มีหนี้ 7 รายการ กำลังจะถูกฟ้องใบแรก แก้ปัญหาโดยออกจากงาน ดีหรือเปล่า

ผมมีหนี้ จำนวน 7 รายการ จากยอดวงเงินของบัตร มีดังนี้
1. กรุงศรี 62000
2. ซิตี้แบงค์ ใบแรก 42000
3. ซิตี้แบงค์ ใบสอง 29000
4. โลตัส 94000
5. เฟิร์สช้อย 31000
6. อีซี่บาย 84000
7. UOB 27000

ทั้งหมด หยุดจ่าย มาตั้งแต่ ตุลาคม 2556
1. ผมทำงานคนเดียว แฟนลาออกจากงาน เพราะต้องดูแลลูก 4 ขวบ
2. เงินเดือน 28540 บาท หัก สหกรณ์ และ อื่น ๆ เหลือรับสุทธิ 21000
3. หมีนี้ บัตรเครดิต แบ็งค์ที่เงินเดือนเข้า ต้องจ่าย อยู่ 1 ใบ และ KTC อีก 1 ใบ ยังจ่ายอยู่
4. ไม่มีสินทรัพย์ ประเภทบ้าน รถ มีที่ดินต่างจังหวัด อยุธยา ไม่ถึง 1 ไร่

Lotus ฟ้องเป็นบัตรใบแรก ขึ้นศาล 29 กันยายน 2557 นี้
อีซี่บาย ยอดตอนนี้ ถึง 100,000 แล้ว คิดว่า น่าจะฟ้องต่อจาก Lotus

ผมสามารถหมุนบัตรเครดิต อีกใบ ที่ชำระอยู่ เอามาจ่ายได้ แค่ เดือนละ 3500 บาท
ไม่สามารถกู้เงินจากช่องทางอื่น ๆ มาปิดยอดได้เลย ไม่มีแก้กระทั้งเงินเก็บ ใช้เงินเดือน ชน เดือน ก็แทบแย่ เพราะต้องเก็บให้ค่าเทอมลูก ค่ากินในบ้าน ก็หมดแล้ว

แนวทางของผม คือ
1. จ่ายของ Lotus ไปก่อน รอจนกว่า จะถูกฟ้องจากบัตรใบอื่น ๆ แล้วค่อยลาออกจากงาน และไม่จ่ายทั้งหมด
2. ลาออกจากงาน ก่อนที่ Lotus จะฟ้อง แล้วไปทำมาหากิน ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ที่มีค่าครองชีพ ถูกกว่า ทั้งครองครัว

เพื่อนสมาชิก มีแนวทางอื่น ๆ แนะนำหรือไม่ หรือเห็นว่า แนวทางใด เหมาะที่สุด สำหรับผมครับ

ขอบคุณครับ

ทำไมไม่ลองสู้ดูก่อนล่ะครับ.... ลองสักตั้งนึง ไม่ไหว ค่อยลาออก

อย่างแรก เลย ก้ไปศาล เพื่อไปเลื่อน (ของ Lotus ก่อน) ได้ 1 นัด...มีเวลาหายใจ กลับไปคิด ได้อีก สัก 1-2 เดือน

เก็บเงิน ลดรายจ่าย อดออม ค่อยๆ HC ไปทีละเจ้า ทยอย HC ปิดตัวเล็กๆ ไปก่อน

หรือถ้าไม่ทัน หากศาลพิพากษาตัวใหญ่ๆ ก่อน ก็ให้เจรจา ผ่อนให้น้อยๆนานๆ เพื่อเก็บเงินปิดตัวเล็กๆ

...ส่วนเรื่องที่ดิน จะทำอะไรก็รีบทำครับ จะขายใช้หนี้ ก็ยังได้ราคา ดีกว่าปล่อยให้เค้ามายึดน่ะครับ

ทำไมถึงจะต้องลาออก (อยากทราบเหตุผล) คุณต้องหยุดจ่ายทุกบัตร และเก็บเงินไว้ให้ได้มากที่สุด
ให้เรื่องดำเนินไปตามระบบสิ้นสุดที่การอายัดเงินเดือน ซึ่งจะอายัดได้ทีละบัตรจนกว่าจะหมดแล้วรายที่สองจึงต่อคิวอายัค แต่ระยะเวลาก็ยังยืดเพื่อให้โดนอายัดช้าที่สุด เช่น
ขึ้นศาลนัดแรกก็ไปศาลเพื่อขอเลื่อนปากเปล่าด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องใช้ทนาย โดยอาจจะให้เหตุผลไปว่า
ขอกลับไปเจรจากับเจ้าหนี้ซึ่งส่วนใหญก็จะเลื่อนไปได้ประมาณ 2 เดือน กว่าจะสิ้นสุดขั้นตอนอายัดเงินเดือน
ไม่น่าเร็วไปกว่า 5-6 เดือนหรืออาจจะนานเป็นปี เมื่อถูกอายัดเงินเดือน 30% คุณก็สามารถขอความเมตตา
จากศาลขอให้อายัดเงินต่ำกว่า 30% อาจจะขอให้ลดเหลือ 10% หรือ 15% ทั้งนี้คุณก็ต้องแสดงหลักฐานภาระค่าใช้จ่าย ความจำเป็นต่อศาลให้ท่านพิจารณาค่ะ

แปลกจัง ทำไม่คิดว่าถูกฟ้องแล้วจะต้องแพ้คดีเสมอไปครับ ต้องหนี้ซึ้งไม่ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่

ไม่ลองปรึกษาทนาย หรือผู้รู้ดูบ้างครับ ถ้าไม่ลำบาก Scan เอกสารทุกหน้าให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ แพ้บอกแพ้ไม่ต้องเจรจาอีกต่อไป หากมีทางรอดก็พริ้วสู้คดีกันสักตั้ง

ผมเข้าใจว่าทุกคนเป็นทุกข์ แต่พยายามอ่านทุกกระทู่ ก็เป็นการแก้ที่ปลายเหตุเสียส่วนใหญ่ไปลุ้นว่าจะ H/C ได้หรือไม่ และนะเวลานั้นมีเงินมาชำระหนี้ได้จริงหรือไม่

สำหรับท่านที่ได้เจอทนายใจร้ายแล้วแค้นฝังใจ อันนี้ก็คงแก้ใขทัศนคติดังกล่าวไม่ได้ แต่ถ้าคิดว่าเราเป็นเพื่อและผมพอมีเวลาที่จะอ่านเอกสารของท่านได้ ก็เชิญนะครับ

*** Censor *** โดยผู้ดูแลระบบ

______________________________________________________________________


- ห้ามโพสต์เบอร์โทรศัพท์ , Facebook , Line , Instagram และอีเมล์หน้าบอร์ด

(ได้มีประกาศออกมานานแล้ว โดยมีเหตุผลอยู่ใน Link นี้)

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=710&Itemid=29

อ้างอิงกระทู้เก่า ในบอร์ดเก่า ที่คิดว่าคงไม่มีใครตามไปอ่านมากนัก
ท่านใดจะช่วยเสริม ให้มันทันสมัยสมกับบอร์ดใหม่ ก็ต่อๆกันได้นะครับ
เสียดายกระทู้ตัวอย่างที่ลิงค์เข้าไปไม่ได้.....

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&id=34096&catid=2

ข้อแรกห้ามโพสต์เบอร์โทรศัพท์และอีเมล์หน้าบอร์ด
หากจะคุย หรือ อยากได้ข้อมูลอะไรให้โพสต์ถามหน้าบอร์ด
แล้วก็รอคอยคำตอบสักหน่อย
เราไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดกั้นสมาชิก
แต่การที่บอกเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์หน้าบอร์ด
อาจจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีได้เบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ของคุณไป
แล้วอาจจะทำบางอย่างที่ไม่เป็นผลดีกับตัวคุณ
อาจจะเข้ามาหลอก-ตีสนิท-ข่มขู่ ฯลฯก็ได้
บางที่คนที่โพสต์เบอร์โทรศัพท์และอีเมล์หน้าบอร์ดอาจเป็นกลุ่มเจ้าหนี้
พอเพื่อนสมาชิกเมล์หรือโทรติดต่อกลับไป
ก็อาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมาได้
และที่สำคัญหากคุยกันเองแล้วได้ข้อมูลผิดๆไป แก้ไขปัญหาผิดๆ
ชีวิตคุณจะยิ่งเศร้า

ออกจากงาน ยังไงเจ้าหนี้ก็หาเจอครับ ไม่ช้าก็เร็ว
รายได้คุณเทียบกับหนี้ ราว 25เท่า ของผม50 เท่ายังไม่ลาออก แถมหมดหนี้แล้วด้วย

แสดงว่าคุณไม่เข้าใจวิธีการ แนวทางของชมรม
อ่านเยอะๆครับ

ขอตอบนะครับ

1. เรื่อง Hair Cut นั้น ตัดไปได้ครับ ผมไม่มีเงินก้อนเลย เพราะ เงินต้องเก็บเป็นค่าเทอมลูก แบบพอดี 12 เดือน ถ้าผมเอาไปปิดหนี้ก่อน ผมจะขาดเงินค่าเทอมทันที และต้องเป็น ค่ากิน ค่าใช้จ่ายของครอบครัว เดือนละ 3000 นี่คือประหยัดสุด ๆ แล้วครับ

2. ผมทำบัญชีรายรับ รายจ่าย เสมอ เพื่อดูว่า เงินต้องใช้อะไรบ้าง เก็บค่าอะไรบ้าง เหลือพอจ่ายบัตรหรือเปล่า ซึ่งบอกเลยว่า ไม่เหลือเลย ถึงไม่มีเงินเก็บเลย

3. ปัจจุบัน ผมโดนฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ขึ้นศาล มีเงินพอจ่ายแค่ ไม่เกิน เดือนละ 3500 ถ้าบัตรที่ 2 ฟ้อง ผมไม่มีจ่ายเหมือนกัน

4. ปรึกษาทนายแล้ว ทนายบอกว่า ผมมีเจ้าหนี้หลายรายมาก ทนายแจ้งว่า ไม่มียอดขั้นต่ำในการฟ้องว่า ยอดหนี้ต้องมากกว่า 1 แสน หรือไม่ กี่บาท ก็ฟ้องได้ ถ้าเขาจะฟ้อง

5. เคยเจรจากับเจ้าหนี้ทุกรายแล้ว บอกเหตุผลว่า ขอข่ายเดือนละ 500 เพราะมีหนี้ 7 ราย แต่ไม่มีใครยอม

6. การอายัดเงินเดือน จะเกิดในกรณีถ้าเราไม่จ่ายเงินตามคำสั่งศาลแล้ว ซึ่ง ถ้าอายัด 30% เงินไม่พอสำหรับครอบครัว ทั้ง 3 คน ซึ่งเสี่ยงมากสำหรับการขอลดหย่อน ซึ่งอาจจะได้ หรือ ไม่ได้ ไม่อาจรู้ได้ ต่อให้ ฟ้องพร้อมกัน แล้วผมไม่จ่ายเลย แล้วถูกอายัดเงินเดือน ถ้าโชคดี ได้ 10% ก็รอด แต่ถ้าเจอ 30% ซึ่งผมคิดว่า ต้องตามนี้แน่ เพราะถ้าจ่ายทีละ 10% ซึ่งผมมีเจ้าหนี้หลายราย คงไม่น่าจะให้

7. เรื่องที่ดิน ขายไม่ได้ครับ เพราะที่ดินของผม นั้น เป็นส่วนหนึ่ง ของที่ดินผืนใหญ่ ซึ่งเป็นทางออก ถ้าผมขาย ที่ส่วนที่เหลือ จะเป็นที่ตาบอดทันที คือไม่มีทางเข้าออกเลย คงต้องหาทางโอนเปลี่ยนมือก่อน

8. ผมจึงคิดว่า จะเจรจากับ เจ้าแรกขอผ่อนให้ได้เดือนละ 2000 เพื่อกันไว้สำหรับอีก ราย ทึ่กำลังจะฟ้อง
ถ้าเจราจาไม่ได้ ต้องจ่าย ประมาณ 3000 ก็ยอมจ่ายไปก่อน พอรายที่ 2 ฟ้อง ผมก็คงหมดหนทาง คือต้องออกจากงานประจำ และกลับไปอยู่บ้านนอก

ผมไม่ได้หลบเจ้าหนี้ครับ แต่เลี่ยงการ จ่ายนี้ หลายรายพร้อมกัน ซึ่งทำให้ผม ไม่มีเงินในการเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งการถูกฟ้อง จากเจ้าหนี้หลายราย คือปัญหาของผม เพราะผมมีเงินจ่ายได้เพียง เดือนละ 3500

ทำอย่างไรให้เจ้าหนี่้ รอเราให้จ่ายทีละเจ้าได้หรือเปล่าครับ นอกจากไม่จ่าย รอให้อายัดเงินเดือน

ผมไม่อยากให้อายัดเงินเดือน เพราะถ้าโดน 30% ของเงินเดือน คือเดือนละ 8550 ผมจะเหลือเงินใช้เพียง 12450 บาท ซึ่ง เป็นค่าใช้จ่าย

ค่าเทอมลูกอนุบาล อีกปีละ 50000 เฉลี่ยเก็บเดือนละ 4000
ค่าประกันลูก ( ค่ารักษาผู้ป่วยใน เพราะเด็กป่วยบ่อยมาก ) ปีละ 20000 เฉลี่ยเดือนละ 2000
ค่ากินในครอบครัว เดือนละ 3000
ค่านมลูก เดือนละ 1000
ยังไม่นับรวมค่ากิน ค่าเดินทาง ของผมไปทำงาน แค่นี้ ก็เกือบเต็มงม 12XXX แล้ว
ถ้าโดนหัก 30% ผมตาย

bito เขียน: ผมไม่อยากให้อายัดเงินเดือน เพราะถ้าโดน 30% ของเงินเดือน คือเดือนละ 8550 ผมจะเหลือเงินใช้เพียง 12450 บาท ซึ่ง เป็นค่าใช้จ่าย

ถ้าโดนหัก 30% ผมตาย

ไขข้อข้องใจ “การอายัดเงินเดือน”
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64

ตามพี่นกกระจอกเทศเลยครับ เขียนไว้เคลียร์และชัดเจนมาก

ถามเพิ่มอีกนิดครับ สำหรับการอายัดเงินเดือน

ถ้าผมเลือกวิธีให้อายัดเงินเดือน
โดยไปตกลงกันที่ศาล ขอผ่อนจ่าย ถ้าได้ตามที่กำหนดคือ 3000 - 3500 / เดือนแล้วซึ่งผมจ่ายไหว
( ก็คือการ กดบัตรเครดิต ของธนาคาร ที่รับเงินเดือน เอามาหมุนจ่าย ซึ่งจำเป็นต้องจ่ายไว้ หยุดไม่ได้ )

และเมื่อพิพากษาแล้ว ผมก็ไม่จ่าย รอให้ถูกบังคับคดี

1. ผมจะถูกบังคับคดี ให้จ่าย ตามที่ฟ้องร้องกันคือ 3000 - 3500 / เดือน หรือ
2. อายัดได้สูงสุด 30% ของเงินเดือน คือ 8550 ครับ

เพราะว่า ถ้าอายัดตามคำสั่งฟ้อง ที่ตกลงจะจ่ายกัน คือ 3000 - 3500 แบบนี้ ผมสามารถรับได้ และทำงานต่อไปได้ ส่วนโบนัส ถ้าได้มา ก็ให้เขาอายัดไปได้ 50% อันนี้ไม่ซีเรียส

3. และถ้าคำตอบเป็นข้อ 1 เจ้าหนี้รายอื่น จะมาขออายัดเพิ่ม โดยแย้งว่า ยังไม่ถึง 30% ของเงินเดือน ได้หรือไม่ครับ

อ่านให้ละเอียดจาก link ของคุณนกกระจอกครับ

รอขี้นศาลก่อนครับ เจ้าหนี้ไม่อยากขึ้นศาลหรอกเขามาคุยกับเราแน่ๆ ยังพอมีเวลาเลื่อนศาลไปได้อีกเป็น 2-3 เดือน

สู้คดีไปก่อน..... เรามหนี้เท่าไร ค่าใช้จ่ายเท่าไร ก็แถลงไป ถ้าศาลตัดสินออกมา แล้วให้เราจ่าย .... แต่ไม่ไหวเราก็บอกเจ้าหนี้ได้อีกเพราะเจ้าหนี้เขาอยากได้เงินยิ่งรู่ว่าคุณมีปัญหาแน่ๆถ้าจะขอคืนเยอะๆ เขาก็อาจลดให้เยอะเลย ไม่แนะนำให้กดเจ้าอื่นมาเคลียร์ตัวนี้

เมื่อศาลตัดสิน .... เราไม่ไหว ก็อย่างที่ link เขียนไว้เจ้าหนี้อาจใช้เวลาอีกนานที่จะฟ้องอายัดเงินคุณ..... และถึงฟ้องอายัดเงินเราก็ยังมีโอกาสยื่นคำร้องไปที่กรมบังคับคดีว่าเรายังมีค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีก บลาๆๆๆๆๆๆ รวม พ่อ แม่ พ่อตา แม่ยายด้วยท้ายสุดเหลือประมาณ 1500 ก็เท่านั้นแหละครับที่เขาจะเอาจากเราได้

และไม่ต้องกลัวเจ้าอื่นจะมาขอร่วมวงไพบูลย์ หักเงินเดือน เพราะต้องรอคิว ทีละเจ้าครับ
........


สู้ สู้ ครับ