ขอคำปรึกษาหน่อยครับ กำลังไปขึ้นศาลวันที่ 27 ก.พ. นี้ครับ

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32099 โดย tabino_kung
สวัสดีครับ ผมพึ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่นะครับ ได้ความรู้ใหม่ๆ มากมายจากเว็ปนี้ ผมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาเหมือนหลายๆ ท่าน (จริงๆ มีปัญหามาเกือบปีแล้ว แต่พึ่งมาเจอเว็ปนี้) เลยอยากขอคำปรึกษาบางเรื่องหน่อยครับ เพราะกรณีของผม เท่าที่ดูในเว็ปนี้ ไม่ค่อยเหมือนกรณีของผมเท่าไร เลยอยากปรึกษาบางอย่างเพื่อใช้ในการไปขึ้นศาลวันที่ 27 ก.พ. นี้ครับ

เมื่อประมาณกลางเดือน พ.ค. ปีที่ผ่านมาผมเริ่มมีปัญหา ชำระขั้นต่ำของสารพัดบัตรทั้งบัตรเครคิด บัตรกดเงินสด เงินกู้ และบัญชีบ้านไม่ไหว (ช่วงต้นปีตกงานมาสามเดือน) ก็เลยเริ่มผิดนัดชำระ เกือบสองเดือนทุกวงเงิน จนในที่สุด สารพัดธนาคารก็โทรเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาเกือบสี่ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ก็เครียด ไม่อยากรับโทรศัพท์ แต่ก็ตัดใจคุยไปเลยดีกว่า ซึ่งสุดท้าย UOB กับ Citi Bank ก็ช่วยหาทางออกให้โดยการทำประนอมหนี้ (หรือสัญญานรกที่ในเว็ปนี้เรียก) ไป ซึ่งจริงๆ ผมทราบอยู่ว่าผมต้องส่งหนักกว่าเดิม แต่ด้วยความที่ไม่อยากมีปัญหาอะไร โดยเฉพาะกับ UOB เนื่องจากมีบัญชีบ้านอยู่ที่นี่ด้วย (ซึ่งผมว่าผมคิดถูก เพราะเขาช่วยผมมากเรื่องบัญชีบ้าน เขาช่วยทั้งดึงเรื่อง และหาทางออกให้แบบสุดๆ จริงๆ) เลยสรุปว่า ทำประนอมหนี้ไป 3 บัญชี เป็นของ UOB 2 บัญชี และ Citi Bank 1 บัญชี เริ่มเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และทุกวันนี้ยังส่งปรกติทุกเดือน
ส่วนอีก 3 ธนาคารที่เหลือ KTC (บัตรเครดิต บวก บัตรกดเงินสด) Standard Charter (บัตรเครดิต บวก บัตรกดเงินสด) และ HSBC (VISA + Master) ผมได้พยายามคุยในกรณีเดียวกันว่าผมทำแบบนี้กับที่นี่มา คุณเช็คดูได้ มีทางออกแบบนี้ให้ผมไหม เพราะพึ่งได้งานใหม่ จะให้จ่ายที่เดียวที่ค้างทั้งหมดไม่ได้ ปรากฏว่าคุยทุกครั้งก็ได้คำตอบเหมือนเดิมคือ ไม่ได้ ต้องจ่ายหมด บวกดอกเบี้ย ถ้าไม่จ่าย ก็จะส่งฟ้อง ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เลยพยายามไม่คุยกับพวกนี้เลย จะฟ้องก็ฟ้องไป มาจนถึงตอนนี้ ซึ่ง KTC คือเจ้าแรกที่ส่งเรื่องฟ้องศาล

คำถามของผมคือ ผมควรจะพูดเรื่องที่ผมทำประนอมหนี้กับ UOB กับ Citi Bankให้กับศาลฟังไหม และเล่าเรื่องให้ศาลฟัง (อย่างที่เขียนไป) ว่าพยายามคุยมาตลอด (เช็คประวัติการโทรได้ ผมโทรเข้าไปเองด้วย) แต่ก็ไม่มีการออกมาตราการช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น ซึ่งประเด็นของผมคือผมไม่คิดหนี้ ถ้าผมคิดจะหนีจริงๆ ทำไมผมถึงยอมทำประนอมหนี้กับสองแบงค์นั้น ซึ่งเจ้าหนี้รายอื่นก็เช็คได้เช่นกัน (ผมมีหนังสือแจ้งข้อมูลเครดิตบูโรที่สองแบงค์นั้นส่งให้ผม ควรเอาไปด้วยไหม) และควรจะพูดเรื่องที่มีผ่อนคอนโดด้วยไหม เพราะตอนนี้คอนโดไม่ได้อยู่ แต่ให้เช่า ซึ่งผมได้ส่วนต่างจากที่ส่งค่างวดประมาณสี่พันบาทต่อเดือน
คือผมไม่ได้ต้องการให้ทำ Hair Cut อะไรมากมาย เพราะตอนนี้เงินเก็บไม่มีมากมาย แค่สำรองใช้รายเดือน ให้พออยู่ได้เท่านั้นเอง

ประเด็นที่สอง ที่ผมทำงานประจำตอนนี้ เหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ในระบบ เพราะบริษัทที่ทำถึงจะมีออฟฟิตอยู่เป็นที่ แต่ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนอะไร (เพราะไม่ได้ขายอะไร แค่เป็นสำนักงานตัวแทนการค้าจากต่างประเทศ) และเงินเดือนก็โอนตรงมาจากต่างประเทศ ทุกวันนี้ผมไม่ได้เสียภาษีอะไร ในกรณีนี้ที่อ่านดูจากในเว็ปนี้ ธนาคารไม่สามารถขอให้อายัติเงินเดือนได้อยู่แล้ว เพราะไม่ได้มีหลักฐานอะไรว่าเป็นเงินเดือน หรือการหัก ณ ที่จ่าย คำถามของผมคือ ควรจะบอกเรื่องการทำงานที่นี่ของผมด้วยหรือไม่ เพราะผมไม่อยากให้ธนาคารมาวุ่นวายกับที่ทำงานของผม ผมจะตอบว่าทำงานโดยรับคำสั่งตรงจากต่างประเทศ ติดต่อทางโทรศัพท์ และอีเมล์ หรือควรจะบอกความจริงไปเลย

ประเด็นที่สาม ตอนนี้ผมยังมีบัญชีบัตรเครดิตที่สถานะเป็นปรกติมาตลอด (SCB, AEON) และบัญชีเงินกู้ที่ปรกติ (กรุงศรี กับ First Choice ซึ่งยังค้างอยู่ 2 เดือน แต่จ่ายตลอด) ผมควรจะบอกข้อมูลตรงนี้ด้วยไหมครับ เพราะกลัวว่าพูดไปแล้วจะโดนกลับมาว่าทำไมจ่ายพวกนี้ได้ แต่จ่ายของ KTC ไม่ได้ (KTC วงเงินน้อยกว่า SCB พอสมควร)

ผมทำใจเรื่องขึ้นศาลมานานแล้วครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มีหนี้ก็ใช้ไปไม่คิดหนี เพียงแต่อยากได้ความมั่นใจในการรับมือกับเจ้าหนี้ เพราะพวกนี้เชี่ยวกว่าลูกหนี้เยอะ
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคำแนะนำและความเห็นล่วงหน้านะครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32102 โดย Thanpao

tabino_kung เขียน:
คำถามของผมคือ ผมควรจะพูดเรื่องที่ผมทำประนอมหนี้กับ UOB กับ Citi Bankให้กับศาลฟังไหม และเล่าเรื่องให้ศาลฟัง (อย่างที่เขียนไป) ว่าพยายามคุยมาตลอด (เช็คประวัติการโทรได้ ผมโทรเข้าไปเองด้วย) แต่ก็ไม่มีการออกมาตราการช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น ซึ่งประเด็นของผมคือผมไม่คิดหนี้ ถ้าผมคิดจะหนีจริงๆ ทำไมผมถึงยอมทำประนอมหนี้กับสองแบงค์นั้น ซึ่งเจ้าหนี้รายอื่นก็เช็คได้เช่นกัน (ผมมีหนังสือแจ้งข้อมูลเครดิตบูโรที่สองแบงค์นั้นส่งให้ผม ควรเอาไปด้วยไหม) และควรจะพูดเรื่องที่มีผ่อนคอนโดด้วยไหม เพราะตอนนี้คอนโดไม่ได้อยู่ แต่ให้เช่า ซึ่งผมได้ส่วนต่างจากที่ส่งค่างวดประมาณสี่พันบาทต่อเดือน
คือผมไม่ได้ต้องการให้ทำ Hair Cut อะไรมากมาย เพราะตอนนี้เงินเก็บไม่มีมากมาย แค่สำรองใช้รายเดือน ให้พออยู่ได้เท่านั้นเอง

อ่านข้อมูลในห้องนี้ก่อน เรื่อง ขอบเขตอำนาจศาล การไปศาล นิยาม hair cut

ไม่เข้าใจตรงไหน ค่อยถาม ส่วนเรื่อง ประนอมหนี้แบงค์อื่น แล้วไปขออีกแบงค์

บ้าง แล้วเขาไม่สนใจ ก็เรื่องของนโยบายเขา ห้ามกันได้หรือ ถ้าเหมือนเป๊ะ ก็ฮั้ว

กันนะซิ แล้วจะพูดให้ศาลฟัง ทำไมว่า หนี้เยอะ ไม่กลัวโดนดุ หรือว่า ไม่มีวินัย

ไม่ใช่เหตุผลที่ดี และเรื่องคอนโด ถ้าเขาถามว่า อ้อ มีเงินไม่ใช่ไม่มี ทำไมไม่ปล่อย

แล้วเอาเงินมาจ่ายหนี้ จะตอบว่าอะไร ยิ่งเจ้าหนี้รู้ ลื้อก็โดนอีกเด้ง ไม่ลดเลย ไปยึด

คอนโดมันดีกว่า เอาไหมละ







ประเด็นที่สอง ที่ผมทำงานประจำตอนนี้ เหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ในระบบ เพราะบริษัทที่ทำถึงจะมีออฟฟิตอยู่เป็นที่ แต่ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนอะไร (เพราะไม่ได้ขายอะไร แค่เป็นสำนักงานตัวแทนการค้าจากต่างประเทศ) และเงินเดือนก็โอนตรงมาจากต่างประเทศ ทุกวันนี้ผมไม่ได้เสียภาษีอะไร ในกรณีนี้ที่อ่านดูจากในเว็ปนี้ ธนาคารไม่สามารถขอให้อายัติเงินเดือนได้อยู่แล้ว เพราะไม่ได้มีหลักฐานอะไรว่าเป็นเงินเดือน หรือการหัก ณ ที่จ่าย คำถามของผมคือ ควรจะบอกเรื่องการทำงานที่นี่ของผมด้วยหรือไม่ เพราะผมไม่อยากให้ธนาคารมาวุ่นวายกับที่ทำงานของผม ผมจะตอบว่าทำงานโดยรับคำสั่งตรงจากต่างประเทศ ติดต่อทางโทรศัพท์ และอีเมล์ หรือควรจะบอกความจริงไปเลย

แล้วไปอ่านเรื่อง อายัดเงินเดือนด้วยนะ ไม่มีเงินเดือนตาม pay roll ก็อายัด

บัญชีเงินฝากชื่อลื้อก็ได้


ประเด็นที่สาม ตอนนี้ผมยังมีบัญชีบัตรเครดิตที่สถานะเป็นปรกติมาตลอด (SCB, AEON) และบัญชีเงินกู้ที่ปรกติ (กรุงศรี กับ First Choice ซึ่งยังค้างอยู่ 2 เดือน แต่จ่ายตลอด) ผมควรจะบอกข้อมูลตรงนี้ด้วยไหมครับ เพราะกลัวว่าพูดไปแล้วจะโดนกลับมาว่าทำไมจ่ายพวกนี้ได้ แต่จ่ายของ KTC ไม่ได้ (KTC วงเงินน้อยกว่า SCB พอสมควร)

ใช่ เพิ่งเห็นว่า พูดถูกต้อง คิดถูกต้องก็ตอนนี้ พุดทำไม ให้โดนดุ เรื่องของเรื่อง

ศาลท่านไม่มีเวลามาฟังนิยาย ชีวิตรันทดของใครหรอก จะสู้คดีต้องเขียน

คำให้การ ไปอ่านก่อน ที่ให้ไปศาล ไปเจรจากับเจ้าหนี้ ไม่ใช่ให้ไปเล่าเรื่อง

ให้ศาลฟัง
:เฮ้อ:

ผมทำใจเรื่องขึ้นศาลมานานแล้วครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มีหนี้ก็ใช้ไปไม่คิดหนี เพียงแต่อยากได้ความมั่นใจในการรับมือกับเจ้าหนี้ เพราะพวกนี้เชี่ยวกว่าลูกหนี้เยอะ
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคำแนะนำและความเห็นล่วงหน้านะครับ

ดีที่ทำใจ

ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #41869 โดย tabino_kung
ขอสอบถามเป็นความรู้นะครับ คือเมื่อวันที่ 27 ก.พ. นี้ผมไปขึ้นศาลมา และทำประนอมหนี้ยอมความและจ่ายค่างวดตามที่ตกลงกับ KTC ไว้แล้ว พอดีได้หมายศาลอีกครั้งให้ไปขึ้นศาลวันที่ 20 ต.ค. นี้ของอีกเจ้า ผมเลยสงสัยว่าภายในหนึ่งปีนับจากวันที่ขึ้นศาลครั้งแรก เจ้าหนี้รายอื่นสามารถฟ้องศาลได้อีกหรือไม่ครับ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมคนหนึ่งที่เป็นหนี้เหมือนกันเคยบอกว่าตามกฏหมายแล้วสามารถฟ้องได้แค่ปีละครั้ง ซึ่งผมก็พยายามหาข้อมูลเรื่องนี้แต่หาไม่เจอ เลยอยากจะขอความรู้ด้วยครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบ และคำแนะนำนะครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #41881 โดย Pych

ผมรวมกระทู้ให้นะครับ

มีเรื่องอะไรสงสัย ก็กลับมาถามต่อที่กระทู้เดิมนะครับ

เรื่องราวจะได้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะประเด็นใหม่หรือเก่า มีคนละกระทู้ก็พอนะครับ

คนมาอ่านมาตอบจะได้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้

โดยกดที่คำว่า "กระทู้ของฉัน" ตามรูปข้างล่างครับ



"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #41883 โดย Pych

tabino_kung เขียน: ขอสอบถามเป็นความรู้นะครับ คือเมื่อวันที่ 27 ก.พ. นี้ผมไปขึ้นศาลมา และทำประนอมหนี้ยอมความและจ่ายค่างวดตามที่ตกลงกับ KTC ไว้แล้ว พอดีได้หมายศาลอีกครั้งให้ไปขึ้นศาลวันที่ 20 ต.ค. นี้ของอีกเจ้า ผมเลยสงสัยว่าภายในหนึ่งปีนับจากวันที่ขึ้นศาลครั้งแรก เจ้าหนี้รายอื่นสามารถฟ้องศาลได้อีกหรือไม่ครับ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมคนหนึ่งที่เป็นหนี้เหมือนกันเคยบอกว่าตามกฏหมายแล้วสามารถฟ้องได้แค่ปีละครั้ง ซึ่งผมก็พยายามหาข้อมูลเรื่องนี้แต่หาไม่เจอ เลยอยากจะขอความรู้ด้วยครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบ และคำแนะนำนะครับ


เจ้าหนี้ต่างรายกันสามารถฟ้องเมื่อไหร่ก็ได้ครับ ผมได้ 5 หมายติดๆ กันใน 3 เดือนมาแล้ว
เพื่อนคุณให้ข้อมูลคุณผิดนะครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #41932 โดย tabino_kung
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ มิน่า ผมถึงได้หาเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนผมพูดไม่เจอ แต่ยังไงผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว หลังจากที่ไปขึ้นศาลครั้งแรกก็รู้สึกว่าไม่น่ากลัวเท่าไร ถ้าถือหลักที่ว่ามีหนี้ก็ต้องจ่าย การไปประณีประนอมที่ศาลผมว่าก็ช่วยได้เยอะมาก เจ้าหนี้เสนอเงื่อนไขที่รับได้ ต่างจากตอนที่โทรมาทวงก่อนหน้า หลังจากนี้ผมจะได้เก็บเงินรอไว้กรณีที่โดนฟ้องอีกต่อๆ ไป ไม่งั้นก็ยังเข้าใจผิดต่อไป ขอบคุณนะครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 1 วัน ที่ผ่านมา #53206 โดย tabino_kung
ขอสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอายุความบัตรเครดิตหน่อยนะครับ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้รับหมายศาลเรื่องของบัตร HSBC Visa ให้ไปศาลวันที่ 4 มิ.ย. 57 นี้
ผมก็เข้าไปดูเอกสารสำเนาการชำระเงินที่อยู่ในหมายศาล ปรากฎว่า ผมชำระครั้งสุดท้ายในวันที่ 2 พ.ค. 55
ทีนี่จากที่ผมอ่านในหัวข้อเรื่องอายุความกรณีบัตรเครดิต คือ 2 ปีนับจากวันที่ผิดนัดชำระ
ดังนั้น วันที่ีผมเริ่มผิดนัดชำระ ให้นับเป็นวันที่ 2 มิ.ย. 55 ใช่ไหมครับ ถ้าเป็นกรณีนี้ อายุความของผมควรจะสิ้นสุดในวันที่ 2 มิ.ย. 57 นี้ ซึ่งการที่ผมไปขึ้นศาลในวันที่ 4 มิ.ย. นี้ ผมสามารถต่อสู้ได้ว่าขาดอายุความไปแล้ว...

หรือ ปรกติ HSBC จะให้ชำระได้อย่างช้าภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน (กรณีของผมกำหนดการชำระทุกวันที่ 1 ของเดือน) ดังนั้น ทางธนาคารจะถือว่าวันสุดท้ายของอายุความของผมจะเป็นวันที่ 5 มิ.ย. 57 ถ้านับจากวันที่เขาให้ชำระอย่างช้าสุด ถ้ากรณีอย่างนี้ก็ยังไม่ถือว่าขาดอายุความ ก็ทำประนีประนอมยอมความชำระเงินไปตามปรกติ

กรณีนี้ผมไม่มั่นใจจึงอยากสอบถามผู้รู้ เพราะมันคาบเกี่ยวแค่ไม่กี่วัน ถ้ากรณีที่ผมต้องไปขึ้นศาลเดือน ก.ค. อันนี้ยังตีความง่ายกว่าครับ ขอรบกวนด้วยนะครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.639 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena