วันนี้ไปศาลตามนัดคะ ซึ่งเป็นการนัดรวบ ครั้งไว้ด้วยกัน
และได้มีการโทรสอบถามคุณอาไพโรจน์ เพื่อหาแนวทางในการไปศาลครั้งนี้ ซึ่งก็ได้คำตอบที่ดี
แต่พอเจอของจริงเข้า ก็ถึงกับ งง กันเลยทีเดียว
อันดับแรก จุดประสงค์ที่ไปศาล เพราะไม่อยากหนีศาล และต้องการไกล่เกลี่ยกับทนาย เพื่อขอลดยอดหนี้ ที่ฟ้องมา ในใจคิดไว้ว่า น่าจะสัก สองหมื่นสอง จะขอชำระ 3งวด หรือไม่ก็งวดเดียว คิดเผื่อไว้ในใจ แล้วก็คิดต่อว่า ถ้าไกล่เกลียแล้ว ได้ผลตามที่คาดหวัง ต้องเซ็นต์เอกสารอะไรบ้าง และถ้าผลไม่เป็นไปตามที่หวังละ จะต้องทำยังไงต่อ จะพูดกับศาลอย่างไร
ตัดสินใจโทรหา คุณอาไพโรจน์ ท่านแนะนำว่า
1. ถ้าได้ยอดตามที่เราจ่ายไหว ทนายโอเค ให้เซ็นเอกสารยอมความ ตามที่ตกลงกันได้
2. ถ้าไม่เป็นดังที่หวัง คุณอาแนะนำให้ เลื่อนศาลเพื่อขอไกล่เกลี่ยกับโจทย์อีกครั้ง หรือไม่ก็ขอเลื่อนว่า เราจะสู้คดี คุณอาบอกว่า ดอกเบี้ย+ค่าธรรมเนียม FC คิด 28% ต่อปี เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด แล้วถ้าเลื่อนได้ ค่อยมาว่ากันอีกที่เรื่องการสู้คดี
โอเค เรามีข้อมูลที่จะพูดกับศาลในระดับนึงแล้วละ สู้ๆ
เช็คบัลลังค์เรียบร้อย เดินดูห้อง เรียบร้อย พนักงานประจำบัลลังค์ บอกให้เราไปห้องไกล่เกลี่ยก่อน ไปเจรจากับทนายก่อน แล้วพอถึงเวลานัดให้กลับมาที่ห้องนี้อีกที
เราก็ไปที่ห้องไกล่เกลี่ย ซึ่งยังไม่มีใครมาเลย (เราไปถึงก่อนนัด เร็วมาก) พบเจ้าหน้าที่คนนึง
ถามว่า มาทำไม
เราตอบว่า มาขอไกล่เกลี่ยกับทนาย แต่ทนายยังไม่มาเลย
จนท. : แล้วยอดฟ้องเท่าไหร่
เรา : เงินต้น 24000 ยอดฟ้อง 35000 ดอกเบี้ยกับค่าธรรมเนียม ตั้งหมื่นกว่าบาทจ่ายไม่ไหวหรอก
จนท.: อ้าวแล้วจะไกล่เกลี่ยว่ายังไง
เรา : จะขอส่วนลดดอกเบี้ยจ่ายแค่ เงินต้นก็ยังดี
จนท. ทนายเขาได้ยอดฟ้องมาตามนั้น ไม่มีสิทธิ์ลดยอดลงได้หรอก งั้นก็ต้องทำยอมความ ไกล่เกลี่ยไปก็ไม่ได้ลดหรอก
เรา : ก็กะว่าจะลองคุยกะทนายดู เผื่อได้ ถ้าไม่ได้ ก็จะขอเลื่อนศาล เพราะยังไม่สะดวกจ่ายตามยอดฟ้อง ไม่อยากทำยอมความด้วย
จนท. : (ทำหน้าไม่พอใจ) จะขอเลื่อนด้วยเหตุผลอะไร เพราะถึงเลื่อนไปก็ยอดฟ้องเดิมอยู่ดี เสียเวลาไปเปล่าๆ ถ้างั้นก็ให้ศาลตัดสินไปเลย
เรา : ถ้าไม่ให้เลื่อนเพื่อเจรจากับโจทย์ ก็จะขอเลื่อนเพื่อสู้คดี เพราะดอกเบี้ย+ค่าธรรมเนียมคิดเกินเหตุอันสมควร
จนท. : (ทำหน้าไม่พอใจ แบบเซ็งๆ แล้วเดินจากไป)
เราก็เริ่มหวั่นไหว เอาไงวะเนี๊ยถ้าเลื่อนไม่ได้ทำไงดี ใจเริ่มเต้นผิดปกติ แต่ก็ยังนั่งรอๆๆๆๆๆ
กระทั่งทนายมา บอกเราผ่อนต่อไหวไหม
เรา : จากยอดไหนคะ
ทนาย : จากยอดฟ้อง
เรา : สามหมื่นห้าหรอคะ ไม่ไหว หรอกคะ ขอลดลงอีกได้ไหม
ทนาย : ทางโจทย์เสนอมาให้ ผ่อนขั้นต่ำได้เดือนละ หนึ่งพันบาท โดยปลอดดอกเบี๊ย จากยอดฟ้อง ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี จะทำยอมความเลยไหม
เรา : ไม่ยอม เพราะจ่ายไม่ไหว ยอดสูงเกินไป ดอกเบี้ยแพง ขอพบศาลก่อน
(พอเราบอกจะพบศาลก่อน ทนายหน้าเปลี่ยนสี พูดจาตะกุก ตะกัก )
ทนาย : (สีหน้าประหลาดใจ) จะพบก็ได้ แต่ถ้าคุณเซ็นยอมความ จะกลับบ้านเลยก็ได้ เดี๋ยวผมทำเรื่องเสร็จก็จะเอาเอกสารไปให้ผู้พิพากษา ผู้พิพากษามีหน้าที่แค่เซ็นต์รับทราบไม่ต้องอยู่รอพบศาลก็ได้
เรา : ไม่เป็นไรคะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอเห็นหน้าผู้พากษาสักหน่อยก็ยังดี
ทนาย : (ทำหน้าตกใจ แล้วก็พูดวนไปมา) จะพบก็ได้ แต่วันนี้ คดีเยอะมาก ศาลท่านอาจจะมาช้า แล้วก็มาแค่รับทราบเฉยๆ เดี๋ยวผมบอกศาลให้ ว่าคุณมาศาลแล้ว กลับบ้านเลยก็ได้
เรา : แล้วต้องเซ็นต์เอกสรอะไรไหม อยู่ตรงนี้ เพื่อรออะไร
ทนาย : เซ็นต์ยอมความ แล้วกลับบ้านได้ เดี๋ยวผมเอาเอกสารไปให้ศาลเซ็นต์รับทราบ
เรา : (คิด..ไม่มีประโยคอื่นพูดรึไง จะให้เซ็นต์อย่างเดียวเลยนะ) ไม่คะ ไม่เซ็นต์ยอมความ และก็ไม่กลับบ้าน จะไปรอที่ห้องพิจารณาคดีก่อนแล้วกัน
ทนาย : จะไปก็ได้ คุณอยากไปก็ไป เชิญไปได้ แต่ไปหาห้องเอาเองนะครับ ผมยังไม่รู้เลยว่า ห้องพิจารณาคดีอยู่ห้องไหน เขาบอกให้ผมมาที่ห้องไกล่เกลี่ยนี้ ไม่ได้บอกให้ไปห้องพิจารณาคดี ผมยังไปไม่ถูกเลย
เรา : (ขำวะ ..... ส่งยิ้มให้ทนายแล้วก็บอกว่า) ไม่เป็นไรคะ ทราบแล้วว่าห้องไหน ไปเองถูกค่ะ จะไปรอที่ห้องพิจารณาคดีนะคะ
ทนาย..มองหน้าเราแบบ แค้นฝังหุ่น
นั่งรอนานมาก ศาลนัด 16.30 น. มี 9 คน เห็นมา แค่ 4 คน คนนึงกำลังนั่งร้องไห้อยู่กับทนาย ว่ากลัวจะติดคุก ทนายก็คุยอยู่นาน (ทนายคนเดียวกัน) แต่ไม่มาพบศาล สงสัยทนายไล่กลับบ้าน อีกคนก็เจ้าเดียวกับเรา เทอบอกว่ายอด ตองเก้า โดนฟ้องไป 3 เราก็ฟังไม่เข้าใจ แต่เทอยอมความ เพราะไม่รู้จะทำยังไง
รอจนกระทั่ง 17.30 น. (ทนายมาบัลลังค์ถูด้วยแฮะ อยากแซว แต่ไม่มีจังหวะ) ศาลขึ้นบัลลังค์ เรียกเราคุยคนแรกเลย
ศาล : ว่าไงคุณจำเลย คุยกับทนายรึยัง
จำเลย...คุยกันแล้วค่ะ แต่ตกลงกันไม่ได้ค่ะ ยอดเงินต้น สองหมื่นสี่ แต่ยอดฟ้อง สามหมื่นห้า มีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมหมื่นกว่าบาท ยอดสูงเกินไปชำระไม่ไหวค่ะ อยากจะขอความเมตตาจากศาลช่วยพิจารณา ยอดส่วนเกินจากเงินต้นคะ
ศาล.... ว่าไงทนาย คุณไม่ลดให้เขาอีกหน่อยหรอ แล้วทางโจทย์มีข้อเสนออะไรมาให้จำเลยบ้าง
ทนาย....ให้ชำระตามยอดฟ้อง ปลอดดอกเบี๊ยเป็นระยะเวลา 1 ปี ขั้นต่ำ 1000 บาท
เรา....ยอดมันก็ยังสูงอยู่ดี
ศาล... ถ้าจะให้ศาลตัดสิน ศาลก็จะตัดสินตามยอดฟ้อง คือ 35000 บาท พิจารณาจากดอกเบี๊ยแล้วก็เห็นสมควรกับระยะการฟ้องที่ไม่ยาวนานมากนัก เพราะมีค่าปรับ ค่าติดตามทวงถาม ก็ตามนั้น ไม่ได้มียอดที่สูงเกินไป จะว่ายังไง
เรา.....(บอกตามตรงว่า อึ้งค่ะ งงมาก ไม่เหมือนที่คิดไว้ งงตรงที่ ศาลท่านพูดเข้าข้างทนาย ให้จ่ายตามฟ้อง แล้วความกลัว+กังวลก็ครอบงำ ความกล้าหายไปทันที ปากก็ไม่กล้าพูดขอเลื่อนศาล จะขอสู้คดี ก็ไม่กล้าพูด ก็ศาลท่านบอกว่ายอดไม่ผิดปกติ แล้วไงต่อ
บรรยากาศมันบังคับว่าต้อง ให้ศาลตัดสินวันนี้ โอ้ยยยย เอาไงดี เอาไงดี ทุกคนเงียบมองมาที่เราคนเดียว แต่พอรวบรวมสติได้ ก็ตอบกลับว่า ) ยอดมันก็ยังสูงอยู่ดีนะค่ะท่าน ขอความเมตตาจากศาล ยอดที่โจทย์ฟ้อง หนูยินดีที่จะจ่ายแต่ขอตัด อัตราดอกเบี๊ยส่วนต่าง ที่เกินจากเงินต้น ถ้าทางโจทย์จะลดยอดฟ้องให้ ก้อนเดียวจบ
ทนาย.....ถ้าจะชำระก้อนเดียวจบ ก็คงได้แค่เงินต้นทั้งหมดก้อนเดียว แต่ถ้ายอมความแล้ว จะขอจ่ายปิดก็ยังสามารถขอส่วนลดได้อยู่ครับท่าน
ศาล...ถ้าจะให้จำเลย จ่ายยอดเงินต้นทีเดียวจบ ก็คงจะยังจ่ายไม่ไหวหรอก ถ้าจะให้ลดก็คงลดได้แค่ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกินมา ชำระส่วนที่เป็นเงินต้นและดอกเบี้ยไป ถ้างั้นศาลจะตัดสินให้ในวันนี้เลยแล้วกันว่า จะต้องชำระที่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ รอคำตัดสินแล้วกัน
เรา....คะ
สักพักทนายก็เอาเอกสารมาให้เซ็นต์ เราถามว่าเซ็นต์อะไร ทนายบอกว่า เซ็นต์ว่าตกลงกันไม่ได้
แล้วก็เซ็นต์อีกใบ บอกว่า ยืนยันการมาศาล
สรุป เราเซ็นต์สองจุด ไม่ได้อ่านข้อความทั้งหมด หน้าตาคล้ายๆ หมายศาลที่ได้มาอันนึง แล้วก็เป็นใบๆ หนึ่งใบ
เรายังคงนั่งอยู่ในนั้น ศาลเรียก อีกคน แจ้งยอดฟ้องแล้วบอกว่า ยอมความตามยอดฟ้องนะ เทอตอบว่า...คะ
แล้วก็มีใบให้เทอเซ็นต์ ศาลเรียกครบทั้งสามคนที่มาในวันนี้ จำเลยคนนึงเดินออกจากห้องไป
เรายังคุยกับอีกคนว่าจะทำไงต่อ
เจ้าหน้าที่ในห้องบอกเราว่า กลับบ้านได้เลยนะ
เราลุกขึ้นถามศาลว่า แล้วการคัดคำตัดสิน ใครเป้นคนคัดค่ะ แล้วจะคัดได้เมื่อไหร่
แต่เราจะบอกว่า ผู้พิพากษามี 2 คนนะ ที่อยู่บนบัลลังค์ คนนึงนั่งฟังไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนที่เราถามเรื่องคัดคำพิพากษา เขาถามเราว่าของ FC ใช่ไหม เราตอบคะ เขาหันไปมองหน้าทนายแล้วเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ศาลที่ตัดสินเราสบตาทนาย แล้วพูดแทรกขึ้นมาว่า คดีทุกคดี ลูกหนี้ต้องมาคัดคำพิพากษาเอง หลังจากนี้อีกประมาณ 15 วัน แล้วก็ก้มหน้าเซ็นต์เอกสารต่อ
งง ไปเลย
แอบหลงดีใจว่า ทนายจะทำการคัดส่งไปให้เราที่บ้าน แล้วเราก็จะมีเวลาเก็บเงินได้อีก
สงสัยศาลท่านคงรำคาญที่เราเหมือนรู้มาก พูดมาก รึเปล่า คนอื่นเค้ายอมความกันหมด ยอดฟ้องเป็นแสน
ยัยคนนี้ ยอดแค่ ไม่กี่หมื่นลีลา นี้ถ้าปากกล้าได้ตลอด ขอเลื่อนศาลเพื่อสู้คดี จะเป็นไงนร๊า
แต่มันไม่ทันแล้วล่ะ ตอนนี้ยังงงๆ มึนๆ อยู่เลย ยอมรับค่ะว่า ทำการบ้านไปน้อยจริงๆ ฝากไว้เป็นข้อเตือนใจนะคะ
และที่ยังสงสัยคือ อีก 15 วัน ต้องไปคัดคำพิพากษาเองใช่ไหมเนี๊ย แล้วค่อยขอยอดปิดกับโจทย์อีกที
พอดีเปลี่ยนเบอร์โททรศัพท์ แจ้งให้ทนายแล้ว เดี๋ยวโจทย์คงติดต่อกลับมาอีกที
ท่านใดที่เข้ามาอ่านแล้ว พอจะมีแนวทางแนะนำว่าควรทำไงต่อ ขอความเมตตามา ณ ที่นี้ ด้วยคะ
เหมือนจะตกม้าตาย