เพลียกับสนง.กฏหมาย

บัตรไทยพาณิชย์สปีดี้ต้น 54,000 + วีซ่า 29,000 โดนฟ้องยอด 11x,xxx ทำขอเลื่อนและขอส่วนลดในศาลทนายบอกว่าให้จ่ายบัตรวีซ่า 16,000 จ่ายครบ ส่วนสปีดี้ให้จ่าย 41,000 เราบอกยังไม่มีเขาเลยให้แบ่งจ่ายงวดแรก 10,000 งวดที่สอง 31,000 งวดหลังติดปัญหาว่าเราไม่สามารถจ่ายในเวลาที่เขากำหนดได้เนื่องจากทำงาน เจ้าหน้าที่บอกว่างั้นไม่ต้องจ่ายแล้วไปเจอกันที่ศาลเลย แต่เพื่อแสดงความจริงใจว่าเราจ่ายให้พอวันรุ่งขึ้นจึงไปจ่ายงวดที่ 2 ที่ธนาคาร อีก 2 วันเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าให้จ่ายอีก 19,000 แล้วจะได้ไม่ต้องไปศาล แต่เราบอกว่าจะไปและทำเอกสารแถลงต่อศาล ผู้พิพากษาบอกว่าถึงอย่างไรก้อถือว่าเราผิดนัด แต่ส่วนต่างไม่น่าจะถึง 19,000 ตามที่เขาบอกหรือจะเจอกันครึ่งทางก็ได้แล้วแต่จะเจรจากันหรือจะรอคำตัดสินก้อได้ไม่เกิน 30-60 วัน เราเลยรอคำตัดสินช่วงนั้นเขาก้อมีโทรมาถามว่าได้รับคำตัดสินหรือยังเราบอกว่ายัง พอคำตัดสินมาเขาก้อไม่ได้กำหนดว่าต้องจ่ายเท่าไหร่แน่นอน เจ้าหน้าที่จึงบอกว่ายังไงก้อต้องจ่าย 19,000 ถ้าเกิน 3 วันยอดจะเปลี่ยนไปอีก เราเลยปล่อยจนถึงทุกวันนี้ไม่จบก้อคือไม่จบไม่มีอะไรจะเสีย

วันนี้ได้รับเอกสารจาก สนง. เกี่ยวกับเรื่องนี้จากยอดเงินนี้ที่ค้างคากันมาจากยอดเจ้าปัญหา 19,000 เขาแจ้งว่าเป็นหนี้กับเขาอีก 57,xxx บาท เอาเข้าไป

ผู้หญิงคนหนึ่ง เขียน: บัตรไทยพาณิชย์สปีดี้ต้น 54,000 + วีซ่า 29,000 โดนฟ้องยอด 11x,xxx ทำขอเลื่อนและขอส่วนลดในศาลทนายบอกว่าให้จ่ายบัตรวีซ่า 16,000 จ่ายครบ ส่วนสปีดี้ให้จ่าย 41,000 เราบอกยังไม่มีเขาเลยให้แบ่งจ่ายงวดแรก 10,000 งวดที่สอง 31,000 งวดหลังติดปัญหาว่าเราไม่สามารถจ่ายในเวลาที่เขากำหนดได้เนื่องจากทำงาน เจ้าหน้าที่บอกว่างั้นไม่ต้องจ่ายแล้วไปเจอกันที่ศาลเลย แต่เพื่อแสดงความจริงใจว่าเราจ่ายให้พอวันรุ่งขึ้นจึงไปจ่ายงวดที่ 2 ที่ธนาคาร อีก 2 วันเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าให้จ่ายอีก 19,000 แล้วจะได้ไม่ต้องไปศาล แต่เราบอกว่าจะไปและทำเอกสารแถลงต่อศาล ผู้พิพากษาบอกว่าถึงอย่างไรก้อถือว่าเราผิดนัด แต่ส่วนต่างไม่น่าจะถึง 19,000 ตามที่เขาบอกหรือจะเจอกันครึ่งทางก็ได้แล้วแต่จะเจรจากันหรือจะรอคำตัดสินก้อได้ไม่เกิน 30-60 วัน เราเลยรอคำตัดสินช่วงนั้นเขาก้อมีโทรมาถามว่าได้รับคำตัดสินหรือยังเราบอกว่ายัง พอคำตัดสินมาเขาก้อไม่ได้กำหนดว่าต้องจ่ายเท่าไหร่แน่นอน เจ้าหน้าที่จึงบอกว่ายังไงก้อต้องจ่าย 19,000 ถ้าเกิน 3 วันยอดจะเปลี่ยนไปอีก เราเลยปล่อยจนถึงทุกวันนี้ไม่จบก้อคือไม่จบไม่มีอะไรจะเสีย

ยอดสปีดี้แคชเท่าเราเลยค่ะ ต้น 54000 รวมดอกเบี้นตอนนี้ปาไป 67000 แล้ว ใกล้จะได้รับหมายศาลเหมือนกัน ของคุณที่ว่าให้จ่าย 41000 แล้วคุณจ่ายไปแล้ว 10000 แล้วงวดที่2เลยกำหนด แล้วหลังจากนั้นได้จ่ายยอด 31000 ไปอีกหรือป่าวค่ะ ก่อนที่ยอด 19000 จะเกิดอ่ะคะ ทำไมดูวุ่นวายจัง กลัวจังเลยค่ะ

จ่ายค่ะเขาให้จ่ายก่อนเวลา บ่าย 3 แต่เราบอกว่าทำงานอยู่เขาบอกว่างั้นไม่ต้องจ่ายแล้ว เราก้อลังเลนะว่าเอายังไงดี ผลสุดท้ายตัดสินใจไปจ่ายเช้าวันถัดมา แล้วค่อยไปว่ากันต่อหน้าศาล เราเขียนคำร้องยื่นให้ศาลด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ศาลให้ไปเจรจากันเอง จนปัจจุบันทาง สนง.แจ้งยอดมาว่าเราต้องจ่ายเขาอีก 57,xxx ขนาด หมื่นกว่ายังไม่มีเลยปล่อยไปอยากได้เท่าไหร่ก้อบอกมา แต่ไม่มีจ่ายหรอก

เอาเปรียบสุดๆเลยอ่ะ

มาแล้วค่าาา หมายบังคับคดีอายัติทรัพย์ของ ธ.ไทยพาณิชย์ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องจ่ายเท่าไหร่เพียงแต่แจงรายการที่เราจ่ายไปเท่านั้น รบกวนผู้รู้ช่วยคำนวนให้หน่อยได้ไหมว่าจะต้องเสียเท่าไหร่ และ สามารถต่อรองได้อีกไหม เงินเดือน 21000 บาท
รายจ่ายปัจจุบัน
1.หักคืนเจ้านาย 10000
2.ค่าไฟ 1000
3.ค่าที่จอดรถ 300
4.ค่าเดินทาง 3000

แล้วถ้าโดนอายัดไปไม่เป็นแน่

ทำไมแนบเอกสารไม่ได้คะ

.
มุม IT: วิธีแนบรูปภาพ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=5&id=3242&Itemid=64&view=topic

เอกสารประกอบค่ะ ที่แรกส่งเป็น pdf.

อ่านแล้วเศร้าจังครับ เข้าใจหัวอกคนเป็นลูกหนี้ อุตสาห์จ่ายไปแล้ว ยังมาเจอพวกมารกฏหมายมาใช้วิธีนี้อีก ไม่เคยเจอเคสแบบนี้ด้วย ขอให้อย่าโดนบังคับคดีเลยครับ

จะไปขอลดยอดการอายัติเงินเดือน เพราะมีค่าใช้จ่ายมากแต่ไม่มีใบเสร็จไปยื่นเป็นหลักฐานต้องทำยังไงดี
เงินเดือน 22,000 หักภาษี+ประกันสังคม 900
- ค่าใช้จ่ายรายวัน
1.ค่าเดินทางวันละ 80 (ไป-กลับ)
2.ค่าอาหาร 3 มื้อ 100 (เซฟสุด ๆ ไม่มีขนม ผลไม้ ไม่ปาร์ตี้) ถ้าวันไหนเผลอใจ วันต่อไปก้อ มาม่า

- ค่าใช้จ่ายรายเดือน
1.ค่าไฟขั้นต่ำ 600 (มีบิล)
2.ค่าน้ำ 400 เป็นน้ำบาดาลหมู่บ้าน (ไม่มีบิล)
3.ค่าผ่านทางเข้า-ออกบ้าน 300 (ไม่มีบิล)
4.ผ่อนคืนเจ้านายเดือนละ 10,000 (ไม่มีบิล) ยืมมาตอนพ่อเสียผ่อนยังไม่หมดแม่เสียยืมเพิ่มอีก (ใจดีป่าว) ยังค้างอยู่ แสนกว่า ตอนนั้นกำลังเป๋เรื่องหนี้บัตร กับ นอกระบบ ตอนนี้นอกระบบไม่มีแล้ว
5.ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม

- ค่าใช้จ่ายรายปี
1.ค่าเช่าที่ 26,000 จ่ายเดือนเมษาของทุกปี (ใกล้เข้ามาแล้ว)


คิดว่าต้องทำอย่างไรกรมบังคับคดีถึงจะเห็นใจเรา หรือว่าต้องพึ่ง ดวง กันละทีนี้ เสี่ยงดูเนอะ

ผู้หญิงคนหนึ่ง เขียน: จะไปขอลดยอดการอายัติเงินเดือน เพราะมีค่าใช้จ่ายมากแต่ไม่มีใบเสร็จไปยื่นเป็นหลักฐานต้องทำยังไงดี

การขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน ตามกฏหมายสามารถให้ขอลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกินครึ่งหนึ่ง ของจำนวนเงินเดือนที่จะต้องถูกอายัดทั้งหมด

ลูกหนี้สามารถนำสลิปเงินเดือน เอกสารค่าใช้จ่ายต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำ , ค่าไฟ , ค่าเช่าบ้าน , ค่าโทรศัพท์บ้าน , ค่าโทรศัพท์มือถือ , ค่า Internet...ฯลฯ...ที่เป็นชื่อของตน , ค่าเลี้ยงดู บิดา/มารดา(ซึ่งแก่ชราอายุเกิน 60ปีแล้ว) หรือหากมีบุตรให้นำสำเนาสูติบัตรบุตรมาประกอบด้วย โดยให้ลูกหนี้มาเขียนคำร้องขอลดการอายัดได้ที่กรมบังคับคดี

หลักฐานค่าใช้จ่ายหรือใบเสร็จบางอย่าง ในทางชีวิตจริงนั้น หากไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินได้ ก็ให้เขียนลงไปเฉยๆโดยไม่ต้องแนบหลักฐานไป

อาทิเช่น

- ค่าใช้จ่ายของลูก(ค่าเลี้ยงดูบุตร)เดือนละ 3,000 บาท...ก็เขียนลงไปเลยครับ ไม่ต้องมีหลักฐานแนบ เพราะคงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่บอกกับลูกของตัวเองว่า "ลูกจ๋า...เดือนนี้แม่จ่ายเงินค่าอาหารมื้อกลางวัน+ค่าขนมให้ลูก เป็นเงินทั้งหมด 3,000 บาทไปแล้วนะจ๊ะ ขอให้ลูกช่วยออกใบเสร็จรับเงินให้แม่ด้วย แม่จะได้มีหลักฐานเก็บเอาไว้"

หรือ

- ค่าส่งเสียเลี้ยงดูบิดามารดา เดือนละ 8,000 บาท(แบ่งเป็น ให้พ่อ 4,000 บาท ให้แม่ 4,000 บาท) ในกรณีเช่นนี้ บิดาหรือมารดาดังกล่าว จะต้องมีอายุมากเกินกว่า 60ปีขึ้นไปด้วย จึงจะสามารถพิจารณาลดหย่อนให้ได้
ก็เขียนลงไปเลยครับ ไม่ต้องมีหลักฐานแนบ เพราะคงไม่มีลูกคนไหนที่บอกกับพ่อแม่ของตัวเองว่า "พ่อจ๋า...แม่จ๋า...เดือนที่ผ่านมาลูกได้ให้เงินค่าเลี้ยงดูให้กับพ่อและแม่ เป็นเงินทั้งหมด 8,000 บาทไปแล้วนะจ๊ะ ขอให้พ่อกับแม่ช่วยออกใบเสร็จรับเงินให้กับลูกด้วย ลูกจะได้มีหลักฐานเอาไปให้กับกรมบังคับคดี"

เพราะในชีวิตจริง มันไม่มีใครเขาขอใบเสร็จรับเงินจากลูกหรือพ่อแม่กันหรอกครับ เรื่องนี้ใครๆเขารู้กันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ใบเสร็จใดๆ

ดังนั้น เอกสารประกอบการขอพิจารณา หลักๆก็จะประกอบไปด้วย

- ใบคำร้องขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน (สามารถไปขอได้ที่สำนักงานบังคับคดี)
- สลิปเงินเดือน หรือ ใบรับรองเงินเดือนของจำเลย (ต้องใช้ตัวจริง ห้ามถ่ายเอกสาร)
- สำเนาหมายอายัดเงินเดือนของจำเลย หรือ สำเนาคำพิพากษาของศาล
- สำเนาบัตรประชาชนของจำเลย
- สำเนาทะเบียนบ้านของจำเลย
- สำเนาสูติบัตรของบุตร(ใบเกิด) หรือ สำเนาบัตรประชาชนของบุตร พร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้านของบุตรด้วย ในกรณีที่ต้องการอ้างว่ามีการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเพื่อการขอลดหย่อน
- สำเนาใบค่าเทอมของบุตรที่ผ่านมา (ถ้ามี) เอาแค่ใบสุดท้ายใบเดียวก็พอ
- สำเนาบัตรประชาชนของ บิดา , มาดา ในกรณีที่ต้องการอ้างว่ามีการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุพการีเพื่อการขอลดหย่อน
- สำเนาเอกสารค่าใช้จ่ายอื่นๆเท่าที่มี และสามารถหาได้

สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละเดือน ก็ให้กรอกลงตัวเลขไปตามความเป็นจริงที่ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไปนัก เช่น 10,000 บาทต่อเดือน (ค่าใช้จ่ายเฉพาะตัวเองเพียงคนเดียวเท่านั้น) ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ หมายถึงค่าใช้จ่ายต่างๆของตัวลูกหนี้เพียงตัวคนเดียว โดยคิดรวมมาจากค่ากินอยู่(ค่าอาหาร 3มื้อ) , ค่าเดินทาง , ค่าซื้อของต่างๆในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน รวมเบ็ดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ก็ควรเขียนลงไปไนตัวเลขที่ไม่น่าเกลียดและไม่เวอร์จนเกินไป เช่น 2,000 บาท , 3,000 บาท หรือ 4,000 บาท ต่อบุตร 1คน ในแต่ละเดือน (ขึ้นอยู่กับอายุของบุตรด้วยว่า เป็นเด็กเล็กหรือเด็กโต เรียนหนังสืออยู่ในชั้นระดับใดแล้ว)

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุพการี(พ่อแม่) เช่น คนละ 4,000 บาท หรือ 5,000 บาท ต่อคน ต่อเดือน...เป็นต้น

ส่วนค่าผ่อนจ่ายหนี้คืนให้กับเจ้านาย หรือหนี้นอกระบบต่างๆนั้น ถ้าไม่มีเอกสารเป็นหลักฐานที่ชัดเจน ก็ไม่ต้องเขียนกรอกลงไป เพราะเสียเวลาเปล่าๆ ยังไงเจ้าหน้าที่เขาไม่พิจารณาในส่วนนี้ให้อยู่แล้วถ้าหากไม่มีหลักฐานยืนยัน
.

ของผม บัตรspeedycash ยอดรวมดอกเบี้ย 97000 ไปขึ้นศาลมาแล้ว ผ่อนจ่ายมาเดือนละ 2000 มาสิบเดือนแล้ว ตอนนี้มีเงินก้อนสามหมื่น จะขอส่วนลดปิดหนี้ ไม่ยอมให้ สำนักงาน กม มันบอกว่าลดให้สุดๆได้แค่ สี่หมื่นห้า เคี่ยวจริงๆๆ