาย(รับจ้าง) เมื่อช่วง หลัง วันที่ 20 มกราคม 58 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ เสนอข้อเสนอที่ดีที่สุดให้ก่อนส่งฟ้องศาล แต่พอดีก่อนหน้านี้ยังไม่มีเวลาติดต่อไป พึ่งมีโอกาสโทรไปวันนี้เช่นกัน โทรเข้าเบอร์เดียวกันกับ เบอร์กรุงศรีนั่นแหละค่ะ (เพราะ เท่าที่ทราบมา กรุงศรีและเฟิร์ทช้อย นั้นเครือเดียวกัน และตั้งบริษัทกฏหมายของตัวเองขึ้นมาอีกบริษัท เพื่อการตามหนี้โดยเฉพาะ) พอโทรเข้าไปก็เหมือนเดิมเลยค่ะ ขอข้อมูลิดต่อกลับ และก็เป็นบริษัทกฏหมายรับจ้าง โทรมา แจ้งว่า ตอนนี้อยู่ในช่วง อนุมัติฟ้องศาล รอยอดอนุมัติอยู่ ยังไม่ทราบยอดฟ้อง
ด้วยเหตุนี้ ดิฉันจึงยังไม่สามารถ เจรจาต่อรองยอด Hai Cut ได้ ทั้งที่เราเลือกที่จะติดต่อทางฝ่าย บัตรเครดิตโดยตรง แต่ทางฝ่ายกฏหมายของบัตรกลับไม่ยอมเจรจา เป็นไปได้ไหมคะ ว่าทางกรุงศรี ได้มีการขายหนี้เน่าของเราทั้งสองใบให้กับทาง สนง.กฏหมายรับจ้างไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ดิฉันเองพอที่จะชำระได้อยู่หากได้ยอดที่สามารถตกลงกันได้ ตอนนี้ดิฉันไม่มีเงืนเดือนประจำค่ะ ช่วงนี้ค้าขายอยู่ แต่มีที่ดินที่ติดจำนองอยู่ ค่ะ เป็นชื่อดิฉันเองด้วย เลยมีความกังวลว่า หากไปศาลแล้ว หลังการพิจารณาคดีแล้วเสร็จ เกรงว่าที่ดินที่ติดจำนองอยู่นั้น จะถูกอายัดเพื่อบังคดีให้ขายทอดตลาดไปด้วยน่ะค่ะ เนื่องจากที่ดินตรงนี้ดิฉันกำลังใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ เพื่อดำเนินการเรื่องขยายธุรกิจอยู่ด้วยน่ะค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

Kan1719 เขียน: อยากขอความคิดเห็น และคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ
1.เนื่องจากตอนนี้ดิฉันได้รับหมายฟ้องจาก กรุงศรี นัดไปศาลและไกล่เกลี่ย 17 มีนาคม 58 ที่จะถึงนี้ค่ะ ตอนแรกกะว่าจะไปขอไกล่เกลี่ย ณ วันไปศาลเลย แต่วันนี้ลองโทรไป เบอร์ที่ทางกรุงศรี ระบุไว้ในเอกสาร เพื่อจะลองขอลดยอดดู เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องไปศาล หากตกลงยอดที่พอใจได้ แต่ทางแผนกที่เกียวข้องไม่คุยเลยค่ะ และบอกจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา ซักพักเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกฏหมายก็โทรกลับมา บอกว่าถ้าลดก็สามารถลดได้แค่ 20% ซึ่ง ยอดที่เค้าลดให้นั้นยังคงมากกว่ายอดที่เราหยุดจ่ายอยู่เล็กน้อยค่ะ เราจึงยังลองต่อที่ต่ำๆ ดู เค้าก็บอกไม่ได้เลย
2.อีกยอดเป็นของ First Choice รายนี้ พึ่งได้รับเอกสารจาก สนง.กฏหมาย(รับจ้าง) เมื่อช่วง หลัง วันที่ 20 มกราคม 58 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ เสนอข้อเสนอที่ดีที่สุดให้ก่อนส่งฟ้องศาล แต่พอดีก่อนหน้านี้ยังไม่มีเวลาติดต่อไป พึ่งมีโอกาสโทรไปวันนี้เช่นกัน โทรเข้าเบอร์เดียวกันกับ เบอร์กรุงศรีนั่นแหละค่ะ (เพราะ เท่าที่ทราบมา กรุงศรีและเฟิร์ทช้อย นั้นเครือเดียวกัน และตั้งบริษัทกฏหมายของตัวเองขึ้นมาอีกบริษัท เพื่อการตามหนี้โดยเฉพาะ) พอโทรเข้าไปก็เหมือนเดิมเลยค่ะ ขอข้อมูลิดต่อกลับ และก็เป็นบริษัทกฏหมายรับจ้าง โทรมา แจ้งว่า ตอนนี้อยู่ในช่วง อนุมัติฟ้องศาล รอยอดอนุมัติอยู่ ยังไม่ทราบยอดฟ้อง
ด้วยเหตุนี้ ดิฉันจึงยังไม่สามารถ เจรจาต่อรองยอด Hai Cut ได้ ทั้งที่เราเลือกที่จะติดต่อทางฝ่าย บัตรเครดิตโดยตรง แต่ทางฝ่ายกฏหมายของบัตรกลับไม่ยอมเจรจา เป็นไปได้ไหมคะ ว่าทางกรุงศรี ได้มีการขายหนี้เน่าของเราทั้งสองใบให้กับทาง สนง.กฏหมายรับจ้างไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ดิฉันเองพอที่จะชำระได้อยู่หากได้ยอดที่สามารถตกลงกันได้ ตอนนี้ดิฉันไม่มีเงืนเดือนประจำค่ะ ช่วงนี้ค้าขายอยู่ แต่มีที่ดินที่ติดจำนองอยู่ ค่ะ เป็นชื่อดิฉันเองด้วย เลยมีความกังวลว่า หากไปศาลแล้ว หลังการพิจารณาคดีแล้วเสร็จ เกรงว่าที่ดินที่ติดจำนองอยู่นั้น จะถูกอายัดเพื่อบังคดีให้ขายทอดตลาดไปด้วยน่ะค่ะ เนื่องจากที่ดินตรงนี้ดิฉันกำลังใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ เพื่อดำเนินการเรื่องขยายธุรกิจอยู่ด้วยน่ะค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

Kan1719 เขียน: ช่วงนี้ค้าขายอยู่ แต่มีที่ดินที่ติดจำนองอยู่ ค่ะ เป็นชื่อดิฉันเองด้วย เลยมีความกังวลว่า หากไปศาลแล้ว หลังการพิจารณาคดีแล้วเสร็จ เกรงว่าที่ดินที่ติดจำนองอยู่นั้น จะถูกอายัดเพื่อบังคดีให้ขายทอดตลาดไปด้วยน่ะค่ะ เนื่องจากที่ดินตรงนี้ดิฉันกำลังใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ เพื่อดำเนินการเรื่องขยายธุรกิจอยู่ด้วยน่ะค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

แนะนำในนี้ไม่ได้ครับ

เหตุผล
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40552&Itemid=64#45365