หยุดเพื่อตั้งรับ และ ขอคำแนะนำ ค่ะ

ต้องขอขอบคุณ เวป นี้อย่างมาก ที่ได้ให้ความรู้ และทางสว่าง พร้อมทั้งได้รู้ข้อกฎหมาย ที่บางกฎหมายเราไม่เคยรู้ และ “เกือบ” ต้องพูดว่า “เกือบ” เซ็นสัญญาด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวเอง เกือบพาครอบครัวพัง หลังจากได้อ่านกระทู้ของหลายๆ ท่านโดยอ่านมาได้ประมาณ 4-5 วัน (18 มีค – 22 มีค 56) ทำให้เกิดกำลังใจในการที่จะปลดหนี้บัตรต่างๆ ซึ่งเกิดจากความใจดี ใจอ่อน หน้าใหญ่ปฏิเสธใครไม่เป็น มีปัญหาคิดว่าตัวเองสามารถแก้ได้ กลัวการทะเลาะกับสามีตัวเองโดยที่ไม่กล้าพูดความจริงกลัวทุกอย่าง โดยคิดเสมอว่า คนอื่นเดือดร้อนเรายังช่วยได้ แต่ถ้าเราเดือดร้อนคงมีใครซักคนที่สามารถช่วยเราได้ แต่ในทางความเป็นจริงคือ เราต้องช่วยตัวของเราเองก่อน ดังนั้น เมื่อเงินไม่พอใช้ก็ก่อหนี้โดยการสมัครบัตรเครดิตต่างๆ พอบัตรใบแรกผ่าน ใบต่อๆ มาก็ตามมา ด้วยความอยากได้ อยากมี +กับการใช้เงินอย่างไม่ระมัดระวัง เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย เฮไหน เฮนั่น มีมากจ่ายมาก มีน้อยจ่ายน้อย หรือบางครั้งไปทั้งๆ ที่ไม่มี แล้วค่อยไปจ่ายทีหลังซึ่งจะเป็นแบบนี้มาตลอดและมันก็จะเป็นหนี้สะสม ไปเรื่อย ใบที่ 1 เต็มเอาใบที่ 2 มาจ่ายใบที่ 1 พอใบที่ 2 เต็ม ก็เอาใบที่ 3 มาจ่าย หมุนใบนู้นมาจ่ายใบนี้ ซึ่งในการจ่ายแต่ละใบ ส่วนใหญ่จะเป็นการจ่ายขึ้นต่ำทั้งนั้นโดยทำแบบนี้ไปเรื่อย โดยไม่มีการจด รายการใช้จ่าย ว่าใช้อะไรไปบ้าง มีเท่าไหร่ จ่ายหมด หรือ ถ้าไม่หมด ก็จะเหลือบ้างนิดหน่อย ซึ่งไม่พอๆ ไม่พอก็จะไปกดจากที่เราจ่ายเข้าไป จะเป็นแบบนี้เสมอๆ
เงินเดือน อยู่ที่ 18,500 หัก ประกันสังคม 600 หัก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 365 คงเหลือ ต่อเดือน 17,535 ซึ่งจำนวนเงินที่เหลือนี้ยังไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
หนี้สินที่มีทั้งหมด มีดังนี้
Non Bank
1. บัตร UOB แคชพลัส ประเภทหนี้ กดเงินสด ยอด ณ วันที่ 10 มี.ค. 56 = 16,199.-
2. บัตร UOC เรดดี้ ประเภทหนี้ บัตรเครดิต ยอด ณ วันที่ 07 มี.ค.56 = 30,693.43
3. บ.เฟิร์สช้อย ประเภทหนี้ บัตรเครดิต ยอด ณ วันที่ 18 มี.ค.56 = 49,63500.- (ไม่ชำระมา 1 งวด)
4. บ. AEON ประเภทหนี้ บัตรเครดิต ยอด ณ วันที่ 18 มี.ค.56 = 45,300
5. บ.เทสโก้โลตัส ประเภทหนี้ บัตรเครดิต ยอด ณ วันที่ 18 มี.ค.56 =24529.19
6. น้องชาย = 19,000 บาท
7. โรงรับจำนำ
a. แหวนเพชร 1 วง 10 ตัง = 3,000
b. สร้อยข้อมือ 2สลึง (7.5กรัม) = 7,200
c. สร้อยคอ 2 สลึง (7.5กรัม) = 8,000
d. สร้อยคอ 2 สลึง (7.5 กรัม) = 10,000
e. สร้อยคอ 1 บาท (15กรัม) = 22,000
f. สร้อยคอ 2 บาท (30กรัม) = 43,000
Bank
1. ธ. ทหารไทย ประเภทหนี้ บัตรเครดิต = 60,521.14
2. ธ.กสิกรไทย ประเภทหนี้ บัตรเครดิต = 29,576.69 (ไม่ชำระมา 1 งวด)
3. ธ.อิสลาม แบ่งเป็น
a. สินเชื่ออเนกประสงค์ = 99,537.78 ยอด ณ วันที่ 22 มี.ค.56
b. สินเชื่อเพี่อปิดบัตรเครดิต = 119,202.76 ยอด ณ วันที่ 22 มี.ค 56
รวมหนี้สิ้น ทั้งหมด ณ เดือน มีนา 56 = 587,859.69 บาท
แนวทางในการแก้ปัญหา คือ
1. ทำการตัดบัตรทุกรายการ (เพื่อป้องกันตนเอง เอากลับมาใช้ใหม่)
2. ทำบัญชี รายรับ รายจ่าย รายการหนี้สิน เพื่อจะได้วางแผนว่า ค่าใช้จ่ายต่อเดือน เป็นเท่าใด
3. เมื่อรู้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนสิ่งไหนจำเป็น ไม่จำเป็น ตัดออกก็เริ่มเก็บเงินเพื่อให้ได้เงินก้อน เพื่อที่จะได้ชำระหนี้ บางรายการที่สามารถพอที่จะสามารถชำระได้โดยการ ขอ HC
4. รวบรวมเงินเพื่อไถ่ทองออกและขายเพื่อนำเงินสดเก็บไว้รวบรวมเพื่อให้ได้เงินก้อน เพื่อขอ HC
จากรายการหนี้ทั้งหมด ที่หยุดจ่ายบางรายการไปแล้ว
1. ธ. อิสลาม หยุดจ่ายไป ตั้งแต่เดือน ก.ค. 55 และเมื่อเดือน ธ.ค มีเจ้าหน้าที่โทรมาให้ไปทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ (พูดง่ายๆคือสัญญานรก) แต่ยังถือว่าโชคดีเพราะก่อนที่จะเซ็นสัญญาปรับโครงสร้างนี้นั้น ทาง ธนาคารอิสลาม จะให้เราเข้าไปแจงรายละเอียดว่าจะให้เราจ่ายกี่บาทต่อเดือน ธนาคารก็ให้เราเอาเงินเข้าแบงค์ไว้ก่อนๆ ที่จะให้ไปเซ็นสัญญาและจะโทรมาแจ้งให้เราไปเซ็นสัญญาอีกรอบ ด้วยความที่ไม่แน่ใจ วันนี้ (22 มี.ค 56) เลยโทรเข้าไปถามที่ธนาคารอีกรอบ ว่าเราต้องจ่าย กี่งวด กี่เดือน และยอดเท่าไหร่ แน่ๆ จึงได้โทรถาม ได้ความว่า “ยอดเงินที่เราเอาเข้าไปนั้น (ณ วันที่เราเข้าไปแจงรายละเอียด ธนาคาจะให้เราเอาเงินเข้าบัญชีเลย) ยังไม่มีการเซ็นสัญญา การปรับโครงสร้างหนี้แต่อย่างใด เนื่องจากทางธนาคารขอดูยอดที่เราเอาเงินเข้าอย่างน้อย 3 เดือน ......... ซึ่งเราได้จ่ายไป เดือน ธค 55 . ที่เข้าไปแจงรายละเอียด ธนาคารจะให้เอาเงินเข้าเลย และ มกรา 56 ส่วน กุมภา หยุดจ่าย .....
2. บ.เฟิร์ทช้อย (เริ่มแล้ววันที่ 20 มีค 56 โทรมาให้ไปจ่ายก่อน 1 งวด) ไม่ได้จ่ายของเดือน กุมภา และเดือนมีนากำลังจะตัดรอบบิล
3. ธ.กสิกร (เริ่มแล้ววันนี้ (22 มีค 56) โทรมาให้ไปจ่ายก่อน 1 งวด) ไม่ได้จ่ายของเดือน กุมภา และเดือนมีนากำลังจะตัดรอบบิล

ขอถามและขอคำแนะนำค่ะ

จากรายการหนี้ทั้งหมด ที่หยุดจ่ายบางรายการไปแล้ว
ธ. อิสลาม หยุดจ่ายไป ตั้งแต่เดือน ก.ค. 55 และเมื่อเดือน ธ.ค มีเจ้าหน้าที่โทรมาให้ไปทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ (พูดง่ายๆคือสัญญานรก) แต่ยังถือว่าโชคดีเพราะก่อนที่จะเซ็นสัญญาปรับโครงสร้างนี้นั้น ทาง ธนาคารอิสลาม จะให้เราเข้าไปแจงรายละเอียดว่าจะให้เราจ่ายกี่บาทต่อเดือน ธนาคารก็ให้เราเอาเงินเข้าแบงค์ไว้ก่อนๆ ที่จะให้ไปเซ็นสัญญาและจะโทรมาแจ้งให้เราไปเซ็นสัญญาอีกรอบ ด้วยความที่ไม่แน่ใจ วันนี้ (22 มี.ค 56) เลยโทรเข้าไปถามที่ธนาคารอีกรอบ ว่าเราต้องจ่าย กี่งวด กี่เดือน และยอดเท่าไหร่ แน่ๆ จึงได้โทรถาม ได้ความว่า “ยอดเงินที่เราเอาเข้าไปนั้น (ณ วันที่เราเข้าไปแจงรายละเอียด ธนาคาจะให้เราเอาเงินเข้าบัญชีเลย) ยังไม่มีการเซ็นสัญญา การปรับโครงสร้างหนี้แต่อย่างใด เนื่องจากทางธนาคารขอดูยอดที่เราเอาเงินเข้าอย่างน้อย 3 เดือน ......... ซึ่งเราได้จ่ายไป เดือน ธค 55 . ที่เข้าไปแจงรายละเอียด ธนาคารจะให้เอาเงินเข้าเลย และ มกรา 56 ส่วน กุมภา หยุดจ่าย .....


ตามความเข้าใจของตัวเอง นี่คือ ยังไม่ถือว่าเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ หรือเปล่า คะ

ส่วนสภาพคล่องทางการเงิน ณ ปัจจุบัน ติดลบเดือนนึงร่วม 3 หมื่น จากหนี้สินทั้งหมด

จากที่อ่านดู พี่มีการศึกษาและทำการบ้านมาบ้างแล้ว

ดีมากกครับ

ส่วน สัญญา นรก ถ้า พี่ยังไม่ได้เซ็น เอกสาร ก็ยังไม่มีผลอันใด รับ


สามารถไปศึกษารายละเอียดเรื่อง"สัญญา นรก"

เพิ่มเติมได้ที่กระทู้ ตามใน Link นี้

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=6343&Itemid=29


พี่ศึกษาแนวทางปฏิบัติของชมรมแล้วนำไปประยุกตืใช้เลยนะครับ อ่านประสบการณ์ท่านอื่นด้วยจะได้มีวิธีรับมือในสถานการณ์ต่าง ๆ สู้ ๆ คร้าบบบบ

ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ เพราะกังวลจริงๆ สำหรับ หนี้อิสลาม
และจะนำคำแนะนำหรือประสบการณ์ ของพี่ๆ เพื่อนๆ ในสมาชิกนี้ไปเป็นแนวทางในการรับมือ เจ้าหนี้

เป็นกำลังใจให้นะครัย

ขอความรู้เรื่อง การกู้ไขว้ ค่ะ.....

Update ค่ะ

จากยอดหนี้ที่หยุดจ่าย ณ วันนี้ได้ทำการปิดยอดได้แล้ว 1 ใบ คือ เฟิร์ทช้อยค่ะ

ยอดที่หยุด 56,926.77

ปิดได้ที่ 19,000.00

เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่เริ่มหยุดด้วยคะ

แห่ะๆ บอกตัวเองด้วย