ขอความรู้ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

ดิฉันขอคำแนะนำด้วยค่ะ ดิฉันได้รับหมายศาลจากบัตรเครดิตซิตี้แบงค์ค่ะ ยอดฟ้องประมาณ สองแสนบาทค่ะ ดิฉันได้ไปตามนัดหมายของศาล และได้เจอกับทนายโจทย์ ได้คุยถึงยอดที่ฟ้อง ซึ่งดิฉันได้ถามถึงยอดนี้ว่าทำไมถึงได้มีแต่ชื่อของดิฉันซึ่งถือบัตรหลักเป็นจำเลยแต่เพียงผู้เดียว ชื่อผู้ถือบัตรเสริมทำไมถึงไม่ฟ้องเป็นจำเลยที่สองด้วยอีกคน ทนายให้เหตุผลว่าดิฉันได้มีการจ่ายหนี้บัตรในขั้นต่ำของแต่ละเดือนก่อนที่ดิฉันบัตรหลักจะหยุดการชำระหนี้ซึ่งเป็นการกลืนหนี้ของบัตรเสริม ทำให้ดิฉันจะต้องรับภาระหนี้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งที่ดิฉันได้โต้แย้งกับทางทนายว่าหนี้ที่เกิดเป็นการรูดใช้ของบัตรเสริมทั้งนั้น แต่ที่ดิฉันพยายามจ่ายได้ในแต่ละเดือนเพียงเพื่อต้องการรักษาเครดิตของตัวเองเท่านั้น แต่กับเป็นความผิดที่ดีเกินไปใช่มั้ยที่จ่ายหนี้เข้าไป ทนายตอบว่า ใช่ ซึ่งทำให้ไม่สามารถฟ้องบัตรเสริมได้ หนี้บัตรเสริมจึงเป็นศูนย์
ดิฉันจึงอยากขอคำแนะนำท่านผู้รู้หน่อยว่าดิฉันควรจะทำยังไงได้ดี ที่จะสามารถทำให้บัตรเสริมกลับมาร่วมรับผิดชอบหนี้นี้ได้ด้วย (ที่ดิฉันต้องการให้บัตรเสริมมาร่วมรับผิดชอบด้วยนั้น มีเหตุผลคะ) ดิฉันจะสู้คดีได้มั้ยหรือจะมีวิธีอื่นแก้ไขได้มั้ย เพราะดิฉันไม่สามารถที่จ่ายตามที่ทางทนายเสนอมาได้ ดิฉันจึงขอเลื่อนนัดศาลไป ได้ 1 นัดคะ

โจทก์ไม่สามารถฟ้อง"บัตรเสริม" ให้ต้องรับผิดชำระชอบหนี้ใดๆร่วมกับ"บัตรหลัก"ได้ โดยอาศัยตาม ประกาศ/คำสั่ง ของ ธปท.ว่าด้วยเรื่อง “การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต สำหรับผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต” ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2552 ตามข้อ 5.1 และข้อ 5.2.1(2) ที่กำหนดเอาไว้ว่า

5.1 ในประกาศนี้
“บัตรหลัก” หมายความว่า บัตรเครดิตที่ธนาคารพาณิชย์ ออกให้แก่ผู้ถือบัตรหรือผู้บริโภค ที่เป็นผู้มีรายได้หรือฐานะทางการเงินเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ตามบัตรเครดิตได้
“บัตรเสริม” หมายความว่า บัตรเครดิตที่ธนาคารพาณิชย์ ออกให้แก่ผู้ถือบัตรหรือผู้บริโภค ที่ผู้ถือบัตรหลักยินยอมให้ใช้จ่ายเงินภายในวงเงินของผู้ถือบัตรหลัก และผู้ถือบัตรหลักจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้อันเกิดจากบัตรเสริมทั้งหมด

5.2.1 คุณสมบัติของผู้ถือบัตรเครดิต
(1) ผู้ถือบัตรหลัก
ธนาคารพาณิชย์ จะออกบัตรหลักให้แก่ผู้ถือบัตรหรือผู้บริโภคได้ เมื่อผู้ถือบัตรหรือผู้บริโภคมีคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้
(1) มีรายได้จากแหล่งที่มาต่างๆรวมกันไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท ต่อเดือน หรือไม่ต่ำกว่า 180,000 บาท ต่อปี โดยต้องแสดงหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้
(2) เป็นผู้มีรายได้หรือเคยมีรายได้จากการทำมาหาได้ของตนเอง โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงิน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นผู้มีฐานะทางการเงินเพียงพอสำหรับการชำระเงินตามบัตรเครดิตได้
(2) ผู้ถือบัตรเสริม
ธนาคารพาณิชย์อาจออกบัตรเสริมให้กับผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติตาม 5.2.1(1.1) - (1.5) ข้างต้น หรือผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ ภายใต้สัญญาที่ทำกับผู้ถือบัตรหลัก โดยวงเงินการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรเสริม ต้องอยู่ภายในวงเงินของผู้ถือบัตรหลักเท่านั้น และผู้ถือบัตรหลักจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้อันเกิดจากบัตรเสริมทั้งหมด

ดังนั้นคำฟ้องของโจทก์ จึงเป็นการฟ้องโดยอ้างตาม ประกาศ/คำสั่ง ของ ธปท.ทุกประการ ที่ระบุให้ “บัตรหลัก” จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้อันเกิดจากบัตรเสริมทั้งหมด ตามประกาศ/คำสั่ง ของ ธปท. ดังกล่าว
หลักฐานปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข xx และ xx


ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย


5.1





5.2.1(2)





อ้างอิงข้อมูลจาก
www2.bot.or.th/fipcs/Documents/FPG/2552/ThaiPDF/25520177.pdf