เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเงินเดือน

คือผมพยายามไล่อ่านกระทู้เก่าๆ มาเย่อะพอสมควรแล้วนะครับ แต่ยังมีข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องการยึดทรัพย์ หรือเงินเดือนอยู่อีก คือตอนนี้ผมได้รับหมายศาลเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ ของทาง ธ.ยูโอบี ปัจจุบันเลยกำหนดชำระเวลาตามที่ศาลแจ้งแล้ว จากนี้หากผมจะถูกอายัดบัญชีเงินเดือนหรือบัญชีอื่นๆ ซึ่งที่อ่านข้อมูลมาการอายัดบัญชีเงินเดือนจะสามารถอายัดได้ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน

ขอสอบถามเลยแล้วกันครับ ผมมีเงินเดือน 30,000 บาท แต่เงินที่เข้าบัญชีสุทธิจริงๆ หลังหักค่าหนี้สหกรณ์ ค่าหนี้เงินกู้ของบริษัทฯ ซึ่งเงินที่บริษัทฯ จ่ายเข้าบัญชีจริงๆ คือ 9,500 บาท แบบนี้ผมยังจะถูกอายัด 30% อีกหรือไม่ครับ เพราะสงสัยว่าเค้าดูจากว่าผมมีเงินเดือน 30,000 หรือ เงินเดือนคงเหลือสุทธิครับ

ยังไงรบกวนผู้มีประสบการณ์หรือข้อมูลตรงนี้ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ

การอายัดเงินเดือน ลูกหนี้จะถูกอายัดจากยอดเงินเดือนเต็ม

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=40192&Itemid=64

myload เขียน: จากนี้หากผมจะถูกอายัดบัญชีเงินเดือนหรือบัญชีอื่นๆ ซึ่งที่อ่านข้อมูลมาการอายัดบัญชีเงินเดือนจะสามารถอายัดได้ไม่เกิน 30%

เขาจะไม่อายัดผ่านบัญชีธนาคารที่เอาเงินเดือนเข้านะครับ
ทางบริษัทที่จ่ายเงินเดือนให้คุณจะเป็นผู้หัก และนำส่งกับกรมบังคับคดีครับ
หรือคุณจะขอนำส่งเองก็ได้ แต่ต้องให้ตรงเป๊ะๆ....ไม่งั้นเจ้านายคุณจะต้องรับผิดชอบครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
แบบนี้กรณีของผมแปลว่าจะต้องถูกอายัด 30% ของเงินเดืนน 30,000 บาท เท่ากับเค้าจะอายัด 9,000 บาท ทั้งๆ ที่ปกติบริษัทฯ จะหักเงินกู้ของบริษัทฯเองแล้วจะเหลือเข้าบัญชี 9,500 บาท เงินเดือนจะเหลือเข้าบัญชีผม แค่ 500 บาทเท่านั้นเหรอครับ

คุณอ่านลิงค์จบหรือเปล่าครับ....

เอาหลักฐานค่าใช้จ่ายผ่อนสหกรณ์ ค่าเลี้ยงดูบุตร บิดา มารดา ไปยื่นขอลดอายัด ให้เหลือ 15% ได้ครับ
แต่ต้องผ่านกระบวนการพินิจพิจารณาของเจ้าหน้าที่ครับว่าจะได้ลดเท่าไหร่

หนี้สหกรณ์ก็ให้เจรจาลดยอดชำระให้น้อยลง แต่ผ่อนยาวขึ้น หนี้บริษัทก็เช่นกันครับ...ต้องพูดคุยเจรจาครับ

ไขข้อข้องใจ “การอายัดเงินเดือน”
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64



ในอดีต...ผมเคยตอบไปในกระทู้เก่าว่า

การอายัติเงินเดือน จะคิดจาก "รายได้รวมทั้งหมด" ของในแต่ละเดือน เป็นจำนวน 30% จากรายได้ ณ.เดือนนั้นๆทันที โดยให้หัก 30% ก่อนทำการหักค่าใดๆ...เช่น ก่อนหักภาษี , ก่อนหักประกันสังคม , ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ... แต่ว่า เมื่อหักเงิน 30% นี้ไปแล้ว จะต้องเหลือเงินให้ลูกหนี้ไว้ใช้ยังชีพไม่น้อยกว่า 10,000.-บาท...โดยไม่สนใจว่าเงินที่เหลือจำนวนนี้ ลูกหนี้จะต้องนำไปจ่ายเป็น ค่าผ่อนรถ , ค่าผ่อนบ้าน , ผ่อนค่าเบี้ยประกันชีวิต , ผ่อนฯลฯ (หรือแม้กระทั่งผ่อนหนี้ให้กับใครก็ตาม)
ไม่สนทั้งสิ้น เพราะในทางปฏิบัตินั้น เขามองว่า ไอ้เงินจำนวน 10,000.-บาท ที่ทางกฏหมายเขาอุตส่าห์ออกไว้เป็น "กฏ" เผื่อให้ลูกหนี้ จำนวนนี้ เขาออกไว้เพื่อให้ลูกหนี้มีเงินไว้ใช้ให้เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต (ซื้อข้าวปลาอาหารกินประทังชีวิต) ในแต่ละเดือน เท่านั้น...ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้ลูกหนี้เอาเงินจำนวนนี้ไป ผ่อนบ้าน , ผ่อนรถ , ผ่อนสินค้า , ผ่อนค่าบริการ , ผ่อนทรัพย์สิน , ผ่อนหนี้สหกรณ์ หรือ ผ่อนหนี้ใดๆ

สรุปง่ายๆก็คือ เงินจำนวน 10,000.-บาทนี้ เขา"กัน"เอาไว้ให้...เพื่อให้ลูกหนี้เอาไว้ใช้สำหรับ ซื้อข้าวปลาอาหารกิน"กันอดตาย"...ไม่ใช่"กัน"เงินไว้ เพื่อเอาไปใช้หนี้ให้กับใคร

อ้างอิงข้อมูลจาก
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=21962&Itemid=64#22084