หมายศาลอิสลามมาแล้ว ขอถามเรื่องคนค้ำคะ

เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

ได้เข้ามาอ่านนานแล้ว เพราะหยุดจ่ายได้ปีกว่าแล้ว และแล้วหมายศาลแรกของอิสลามก็มาคะ

แต่พยายามหาข้อมูลเก่าๆ เรื่องคนค้ำประกัน แต่ก็เป็นคำตอบที่ไม่ค่อยชัดเจน เลยขอรบกวนสอบถามอีกรอบคะ

ยอดหนี้ 2 แสนกว่า รวมดอกเบี้ย ก็ประมาณ 3 แสน
ขอถามว่า

1. วันขึ้นศาล คนค้ำประกันไม่ต้องไปได้หรือเปล่า
2. มีวิธีตกลงไกล่เกลี่ยอย่างไรได้บ้าง ที่จะไม่ให้คนค้ำเดือนร้อน
3. ตอนนี้ตกงาน ไม่มีเงินเดือน ถ้าไกล้เกลี่ย ขอจ่ายเดือนละ 2 พัน จะเป็นไปได้หรือเปล่า
4. คนค้ำก็ติดแบ็คลิสต์ ถูกอายัดเงินเดือนคดีบัตรเครดิตของเค้าเองเหมือนกันคะ

คือไม่อยากให้คนค้ำต้องเข้ามาเดือนร้อนด้วยเลย อยากจะชำระหนี้เอง แต่กลัวว่าตอนไกล่เกลี่ยแล้วตกลงไม่ได้
ขอคำตอบเพื่อเป็นแนวทางคะ

ขอบคุณล่วงหน้าคะ

nattakan เขียน: เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

ได้เข้ามาอ่านนานแล้ว เพราะหยุดจ่ายได้ปีกว่าแล้ว และแล้วหมายศาลแรกของอิสลามก็มาคะ

แต่พยายามหาข้อมูลเก่าๆ เรื่องคนค้ำประกัน แต่ก็เป็นคำตอบที่ไม่ค่อยชัดเจน เลยขอรบกวนสอบถามอีกรอบคะ

ยอดหนี้ 2 แสนกว่า รวมดอกเบี้ย ก็ประมาณ 3 แสน
ขอถามว่า

ผู้ค้ำประกันต้องยอมรับผิดเสมือนเป็นลูกหนี้ร่วม หากผู้ค้ำประกันของคุณดูแล้วมีฐานะดีกว่าลูกหนี้ ก็ไม่สามารถห้ามเจ้าหนี้ไปบังคับเอากับผู้ค้ำประกันได้ครับ ผู้ค้ำประกันจะปฎิเสธไม่ชำระหนี้โดยอ้างให้เจ้าหนี้ไปบังคับเอากับทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อนก็ไม่ได้เช่นกันครับ อย่างนี้เขาเรียกว่า เนื้อไม่ได้กินเอากระดูกมาแขวนคอ เพราะฉะนั้นจะไปค้ำประกันให้ใครโปรดคิดให้ดีๆครับ

1. วันขึ้นศาล คนค้ำประกันไม่ต้องไปได้หรือเปล่า ดูที่หมายศาลว่าโจทก์ฟ้องเฉพาะคุณ หรือฟ้องผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยร่วมหรือไม่?
2. มีวิธีตกลงไกล่เกลี่ยอย่างไรได้บ้าง ที่จะไม่ให้คนค้ำเดือนร้อน ถ้าคุณตกลงกับเจ้าหนี้ได้ ผู้ค้ำประกันก็ไม่เดือดร้อนครับ
3. ตอนนี้ตกงาน ไม่มีเงินเดือน ถ้าไกล้เกลี่ย ขอจ่ายเดือนละ 2 พัน จะเป็นไปได้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้
4. คนค้ำก็ติดแบ็คลิสต์ ถูกอายัดเงินเดือนคดีบัตรเครดิตของเค้าเองเหมือนกันคะ ถ้าหากตกลงกับเจ้าหนี้ไม่ได้จริงๆ คนค้ำก็ต้องมารับผิดเสมือนลูกหนี้ร่วมครับ จะติดแบ็คลิสต์ ถูกอายัดเงินเดือน เจ้าหนี้ไม่สนใจหรอกครับ ในที่สุดก็ต้องตามสืบทรัพย์ที่มีเพื่อบังคับคดีต่อไป ส่วนเรื่องอายัดเงินเดือนนั้นเจ้าหนี้อายัดได้ทีละรายไม่ต้องกังวลว่าจะไปอายัดเพิ่ม

คือไม่อยากให้คนค้ำต้องเข้ามาเดือนร้อนด้วยเลย อยากจะชำระหนี้เอง แต่กลัวว่าตอนไกล่เกลี่ยแล้วตกลงไม่ได้
ขอคำตอบเพื่อเป็นแนวทางคะ

ขอบคุณล่วงหน้าคะ

ขอบคุณมากๆ คะ สำหรับคำตอบเพื่อเป็นแนวทาง ตอนนี้ก็ไม่อยากคิดอะไรมาก รอเวลาขึ้นศาลและหาวิธีเพื่อขอใกล้เกลี่ยกับเจ้าหนี้ให้ได้

ส่วนคนค้ำก็ใจดีมาก บอกว่าไม่เป็นไรให้เราลองไปไกล่เกลี่ยก่อน ไม่ต้องกลัว แต่เค้าขอไม่ไปขึ้นศาลด้วย รอฟังข่าวอย่างเดียวคะ

แล้วจะมา update หลังขึ้นศาลให้ฟังนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งคะ

รบกวนสอบถามด้วยคะ

เหตุการวันไปขึ้นศาล - หลังจากที่มีการพิจารณาคดีไปแล้ว 1 คดี ศาลท่านก็ยืนขึ้นและพูดว่า "มีใครสงสัยหรือมีคำถามอะไรเพิ่มเติมอีกมัย" คนที่นั่งอยู่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ท่านก็เดินลงไปเลย ในใจเราก็คิดว่า ท่านถามทำไม แล้วมันหมายความว่ายังงัย แล้วท่านเดินไปไหน แล้วเมื่อไรจะมา แล้วทำมัยไม่เห็นมีใครเรียกชื่อเรา งงเลย ก็เดินไปถามเค้าบอกว่าท่านกลับไปแล้ว

คือเรางงมาก เพราะตอนที่เข้าไปในห้อง ก็เดินไปคุยทนาย และเดินไปแจ้งคนที่นั่งอยู่หน้าศาลแล้วว่า ขอให้ศาลท่านพิจารณาคดีให้

แต่สรุปว่าท่านกลับไปแล้ว รู้สึกโกรธตัวเองมากที่ปากหนักและไม่ยกมือ คือตอนนั้นยอมรับว่าไม่เข้าใจคำถามจริงๆ ทำให้เสียใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะคำตัดสินออกมาให้จ่ายหนี้ทั้งหมดตามที่เจ้าหนี้ฟ้อง

โทรไปที่อิสลามขอต่อรองเรื่องการผ่อน แต่เค้ายืนยันให้จ่ายเดือนละ 3,300 และต้องชำระล่วงหน้า 3 เดือนก่อนพร้อมค่าทนายอีก 12,930 บาท รวมเป็น 22,830 บาท สำหรับเรามันเยอะมาก จะไปหาเงินก้อนที่ไหนมาให้ ยอดผ่อนก็เยอะ ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะผ่อนไหวหรือเปล่า

ลอง search หาข้อมูลในเนตแล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูลที่ตรงประเด็นเลยคะ อยากสอบถามเพื่อนๆ สมาชิกว่า

1. หากถูกบังคับคดี เราจะถูกอายัดเงินเดือนคนเดียว หรือเจ้าหนี้จะตามไปอายัดเงินเดือนผู้ค้ำด้วย
2. ถ้าผู้ค้ำมีบ้าน จะถูกยึดทรัพย์ด้วยหรือเปล่า

คืออยากทราบขั้นตอนการพิจารณายึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนกรณีที่มีผู้กู้ด้วยคะ ว่าเข้าจะยึดทรัพย์ผู้ค้ำเลยหรือเปล่า หรือว่าจะอายัดเงินเดือนผู้กู้อย่างเดียวแล้วจบเลย

ใจเราอยากให้อายัดเงินเดือนเราคนเดียว แล้วให้เรื่องมันจบอะคะ

รบกวนผู้รู้ด้วยนะคะ
ขอบคุณคะ

ถ้าเรื่องไปถึงชั้นศาล(ถูกฟ้องแล้ว)
- ผู้กู้ จะถูกฟ้องให้เป็นจำเลยที่1
- ผู้ค้ำประกันจะถูกฟ้องให้เป็นจำเลยที่2 และ จำเลยที่3 (หากมีผู้ค้ำประกันสองคน)

โดยส่วนมากศาลจะพิพากษาว่า ให้จำเลยที่1 จำเลยที่2 และจำเลยที่3 ต้องชำระหนี้ร่วมกัน
หมายความว่า หากจำเลยที่1(ผู้กู้)ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามคำพิพากษา ก็จะบังคับให้จำเลยที่2 และจำเลยที่ 3(ผู้ค้ำประกัน) ต้องเป็นผู้ชดใช้หนี้ทั้งหมด แทนจำเลยที่1

และถ้าหากจำเลยที่2 และจำเลยที่3 ยังไม่ยอมชดใช้หนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวอีก
โจทก์สามารถยิ่นเรื่องต่อกรมบังคับคดี ให้ทำการ ยึด/อายัด ทรัพย์ใดๆก็ได้ ของจำเลยที่2 และจำเลยที่3 (เงินเดือน , ทรัพย์สินภายในบ้าน , ที่ดิน , รถยนต์ต่างๆ) ที่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่3 มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ เข้าสู่ตลาดขายประมูลทรัพย์ของกรมบังคับคดี เพื่อนำมาชำระหนี้ในคดีดังกล่าว โดยไม่สนว่าทรัพย์นั้นๆ จะผ่อนอยู่หรือติดจำนองก็ตาม...สามารถยึดได้ตามกฎหมาย

กล่าวคือ ทางฝ่ายเจ้าหนี้(โจทก์)สามารถไปเล่นงานยึดทรัพย์กับใครก็ได้ ที่เป็นจำเลยในคดีนี้ทุกคน ไมว่าจะเป็น จำเลยที่1 จำเลยที่2 หรือ จำเลยที่3 ก็ตาม (เล่นงานคนไหนได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วกว่า ก็เอามันคนนั้นแหละ หรืออาจเล่นงานพร้อมๆกันหมดทั้งสามคนเลยก็ได้ เพราะโจทก์มีสิทธิ์กระทำได้ตามกฎหมาย)

ขอบคุณมากคะ สำหรับข้อมูล ก็คงต้องคิดหาทางออกกันต่อไปคะ

ผมก็หยุดอิสลามไปเหมือนกัน ยอดประมาณ 2 แสน หยุดไปประมาณ 1 ปี
เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ แระ เพราะเงียบไปนานมาก ไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาเลย