ขอคำปรึกษาเรื่องหนี้บัตรเครดิตค่ะ

คุณแม่เป็นลูกค้าบัตรเครดิตกรุงไทยค่ะ

วันนี้มีหมายศาลมาที่บ้าน ให้ไปศาลเพื่อไกล่เกลี่ย ให้การ และสืบพยาน สิ้นเดือน พ.ย. ๕๖

ฟ้องคุณแม่ เป็นจำเลยที่ ๑ และน้องชายเป็นจำเลยที่ ๒ (บัตรเสริม)

ในคำฟ้องระบุว่า จำเลยที่ ๑ มียอดค้างชำระ ๔,๐๙๑.๘๐ บาท (สี่พันเก้าสิบเอ็ดบาทแปดสิบสตางค์) ณ วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖ จะต้องชำระหนี้ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ จนถึงวันฟ้อง แต่ในใบแจ้งหนี้ที่ธนาคารส่งมาให้ กำหนดวันชำระไว้ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ และคุณแม่ไปชำระแล้วในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ยอดชำระนี้ ต้องชำระใหม่อีกหรือไม่คะ

มาถึงปัญหาสำคัญก็คือบัตรเสริมของน้องชายค่ะ
มีทั้งหมด ๓ ใบ

ใบแรก แบงค์แจ้งว่า ใช้บัตรครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๘ มิ.ย. ๕๕ ชำระหนี้ครั้งสุดท้าย ๒๕ พ.ย. ๕๕ ยอดหนี้ตอนนั้น ๒๘,๓๙๘.๐๗ (สองหมื่นแปดพันสามร้อยเก้าสิบแปดบาทเจ็ดสตางค์) ยอดปัจจุบัน ๓๕,๐๗๒.๓๗ (สามหมื่นห้าพันเจ็ดสิบสองบาทสามสิบเจ็ดสตางค์) เป็นเงินต้น ๒๗,๘๖๖.๐๔ บาท ดอกเบี้ย ๕,๖๐๑.๓๓ บาท ค่าธรรมเนียม ๑,๖๐๕ บาท

ใบที่สอง ใช้บัตรครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๕ ธ.ค. ๕๕ ชำระหนี้ครั้งสุดท้าย ๒๕ พ.ย. ๕๕ เงินต้น ๒๗,๗๑๑.๑๙ บาท(สองหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสิบเอ็ดบาทสิบเก้าสตางค์) ดอกเบี้ย ๕,๓๗๓.๓๖ บาท ค่าธรรมเนียม ๑,๖๐๕ บาท

ใบที่สาม ใช้บัตรครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๐ พ.ย. ๕๕ ชำระบัตรครั้งสุดท้าย ๔ ธ.ค. ๕๕ เงินต้น ๘๕,๑๓๗.๘๙ (แปดหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดบาทแปดสิบเก้าสตางค์) ดอกเบี้ย ๑๕,๕๒๔.๑๒ บาท ค่าธรรมเนียม ๑,๓๓๗.๕๐ บาท

เดิมน้องชายเป็นผู้รับเหมาเดินไฟฟ้าค่ะ แต่ตอนหลังมีปัญหาโดนโกงอะไรสักอย่าง ประกอบกับเรื่องลูกจ้างและสุขภาพด้วย ก็เลยเลิกทำไป ตอนนี้ เป็นตากล้องอิสระค่ะ รายได้ไม่แน่นอน ถ้าช่วงรับปริญญาก็งานเยอะหน่อย แต่ก็ไม่มากมายอะไร

ส่วนคุณแม่ เกษียณแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่มีรายได้ แต่บ้านที่อยู่กันตอนนี้ เป็นชื่อคุณแม่

และคาดว่าบริษัทบัตรเครดิตน่าจะพยายามติดต่อเข้ามาที่บ้านหลายครั้งแล้ว แต่โทรศัพท์ที่บ้านไม่มีเครื่องรับค่ะ ตอนหลังใช้สำหรับต่ออินเตอร์เนตอย่างเดียว ก็เลยไม่ได้มีการรับสาย

แต่ยังไงเสีย ตอนนี้หมายศาลก็มาถึงบ้านแล้วค่ะ คุณแม่เครียดมาก กลัวโดนยึดบ้าน ไม่รู้จะพูดกับศาลยังไง

อยากจะขอคำแนะนำท่านผู้รู้ค่ะ ว่าในวันที่ไปศาล ควรต้องทำยังไงดีคะ จะมีทางต่อรองอะไรได้บ้างไหม
ไอ้พวกดอกเบี้ย กับค่าธรรมเนียมเนี่ย จะขอความเมตตาศาลท่านลดทอนลงบ้างได้ไหมคะ เพราะที่จริงไอ้เงินต้นเนี่ย ก็บวกดอกเบี้ยมาไม่รู้กี่รอบบิลแล้วน่ะค่ะ

เงินก้อนก็ไม่มี ตอนนี้คุณแม่อยู่ด้วยเงินปันผลจากสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ทำงาน น่าจะได้ประมาณปีละไม่เกินแสน ซึ่งก็แทบจะไม่พอใช้อยู่แล้วค่ะ แล้วเขาจะไปยึดหุ้นสหกรณ์คุณแม่ด้วยไหมคะ

ถ้าสมมติว่าศาลตัดสินแล้ว ให้ชำระเงินเท่าไหร่ๆ หลังจากนั้นเราต้องไปตกลงกับบริษัทบัตรอีกครั้งใช่ไหมคะ ว่าจะชำระอย่างไร หรือว่าต้องชำระทีเดียวทั้งก้อนเลยคะ

ดิฉันอยากจะช่วยที่บ้าน แต่ตอนนี้ตัวเองก็มีหนี้สหกรณ์อยู่เกือบสองแสน จนใจจะหาเงินมาโปะให้เหมือนกันค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ

ให้โทรมาถามผมในรายการวิทยุ ตามนี้ได้เลยครับ

ประชาสัมพันธ์ : รายการ“ความรู้…สู้หนี้”
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40463&Itemid=64





หรือจะไปฟังการอบรมหนี้"ฟรี"ในวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2556 ก็ได้

กิจกรรมอบรมแก้ไขปัญหาหนี้ (ฟ​​รี) ที่ มพบ.ธันวาคม 2556
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40656&Itemid=64

ขอบคุณค่ะ ถ้าเผื่อยังไง จะรบกวนให้น้องชายโทรฮอทไลน์ไปตามเวลาที่ระบุไว้ที่เบอร์โทรศัพท์ได้ไหมคะ

อบรมวันที่ 1 ธ.ค. คงไม่ทันหมายศาลค่ะ หมายศาลท่านนัด 30 พ.ย.