การปฏิบัติจริงในการยึดทรัพย์เป็นอย่าวไร

ผมติดตามอ่านหลักเกณฑ์ในการยึดทรัพย์และค้นหาข้อมูลในเวปแล้วแต่ยังมีคำถามที่ไม่มีคำตอบคือ

1. ทรัพย์สินที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต มูลค่ารวมกัน 50,000 บาทแรกห้ามเจ้าหนี้ยึด ทรัพย์ที่จำเป็นในการดำรงชีพ
2. ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของลูกหนี้ ถ้ามูลค่ารวมกัน 100,000 บาทแรก ห้ามเจ้าหนี้ยึด เครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร(ถ้าประกอบธุรกิจรับถ่ายเอกสาร) ในกรณีที่เครื่องมือประกอบอาชีพมีราคาสูงกว่า 100,000 บาท และจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ก็สามารถขอต่อศาลได้

ผมมีคำถามในแง่ของการปฏิบัติจริงดังนี้
1.ในทางปฏิบัติจริงพนักงานนบังคับคดีจะเป็นคนพิจารณาว่าจะเหลืออะไรไว้ให้ใน50,000บาทตามข้อ1หรือ100,000บาทแรกตามข้อ2 หรือลูกหนี้จะต้องร้องขอเอง
2. ก่อนเข้ายึดทรัพย์เจ้าหน้าที่จะต้องทราบว่ามีอะไรอยู่ในบ้านก่อนเพื่อประเมินราคาก่อนหรือไม่ หรือเข้ามาดูและประเมินกันตอนยึดทรัพย์เลย
3.ในกรณีที่เครื่องมือประกอบอาชีพมี ราคาสูงกว่า100,000เช่นรถส่งของ สามารถขอต่อศาลได้ ต้องขอในขั้นตอนไหนครับ

.
ไปอ่านในกระทู้นี้แล้วหรือยังครับ?

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

- เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ตรวจสอบสำเนาทะเบียนบ้านของลูกหนี้แล้ว ปรากฎว่าลูกหนี้เป็นแค่ “ผู้อาศัย”

จพค.ก็อาจไปยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามทะเบียนบ้านหลังนั้นๆได้ เพราะกฎหมายสันนิษฐานว่า หากลูกหนี้อาศัยอยู่ที่ไหน ทรัพย์สินของลูกหนี้ก็ควรอยู่กับลูกหนี้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย แต่ถ้าหากไปแล้วพบว่าบ้านหลังนั้น ถูกปิดประตูหรือ ถูก Lock อยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไม่สามารถ ไข/งัด/หรือทุบทำลาย สิ่งที่ใช้ Lock บ้าน ในการเปิดบ้านเพื่อทำการยึดทรัพย์ ไม่เหมือนกับกรณีที่ลูกหนี้เป็นเจ้าบ้าน เพราะบุคคลที่อยู่ในฐานะ“เจ้าบ้าน” ก็ได้รับการสันนิษฐานตามกฎหมายว่า เจ้าบ้านก็เป็นเจ้าของทรัพย์สินภายในบ้านเช่นกัน และมีน้ำหนักหลักที่ดีกว่าทางฝ่ายลูกหนี้ ที่เป็นฐานะผู้อาศัยภายในบ้าน

ในกรณีนี้ หาก จพค.จะทำการเข้าไปตรวจสอบหรือยึดทรัพย์ภายในบ้านหลังนั้น จะต้องได้รับการ“อนุญาต”จากผู้ที่เป็น“เจ้าบ้าน”เสียก่อน เพราะผู้ที่เป็น“เจ้าบ้าน”มิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา แถมยังมีน้ำหนักแห่งความเป็นเจ้าของทรัพย์ภายในบ้าน สูงมากกว่าผู้อาศัย

ดังนั้น...
หากเจ้าบ้านอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ต่างๆที่เกี่ยวข้อง เข้าไปในตัวบ้านได้ แล้วหลังจากนั้นมีการโต้แย้งจากทางเจ้าหนี้ว่า ทรัพย์ที่ตรวจพบภายในบ้าน เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งมีหลักฐานมาแสดงยืนยัน โดยผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านไม่มีหลักฐานโต้แย้งกลับ ก็ให้ทำการยึดทรัพย์นั้นๆ

แต่ถ้าหาก“เจ้าบ้าน”ออกมาแสดงตน พร้อมกับหลักฐานความเป็น“เจ้าบ้าน”ต่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ณ.ที่หน้าบ้านของตนเอง พร้อมกับยืนยันว่า ทรัพย์สินทุกอย่างภายในบ้าน เป็นทรัพย์ของเจ้าบ้านแต่เพียงผู้เดียว...“ผู้อาศัย”(ลูกหนี้)ไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์ภายในบ้านแต่อย่างใด แค่มาอาศัยอยู่เท่านั้น
ให้ถือว่า“เจ้าบ้าน”เป็นเจ้าของทรัพย์ดังกล่าวตามที่แจ้ง และให้ เจ้าพนักงานบังคับคดี “งดยึด” แล้วทำรายงานต่อไปยังศาล เพื่อปลดเปลื้องความรับผิดชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 283 ต่อไป

***หมายเหตุ***
กรณีผู้ที่เป็น“เจ้าบ้าน”(ที่มิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ยังไม่ได้อนุญาตให้บุคคลภายนอกอื่นใดเข้ามาในตัวบ้าน หากบุคคลภายนอกอื่นใดเข้าไปภายในอาณาบริเวณพื้นที่ครอบครองของ“เจ้าบ้าน” โดยที่ยังไม่ได้รับการ“อนุญาต” อาจมีความผิดในข้อหา“บุกรุกเคหสถาน”ได้

อ่านหลายรอบแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ไขความกระจ่าง ที่มีคำถามเพราะอ่านนี่แหละครัล

PapaJa เขียน: อ่านหลายรอบแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ไขความกระจ่าง ที่มีคำถามเพราะอ่านนี่แหละครัล

ยังไม่เข้าใจตรงไหนอีกหรือครับ?...ถ้าได้อ่านแล้วจริงๆ


ถ้าลูกหนี้เป็น"เจ้าบ้าน" ก็ต้องโดนยึดทรัพย์สินภายในบ้าน หลังจากที่ถูกฟ้องเรื่องหนี้บัตรเครดิตแล้วไม่ยอมจ่าย

แต่ถ้าลูกหนี้เป็นเพียงแค่"ผู้อาศัย" ก็ทำให้การยึดทรัพย์สินภายในบ้านทำได้ยากมาก หริออาจยึดอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง


ต้องให้อธิบายกันให้โจ่งแจ้ง

จนถึงขนาดผู้อธิบายต้อง"ติดคุก"เลยไหมครับ?

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40552&Itemid=64#45365

ก่อนอื่นผมอยากจะเรียนให้ทราบว่าไม่ได้มีปัญหาหรือคำถามเกี่ยวกับการเป็นผู้อยู่อาศัยหรือเจ้าบ้านครับ ปัญหาคือเป็นเจ้าบ้านหากถูกเจ้าหน้าที่มาดำเนินการยึดทรัพย์ในบ้าน ในทางปฏิบัติจริงมันเป็นอย่างไร ซึ่งผมได้อ่านตามนี้ครับ


"การถูกยึดทรัพย์

เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนตามคำพิพากษาภายใน 15 หรือ 30 วันแล้วแต่ศาลจะกำหนดในคำพิพากษา

(ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม) คือ จะจ่าย Haircut หรือผ่อนจ่ายตามที่ตกลงได้กับเจ้าหนี้ก็ได้

โดยให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อออกหมายยึดและอายัดต่อไป

1. ทรัพย์สินที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต มูลค่ารวมกัน 50,000 บาทแรกห้ามเจ้าหนี้ยึด ทรัพย์ที่จำเป็นในการดำรงชีพ เช่น
โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ โทรทัศน์ เครื่องครัว แต่ถ้าเป็นสร้อย แหวน นาฬิกา
ของเหล่านี้แม้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของลูกหนี้ แต่เจ้าหนี้ก็มีสิทธิยึดได้เพราะไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต

2. ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของลูกหนี้ ถ้ามูลค่ารวมกัน 100,000 บาทแรก ห้ามเจ้าหนี้ยึด เครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร(ถ้าประกอบธุรกิจรับถ่ายเอกสาร) ในกรณีที่เครื่องมือประกอบอาชีพมีราคาสูงกว่า 100,000 บาท และจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ก็สามารถขอต่อศาลได้"

ดังนั้นอ้างอิงจากคำถามตอนต้นอีกครั้งครับ(ในกรณีที่ลูกหนี้เป็นเจ้าบ้านครับ ไม่ได้สงสัยเรื่องเป็นคนเช่าหรืออาศัยเลยครับ)
ผมมีคำถามในแง่ของการปฏิบัติจริงดังนี้
1.ในทางปฏิบัติจริงพนักงานนบังคับคดีจะเป็นคนพิจารณาว่าจะเหลืออะไรไว้ให้ใน50,000บาทตามข้อ1หรือ100,000บาทแรกตามข้อ2 หรือลูกหนี้จะต้องร้องขอเอง ตรงนี้ผมว่าผมถามเพราะที่อ่านไม่ได้บอกว่าพอพนักงานฯเข้ามาในบ้านแล้วจะยึดแล้วเหลือของให้เราเองหรือลูกนี้จะต้องร้องขอให้เหลืออะไรไว้บ้าง
2. ก่อนเข้ายึดทรัพย์เจ้าหน้าที่จะต้องทราบว่ามีอะไรอยู่ในบ้านก่อนเพื่อประเมินราคาก่อนหรือไม่ หรือเข้ามาดูและประเมินกันตอนยึดทรัพย์เลย อ่านยังไงก็ไม่ได้เห็นมีบอกไว้ครับ
3.ในกรณีที่เครื่องมือประกอบอาชีพมี ราคาสูงกว่า100,000เช่นรถส่งของ สามารถขอต่อศาลได้ ต้องขอในขั้นตอนไหนครับ หมายความว่าเค้ายึดไปก่อนแล้วเราค่อยร้องขอต่อศาลหรือว่าจะต้องร้องขอเมื่อตอนศาลพิพากษายึดทรัพย์ครับ

หวังว่าคงเข้าใจในคำถามหรือหากมีคำตอบอยู่แล้วในบทความไหนพอจะบอกได้หรือไม่ครับ

.
ที่คุณเข้ามาตั้งคำถามแบบนี้ เพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันหรือครับ?


- เพื่ออยากรู้...ประดับเป็นความรู้ไว้ในหัวเฉยๆ

หรือ

- เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้ถูกยึดทรัพย์สินภายในตัวบ้านของลูกหนี้
.

เตียมตัวสำหรับการโดนยึดครับ เพราะไม่มีปัญญาผ่อนบ้านมาหลายเดือนแล้ว จะได้เตรียมชีวิตถูกว่าจะเหลืออะไรบ้าง

PapaJa เขียน: เตียมตัวสำหรับการโดนยึดครับ เพราะไม่มีปัญญาผ่อนบ้านมาหลายเดือนแล้ว จะได้เตรียมชีวิตถูกว่าจะเหลืออะไรบ้าง

จะต้องไปเตรียมตัวอะไรกันอีกล่ะครับ?

ถ้าหากลูกหนี้ไม่ได้มีสถานะเป็น"เจ้าบ้าน"ซะอย่าง
เจ้าหนี้มันก็ยึดอะไรภายในบ้านไม่ได้แล้ว...คุณนี่เป็นคนที่เข้าใจอะไรยากซะจริงๆเลย