ขออนุญาตแนะนำตัวครับ

เข้ามาอ่านข้อมูลได้สักระยะแล้วครับ แต่ก็ยังต้องอ่านซ้ำๆต่อ เพื่อความเข้าใจ
ตอนนี้เป็นหนี้อยู่ 9 บัตรครับ ทั้งแบงค์และนอนแบงค์ ประกอบกับมีสินเชื่อรถอยู่ด้วย
เงินเดือนรับอยู่ 30000 เศษ ผ่อนบ้าน 9900 ผ่อนรถ 6000 ค่าน้ำค่าไฟเฉลี่ย 6000
ค่าประกันชีวิตเดือนละ 1400 คงเหลือประมาณ 7000 กว่า เป็นค่ากินอยู่ส่วนตัวโทรศัพท์มือถือและค่าน้ำมัน/แก๊สรถยนต์

ขอแชร์แผนที่ผมตั้งใจทำอยู่ดังนี้ครับ
1. เริ่มหยุดจ่ายหนี้บัตร และหนี้สินเชื่อบุคคลทุกรายการ
2. ยังคงชำระสินเชื่อบ้าน และรถเป็นปกติ (บ้านกู้ร่วมกับภรรยา ส่วนรถต้องใช้งาน)
3. ตัดสินใจขายทรัพย์สินในบ้านบางอย่าง คาดว่าจะได้เงินมาสักก้อนหนึ่ง
4. เมื่อได้เงินมาแล้ว ผมจะนำไปตัดหนี้รถให้หมดเป็นอันดับแรก
5. เมื่อหมดหนี้รถ ผมจะมีเงินเดือนละ 6พันบาท เพื่อสะสมสำหรับต่อสู้กับหนี้ที่เหลือ

คำถามแรก...แผนตามที่กล่าวมานี้ มีข้อดีข้อเสียตรงไหนบ้างครับ ขอคำแนะนำด้วย

เรื่องที่สอง
สำหรับภรรยาไม่ได้รวมกระเป๋ากันครับ เธอก็มีค่าใช้จ่ายของเธอเอง และกำลังจะดาวน์รถเพื่อใช้งานเพราะเธอต้องเดินทางทำงาน จะใช้รถคันเดียวกันไม่ได้แน่
มันเลยเป็นที่มาของคำถามที่สองครับ

ตอนนี้ผมเพิ่งเริ่มหยุดชำระหนี้บัตรและสินเชื่อบุคคล และเมื่อไปคุยกับโชว์รูมรถ ได้ความว่า สามารถใช้ชื่อผมและภรรยา ยื่นสเตทเม้นท์ เพื่อเช่าซื้อรถได้ หมายถึง ใช้ฐานเงินเดือนสองคน ทำให้ไม่ต้องใช้ผู้ค้ำ
ผมสอบถามค่อนข้างละเอียดว่า จะเช็คเครดิตอะไรบ้าง ทางเซลล์แจ้งว่า เช็คแค่ประวัติการเช่าซื้อรถของแต่ละท่าน ซึ่งผมและภรรยาไม่มีประวัติค้างชำระใดๆ
ผมถามอีกว่า ไม่เช็คบูโร หรือภาระหนี้บัตรเหรอ เซลล์บอกว่าไม่เกี่ยวกัน
แต่...แม้ว่าจะใช้ชื่อสองคนยื่นหลักฐาน แต่ผู้เช่าซื้อจะต้องเป็นคนใดคนหนึ่งเท่านั้น และก็ไม่ถือว่า ผมเป็นผู้ค้ำประกันด้วย

ก็เลยสงสัยครับ ว่า เมื่อวันหนึ่งผมต้องต่อสู้กับเจ้าหนี้บัตรเครดิต แล้วภรรยาผมผ่อนรถของเธออยู่
จะมีผลกระทบต่อรถคันนี้ไหมครับ

ขอคำแนะนำเท่านี้ก่อนครับ และขอกำลังใจด้วยครับ

เพิ่มหนี้รถมาอีกคันจะไปไหวเหรอครับ

คิดให้ดีดีนะครับ

ระหว่างคุณกับแฟนใครจำเป็นต้องใช้รถมากกว่ากันครับ

ผมเกรงว่าจะเป็นลิงแก้แห พัวพันกันแก้หนี้ไม่หลุดหน่ะสิครับ

ยังไงก็เอาใจช่วยให้คิดตกนะครับ

ขอบคุณครับ

ขายทรัพย์สินมาจบงวดรถ ทำให้มีเงินเพิ่ม หกพัน แต่ค่าน้ำมัน/แก๊ส เดือนละสามสี่พันยังอยู่

มาเข้าแก็งค์มอไซด์ผมไหมพี่รับรองประหยัดได้อีกเยอะ มีงเงินเก็บสู้หนี้เพิ่มมาอีก สามสี่พันรวมเป็นเกือบหมื่นเลยนะเออ อิอิ

เมื่อวานได้เข้าไปปรึกษาเจ้านาย โดยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ว่าเป็นหนี้อะไร เท่าไร และกำลังทำอย่างไร
เจ้านายให้คำปรึกษาเชิงให้ความช่วยเหลือดังนี้ครับ
รูปแบบที่ 1
ให้หยุดจนถึงวันที่ได้รับหมายศาล แล้วต้องใช้เงินก้อน ให้คุยกะนายเป็นครั้งๆ

รูปแบบที่ 2
ให้เจรจากับเจ้าหนี้ทันที เพื่อขอทราบยอดปิดทั้งหมด แล้วแจ้งยอดให้นายทราบ เพื่อกู้จากนายก้อนเดียว
หลังจากนั้นก็ผ่อนใช้กับนายไปจนหมด (คาดว่ายอดผ่อนเดือนละ 1 หมื่นเต็มที่ ส่วนดอกเบี้ย ยังไม่รู้นายจะคิดหรือเปล่า)

อ้างอิงข้อมูลตอนตั้งกระทู้ คือผมได้ขายของใช้ในบ้านไป ถ้าขายหมดน่าจะได้เงินราวๆ เก้าหมื่นหรือแสน
ตั้งใจจะปิดสินเชื่อรถยนต์ เพื่อจะได้เก็บเงินสดเดือนละ 6 พัน มาสะสมเป็นเงินก้อนรอ H/C
หรือควรจะเก็บเงินก้อนที่ขายของนั่นได้เอาไว้รอทำ H/C ดีกว่า พยายามคิดความแตกต่างก็ยังคิดไม่ออกครับ

หนี้มีดังนี้
KTC Credit Amount 112,423.71 Min.pay 11,242.36 Status หยุด 3/1/2013
KBNK Credit Amount 59,020.22 Min.pay 5,902.02 Status หยุด 27/12/2012
UOB P.L. Amount 45,347.57 Min.pay 4,553.00 Status หยุด 27/12/2012
UOB CreditAmount 38,214.99 Min.pay 3,822.00 Status หยุด 27/12/2012
HomePro CreditAmount 37,539.64 Min.pay 3,753.96 Status หยุด 11/1/2013
SCB CreditAmount 28,163.35 Min.pay 4,546.09 Status หยุด 7/12/2012
AIA CreditAmount 24,545.25 Min.pay 2,455.00 Status หยุด 2/1/2013
FstChoice P.L.Amount 23,747.02 Min.pay 1,458.79 Status หยุด 27/12/2012
Central CreditAmount 17,827.46 Min.pay 1,782.75 Status หยุด 2/1/2013
Central P.L.Amount 50,312.38 Min.pay 2,705.27 Status จ่ายปกติ(ภรรยาจ่ายแต่ใช้ชื่อผมกู้)
Citi Ad P.L.Amount 255,738.00 Min.pay 6,089.00 Status หยุด 4/1/2013
Krngsri AutoCar LoanAmount 134,391.00 Min.pay 5,844.00 Status จ่ายปกติ
รวมทั้งหมด 827,270.59
ถ้าตัดรถออกไป ก็จะเหลือ 692,879.59 ซึ่งเป็นยอดรวมดอกเบี้ย
คิดว่าจากยอดนี้ ถ้ารอ H/C น่าจะใช้เงินไม่ถึง ผมเข้าใจถูกต้องมั้ยครับ

เพราะฉะนั้น คำถามครับ
1. ข้อเสนอจากเจ้านายข้อไหนน่าสนใจที่สุดครับ
2. ตัวเลือกเรื่องตัดหนี้รถ หรือไม่ตัดหนี้รถ ได้มากกว่าเสีย หรือเสียมากกว่าได้

อ้อ ช่วงนี้มีโทรติดตามมาเรื่อยๆ ครับ ขอบคุณแนวทางการรับมือที่ได้จากเว็บ ใช้ประโยชน์ได้จริงครับ
แต่เท่าที่คุยดูแล้ว ช่วงนี้ ขอ H/C ยังไม่ได้ เพราะเพิ่งเข้าเดือนที่ 3 เจ้าหนี้ยังได้ดอกไม่คุ้มแน่ๆ

สุดสัปดาห์นี้จะต้องคุยกะเจ้านายอีกครับ เพื่อสรุปแนวทางที่เจ้านายจะช่วยเหลือ

ขอบคุณทุกความเห็น และแรงใจครับ

น้องโชคดีจัง ที่มีเจ้านายใจดี

ก่อนอื่นต้องถามนายก่อนว่านายคิดดอกเบี้ยหรือเปล่า เพราะตรงนี้จะเป็นประเด็นคะ

ถ้านายไม่คิด เป็นพี่ๆจะเลือกรูปแบบที่ 1 แต่ถ้าเป็นน้องๆต้องตัดสินใจเองค่ะ ไม่สามารถตัดสินใจให้ได้ ได้แค่แนะนำเท่านั้น สำหรับวรูปแบบที่ 2 ที่บอกว่าเจรจากับเจ้าหนี้ มันคล้ายประนอมหนี้นะ ตรงนี้เท่ากับเป็นหนี้ระยะยาวมาก ก่อนทำต้องคิดดีๆ

แต่ก่อนตัดสินใจ น้องลองมาทำบัญชีรายรับรายจ่ายในครอบครัวก่อนดีกว่า ถ้าไปสร้างหนี้รถเพิ่มอีกคัน ปัญหามันจะกลายเป็นงูกินหางนะคะ

เพราะรถสองคัน ค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ ค่าถ่ายน้ำมันเครื่อง ค่าซ่อมจุกจิก ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าต่อทะเบียน พวกนี้เป็นรายจ่ายที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าจะแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จ น้องต้องมองปัญหาให้ขาดนะคะ

น้องโชคดีนะที่มีนายใจดี ขอให้อดทน อดกลั้น อดออม สู้ๆค่ะ

ขอบคุณครับ

ประเด็นที่พี่ balm แนะนำว่าประนอมหนี้ ผมหมายถึงเจรจาทำ H/C น่ะครับ ตามที่เจ้านายแนะนำให้ทำ
ทั้งๆที่ผมก็ทราบดีเพราะได้อ่านกระทู้จากเว็บ ว่าช่วง 2-3 เดือนนี้ ไม่มีทางที่เจ้าหนี้จะยอม H/C แน่ๆ เพราะหนี้ยังไม่เน่า

ปลายสัปดาห์นี้ ผมคงต้องปรึกษาเจ้านายอีกครั้ง เพราะถ้าจะให้กู้มาปิดเพื่อยังคงเป็นลูกค้าชั้นดีแบบนี้
ผมคงต้องเป็นหนี้เจ้านายหัวโต แม้ว่าจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยก็ตาม

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากใช้ Second Way Out โดยขอให้เจ้านายเป็น Back up กรณีตกลงทำ H/C แ้ล้วต้องใช้เงินก้อนจะสบายใจกว่าครับ หรือพี่ๆมีคำแนะนำอย่างไรครับ

สำหรับเรื่องรถ ผมก็เข้าใจและเห็นปัญหาครับ กำลังหาทางพูดคุยกะแฟนอยู่ แต่อย่างว่า เขาหาเงินได้ และไม่มีหนี้เยอะเหมือนผม ประกอบกับเราแยกกระเป๋ากัน คงเพราะเหตุนี้ที่เขามั่นใจว่าผ่อนได้โดยไม่ต้องใช้เิงินจากผมด้วยน่ะครับ

ช่วงนี้ก็มีโทรมาแจ้งยอดหนี้ สอบถามวันที่สามารถชำระได้ แต่ยังไม่รุนแรงครับ
เตรียมใจไ้ว้แล้ว บางรายผมใช้วิชาจากในเว็บ กำหนดเวลาในการติดต่อไปเลยก็มี
ขอบคุณความรู้และประสบการณ์อันมีค่านี้ด้วยครับ คืบหน้าอย่างไร จะแบ่งปันให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆในเว็บนี้ต่อไปครับ

update วันนี้มีเบอร์ไม่โชว์โทรเข้ามา ระหว่างขับรถ ผมก็รับสาย พอเจ้าหน้าที่พูดมาคำเดียว ผมตอบไปว่า "ขอโทษนะครับ ถ้าไม่โชว์เบอร์ผมขออนุญาตไม่รับ" เสร็จแล้วก็วางสาย
สักพักก็มีเข้ามาอีก แต่คราวนี้เป็นผู้หญิง ผมก็ตอบไปเหมือนเดิม..แต่ได้ยินเธอพูดได้คำนึงว่า "นี่ไม่ใช่..." แต่ผมวางสายเสียก่อน

ให้หลังได้ไม่กี่นาทีก็มีข้อความส่งมาว่า "จะยกเลิกวงเงินบัตรแคชพลัสยูโอบีของท่านแล้ว หากมีข้อสงสัยโทรด่วน 02xxxxxxx" แต่ผมไม่ได้โทรกลับไปเพราะวันนี้วุ่นทั้งวัน

มีคำแนะนำมั้ยครับ

น่าจะเดินทางบ่อยเหมือนผม ผมแนะนำว่ากำหนดเวลาให้เจ้าหนี้ รู้ไปเลยครับ เช่น ผมจะสะดวกช่วง 18.00-19.00 เท่านั้น นอกเวลานี้ไม่สะดวกรับ และถ้าโทรให้โทรเข้า มือถือ (แบบเนี้ย) จะได้ไม่ต้องกังวลในช่วงเวลาทำงาน ส่วนที่เจ้านาย คุณ จะช่วยแล้วไม่คิดดอก ผมก็เชียร์ ข้อ 2 แต่ถ้าคิด ค่อยๆรวบรวมเงินแล้วปิดไปที่ล่ะรายดีกว่าครับ ปิดเจ้าน้อยๆก่อนเพื่อจะได้มีกำลังใจ และจะได้หมดศัตรูไปก่อนด้วย เป็นกำลังใจให้นะครับแล้วพวก ข้อความ หรือ จดหมายที่ส่งมา ไม่ต้องไปใส่ใจมากครับรอรวมได้เยอะๆชั่งโลขายเลย 555

ขออนุญาต update ครับ
ได้โทรเช็คทุกบัตรแล้ว ได้ข้อมูลว่า สถานะของหนี้ส่วนใหญ่ อยู่ในสถานะค้างชำระงวดแรกบ้าง งวดสองบ้าง
ซึ่งบัตรทุกใบถูกระงับใช้ "ชั่วคราว" ผมเลยถามว่า แล้วจะถูกระงับใช้ "ถาวร" เมื่อไร
ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเมษายนนี้
การโทรเช็คทุกบัตร ผมสอบถามถึงขั้นตอน และหยั่งเชิงว่ามีแนวโน้มทำ H/C ได้หรือไม่
(ซึ่งผมได้ความรู้จากชมรมแล้วว่าค้างชำระช่วงแรกๆ หนี้ยังไม่เน่า เขาไม่ยอมให้ H/C กันง่ายๆ)

ก็ได้รับการติดต่อเป็นระยะๆ ครับ ยังไม่กดดันอะไร

แต่วันนี้มี Citi Adv. มาซีเรียส แต่ไม่หยาบคายครับ

จุดนี้พนักงานพยายามบอกผมว่า ผมเพิ่งจะผ่อนสินเชื่อบุคคลได้แค่สี่ห้างวดเท่านั้น แล้วก็หยุดชำระ
ทางบริษัทเห็นว่าไม่น่าค้าง เลยโทรมาแจ้งไม่อยากให้เสียเครดิต บลาๆๆๆ

ซึ่งผมก็รับฟังไว้ และก็ตอบเหมือนที่อ่านๆมา ว่า กำลังหาเงินอยู่ ไม่หนีไปไหน มีแล้วจะจ่าย

นอกจากนี้ก็พยายามเปิดกระทู้เกี่ยวกับ Citi Adv อยู่ครับ ว่ามีประสบการณ์ใดตรงกับผมบ้าง

ขอบคุณและขอติดตามต่อครับ มีคำแนะนำอะไร โปรดอย่าช้า ต้องการคำแนะนำเสมอครับ

ขอตอบเป็นข้อ ๆนะครับ

ข้อแรก อยากแฮร์คัท ไม่ต้องรีบครับ ที่ควรรีบคือรีบเก็บเงินครับ หนี้เน่าได้ที่เมื่อไร เด๋วส่วนลด งามหน้าแน่นอนครับ(แล้วแต่นโยบายของสถาบัน นั้น ๆ ด้วย)


ข้อสอง การรับมือของพี่ก้รับมือไปตามปกติได้ดีแล้ว หยุด งวดสองงวด ยังไม่เจอของแร้งส์ ของแข็งสักเท่าไรครับ เลือกทางนี้แล้ว ก็ต้อง ฝ่าฟัน วัดความอดทนกันหน่อย


ข้อสาม ผมไม่มีประสบการณ์โดยตรงกับซิตี้ แต่เท่าที่อ่านเคส หลายคนก็โดนทวงแบบแร้วส์ ๆ แต่ประเด็นสำคัญคือ จะใส่ใจทำไมละครับ เราก็ให้ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น เค้าทวงดี เราพูดดี มันหยาบมา เราหมากลับไปเลยครับ อย่าคิดมากเลยครับว่าจะต้องคิด พล็อต ตอบโต้เจ้าหนี้ยังไง ให้มันเป็นไปตามสถานการณ์ดีกว่า


พยายามรับทุกสายจะดีกว่าครับ ยังไงก็สู้ ๆครับพี่่

ซิตี้ แอดวานซ์... ของพี่ลี...หยุดจ่าย 5 เดือน ฟ้องแล้ว....

ไปจบกันที่ศาล...ได้ส่วนลด ประมาณ 40%..งวดเดียว

ไปหาอ่านในกระทู้พี่ลีนะคะ.."มือใหม่หัดหยุดจ่าย"

ของผมมี CITY ADVANCE เพิ่งได้หมายฟ้องมาสดๆร้อนๆ หลังหยุด 4 เดือนยอดเงินต้น 186000 บาท ซึ่งเร็วสมคำร่ำลือ ขึ้นศาล 21/03 สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นพี่ในอดีตคือ ตอนนี้ CITY ADVANCE ซึ่งปล่อยสินเชื่อโดย citi corp จะมีหน่วยงานในการติดตาม และฟ้องร้องด้วยตนเองแทนการจ้างสำนักงานกฎหมายภายนอก ในช่วงหลังเดือนที่ 3 แทบจะไม่มีการโทรศัพท์มาเลย การเจรจาให้ส่วนลดไม่มี แม้แต่ตอนนี้ได้หมายมา จะ 2 สัปดาห์แล้วยังไม่มีใครติดต่อมา ของ ADVANCE ปัจจุบันไม่มีนโยบายประนอมหนี้ (ข้อมูลนี้ได้มาจากสำนักงานกฎหมายอื่น ที่โทรมาทวงบัตรเครดิต City ซึ่งส่วนนี้ยังจ้างสำนักงานกฎหมายภายนอกติดตาม) อาจเพราะนโยบายเปลี่ยนแปลง อาจมีข้อเสนออีกครั้งหน้าศาลเลย ก่อนหรือช่วงเวลาที่ส่งฟ้องจะมีการส่งเจ้าหน้าที่มาพบที่ทำงานเพื่อตรวจสอบตัวตน และแจ้งยอดที่จะฟ้องให้ทราบ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ ซิตี้คอร์ปเองครับ

เดี๋ยวถ้าของผมไปศาลนัดแรกแล้วจะมาแชร์ให้ทราบอีกครั้งครับ

ขอบคุณครับ
คุณพ่อยอด ยอดเงินต้นพอๆกันเลยครับ ผมกู้เมื่อกันยาปีที่แล้วยอดต้น แสนเก้า ผ่อนได้ไม่กี่เดือนก็ช็อตอีกเพราะปิดไม่หมด (ข้อเสียของ Thirdway out)

ยังงี้ก็เตรียมรับหมายสิครับ หึๆ

วันนี้ Citi Ad โทรมาแต่เช้า ย้ำว่าผมเพิ่งผ่อนได้ไม่กี่งวด ทางบริษัทฯยังไม่มีนโยบายปรับโครงสร้าง บลาๆๆ
ตามด้วยบัตรกสิกร และเฟิร์สช้อยส์...ก็ยังภาษาดอกไม้กันอยู่

update ครับ สัปดาห์นี้มี กสิกร, เฟิร์สช้อยส์ และเซ็นทรัล ที่โทรมาแจ้งว่าเมื่อเข้าเดือนที่ 3 แล้วจะปิดบัตรถาวร และจะมีหน่วยงานอีกระดับโทรมา ผมก็รับทราบไว้

มี UOB ที่โทรมาว่าอนุมัติฟ้อง ผมก็เลยตอบไปว่า อ้าวเหรอ ผมยังไม่เห็นหนังสือแจ้งเลย ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบมาว่า มีเรื่องออกมาอยู่ระหว่างเดินเรื่อง ยังงี้เรียกว่า "บลัฟ" กันรึเปล่าครับ??

ก็ยังยืนยันไปว่า รับทราบ ไม่มีเงิน กำลังเร่งหาอยู่ ทำตามระบบไปได้เลย

อย่างไรก็อยากขอคำแนะนำและกำลังใจอยู่เรื่อยๆ นะครับ

ขอบคุณครับ

update วันนี้กสิกรโทรมา แจ้งเรื่องเข้าเดือนที่ 3 และเสนอให้พิจารณาระบบประนอมหนี้ ก็ฟังไว้เฉยๆ ครับ แต่ก็ยังดีที่เจ้าหน้าทีพูดจาดีอยู่

ยังไม่รู้เดือนต่อไปจะเป็นอย่างไร พยายามเตรียมตัวครับ

บอกเจ้าหนี้ไปว่า ปิดบัตรถาวรแล้ว อย่ามาบวกค่าทวงอีกล่ะ

update สัปดาห์ที่ผ่านมา งานก็ยุ่ง แต่ก็มีสองสามรายโทรมาแจ้งว่าเข้าเดือนที่ 3 แล้วนะ
ก็ตอบไปตามสเต็ปตัวอย่างจากเว็บบอร์ดครับ (ขอบคุณมาก) ว่ายังไม่มี เก็บออมอยู่ มีแล้วจะจ่าย ตอนนี้ยังไม่จ่ายให้ใครทั้งสิ้น บลาๆๆ
มีข้อเสนอประนอมหนี้มาบ้าง แต่ก็ไม่กดดันอะไรครับ

พ้นเมษานี้ ก็เข้าตรีฑูต...ฮ่าๆ ขอกำลังใจเอาไว้สู้ศึกต่อครับ