ปัญหาหนี้ที่พัวพันยุ่งเหยิงมา มากกว่า 7 ปี ขอถามเป็นข้อ ๆ ค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวกับทางชมรมก่อนค่ะ เนื่องจากเรื่องค่อนข้างยาวและซับซ้อนจึงขออนุญาตเล่ารายละเอียด เพือให้เพื่อนในชมรมทราบ เพื่อจะได้เข้าใจคำถามที่เราจะถามต่อไปค่ะ เราชื่อฟ้าค่ะ อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาเดิมเป็นคนเชียงราย แต่ตอนที่เริ่มเป็นหนี้คือมาทำธุรกิจมือถือในจังหวัดเชียงใหม่ มีเจ้าหนึ้ทั้งหมด 4 เจ้าค่ะ คือ

1. อิออน เป็นบัตรกดเงินสด จำนวนหนี้ตอนหยุดส่งประมาน 20,000 บาท
2. ซิติแบงก์ เป็นบัตรเครดิต VISA จำนวนหนี้ตอนหยุดส่งประมาน 60,000 บาท
3. ซิติแบงก์ เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล จำนวนหนี้ตอนหยุดส่งประมาน 54,000 บาท
4. ไทธนาคาร เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล จำนวนหนี้ตอนหยุดส่งประมาน 53,000 บาท

--->>> เริ่มหยุดส่งประมาณปี พ.ศ. 2550 --->>> และในปีเดียวกันนั้นเราก็เลิกกิจการร้านมือถือ และได้ย้ายไปทำงานกับเพื่อนที่จังหวัดชัยภูมิ และย้ายชื่อตนเองไปอยู่ในทะเบียนบ้านของพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับเพื่อนของเราอีกทีหนึ่ง ซึ่งทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดชัยภูมิเช่นกัน ในปี --->>> พ.ศ. 2551 เราย้ายที่อยู่อีกครั้งเพื่อไปทำงานที่โคราชกับเพื่อนคนเดิม และไม่สามารถติดต่อกับเพื่อนของเพื่อนที่เป็นเจ้าบ้านที่เราไปอาศัยอีกเลย ทำให้พี่เจ้าบ้านคนนี้เค้าแจ้งย้ายชื่อเราออกจากทะเบียนบ้าน และทำให้ชื่อเราไปอยู่ในทะเบียนบ้านกลางที่เทศบาลเมืองชัยภูมิค่ะ (เพิ่งมาทราบเมือเดือนกันยายนที่ผ่านมาค่ะเนื่องจากบัตรประจำตัวประชาชนหาย เลยไปขอทำบัตรใหม่ และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบค่ะ ว่าทำบัตรใหม่ที่สมุทรปราการไม่ได้ ) เหตุการณ์นี้เลยนำมาสู่เรื่องราวที่ยุ่งเหยิงอีกมากมาย ซึ่งกำลังจะเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้ทราบ พร้อมทัั้งขอคำปรึกษาค่ะ --->>> พอเราย้ายมาทำงานที่โคราชได้สองปี เราก็ย้ายที่อยู่อีกครั้งคะ โดยเรามาอาศัยบ้านเพื่อนที่จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกันนี้เราก็ได้สมัครงานที่บริษัทเอกชน และได้เข้าทำงาน ตอนนี้พอเรามาทำงานบริษัทเอกชน เจ้าหนี้เลยสามารถหาข้อมูลเราได้ค่ะ ขอสารภาพตามตรงค่ะว่า เวลาที่ผ่านมาเราหลบลี้จากเจ้าหนี้มาตลอด 7 ปี โดยไม่ให้เจ้าหนี้ติดต่อได้เลย โดยการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พอมาวันนี้เราได้ศึกษาจากชมรมนี้ ยอมรับว่าส่วนตัวเองถึงกับอึ้งไปเลยเหมือนกัน เนื่องจากว่าที่เราทำลงไปนั้นเหมือนกับการฆ่าตัวเองเลยทีเดียวก็ว่าได้
เหตุการณ์ตอนนี้คือหนี้ของไทยธนาคารได้ถูกฟ้องไปแล้วตั้งแต่ปี 2551 จำนวนที่ฟ้องคือ 52,631.41 พร้อมกับดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนับจากวันฟ้องซึ่งรวมเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่ศาลสั่งให้เราจ่ายคือ 67,430.42 บาท และเราเพิ่งทราบจากหมายจากรมบังคับคดีเพื่ออายัดเงินเดือน ได้รับหมายบังคับคดีวันที่ 29/10/2556 ค่ะ

ส่วนหนี้อีก 3 ตัวที่เหลือ ตัวเราเองขอสารภาพเลยว่าเราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหนี้พวกนี้อยู่ในมือแล้ว
และเมื่อตอนประมาณเวลาก่อนเที่ยงของวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ จากสำนักงานกฏหมายเชษฐ คอลเลคชั่น เมเนจเมนท์ โทรมาหาเรา และได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องหนี้บัตรเครดิตซึ่งเราหยุดจ่ายไป 7 ปีแล้วจำนวนเงินแสนกว่า เราตกใจมากค่ะ ซึ่่งเราเองได้ถามเพื่อความแน่ใจจากเจ้าหน้าที่ว่าหนี้คือหนี้ตัวไหนเจ้าหน้าที่ย้ำว่าบัตรเครดิต VISA ค่ะไม่ใช่สินเชื่อส่วนบุคคลหรือโลน ซึ่งหนี้ตัวนี้ล่าสุดดิฉันจำได้ว่าเคยเชคกับทางซิตี้แบงก์แล้วตอนปี 54 แต่รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่ายังไม่ฟ้อง เหตุเพราะชื่อของเราอยู่ในทะเบียนบ้านกลาง แล้วตอนนนี้อยู่ดีดี บอกว่ายอดแสนกว่า แต่ไม่ได้บอกว่าฟ้องแล้วหรือไม่อย่างไร และพอเราถามถืงสินเชื่อส่วนบุคคลหรือโลน เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าเค้าไม่ได้มีหน้าที่ติดตามหนี้ตัวนี้ เค้ามีหน้าที่ให้ตามแค่ตัวเดียวตอนนี้ตัวเราเองเลยกังวลใจค่ะ ว่าจะเริ่มต้นทำอย่างไรดีกับข้อมูล เพราะข้อมูลหนี้พวกนี้ในมือเราไม่มีเลย และเราจะเชคได้อย่างไรคะว่าศาลนัดหรือเปล่า เพราะตัวเราเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลาง เวลาหมายมาเราจะทราบได้อย่างไร และควรเริ่มต้นทำอะไรบ้างในตอนนี้

ขอเรียนปรึกษาด้วยค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

หนี้ที่โดนฟ้องแล้ว และมีหมายบังคับคดีมาแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้อายัดเงินเดือนไป ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 3 ตัว น่าจะหมดอายุความฟ้องแล้ว ลองเช็คดูดีๆครับ

หนี้ที่โดนฟ้องแล้ว และมีหมายบังคับคดีมาแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้อายัดเงินเดือนไป ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 3 ตัว น่าจะหมดอายุความฟ้องแล้ว ลองเช็คดูดีๆครับ



ขอบพระคุณคุณเก่งมากค่ะ

พอดีเรากังวลใจเรื่องคดีที่ยังไม่ฟ้องค่ะ และประกอบกับเราอยู่ทะเบียนบ้านกลาง
เลยกังกลใจเกี่ยวกับการหมายศาลว่าจะทราบได้อย่างไรว่าเจ้าหนี้ได้ฟ้องแล้ว
แต่ตอนนี้เราได้รับคำตอบแล้วค่ะ พอดีเราเช็คไปที่ศาลจังหวัดชัยภูมิ โชคดีที่เจอ
เจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับการเช็คข้อมูลคดีรับโทรศัพท์ใจดีน่ารักมากค่ะ เจ้าหน้าที่อธิบาย
ให้ฟังว่า การที่เจ้าหนี้จะฟ้องเราเกี่ยวกับคดีผู้บริโภค ยังไงก็ต้องส่งฟ้องตามภูมิลำเนา
ตามทะเบียนราษฐของเราเสมอ เพราะฉะนั้นการที่เราอยู่ในทะเบียนบ้านกลาง หมายศาล
ก็ย่อมส่งไม่ได้ ฉะนั้นการที่เค้าจะฟ้องได้ก็ต้องประกาศหนังสือพิมพ์วิธีเดียวค่ะ และ
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังอนุเคราะห์เช็คข้อมูลคดีจากชื่อตัวและนามสกุลให้อีกด้วยค่ะ
ปรากฏว่าอีก 3 เจ้ายัง้ไม่ได้ทำการฟ้อง และเจ้าหน้าที่ยังแนะนำให้ย้ายชื่อออกจาก
ทะเบียนบ้านกลางอีกด้วยค่ะ เพื่อว่าถ้ามีการฟ้องหลังจากนี้ เราจะได้ทราบวันที่ศาลนัด
และจะได้สามารถคัดค้านการฟ้องเรื่องขาดอายุความได้อีกด้วยค่ะ
ค่อยโล่งใจมาอีกเปราะหนึ่งนะคะ


ขอบพระคุณสำหรับคำตอบนะคะ