คดี บัตรกรุงไทย นัดไกล่เกลี่ย รอบที่ 2

เรียน สอบถามผู้รู้ครับ

KTC ผมมี 2 บัตร คือ เครดิต+กดเงิน เมื่อต้นปี 54 ได้ทำสัญญาไว้ดังนี้

เครดิต ผ่อนจ่าย 12 งวด ๆที่ 1-11 งวดละ 3000 บาท งวดสุดท้าย 37000 (ม.ค.54-ธ.ค.54)
กดเงิน ผ่อนจ่าย 40 งวด ๆละ 1000 บาท (ม.ค.54-เม.ย.57)

ในสัญญามีข้อความว่าหากผิดนัดชำระให้ถือว่าสัญญาเป็นการยกเลิก (แต่ไม่ได้ระบุว่าสัญญาใดสัญญาหนึ่ง) เรื่องก็คือว่า ผมส่ง ของเครดิต ไป 11 งวด งวดสุดท้าย 37000 (ธ.ค.54) ผมไม่ได้ส่ง แต่ของกดเงินผมยังคงส่งเรื่อยมาจนถึง พ.ย.55 (23 งวด) เดือน ธ.ค.55 ผมโดนฟ้อง ยอดเงินรวม 124000 บาท เป็นการรวมสองสัญญา และนัดไกล่เกลี่ยในวันที่ 14 ก.พ.56 ที่ผ่านมา ผมก็ได้ไปตามนัด ทนายยื่นข้อเสนอ ผ่อน 3 ปี ปีที่ 1 ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1500 บาท ปีที่ 2 ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 3000 บาท และ ปีที่ 3 ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4000 บาท ผมก็ถือสัญญาที่เคยทำไว้ แล้วถามทนายว่าตัวบัตรกดเงินที่ผมยังส่งอยู่จนถึงเดือน พ.ย.55 ยังมีผลอยู่มั้ย ทนายบอกว่าสัญญาที่ทำไว้ตอนนั้น เป็นของเอ้าซอท ที่ได้เลิกจ้างไปแล้ว ต้องขอตรวจสอบก่อน จึงให้ผมสแกนสัญญาไปให้เจ้าหน้าที่ของบัตรกรุงไทย แล้วเลื่อนนัดไกล่เกลี่ยเป็นต้นเดือนมี.ค.56 ระหว่างนี้ผมก็ได้ติดต่อเพื่อหาข้อสรุปกับทางเจ้าหน้าที่ที่ผมส่งเอกสารไปให้ ล่าสุด ได้ข้อสรุปว่า สัญญา ไม่มีผลเพราะผมผิดสัญญา ยอดฟ้องยังคงเดิม แล้วแนะนำ ให้ผมไปแถลงต่อศาลแล้วให้ศาลตัดสินในวันที่ไปศาล อยากทราบว่ากรณีเช่นนี้
1. สัญญา ที่จริงแล้วอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ยังมีผลแต่เค้าฟ้องไปแล้วเลยให้ศาลตัดสินดีกว่า หรือว่าผมผิดจริงและสัญญานั้นไม่มีผลไปแล้ว (เพราะระหว่างที่ผมส่งตัวบัตรกดเงิน ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมายกเลิกสัญญาแต่อย่างใด) อยากทราบแค่นั้นเพราะผมเข้าใจว่าแยกสัญญากัน ตัวเครดิต ผมยอมรับ แต่ตัวกดเงินผมยังคงส่งไม่ขาด จนโดนฟ้อง
2. ผมควรให้ศาลตัดสิน ตามคำแนะนำหรือไม่ (ไม่แน่ใจถ้าศาลตัดสิน อาจจะได้ลดยอดลงบ้าง แต่การชำระ จะเป็นในระยะสั้น หรืองวดเดียวจบหรือเปล่า หรือถ้าตัดสินแล้วจะมีการให้ผ่อนชำระระยะยาวหรือไม่)
ส่วนตัว ไม่มีเงินก้อนครับ ยอดรวม 124000 ปิดที่ 60000 ก็ไม่มีจ่ายครับ (เงินสดในมือไม่เกิน 20000 ครับ)
แต่ถ้าผ่อน 3 ปี เบื้องต้นที่ทนายแจ้ง ปีแรกก็พอไหว กลัวปีหลังๆ จะแย่ อีกอย่างทนายแจ้งว่าเค้ายังมีสิทธิ์คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายได้ในระหว่างที่เราผ่อน 3 ปี เพราะฉะนั้น ยอดขั้นต่ำที่ต้องจ่ายจริงๆ คำนวณดูแล้วค่อนข้างสูงครับ
อยากได้คำแนะนำครับ ขอบคุณครับ

1 กดเงิน ผ่อนจ่าย 40 งวด ๆละ 1000 บาท (ม.ค.54-เม.ย.57)

ถ้าคุณบอกว่า ผ่อนตลอดตามนี้ จนได้รับหมาย แปลว่า เจ้าหนี้ผิด

แต่คุณต้องมีหนังสือยืนยันจากสนงทวงหนี้เดิมจริง เพราะสัญญาทำก่อนที่

สนง นี้จะถูกเลิกจ้าง ตามข้อกฎหมาย เจ้าหนี้ได้มอบอำนาจให้เขามาทวง

และทำสัญญาในนามเจ้าหนี้แล้ว เป็นอันจบ แม้ว่าเขาจะถูกเลิกจ้าง

สัญญานั้นยังใช้ได้อยู่ เจ้าหนี้ก็แค่ดึงเรื่องกลับไปมอบให้ที่ใหม่ดูต่อ

จนกว่าคุณ หรือ เจ้าหนี้ผิดสัญญา สัญญานั้นจึงถือว่า เป็นโมฆะ

ส่วนอีกสัญญา ถ้าไม่ปฎิบัติตามระบุ ก็ถือว่า ผิดสัญญา

ส่วนต้องระบุหรือไม่ว่า หากผิดนัดชำระให้ถือว่าสัญญาเป็นการยกเลิกนั้น

ตามหลัก เป็นอันเข้าใจกันอยู่แล้ว หากไม่ระบุ ก็ต้องกลับไปคิดดอกเบี้ย

ตามปกติ คือ 15% กับยอดที่เหลือ

หากวันนี้คุณได้รับหมายศาล ฟ้องทั้ง 2 บัญชี ก็นำไปให้คุณอาดูที่

สวนลุมว่า เจ้าหนี้ฟ้องผิดจริงหรือเปล่า พร้อมนำใบชำระเงินสำหรับ

บัญชีกดเงินด้วย หรือโทรหา คุณนกกระจอกเทศตามเวลาที่ระบุใน

สายด่วน


ถ้าเขาฟ้องผิด เราต้องแย้งกลับด้วยการเขียนคำให้การ หากเป็นไป

ตามที่คุณบอกมา เจ้าหนี้น่าจะฟ้องบัตรกดเงินไม่ได้ เพราะยังชำระ

ตามสัญญาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นคุณจ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง