หนี้ 1.8 ล้านบาท จะเครียดไปทำไม!!!!!

สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน และขอขอบคุณพี่ๆทุกคนใน Webboard` แห่งนี้นะครับที่ให้ความรู้ ครับ

อยากเล่า เรื่องหนี้ มานานแล้ว เริ่มเลยนะครับ

ผมเป็นพ่อค้าตัวเล็กๆ ทำมาค้าขายมา 10 ปี ไม่มีหนี้ ซื้อรถ 1 คัน ผ่อนจนหมดเกลี้ยง หลังจากนั้น

ก็เริ่ม ซื้อบ้าน เริ่มมี เครดิต ธนาคารเริ่มโทรหาให้เป็นหนี้

ประกอบกับธุรกิจกำลังโต จึง กู้

แรกๆ ก็กู้ น้อยๆ หลังๆ ก็ เริ่มกู้เยอะ

ขยายสาขา ตามสูตร บริหารธุรกิจที่เรียนมา ไป 3 สาขา

โดนลูกน้องหอบเงิน หนีไป 2 สาขา แต่ตามเก็บเงิน คืนได้ หมด

จึงเลิกขยายสาขา เพราะ เหนื่อย

เหลือ สาขา หลัก ที่บริหารเอง

---

ตอนนั้น กู้ ทั้งโอดี สินเชื่อส่วนบุคคล รวมกันประมาณ 9 แสน

ผมสามารถ ปิดชำระหนี้ ทั้งต้นทั้งดอก ได้ ภายใน 3 ปี

ธนาคารต่างๆ โทรมาจีบกันใหญ่

---

จึงกู้ครั้งที่ 2 ยอดรวมทั้งหมด ทุกๆแบงค์ 2.2 ล้านบาท

ชำระ ไปประมาณ 8 แสน แต่เป็นต้นแค่ 4 แสน ดอก อีก 4 แสน

แล้วธุรกิจก็ ฟองสบู่แตก หมดเงิน ส่งแบงค์

จึงหยุดจ่าย มาได้ 4 เดือน แล้ว ดังนี้ครับ

เท่าที่ฟังแบงค์น่าจะเคลียดกว่าท่านนะ

1. ทหารไทยสินเชื่อส่วนบุคคล ยอดหยุด 2.5 แสน หยุดจ่าย 4เดือน

2. ทหารไทย โอดี 6 แสน จ่ายปกติ ครับ(เพราะดอกเบี้ย 10 เปอเซนต่อปี ตอนนี้แบงค์ สามารถแก้สัญญาใหม่ได้ เป็นชำระ 12 ปี ลดต้นลดดอก แต่ เครดิตผมเสียแล้ว เพราะสินเชื่อ ส่วนบุคคลของธนาคารไทย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ ขอดูก่อน ว่า ทางผู้ใหญ่จะเอาไงกับผมดี จะแก้ไข ให้ผมยังไงดี)

3.ไทยพานิชย์ ยอดหยุด 3 แสน หยุด 4 เดือน

4.สแตนดาร์ด ยอดหยุด 2.5 แสน หยุด 4 เดือน

5.กรุงศรี ยอดหยุด 4 แสน หยุด 4 เดือน

รวมทั้งหมด 1.8 ล้านบาทครับ

ตัวเลข สวยยจริงๆๆ

จริงอย่างคุณ BEER บอกครับ จะเครียดทำไม ขอบคุณครับ

เราเป็นลูกหนี้ เจ้าหนี้ต้องเครียดสิ อิ อิ อิ

---

ช่วงแรก ก็เครียด ตอนนี้ ไม่เครียดละครับ

---

กระบวนการ ทวงนี้ ของแบงค์

1. ทหารไทย โทรมา ครั้งเดียว ตลอด 3 เดือน (ให้ตายเถอะ โทรมาน้อยจริงๆ) ผมคุยไปว่า ผมไม่มี

รอผมขายบ้าน ได้แล้ว ผมจะติดต่อกลับไปนะครับ หลังจากนั้น ก็เงียบไปเลย จนมีพี่ ฝ่าย โอดี โทรมาคุย

ว่า เป็นอะไร ยังไง บลาๆๆๆ จนจะหาทางแก้ กันอยู่ทุกวันนี้ พี่รู้มั้ย ผมรอโทรศัพท์พี่ ที่ท่าน้ำทุกวันเลย

อิ อิ


2. ไทยพานิชย์ โทรมาอาทิตย์ ละ 1-2 ครั้ง ทุกๆ อาทิตย์ ตลอด 3 เดือน ผมก็บอกไป เหมือนเดิม

รอผมขายบ้านก่อนนะ ผมจะติดต่อกลับ

3. สแตดดาร์ด โทรจิก ยิกๆๆ ทุกๆวัน วันละ 3-5 ครั้ง (ถ้าไม่รับโทรศัพท์) แต่ถ้ารับ ก็จะบอก ให้เรา

ชำระ เย็นวันนี้นะ ไม่งั้น เรื่อง ถึง สำนักงานกฏหมาย ข้างนอก บลาๆๆๆๆ

4. กรุงศรี อันนี้ผมเป็นลูกค้า เก่า ที่ปิดยอด ในรอบแรก คุยกันดี ผมก็บอกไปตรงๆ ว่า ผมเจ๊งแล้ว

ไม่มีเงินชำระ ก็คุยกันมาตลอด 3 เดือน พูดจาดี แต่มีกดดัน เล็กๆ อิ อิ

---

ทุกๆ แบงค์ ขอให้ผมประนอมหนี้หมด

ผมเลยถามกลับไปทุก แบงค์ ว่า ถ้าวันหนึ่ง ผม ส่งไม่ไหว อีกละ จะเป็นยังไง

เพราะ ศ.ก แย่ ของขายไม่ดี

เค้าก็บอก ส่งเรื่อง ฟ้องศาล

ผมก็บอก งั้น ผมไม่ประนอมหรอก เพราะยังไงผมก็ถูกฟ้องอยู่ดี

ดำเนินตามระบบ ของธนาคารได้เลยครับ แบงค์ ก็ ทำตามแต่โดยดี อิ อิ อิ

แล้วผมเจ๊งได้ยังไง

มันเกิดจากความโลภที่อยู่ใน มนุษย์ ทุกคน

ผมเอาเงิน ธุรกิจ และ เงินกู้ ไปเล่นหุ้น ครับ

หมด ประมาณ 5 แสน ภายใน 6 เดือน

ประกอบกับมีคู่แข่งเกิดขึ้น ศ.ก แย่

เอาเงินไปลงทุน กับ อสังหาริมทรัพย์ ทุกวันนี้ ติดมือ ขายไม่ออก เงินหมุนไม่ทัน

โดนเพื่อนที่คบกันมา 10 กว่าปี โกงไป เกือบ 2 แสน

---

ทรัพย์สิน


ผมมีบ้าน 1 หลัง ที่ผ่อนกับธนาคารกรุงไทย ที่เป็นชื่อผม(และผมส่งปกติ และดำเนินการประกาศขายอยู่ )

รถ ขายทิ้งใช้หนี้ไปแล้ว

บ้านหลังนี้ ผมพร้อมจะให้ กรมบังคับคดี ขายทอดตลาดไป ถ้าผมโดนฟ้องแล้วยังไม่สามารถ ชำระหนี้ได้อีก

แต่ กรุงไทยจะยอมหรือไม่ ก็คอยดูกัน เพราะถ้าบ้านหลังนี้โดนบังคับคดีแล้ว ไม่รู้จะพอจ่ายกรุงไทยหรือเปล่า

หมดแล้ว ผมมีเท่านี้แหละ ไม่มีอะไรอีกแล้ว เหลือ แต่ ธุรกิจ ที่ยังเดิน ตุปัด ตุเป๋ อยู่

แล้วเจ้าหนี้ลำดับถัดๆ ละ จะทำยังไง อิ อิ

---

แต่ผมก็ รับปาก ทุก แบงค์ นะครับ ว่า ผมจะ จ่ายหนี้ ที่เหลือ(อย่าชักดาบนะครับ)

แต่วันนี้ ขอให้ ผมได้หายใจก่อน อย่าพึ่งซ้ำ ให้ผมได้ลุกก่อน

---

ทุกๆแบงค์ ก็เข้าใจ ได้แต่ อวยพรว่า เดียวมันก็ผ่านไป สู้ๆนะค่ะ/นะครับ อิ อิ อิ

---

เข้าเดือนที่ 4

ทุกๆแบงค์ ส่งเรื่องไป สำนักงานกฏหมาย เรียบร้อย

โทรกันมารายงานตัวกันทุกวัน

---

ผมค่อนข้างผิดคลาด นึกว่าสำนักงานกฏหมาย จะโหดจะ ดุดัน(เข้าทางผมสิ ผมชอบดุๆ ผมจะได้ดุกลับ)

เป็นผู้หญิง พูดจาง่าย กว่าคุยกะแบงค์ อีก คุยกัน 2-3 ประโยค แล้วก็วาง

เป็นผู้ชายแต่เสียงเด็กๆ ก็คุยง่าย(ประมาณว่ากลัวโดนผมใส่เอาละมั้ง) 2-3 ประโยค วาง

---

แต่วันนี้ กฏหมายของสแตนดาร์ด โทรมา เสียงอย่างดุ เข้ม(แต่พูดจาดี สุภาพ ประมาณว่าถ้า มึงคุยกะกูไม่รู้เรื่อง กูจะใส่มึงประมาณนั้น)

ผมก็คุยดีๆ เค้าก็เลยคุยดีๆ (แต่ถ้าเค้ากวนตีน ผมมากไม่ฟังเหตุผลกู มึงก็ไม่ต้องคุยกับกู รอจังหวะอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไร)

โทรมาลดให้แล้วครับ จากยอดหนี้ 2.5 แสน เหลือ 1.7 แสน ลดไปเลย 8 หมื่น

ผมก็ตอบไป ผมไม่มีตังส์ครับ แค่เงิน ซื้อของมาขายยังไม่มีเลย

ติดต่อกลับมาใหม่อีกที เมื่อผมขายบ้านได้นะครับ

เค้าก็วางไป อิ อิ

---

แบงค์ อื่นๆ ยังไม่ลด เลย ถ้าลดแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ

เป็นผมหากไม่ไหวก็ไม่ต้องไปหามาจ่ายครับ ยิ่งถ้าเป็นอาชีพอิสระ เช่นค้าขาย ด้วยยิ่งไม่น่ากลัวอะไรเลย เพราะเขาไม่สามารถมาอายัดเงินเดือน โบนัส เราได้ แต่หากพี่มีทรัพย์สิน เช่น บ้าน รถ อื่นๆ อันนี้เขาตามบังคับคดีกับพี่แน่ๆ แนะนำตอนนี้หากโยกทรัพย์สินที่เป็นชื่อเราได้แนะนำเลยครับ แต่ต้องไม่ใช่ ภรรยา ที่จดทะเบียนสมรส บิดามารดา แค่นี้เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว และช่วงนี้หากหยุดหาเงินมาจ่ายพี่ก็เร่งเก็บเงินสดๆ เอาไว้หากมีข้อเสนอดีๆ จากแบงค์ก็่ค่อยจ่ายก็ยังไม่สายครับ

ขอบคุณครับคุณ art2527

เมื่อ 3 นาที ที่แล้ว
ไทยพานิช โทรมาลดให้ละ จาก 3 แสน เหลือ 2.5 แสน

ผมก็ตอบตามเดิม ไม่มีครับ

แต่ไทยพานิชย์ คุยดี ครับ เสียงนี้หวานนนนนน

---

คุยกัน ก็ไม่มีสาระ อะไร คำถามก็เดิมๆ คำตอบก็เดิมๆๆ

---

สมาชิก ท่านที่เครียด เรื่อง หนี้

ผมแนะนำ ให้ปล่อยวาง

หนี้ ก็ส่วนหนี้

ชีวิตก็ส่วนชีวิต

ภรรยาก็ส่วนภรรยา

ลูกก็ลูก

ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ

เงินก็ส่วนเงิน ไม่มีมัน ทำไมเรายังอยู่ได้ เอะ แปลกกกก!!!!

---

อย่าไปคิดมากมาย จิตที่ฟุ้งซ่าน ไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆได้เลย ยิ่งทำให้เลวร้าย ขึ้นไปอีก นะครับ

คุยกันดีๆ บอกตรงๆ มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี

แล้วค่อยหาทางแก้ไขกันไป

อ่านแล้ว

เห็นด้วยว่า เจ้าหนี้น่าจะเครียดกว่านะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะครับ

ขอบคุณคุณ Narasingh ที่ให้กำลังใจ มากๆครับ



อัพเดต ความก้าวหน้า ของคนเป็นหนี้

เมื่อ 5 นาที ที่ผ่านมา

ฝ่ายกฏหมาย ของ SCB เสียงหวาน เจ้าเดิม

โทรมาบอก ว่าขอแสดงความยินดี คุณ คือ ผู้ได้รับ ส่วนลด สูงถึง 35 % !!!!!!!!!

จาก ยอดหยุด 3 แสน หยุดมา 5 เดือน

ดอกเบี้ยเดินอยู่ ยอดเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 แสน

ลดทันที 35 % เหลือ ไม่เกิน 2.2 แสน

และสามารถ แบ่งจ่าย ได้ 3 งวด ตกงวดละประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท

เป็นไงค่ะ น่าสนใจ ใช่ มั้ยค่ะ

ถ้าสนใจ ให้ไป ยืมเงิน พ่อ แม่ พี่น้อง ใครก็ได้ค่ะ มาจ่ายก่อน

แล้วเราค่อยไปผ่อนชำระกับ บุคคลเหล่านั้น ทีหลัง โดยปราศจากดอกเบี้ย

ขอคำตอบ ภายในวันที่ 20 นี้นะค่ะ เพราะ 26 นี้ จะหมดเขตแล้วค่ะ

---

เลยรีบมาเล่าให้ทุกคนฟังครับ

แต่อย่างว่าแหละครับ ไม่มีเงิน คงต้องคิดต่อ อีกสักระยะหนึ่ง จะเอาไงดี

ขอบคุณทุกแรงใจ และขอให้คนที่เครียด เรื่องหนี้

อย่าไปคิด มากมายครับ

เอาคนในครอบครัวให้มีความสุขก่อน

---

และ อีก 3 เดือน ลูกคนแรกของผมจะคลอดแล้ว เย้ๆๆๆ จะเป็นพ่อคนแล้ววววว

อุปกรณ์ ก็เริ่มซื้อให้เค้าแล้วครับ

ดีใจกับผมด้วยยยยนะครับ

ขอบคุณครับ

มาเป็นกำลังใจให้กับเจ้าของกระทู้นะคะ และแสดงความยินดีล่วงหน้ากับสมาชิกใหม่ตัวน้อยๆ
ด้วยค่ะ ขอให้สมาชิกใหม่มีสุขภาพแข็งแรงเลี้ยงง่ายๆ นะคะ อ่านกระทู้ของคุณแล้วรู้สึกว่าคุณเป็นคน
ที่มองโลกในแง่ดีมากค่ะ รู้จักปล่อยวาง ถ้าเป็นเรานะคงจิตตกไปแล้วอ่ะค่ะ นับถือๆ จิตใจที่เข้มแข็ง
ของคุณจริงๆ เลยค่ะ ทำให้รู้สึกว่าปัญหาหนี้ของเรามันเล็กลงไปเลยเมื่อเทียบกับของคุณ ขอให้คุณ
ผ่านพ้นอุปสรรคทุกอย่างไปด้วยดีนะคะ สู้ๆ ไปด้วยกันนะคะ

สวัสดีครับ
หลังจากหายไป 4 เดือน ...... ผมกลายเป็นพ่อลูกออ่นซะแล้ว!!! อิ อิ อิ

---

มันเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ได้เห็นหน้าลูก ได้ทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อเค้า มีความสุขครับ

---

.
.
.

---

มาเล่าเรื่องไปขึ้นศาลมาครับ

---

เรื่องค่อนข้างที่จะ แปลก สักหน่อย ดังนี้ครับ
ผมหยุด O/D ได้ 2 เดือน ของทหาร เค้าฟ้องเลยครับ 555+
ที่คุยกับเจ้าหน้าที่แบงค์ตอนแรก ผ่อน 12 ปี ปรากฏว่าทำไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ผมก็ไม่ได้ สนใจมาก

---

หลังจากได้รับ หมายศาลมาล่วงหน้า 1 เดือน เจ้าหน้าที่ แบงค์ทหาร ก็ โทรมา
บอกว่า

---

ที่เรารีบฟ้องเพื่อให้ดอกเบี้ยหยุด แล้วผ่อนชำระกันใหม่ ทำสัญญา 8 ปี ในอัตรา 7.5% ต่อปี
ผมก็ ครับ ครับ ครับ

---

พอถึงวัน ขึ้นศาล 20 ต.ค 57 เวลา 13.30 น

ผมก็มารอหน้าห้อง ตอน 12.30 น เป็นคนแรก
เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์ ---มาเรื่องอะไรค่ะ
ผม

---

เป็นจำเลย คดี ทหารครับ
จนทนบล----ทานอาหารก่อนนะค่ะ เที่ยงแล้วค่ะ
ผม

---

ผมทานมาแล้วครับ ขอบคุณครับ

---

หลังจากนั้นก็เดินดู รายชื่อ ผม คนนู้น นี้นั้น หน้าห้อง
คดีตอนเช้า ศาลมีพิพากษา 1 คดีที่น่าสนใจคือ ฆ่าข่มขืน(น่าจับมันไปฆ่ามั่ง) ซึ่ง ท่าผู้พิพากษาเป็นคนเดียวกันกับคดีของผม

---

สักพัก มีทนาย เกษียนแล้ว เดินมา ถามว่า มาคดีอะไร
ผมมาคดีทหารครับ เป็นจำเลย
ทนายก็มาเรื่องฟ้องแบ่งทรัพย์ ก็เลยนั่งคุยกัน สัพเพเหระ
จากนั้นก็เริ่ม ทยอยๆมากันเรื่อยๆ

---

แล้วก็มี พี่ 1 คน มาเรื่องบัตรเครดิตหมดอายุความ ตั้งทนายมาสู้
พี่แกบอก ไม่ได้ผ่อนตั้งแต่ ปี 50 ยอดหยุด 5 หมื่น กลายเป็น 1.2 แสน
แต่ทนายฝ่ายโจทย์ฟ้องแต่ก็ไม่มา ชนะ ชัวส์

---

จากนั้น ทนาย ทหาร มาคนสุดท้ายเลย

---

ทนายสงเอกสารให้ผมยอมความ
ในเอกสารระบุดังนี้
1.ยอดฟ้อง 4.37 แสน ในอัตราดอก 15.5 ต่อปี
2.ชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี
3.ค่าฤชาธรรมเนียม 3000+ทนาย5000 รวม 8000 ให้จำเลยจ่าย
4.หากผิดสัญญาข้อ1-3 จะต้องอะไรสักอย่างนี้แหละ ผมจำไม่ได้ เอกสาร อยู่ข้างนอก
5.ดำเนินธุรกรรมกับ บสย ได้ตามปกติ

---

ผม----พี่ทำไมผมคุยกับเจ้าหน้าที่ เค้า บอก ดอก 7.5 เอง ทำไม ในนี้เป็น 15.5
ทนาย---เป็นดอกเบี้ยผิดนัด แต่พอยอมความแล้ว เด๋ว แบงค์ก็จะลดให้ ทำสัญญษใหม่ ส่งได้ 7 ปี ขึ้นไป
ผม----ไหนผมคุยกับ แบงค์ ได้ 8 ปี ขึ้นไปไง
ทนาย---(เอ้า ไอ้นี้รู้เยอะวุ้ย!!!) ส่วนค่าธรรมเนียม จ่าย1/8 คือเราจะจ่ายแค่ประมาณ 1 พันบาท หรือ อาจจะไม่ได้จ่ายเลย ถ้าศาลท่านลงมา "ล้วง" คดี(ผมไม่เข้าใจว่า ล้วง คดีคืออะไร)
ผม

---

ไหนแบงค์บอกผมให้ขอศาล ว่าให้พิจารณา ในส่วนของ ดอกเบี้ยและ ค่าธรรมเนียม ไงครับ
ทนาย

---

แบงค์คนไหนครับ คนนี้หรือเปล่า ชี้ไปที่ชื่อ นาย ก ผู้ชาย
ผม---ไม่ใช่ครับ ผมคุยกับคนนี้ ชี้ไปที่ ชื่อ ผู้หญิง ในเอกสาร
ทนาย----สงสัยจะเป็นเจ้าหน้าที่ ที่มีอำนาจตัดสินใจมั้งครับ
ผม

---

งั้นผมขอให้ศาลท่านตัดสินละกัน
ทนาย---เนี้ย มี เคส หนี้ 7 ล้าน เซ็นยอมความไปแล้ว ทุกวันนี้ ยังชวนพี่ไป เที่ยวคาราโอเกะเลย แต่พี่บอกไม่ได้ ว่า เค้าชื่ออะไร
ทนาย----พี่ เข้าใจ ไม่อยากซำ้เติม หรอกครับ
ผม----นิ่งไปสักพัก ฟังทนายพูด นู้นี้ นั้นไปเรื่อยๆ แต่ใจ คิด ไม่ได้ฟังทนายพูดหรอก

---

และทนายคนนี้ ดูพูดไม่เก่ง โน้มน้าว ไม่่น่าเชื่อถือ พูดติดๆขัด ไม่ยอมสบตา เวลาคุยกัน ซึ่งผมต้องการความจริง ในใจคิดว่า ทนายคุยกับเจ้าหน้าที่แบงค์ คนละคนกับผม เลย พูดไม่เหมือนกัน

---

ทนาย---ถ้าน้องไม่ยอมความ น้องมีทนายมามั้ย
ผม

---

ไม่มีครับ ผมมาให้ศาลท่านตัดสินเลย
ทนาย----เป็นอันว่า สู้คดี นะ
ผม

---

ให้ศาลท่านตัดสินเลยครับ

---

จากนั้นก็เข้าไปในห้อง

---

ศาล

---

สรุปเอายังไง
ผม

---

ให้ท่านตัดสินเลยครับ ขอให้พิจารณาในส่วน ดอกเบี้ย กับค่าธรรมเนียม ด้วยครับ
ศาล----ได้ ได้

---

จากนั้น ท่านก็เรียก ทนายมา กระซิบ หน้าบัลลังค์
แล้วก็เอาเอกสารให้ผมเซ็น 2 แผ่น
แล้วศาลท่านก็ตัดสินคดีต่อไป ทนายก็บอกผมกลับได้เลย รอรับหมายที่บ้าน

---

สรุป การไปศาลครั้งนี้
ในความรู้สึกผม เหมือนไป ติดต่องาน ราชการ ไม่น่าตื่นเต้น อาจจะเพราะ หาข้อมูลมากมากพอ
แต่สอบถามคนรอบข้างก็ตื่นเต้นพอสมควร

---

ในส่วน หนี้ อื่นๆ
1.ทหาร หนี้ส่วนบุคคล ยังไม่ฟ้อง เข้าเดือน ที่ 11 (แต่ฟ้อง O/D หยุด 2 เดือน 5555 เอาให้มันได้อย่างงี้)
2.เอสซีบี ยอด 11 เดือน ยังไม่ฟ้อง(น่าจะทำเรื่อง เพราะโทรมา ก่อนมาศาล 7 วัน ผมบอก อาทิตย์ หน้า ผมจะ ขึ้นศาลแล้ว ดำเนินการตามระบบได้เลยครับ)
3.สแตน ยังไม่ฟ้อง 11 เดือน
4.กรุงศรี ยังไม่ฟ้องเช่นกัน 11 เดือน

---

สงสัย ทำเอกสาร อยู่ แต่ สินเชือส่วนบุคคลทุกแบงค์ ที่ฟ้อง ต่อจากนี้ ผมจะ ตั้งทนายสู้ อย่างเดียว(เอามันส์)

---

หลังจากกลับ จาก ศาล เบอร์ 02 อะไร ที่โทร มารับ หมด

---

แต่ไม่มี รายไหน ทวงเลย มีประเภท รับโฆษณาเว็บไซด์ ขายประกัน

---

--เอสซีบี สินเชื่อส่วนบุคล โทรมาให้กู้อีก (อันนี้ ก็เลยคิดว่า เครดิต ยังไม่เสีย ยังมีหน้ามาให้กู้อีก 555)

---

--ทหาร ฝ่าย sme โทรมา วันที่ไปศาล ตอนเย็น สอบถามว่าธุรกิจเป็นยังไงบ้าง
ผม---อ้าวคุณ ไม่รู้เหรอ ว่ าผม ขึ้นศาลวันนี้ ผมโดนฟ้อง O/D นี้แหละ ทหาร คุณ นี้แหละ ฟ้อง ผมฟ้องเร็ว ด้วย 2 เดือน เอง คุณ ไม่รู้เหรอ ไม่ติดต่อกันบ้างเหรอ แต่ละฝ่าย
ทหาร---อ่อ เป็นอีกฝ่ายครับ ผมดูแล ในส่วน sme บลาๆๆๆๆๆไป สุดท้าย สู้ๆ นะครับ เดียวก็ ผ่านไปได้ครับ
ผม----ขอบคุณครับ วาง

---

ชีวิต มันก็ ง่ายๆแค่นี้แหละ ครับ
เซ็น 2-3 ที ก็เป็นหนี้
เซ็น 2-3 ที ก็แก้ไขหนี้
อย่างมาก ก็เริ่มต้นใหม่ เหมือน วัน ที่เรายังไม่มีอะไร ไงครับ แต่ สิ่งที่เราจะได้ คืนมาคือประสบการณ์

---

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
ถ้ามีอะไรใหม่ๆ เด๋วมาเล่าให้ฟัง
ไปเลีย้งลูกสาว ก่อนนะครับ
ฟริ้ววววววววววววว!!!!!