ขอคำปรึกษาครับ จ่ายบัตรไหนก่อนดี

10 ปี 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #52172 โดย kubotom
สวัสดีครับ ผมสมาชิกใหม่ แต่ดูเหมือนจะเข้ามาช้าไป บางอย่างก็ทำตามคำแนะนำไว้ไม่ทันแล้ว
เริ่มเรื่องเลยละกันครับ ผมมีบัตรอยู่ทั้งหมด 8 ใบ ตามด้านล่างครับ
1. Citi Bank
ยอดหนี้รวม = 174,000
*ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ผ่อนชำระเดือนละ 4,600

2. กรุงศรีเฟิสช้อยส์
ยอดหนี้รวม = 109,000
*ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ผ่อนชำระเดือนละ 3,500

3. บัตรเครดิต KTC
ยอดหนี้รวม = 100,000
*ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ผ่อนชำระเดือนละ 10,000

4. บัตรกดเงินสด KTC
ยอดหนี้รวม = 80,000
*ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ผ่อนชำระเดือนละ 10,000

5. สินเชื่อเงินสด TMB
ยอดหนี้รวม = 104,000
*ขาดส่งมา 7 เดือน

6. บัตรกดเงินสด TMB
ยอดหนี้รวม = 40,000
*บัตรยกเลิกแล้ว ขาดส่ง 1 เดือน

7. บัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ
ยอดหนี้รวม = 39,000
*บัตรยกเลิกแล้ว เจรจาผ่อนเดือนละ 2,000 ได้

8. บัตรกดเงินสด CIMB
ยอดหนี้รวม = 82,000
*บัตรยกเลิกแล้ว เจรจาผ่อนเดือนละ 2,000 ได้

ผมมีความสามารถในการผ่อนชำระได้เดือนละประมาณ 30,000 บาท
รบกวนเพื่อนสมาชิกแนะนำว่า
- ควรทำอะไรกับบัตรใบไหนบ้างครับ
- เช่น Citi Bank ผ่อนขั้นต่ำต่อไป, BBL ปิดทีเดียว, TMB Loan ปล่อยฟ้อง ประมาณนี้ครับ
- หรือมีคำแนะนำอื่นก็ยินดีครับ

ตอนนี้ผมไม่มีภาระผ่อนสินค้า รถ หรือ บ้าน มีแค่หนี้บัตรเครดิตอย่างเดียวครับ อายุ 30 ปี โสดครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #52183 โดย jackTs

kubotom เขียน: ผมมีความสามารถในการผ่อนชำระได้เดือนละประมาณ 30,000 บาท
รบกวนเพื่อนสมาชิกแนะนำว่า
- ควรทำอะไรกับบัตรใบไหนบ้างครับ
- เช่น Citi Bank ผ่อนขั้นต่ำต่อไป, BBL ปิดทีเดียว, TMB Loan ปล่อยฟ้อง ประมาณนี้ครับ
- หรือมีคำแนะนำอื่นก็ยินดีครับ

ตอนนี้ผมไม่มีภาระผ่อนสินค้า รถ หรือ บ้าน มีแค่หนี้บัตรเครดิตอย่างเดียวครับ อายุ 30 ปี โสดครับ


ให้หยุดจ่ายให้หมดทุกใบ แล้วเก็บเงินเอาไว้ทำ Hair cut
หากเจ้าหนี้รายไหน มันให้ส่วนลดที่งามๆ (ประมาณ 40-60%) ก็่จ่ายปิดบัญชีกับมันไปก่อน

ใครที่ยังไม่เข้าใจว่า Hair-cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=749&Itemid=64

แต่ต้องระวังธนาคารที่เป็นเงินเดือนเข้าด้วยนะครับ
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6970&Itemid=64#6970



ส่วนเจ้าหนี้รายไหนที่มันงี่เง่ามาก ให้ส่วนลดน้อย ก็ปล่อยให้มันฟ้องไป แล้วค่อยไปตัดสินใจในชั้นศาลอีกที

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64



และในบางครั้ง การที่ลูกหนี้ถูกอายัดเงินเดือน ก็อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด(เพราะคุณเองก็ไม่ทรัพย์สินอื่นใดให้มันยึดได้อยู่แล้วนี่)

ไขข้อข้องใจ “การอายัดเงินเดือน”
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=8746&Itemid=64


ดังนั้น...การที่ต้องถูกอายัดเงินเดือนประมาณ 15-30% โดยให้พวกมันมาเข้าแถว"ต่อคิว"กันเอง ก็อาจเป็นอีกทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะดอกเบี้ยตามที่ศาลสั่ง ก็จะเป็นดอกเบี้ยในราคาถูกๆ(ตามกฎหมาย) โดยอยู้ที่ประมาณ 7.5-15% ต่อปี(แล้วแต่ศาลสั่ง) ซึ่งมันก็ยังดีกว่าที่คุณต้องมาเสียดอกเบี้ยในราคาแพงๆให้กับพวกมัน ตามที่พวกมันเขียนเอาไว้ในสัญญาอยู่ในขณะนี้ (20-28% ต่อปี)

***หมายเหตุ***
- ดอกเบี้ยสำหรับบัตรเครดิต = 20% ต่อปี
- ดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล และ บัตรกดเงินสด = 28% ต่อปี


ถ้าคุณยังอยากเป็นลูกหนี้ชันดี โดยยอมผ่อนจ่ายตามสัญญาเหล่านี้ คุณก็ต้องก้มหน้ารับกรรมกับดอกเบี้ยชั่วๆที่ผิดกฎหมาย(เกินกว่าที่กฎหมานกำหนด)เหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ ไปจนกว่าจะหมดหนี้
แต่ถ้าเรื่องหนี้ไปอยู่ในมือของศาลแล้ว(ถูกฟ้องศาลแล้ว) ศาลก็จะเป็นผู้กำหนดให้ดอกเบี้ยที่จะคิดกันต่อไปหลังจากนี้ จะต้องไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ประมาณ 7.5-15% ต่อปี แล้วแต่ศาลจะเป็นผูพิจารณา)

แล้วคุณอยากได้ดอกเบี้ยแบบไหนล่ะ?

หากลูกหนี้ถูกอายัดเงินเดือนแล้ว ไอ้พวกบรรดาเจ้าหนี้ในรายหลังๆ มันก็จะเริ่มร้องไห้คร่ำครวญทันที เพราะมันเองก็ไม่รู้ว่าจะถึงคิวอายัดของมันเมื่อไหร่ จะต้องรอนานไปอีกกี่ปีจนกว่าจะถึงคิวของมัน หรือเผลอๆอาจต้องรอจนคดี"ขาดอายุความ"ในการอายัดเงินเดือนไปเลย ก็เป็นไปได้(อายุความ 10ปี ในการอายัดเงินเดือน จากที่ทำงานเก่าของลูกหนี้)

เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว...ไอ้เจ้าหนี้ในรายหลังๆหรือในคิวต่อๆไป มันก็จะรีบติดทำการติดต่อหาคุณในทันที เพื่อทำการ อ้อนวอน/ขอร้อง เพื่อให้คุณมาทำ Hair cut กับมันใหม่อีกครั้ง เพราะยังดีกว่ามาเข้าแถวรออายัดเงินเดือนอยู่แบบนี้ โดยไม่รู้ว่าจะต้องรอจนถึงเมื่อไหร่ แถมดอกเบี้ยในระหว่างที่รอคิวอยู่นี้ ก็ยังเป็นดอกเบี้ยในราคาถูกๆตามที่ศาลสั่งอีก ซึ่งมันไม่คุ้มค่ากันเลยกับการรอคอยแบบนี้
ดังนั้น...ราคา Hair cut สำหรับเจ้าหนี้ในรายหลังๆที่ต้องมารอคิวกันแบบนี้ จะไม่มีการพูดคุยตกลงกันที่ส่วนลด 50% กันอีกแล้วนะครับ

มันต้องเป็นราคาส่วนลดที่ตั้งแต่ 50% ขึ้นไป

โดยมีราคาส่วนลดอยู่ที่ประมาณ 60% , 70% , 80% (บางรายได้ถึง 90% ก็มี) ส่วนจะได้ที่เท่าไหร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคในการเจรจา และฝีปากของลูกหนี้เอง

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.478 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena