กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
TTTMO เขียน: สวัสดีครับ
ผมเป็นหนี้บัตรเครดิต 1 ใบ ของกรุงศรี ยอดเต็มประมาณ 37,000 บาท แต่ บ.กฏหมายเพิ่งโทรมาบอกว่า ยอดตอนนี้ 8 หมื่นกว่าบาท (ผมไม่ได้ชำระหลายปีแล้วครับ ตั้งแต่ทำงาน บ.เอกชน ตอนนี้ รับราชการทหารอยู่ครับ) อีกใบเป็น สินเชื่อส่วนบุคคลของซิตี้แบ๊งค์ ยอดเงินเต็ม 8 หมื่นกว่าบาท ตอนนี้จ่ายให้กับ บ.กฏหมายเดือนละ 1,500 บาท ทุกสิ้นเดือน (จ่ายมาประมาณ จะ 1 ปีแล้วครับ ว่าจะหยุดจ่ายแล้ว หลังจากที่ได้มาอ่านในเว็บนี้ เรื่องการจ่ายหยอด )
ผมมีคำถามดังนี้ครับ
1. ของบัตรกรุงศรี บ.กฏหมายเพิ่งติดต่อมา (ไม่รู้ว่าเอาเบอร์มาจากไหน) บอกว่าผมเป็นหนี้บัตรเครดิตกรุงศรี ยอด 8 หมื่นกว่าบาท ผมเลยบอกไปว่า ผมชำระให้กับ ซิตี้แบ๊งค์ อยู่เดือนละ 1,500 บาท จะให้ผมชำระให้กรุงศรีแบบซิตี้แบ๊งค์หรือเปล่า เพราะไม่มีเงินปิด เขาบอกว่าไม่ได้เพราะไม่ cover กับยอดหนี้ ผมก้อเลยบอกว่างั้นก้อดำเนินการไปตามปกติเลยครับ เค้าก้อบอกตกลงตามนั้น ผมขอปรึกษาดังนี้ครับ
เงินเดือนของผม เขาไม่สามารถอายัดได้ใช่ไหมครับ ?
ผมใช้สิทธิกู้ซื้อบ้านจากกองทัพบก เมื่อปี 2554 ยอดกู้ 650,000 บาท โดยโฉนดจำนองไว้กับกองทัพบก เขาจะไปทำการอายัดขายทอดตลาดใหม ? แล้วถ้าขายทอดตลาด เงินที่ขายได้ต้องจ่ายให้กับกองทัพบกก่อนใช่ใหมครับ (เจ้าหนี้บุริมสิทธิ) ? แล้วถ้าจะขายทอดตลาดจริงๆ ขายได้ไม่พอกับที่ต้องจ่ายกองทัพบก จะเป็นอย่างไร เขายังจะอายัดเพื่อขายใหม แล้วศาลจะมีแนวทางอย่างไรในกรณีนี้ ? แล้วผมควรทำอย่างไรดีครับ ?
โฉนดที่จำนองไว้นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณครับ เพียงแต่ติดจำนองเท่านั้นเอง เมื่อมีการฟ้องร้องบังคับคดี แล้ว จพง.บังคับคดี จะสืบหาทรัพย์สินของคุณว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง หากพบว่าคุณมีที่ดินที่ติดจำนองอยู่ จพง.บังคับคดี จะขายทอดตลาดหรือไม่ขึ้นกับดุลพินิจของ จพค.ครับ แต่ส่วนมากหากมองแล้วว่าไม่คุมค่าดำเนินการก็จะไม่ทำ ต้องรอให้ยอดหนี้ลดลงก่อน (หลังหักเจ้าหนี้ที่ได้รับสิทธิให้ชำระก่อน=บุริมสิทธิ) แล้วค่อยทำการขายทอดตลาด แต่กว่าจะถึงขั้นบังคับคดีก็อีกนาน คุณต้องถูกฟ้องก่อนแล้วในระหว่างฟ้องคุณสามารถจะเจรจาไกล่เกลี่ยได้ตลอด ทำไม? แบงค์ไม่รีบฟ้องลูกหนี้ที่ผิดนัด? ทวงให้เหนื่อยทำไม? มันมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว ดูสิครับคุณหยุดจ่ายมาตั้งหลายปี ทำไมถึงไม่ฟ้องสักที ก่อนจะคิดเรื่องการบังคับจำนองเอาเวลาไปเก็บเงินไว้รอเจรจาดีกว่านะครับ
2. ของสินเชื่อส่วนบุคคลซิตี้แบ๊งค์ ตอนนี้ผมจ่ายหยอด เดือนละ 1,500 บาท เป็นเวลาจะ 1 ปีแล้ว เคยถามเขาว่าต้องจ่ายไปถึงเมื่อไหร่ เขาก้อไม่บอก บอกว่าให้จ่ายไปเรื่อยๆ พอผมมาอ่านเจอในเว็บนี้ เลยว่าจะคุยกับเขาใหม่ ว่า ต้องการจ่ายแบบมีวันจบ เช่นทำสัญญาใหม่ ว่าจะให้ผ่อนเดือนละเท่าไหร่ เป็นระยะเวลากี่ปีก้อว่าไป ถ้าให้จ่ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมไม่จ่ายแล้วเพราะเงินเดือนก้อน้อย จ่ายไปถึงเมื่อไหร่ก้อไม่รู้ ผมควรจะพูดแบบนี้ดีใหมครับ ? หรือควรจ่ายไปเรื่อยๆ ก่อน ?
สัญญานรก! คุณคงอ่านกระทู้มาบ้างแล้ว การชำระ หรือจ่ายหยอดนั้นไม่เพียงแต่ต้นไม่ลด ยังเป็นการยืดอายุความไปอีก ทำให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ ถ้าคุณไม่จ่ายหยอดป่านนี้คดีคงหมดอายุความไปแล้วละครับ ผมขอแนะนำ หากคุณต้องการทำสัญญาประนีประนอมให้ไปทำที่ศาล หมายความว่าให้มันฟ้องก่อน แล้วค่อยไปศาลตามวันเวลานัด แล้วค่อยไปตกลงทำส.ประนีประนอมยอมความ แล้วปล่อยให้ศาลพิพากษาไปตามยอม (ตามส.ประนีประนอมยอมความ) จะดีกว่า เพราะเจ้าหนี้จะไม่มีทางเอาเปรียบคุณ หลักสำคัญของการทำส.ประนีประนอมนั้นคือยอดหนี้ต้องลดลงจากมูลหนี้เดิม ข้อเสีย หากคุณผิดนัด ส.ประนีประนอมยอมความในศาล (เน้นเฉพาะในศาล ไม่เกี่ยวกับทำ ส.นอกศาล) เจ้าหนี้ก็สามารถนำคำพิพากษาตามยอมนั้น ขอต่อศาลเพื่อออกหมายบังคับคดีต่อไป แต่ยังไม่ถูกยึดทรัพย์ไปซะทีเดียวยังเจรจาต่อรอง ร้องขัดทรัพย์ได้อีก มีเทคนิคอีกเยอะครับ อย่าไปกังวลเลยครับ แต่ขอเน้นเรื่องการไปศาลเมื่อถูกฟ้อง ห้ามขาดนัดโดยเด็ดขาด ขอให้โชคดีครับ
ขอบคุณมากครับ
วิสูตร (ทหารน้อยๆ)
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา