รบกวนปรึกษาการหยุดจ่ายหนี้เพียงบางแบ้งค์ กับผลลัพธ์ในการต่อรอง Haircut

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2071 โดย tangwirun
สวัสดีครับ
ผมจะรบกวนถามเพื่อคลายปมสงสัยหน่อยนะครับ เผื่อว่ใครเป็น case แบบผม
1. การหยุดจ่ายบางแบ้งค์
ผมหยุดจ่ายบัตรในเครือ CitiBank 3 ใบ
และ KTC 2 ใบ ( กดเงินสด + credit )
โดยยังจ่ายของแบ้งค์อื่นๆ น่ะครับ เพราะคิดว่าจ่ายไหว รวมถึงการเก็บเงินเพื่อรอ Haircut หรือขายของบางอย่างปิดบัญชี หรือขอผ่อนชำระเป็นงวดๆ ตอน haircut 
ที่ผ่อนอยู่ก็มี Scb, BBL, Central, Firstchoice, standard 
     การทำแบบนี้จะส่งผลเสียในการ Haircut มั้ยครับ
มีพวกสนง.กฏหมายส่งใบมาแล้ว แต่ขอส่วนลดไม่ได้เลย
เพราะของ CitiBank 2 ใบนั้นยอดแค่ 15,xxx / 13,xxx
แต่อีกใบ 55,xxx ใบนี้ยอดดอกเบี้ยมาเป็น 6x,xxx ละคับ
ทุกใบผมหยุดพร้อมๆ กันหมดประมาณ 3-4 เดือนละครับ ส่วน KTC ยังเป็นส่วนของแบงค์ตามเอง ยังไม่มอบให้พวกตามหนี้โทรมานะครับ
      ทางพวกตามหนี้ CitiBank บอกว่าก็ต้องเป็นไปตามระบบ นั่นคือคือส่งฟ้องใช่มั้ยครับ ซึ่งผมเขียนความจำนงค์ขอปิดหนี้ไปตามยอดที่ตั้งใจไว้พอมีกำลังจ่ายโดยเขียนในบัตร ปชช. สำหรับ CitiBank visa แต่ตอบกลับว่าเกิน 30% ไม่อนุมัติ น่าจะอีก 1-2 เดือน ? กว่าจะส่งฟ้อง? มีส่งจดหมายและส่งคนมาถึงออฟฟิศเลยครับ แต่ตอนนี้เงียบไปหมดทุกใบเลยครับ
    ผมกลัวว่าการจ่ายบัตรอื่นๆ และบัญชีเป็นปกติ จะทำให้ผม Haircut กับ CitiBank. , KTC. ไม่ได้น่ะครับ
รบกวนปรึกษาหน่อยครับ
ขอบคุณมากๆ ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2072 โดย Champcyber99
กระบวนการ Hair-cut นี้ มิได้เกิดขึ้นได้โดยง่ายต้องผ่านการบ่มระยะเวลามายาวนานพอสมควร โดยมีสูตรดังนี้ต้องหยุดจ่ายซะก่อน ถึงจะเกิดกระบวนการ Hair-cut ขึ้นได้ยิ่งหยุดจ่ายนานเท่าไหร่...หนี้ก็ยิ่งเน่ามากขึ้นเท่านั้นหนี้ยิ่งเน่ามากเท่าไหร่...ก็ยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้นเท่านั้นหลายๆคนชอบเข้ามาตั้งคำถามที่ว่าหยุดจ่ายมาได้ 3 เดือนแล้วครับ...จะได้ส่วนลดแล้วหรือยังครับ และถ้าได้ลด จะได้ส่วนลดกี่เปอร์เซนต์ครับคำตอบทีชัดเจนคือยัง!...และไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยเพราะการหยุดจ่ายเพียงแค่ 2-3 เดือน มันเป็นเพียงบันไดก้าวแรก ที่จะไปสู่กระบวนการ Hair-cut อันแท้จริงต่อไปการ Hair-cut ที่แท้จริง มันต้องหยุดจ่ายนาน 8-10 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หรือบางทีอาจต้องรอเป็นปี หรือจนถึงขั้นได้รับหมายศาลแล้วนั่นแหละจึงมีคำถามต่อมาอีกว่า...แล้วถ้าเช่นนั้น ต้องหยุดจ่ายนานเท่าไหร่? ถึงจะได้รับหมายศาลล่ะ?คำตอบก็คือเฉลี่ยโดยทั่วไปแล้ว ประมาณ 1 ปีครับแต่บางราย...ก็นานเกินกว่า 1 ปีนะครับยกเว้น "ซิตี้แบงค์" เพียงรายเดียวที่ฟ้องเร็วที่สุด (เฉพาะรายนี้เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่ฟ้องเร็วมาก) โดยหยุดจ่ายประมาณ 4-6 เดือนก็ฟ้องแล้ว...ขอย้ำว่า...เป็นรายเดียวที่ฟ้องเร็วที่สุด...แต่รายนี้ถ้าเราได้รับหมายศาลแล้ว...ก็จะได้รับข้อเสนอราคา Hair-cut ที่งามสุดๆเหมือนกันสำหรับส่วนลดที่ทางเจ้าหนี้เสนอมาให้ ก็มีตั้งแต่ 30% , 40% , 50% , 60% , 70% แล้วแต่เงื่อนไขการเจรจา , เทคนิคการต่อรอง และความ“เน่า”ของหนี้ที่หยุดจ่ายเพียงแต่อยากให้มองว่า เงื่อนไขที่ทางเจ้าหนี้เสนอมานั้น เราจ่ายไหวไหม? น่าสนใจและรับได้หรือเปล่า? อย่าไปมองเพียงแค่ต้องการให้ได้ส่วนลดเยอะๆเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ให้พิจารณาว่าถ้าเราจ่ายไปแล้ว เราจะได้ลดเจ้าหนี้ไปอีกหนึ่งราย(ได้ลดศัตรูในการทวงหนี้ไปแล้วอีกหนึ่งที่) ที่เหลือก็ค่อยๆมาปลดหนี้ทีละรายต่อไป ตามกำลังและความสามารถ (แต่ต้องจ่ายไหวจริงๆนะ ห้ามไปกู้หนี้ยืมสินที่ต้องเสียดอกเบี้ยจากที่อื่นมาปิด Hair-cut อีก มิฉะนั้น มันจะไม่มีวันจบสิ้น)...ถ้าสามารถทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถปลดหนี้ได้โดยเร็ววัน

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2089 โดย Nok2865
มันไม่มีอะไรตายตัวค่ะ ในการแก้ไขปัญหาหนี้
ที่สำคัญที่ชมรมแนะนำคือ "การทำบัญชีรายรับรายจ่าย"
ทำออกมาดูสิว่า การที่คุณยังจ่ายทุกใบ คุณมีเงินเก็บไหม? คุณมีเงินเหลือพอที่จะแฮร์คัทหรือเปล่า?
รายจ่ายคุณเกิน 10 เท่าของเงินเดือนไหม?
หรือจะผสมผสานแบบที่คุณทำ ก็ไม่ว่า แต่คุณต้องทำบัญชีออกมา ให้เห็นตัวเลขที่ชัดเจน
เพราะการทำแฮร์คัท เหมาะสำหรับคนที่ไปไม่ไหวจริงๆ จะกินยังไม่มีจะกิน ลูกไม่มีค่าเทอม
เราไม่ได้สนับสนุนให้หยุดจ่าย เพื่อรอส่วนลด
หากคุณมีปัญหาอย่างที่สมาชิกของชมรมฯเจอคืหมุนทุกใบ จนเต็มวงเงิน ลูกเต้าไม่มีกิน เดือดร้อนลำบากมาก ก็อยากให้คุณไปอ่านนิยามคำว่าแฮร์คัทเสียก่อน วันละหลายๆรอบ
แล้วคุณจะเข้าใจว่า ทำไมเจ้าหนี้ของคุณถึงให้ส่วนลดได้แค่นั้น

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Lazio009

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2091 โดย tangwirun
ขอบคุณครับ ผมเจรจาขอจ่ายที่ 9500 จากยอด 15600
แต่จริงๆ หยุดที่ 14,xxx ครับ เค้าบอกว่าเกินกว่าเค้าอนุมัติได้
ก้อจะส่งเรื่องกลับไปแบ้งค์ตามขั้นตอนน่ะครับ
เวลาเราเจรจาปิดยอด ต้องยึดเอายอด ณ วันที่เราหยุดจ่ายหนี้ใช่มั้ยครับ
แต่ว่าตามจดหมายทวงหนี้ มันวิ่งเพิ่มขึ้นตลอดเลยครับ
เห็นแล้วก้อตกใจ หวั่นใจ
ตอนนี้คิดว่า KTC คงจะมอบอำนาจให้ใครมาทวงหนี้น่ะครับ
เงียบไปแล้ว

อีกอย่างนึง ถ้ารถเป็นชื่อผม แล้วผมควรจะโอนเป็นชื่อคนอื่นก่อน
เพื่อความปลอดภัยมั้ยครับ แต่ตั้งใจจะเจรจาเพื่อลดหนี้
และผ่อนสัก 3 งวดอยู่แล้ว แนะนำหน่อยนะครับ
ขอบคุณคร๊าาาบ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2094 โดย Nok2865
การเจรจาแฮร์คัท จะดูที่ "ยอดปัจจุบัน" ค่ะ
คุณอย่าไปสนใจดอกเบี้ยที่วิ่งๆไปเลย แค่ "จ่ายไม่เกินเงินต้นที่ยืมมา" และ "หยุดหมุนเงิน" ได้อดออมประหยัด ได้มีเวลาหายใจ แค่นี้ก็ดีกว่าต้องหมุนเป็นลูกข่าง กับหนี้ที่ไม่มีวี่แววว่าจะหมด
ยกตัวอย่าง
กอบัวหยุดจ่าย KTC ใบแรก หยุดจ่าย 35,000 หยุดจ่ายได้เกือบปี ยอดไปที่ 37,000 ได้ H/C 25,000
คุณลองไปอ่านในนี้นะคะ (บัวรับโทรไปด้วย เอาหูหนีบโทรศัพท์ พิมพ์ไม่ถนัด ขอโทษที)
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1099&Itemid=29 1ปี10เดือน สรุปเส้นทางปิดหนี้กอบัวทุกสถาบัน

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2103 โดย tangwirun
ผมต้องเป็นหนี้เพราะไม่งานทำ และนำเงินจากบัตรเครดิตไปลงทุนน่ะครับ
ทำให้เป็นหนี้พัวพันกันและเริ่มมากขึ้นๆ พอได้งานก้อพยายามจ่าย
แต่มันหลายใบมาก จ่ายขั้นต่ำมากว่าค่อนปี หมุนไม่ทันก้อกดเงินมาหมุน
ตกอยู่ในวังวนเหมือนหลายคนในบอร์ด แต่ผมคงไม่กล้าพอจะหยุดทุกใบ
เพราะแค่ 5 ใบของ 2 แบ้งค์ ก้อรบกวนจิตใจผมมากทีเดียว
เคยมีหนี้มากมาย แต่ก้อกัดฟันผ่านมาได้
แต่คราวนี้มันผ่านไม่ไหว เลยต้องเลือกวิธีนี้ครับและตั้งใจเก็บ
เพื่อปิดบัญชี ไม่ได้เจตนาเล่น Tricky เลยนะครับ
อยากให้เข้าใจ เพราะเวลาไม่มี ผมก้อไม่เคยรบกวนญาติๆ
เพราะทุกคนก้อมีภาระหมด มันเลยหมุนหลายบัตรน่ะครับ
อย่าง CitiBank ผมโทรไปปรึกษาขอลดดอกเบีิยก่อนจะหยุดจ่าย
ถึง 3 รอบ แต่เค้าบอกว่าบัญชีผมปกติไม่เข้าเงื่อนไขใดๆ
ผมเลยต้องตัดใจหยุดจ่าย เพราะอ่านหลายๆ case ในนี้
ทำใจอยู่เป็นเดือนว่าจะผ่านมันไปยังไง แบบไหนน่ะครับ
สรุปผมยอมหยุดบางแบ้งค์ที่ยอดสูงๆ และเคยเจรจาขอช่วยเหลือแล้ว
ขอให้เห็นใจ อย่าคิดว่าผมจงใจ Tricky เลยครับ
ขอบคุณครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2111 โดย Pych

Jaay เขียน: ผมต้องเป็นหนี้เพราะไม่งานทำ และนำเงินจากบัตรเครดิตไปลงทุนน่ะครับ
ทำให้เป็นหนี้พัวพันกันและเริ่มมากขึ้นๆ พอได้งานก้อพยายามจ่าย
แต่มันหลายใบมาก จ่ายขั้นต่ำมากว่าค่อนปี หมุนไม่ทันก้อกดเงินมาหมุน
ตกอยู่ในวังวนเหมือนหลายคนในบอร์ด แต่ผมคงไม่กล้าพอจะหยุดทุกใบ
เพราะแค่ 5 ใบของ 2 แบ้งค์ ก้อรบกวนจิตใจผมมากทีเดียว
เคยมีหนี้มากมาย แต่ก้อกัดฟันผ่านมาได้
แต่คราวนี้มันผ่านไม่ไหว เลยต้องเลือกวิธีนี้ครับและตั้งใจเก็บ
เพื่อปิดบัญชี ไม่ได้เจตนาเล่น Tricky เลยนะครับ
อยากให้เข้าใจ เพราะเวลาไม่มี ผมก้อไม่เคยรบกวนญาติๆ
เพราะทุกคนก้อมีภาระหมด มันเลยหมุนหลายบัตรน่ะครับ
อย่าง CitiBank ผมโทรไปปรึกษาขอลดดอกเบีิยก่อนจะหยุดจ่าย
ถึง 3 รอบ แต่เค้าบอกว่าบัญชีผมปกติไม่เข้าเงื่อนไขใดๆ
ผมเลยต้องตัดใจหยุดจ่าย เพราะอ่านหลายๆ case ในนี้
ทำใจอยู่เป็นเดือนว่าจะผ่านมันไปยังไง แบบไหนน่ะครับ
สรุปผมยอมหยุดบางแบ้งค์ที่ยอดสูงๆ และเคยเจรจาขอช่วยเหลือแล้ว
ขอให้เห็นใจ อย่าคิดว่าผมจงใจ Tricky เลยครับ
ขอบคุณครับ


คุณ Jaay อย่าคิดมากครับ ผมอ่านที่คุณ chaowalert และพี่กอบัวตอบไว้ ยังไม่เห็นว่า มีใครว่าคุณ Jaay ว่า Tricky เลยครับ

ชมรมหนี้ฯ ของเราไม่ได้สนใจ สาเหตุของการเป็นหนี้ และยินดีให้คำแนะนำ/แนวทางในการทำให้สมาชิก "ยิ้มสู้หนี้" ได้ ขอเพียงตั้งใจศึกษา หาความรู้ เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง และขอให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ชมรมหนี้ฯ ได้ให้ไว้

ถ้าคุณ Jaay ตัดสินใจจะหยุดจ่ายเพียงบางแบ้งค์ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของคุณ เพียงแต่ คุณจะเก็บเงินได้ช้ากว่าการหยุดจ่ายทุกบัตร อ่านกระทู้ปักหมดุเยอะๆ นะครับ จะได้เข้าใจมากขึ้น

ชมรมของเราให้ได้แค่แนวทาง ส่วนการตัดสินใจต้องเป็นของคุณเอง เพราะแต่ละคนมีปัจจัย ภาระ ตัวแปรที่แตกต่างกัน ไม่มีแนวทางที่ตายตัวและใช้ได้กับทุกคนนะครับ ชมรมของเรามีอยู่ 3 แนวทางหลักๆ คือ Firstway Out, Secondway Out, และ Thirdway out ซึ่งบางคน ยังสามารถเอาแนวทางหลักๆ มาใช้แบบผสมผสานกันก็ได้

เริ่มงงแล้วใช่ไหมครับ Firstway Out, Secondway Out คืออะไร ต้องอ่านกระทู้ต่อไปนี้เลยครับ


1. วิธีแก้ไขหนี้ที่ทุกคนต้องอ่าน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=179&Itemid=29

2. รวบรวมกระทู้ที่น่าสนใจในการปลด?หนี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=939&Itemid=29

3. สิ่งที่สมาชิกควรทำ

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=710&Itemid=29

หลังจากนั้น สรุปแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง จะเป็น Firstway out หรือ Secondway out หรือ Thirdway out ก็เอาให้เหมาะกับรายรับ-รายจ่ายของคุณ ต่อจากนั้นก็แค่ทำตามที่กระทู้ข้างบนบอกไว้ครับ

ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณเลือก วิธีที่ 2 SECONDWAY OUT คุณต้องทำตามที่กรรมการแนะนำไว้ในกระทู้ ดังนี้
1. หยุดจ่ายหนี้ต้องหยุดทุกรายการและหยุดตลอด อย่าหยุดบางแบงก์จ่ายบางแบงก์ (ยกเว้นรายการที่เป็นหนี้แบงก์ที่ใช้จ่ายเงินเดือนให้ กับ หนี้กองทุน ก.ย.ศ.)
และอย่าหยุดบ้างจ่ายบ้าง เพราะจะเก็บเงินก้อนไม่ได้ ไม่มีประโยชน์เลย และนับอายุความไม่ได้ด้วย

2. ต้องบอกครอบครัวให้รู้ จะได้ไม่ตกใจ รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร ผลจะเป็นอย่างไร และเป็นการระวังไม่ให้มีใครไปหลอกเอาเงินจากทางครอบครัวของลูกหนี้ได้ด้วย

3. ต้องบอกที่ทำงาน( หัวหน้างาน ฝ่ายบุคคล คนที่ทำงานเกี่ยวข้องประสานงาน เพื่อน คนที่อาจถูกรบกวนจากการตามทวงหนี้ที่ไม่มีมารยาท คนที่อ้างชื่อไว้ในสมัคร) ให้รับรู้ไว้ บอกให้รู้ว่าเราจะทำอะไร และจะเกิดอะไรบ้างระหว่างที่เราหยุดรอจ่ายปิดหนี้ที่ละบัญชี ห้ามอาย/ไม่อยากให้คนรู้เรื่อง เพราะยังไงๆ ที่ทำงานต้องรู้เรื่องแน่ ให้รู้จากเราไปเลยว่าเราจะทำอะไร อย่าให้เขารู้แต่ว่าเราถูกทวงหนี้ ให้เขารู้ว่าเราจะจ่ายทีเดียวปิดบัญชีหนี้ไปเลย ไม่จ่ายทีละนิดแล้วหนี้ไม่หมดสักที ให้ที่ทำงานรู้ว่าเราจะทำอะไรและผลจะเป็นอย่างไรเลยดีกว่า แล้วก็ต้องรู้จักขอโทษและขอบคุณเพื่อนร่วมงานตามความเหมาะสม

4. จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายใหม่เพื่อดูว่าเมื่อเราหยุดจ่ายหนี้ทุกอย่างแล้วเราเหลือเงินเท่าไหร่ เก็บออมไว้ ห้ามใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น เงินเดือน 15000 บาท ใช้จ่ายตลอดเดือน 10000 เหลือ 5000 ก็แยกเก็บไว้สัก สองบัญชี บัญชีจ่ายหนี้ 3500 และบัญชีสำรองเผื่อฉุกเฉิน 1500 อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นแต่ละคนจะเก็บได้มากได้น้อยแล้วภาระครอบครัว สำหรับบัญชีจ่ายหนี้พอเก็บได้เป็นเงินก้อนใหญ่ก็ลองเจรจาแฮร์คัทดู ส่วนบัญชีสำรองเก็บไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินในครอบครัว พยายามหารายได้พิเศษเพิ่ม

5. หาความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ต่างๆ ศึกษาให้เข้าใจจริงๆ นำไปใช้ให้ได้ และ เมื่อรู้แล้วจะได้ไม่ต้องกลัวรูปแบบการทวงหนี้และการข่มขู่ต่างๆ ที่มีสารพัดรูปแบบและหาอ่านเพิ่มเติมตามเรื่องที่คุณต้องการรู้ได้จาก google และพิมพ์คำว่า site:consumerthai.org ต่อด้วยคำที่อยากหา เช่น site:consumerthai.org แฮร์คัท หรือ site:consumerthai.org ทวงหนี้


มีอะไรสงสัย ก็กลับมาถามต่อที่กระทู้เดิมนะครับ โชคดีนะครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2146 โดย Nok2865

Jaay เขียน: ผมต้องเป็นหนี้เพราะไม่งานทำ และนำเงินจากบัตรเครดิตไปลงทุนน่ะครับ
ทำให้เป็นหนี้พัวพันกันและเริ่มมากขึ้นๆ พอได้งานก้อพยายามจ่าย
แต่มันหลายใบมาก จ่ายขั้นต่ำมากว่าค่อนปี หมุนไม่ทันก้อกดเงินมาหมุน
ตกอยู่ในวังวนเหมือนหลายคนในบอร์ด แต่ผมคงไม่กล้าพอจะหยุดทุกใบ
เพราะแค่ 5 ใบของ 2 แบ้งค์ ก้อรบกวนจิตใจผมมากทีเดียว
เคยมีหนี้มากมาย แต่ก้อกัดฟันผ่านมาได้
แต่คราวนี้มันผ่านไม่ไหว เลยต้องเลือกวิธีนี้ครับและตั้งใจเก็บ
เพื่อปิดบัญชี ไม่ได้เจตนาเล่น Tricky เลยนะครับ
อยากให้เข้าใจ เพราะเวลาไม่มี ผมก้อไม่เคยรบกวนญาติๆ
เพราะทุกคนก้อมีภาระหมด มันเลยหมุนหลายบัตรน่ะครับ
อย่าง CitiBank ผมโทรไปปรึกษาขอลดดอกเบีิยก่อนจะหยุดจ่าย
ถึง 3 รอบ แต่เค้าบอกว่าบัญชีผมปกติไม่เข้าเงื่อนไขใดๆ
ผมเลยต้องตัดใจหยุดจ่าย เพราะอ่านหลายๆ case ในนี้
ทำใจอยู่เป็นเดือนว่าจะผ่านมันไปยังไง แบบไหนน่ะครับ
สรุปผมยอมหยุดบางแบ้งค์ที่ยอดสูงๆ และเคยเจรจาขอช่วยเหลือแล้ว
ขอให้เห็นใจ อย่าคิดว่าผมจงใจ Tricky เลยครับ
ขอบคุณครับ


บัวเคยผ่านวันเวลาที่เป็นเช่นคุณ เหมือนหลายๆคนเป็น หมุนเงินไปมาหลายบัตร จนไปไม่ไหว
กลางคืนเฝ้าถามตัวเองว่า "เราทำอะไรผิด เราทำอะไรพลาด ทำไมชีวิตจึงมาถึงจุดอับเช่นนี้"
มันผ่านไปแล้วค่ะ บัวเจอสมาชิกหลายประเภท เจอคำถามหลายคำถาม
เจอคำถามชี้นำคุกมาให้กับคนตอบ
เจอคำถามทีก่อให้เกิดการปิดเว็บ จากเจ้าหนี้
คุณไม่ต้องคิดมาก แต่ขอให้อ่านมากๆ จะได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ของคุณเอง

บัวขอเอาคำพูดของประธานชมรมฯ พี่นกกระจอกเทศ มาเป็นกำลังใจให้คุณ

"อย่าโทษตัวเอง อย่านึกถึงอดีตว่าเราไม่น่าพลาดไปสร้างหนี้
อย่าไปทรมานกับอนาคตว่าจะอยู่อย่างไร หนี่จะหมดเมื่อไหร่
หนี้ต่างๆเป็นคดีแพ่ง ไม่ได้มีโทษประหารชีวิตถึงตาย
ไม่มีใครพิพากษาเรา...
มีแต่เราเองนั่นแหละที่จะพิพากษาชะตาชีวิตของตัวเอง
เป็นหนี้ใคร ใครก็ต้องจ่าย แต่เราไม่ได้เป็นหนี้ศักดิ์ศรีของความเป็นคนให้แก่ใคร
อย่าให้ใครมาย่ำยี เหยียดหยาม เหยียบย่ำในชีวิตของเราให้ต้องจมติดดิน อับอายขายหน้า
ประหนึ่งว่า ความผิดในการเป็นหนี้นั้นเป็นความผิดที่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตและศักดิ์ศรี
พ่อกับแม่ของเราต่างหากที่เราต้องชดใช้ บุคคลทั้งสองท่านนี้ต่างหากที่เราเป็นหนี้อย่างแท้จริง
เป็นหนี้ที่เราสมควรต้องชดใช้ ต้องให้...และยิ่งให้มาก ใช้หนี้มาก เราก็กลับยิ่งได้ ได้และได้มากขึ้น
ไม่มีสตางค์เรื่องเล็ก ไม่มีสติเรื่องใหญ่
สติมาก่อนสตางค์ ปัญหาหนี้มีทางออก"




นกกระจอกเทศ ประธานชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
คำนิยมจากหนังสือ "ล้างหนี้บัตรเครดิตขั้นเทพ" โดยคุณธีร์ ฉลาดแพทย์ ,สนพ.แฮปปี้บุคส์

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Hathaichanok05, Lazio009

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2223 โดย tangwirun
ขอบคุณมากๆ ครับ
ผมจะอดทน อดออม เพื่อปลดหนี้ทุกตัว
และเป็นอิสระจากพวกเจ้าหนี้ให้ได้ครับ
ขอบคุณครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2230 โดย Skynine
แวะเอากำลังใจมาให้ หนี้มันอยู่กับเราไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็ไปจากชีวิตเรา อย่ากังวล อย่าท้อ อย่าถอย สู้ๆๆ
พี่อังสวย ประหาร

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2245 โดย tangwirun
รบกวนสอบถามครับ ด้วยความมือใหม่ อ่านคำแนะนำไม่มากพอ
ตอนที่ สนง. ทวงถามเข้ามาพบ เลยเขียนข้อความบนเอกสารสำเนา ปชช.
ระบุขอพิจารณาอนุมัติปิดบัญชียอดเท่านี้.... ภายในวันที่.... แต่ไม่ได้เขียนกำกับว่า
หลังได้รับใบยืนยันลดหนี้แล้ว
ดังนั้นเพื่อความสบายใจ อุดช่องโหว่ของเอกสาร
ผมจะส่งเอกสารแจ้งกลับไปอีกครั้งว่าการร้องขออนุมัตินั้น
ในวันที่.... ได้รับการแจ้งผ่านโทรศัพท์ว่าไม่สามารถอนุมัติได้
จึงถือว่าเอกสารการแจ้งความประสงค์ปิดบัญชียอด....ภายในวันที่....
ถือเป็นโมฆะ ไม่มีผลในการใช้เป็นข้อกล่าวอ้างใดๆ ในภายหลังของฝ่าย
โจทย์ เพราะถือว่ายังไม่สามารถเจรจาได้ตามเงื่อนไขและความพร้อมในกาวชำระหนี้
ของข้าพเจ้า
กรณีนี้ผมส่งกลับไปเพื่อแจ้งทางนั้นไว้ประมาณนี้ดีมั้ยครับ
มีคนเตือนว่าเอกสารผมอาจจะถูกปลอมแปลง เป็นเหตุให้เราลำบากได้ภายหน้าน่ะครับ
รบกวนพี่ๆ แนะนำหน่อยครับผม
แล้วคราวหน้า ผมจะเขียนให้ละเอียดเลย ไม่โหว่แล้ว
หรือไม่ใจอ่อนให้เอกสารอะไรเลย จนกว่าจะได้ใบยืนยันการลดหนี้เท่านั้น
แนะนำผมด้วยนะครับ ; (

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #2285 โดย Nok2865
คุณคิดถูกแล้วว่า จะไม่ใจอ่อนให้เอกสารใดๆ
สำหรับเอกสารที่เซ็นไปแล้วนั้น ช่างมันเถอะค่ะ หากกลัวว่าเขาจะเอาไปทำอะไร ก็ขอคืน โดยไม่ต้องไปส่งเอกสารหรือคำร้องอะไรให้ยุ่งยาก
หากมีการปลอมแปลงเอกสาร โดยที่คุณไม่ได้ยินยอมอะไร มันนั่นแหละจะโดนหนัก เป็นอาญาด้วย

การเขียนคำร้อง หรือส่งเอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชน ใบแจ้งหนี้ต่างๆ บิลค่าใช้จ่ายต่างๆ
"ไม่จำเป็น" เสมอไป พอใจอยากส่งก็ส่ง ไม่อยากส่งก็ไม่ต้องส่ง
ส่วนตัวของกอบัว เคยส่งไป 2 ครั้งๆแรก (ตอนนั้นมือใหม่) เขาบอกไม่ผ่าน นายไม่อนุมัติ เห็นไหม? เสียดายค่า FAX ค่ากระดาษชิปเป๋งเลย
ครั้งสุดท้าย ปิดบัตร KTC ก็ส่งแค่สำเนาบัตรปชช.ไป (ตามกระทุ้เส้นทางปิดหนี้กอบัว บัตร KTC ใบสุดท้าย)
ก็ผ่านเพราะ สถาบันมีส่วนลดดีๆให้ตอนนั้นเอง
แต่การส่งเอกสารต่างๆ ให้ขีดคร่อม ลงจุดประสงค์ เช่น "สำเนาถูกต้องเพื่อขอส่วนลดบัตร..." ลงวันที่กำกับให้เรียบร้อย อย่าเลินเล่อ สะเพร่า

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแฮร์คัทมีสองอย่างค่ะ
1.นโยบายของสถาบันการเงินแห่งนั้นว่า เขามีส่วนลดมากน้อยที่เท่าไหร่
2. คุณมีเงินที่จะชำระหนี้เขาหรือยัง?

นอกนั้นอาศัยเทคติกล้วนๆค่ะ อ่านมากๆ ฝึกฝนเอา ของแบบนี้ต้องฝึกฝนเอาเอง ปรมาจารย์ก็สอนบ่ได้เด้อค่ะ

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Lazio009, 3190400254488B

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #6704 โดย tangwirun
วันนี้แบ้งค์บอกว่าจะดึงเรื่องมาทำเอง ไม่มีนโยบายลด
หยุดมาจะหกเดือนแล้ว เลยขอเวลาเค้าก่อน
ไม่อยากจ่ายหยอด ยังไม่รู้จะขอเวลาได้แค่ไหน
ตอนนี้. ใครเจอมุขนี้ หรือจริงๆ แล้วผมยังมีหวังว่าจะปิดได้
ตามยอดเงินและกำลังที่เร่งเก็บอยู่ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #6707 โดย Champcyber99

Jaay เขียน: วันนี้แบ้งค์บอกว่าจะดึงเรื่องมาทำเอง ไม่มีนโยบายลด
หยุดมาจะหกเดือนแล้ว เลยขอเวลาเค้าก่อน
ไม่อยากจ่ายหยอด ยังไม่รู้จะขอเวลาได้แค่ไหน
ตอนนี้. ใครเจอมุขนี้ หรือจริงๆ แล้วผมยังมีหวังว่าจะปิดได้
ตามยอดเงินและกำลังที่เร่งเก็บอยู่ครับ

แบงค์ดึงเรื่องมาทำเองจริงหรือสำนักงานที่เรียกตัวเองว่าผู้รู้กฏหมายมันทวงเงินคุณไม่ได้เรื่องมันก็ถูกส่งคืนเจ้าหนี้เป็นเรื่องปกติอีกไม่นานก็ส่งต่อไปให้สำนักอื่นๆๆทวงต่อหรือไม่ก็ฟ้องเลยเท่านั้นละ ไอ้ที่บอกว่าไม่มีนโยบายลดให้นั้น บอกเขาไปว่าไอ้ไม๊ 50%โวย
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?...d=1301&Itemid=29 อีกหนึ่ง...ใน"มุขขำๆ" ที่เอาไว้ใช้ตอบกับไอ้พวกทวงหนี้ - ของพี่นกกระจอกเทศ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #6709 โดย Nok2865
ลองหาตรงช่อง "สืบค้น" มุมขวาบนเว็บบอร์ดนะคะ คีย์คำว่า "KTC เคทีซี" แบบเนี้ยเข้าไป คุณจะได้ข้อมูลจากเพื่อนๆเราหลายคน เป็นแนวทาง
มันไม่มีอะไรใหม่หรอก...วนไปวนมา นโยบายของแต่ละสถาบันเปลี่ยนแปลงได้
ได้ข่าวมาเหมือนกันว่า เคทีซีได้ผู้บริหารชุดใหม่จากนครหลวง(เก่า) เออ..ดี บริหารที่เดิมจนเจ๊งมาแล้ว เจ๊งอีกสักที่จะเป็นไรไปเล่า...เน๊อะ...
นโยบาย ส่วนลดจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า คุณเก็บเงินคืนเขาทันไหม
กอบัวปิดสถาบันนี้มา สี่ใบ ยอดรวมแสนแปด ฝ่าแดดฝ่าลมฝ่าหนาวกับสถาบันนี้มาพอสมควร
กว่าจะได้ส่วนลดค่ายนี้ หยุดจ่ายร่วมปีครึ่ง...
หกเดือน หนี้ยังเน่าไม่พอเล้ย...ไม่ต้องไปถามหาส่วนลด
เก็บตังค์ไปก่อนเถอะคะ แล้วไปจ่ายให้กับเจ้าหนี้รายอื่นๆที่ให้ส่วนลดดีกว่า

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #6719 โดย Pych

ผมรวมกระทู้ให้นะครับ เรื่องราวของคุณจะได้ต่อเนื่อง

ไม่ทำให้รกเว็บบอร์ดและดันกระทู้ดีๆที่น่าสนใจตกไปอยู่หน้าอื่น


"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #6728 โดย tangwirun
ขอบคุณมากครับ ที่รวมกระทู้ให้
ผมจะอดทนและอดออมรอต่อไปครับผม
วันนี้ทำเอาจิตตกไปเลย....

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 10 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #46063 โดย tangwirun
สวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนทุกคน ผมมีเรื่องปรึกษาน่ะครับ
คือผลการขึ้นศาลรอบสอง จบแล้ว ได้เอกสารพิพากษาคดีของบัตร เคทีซีแล้วครับ
มี 2 ใบ แต่ผมลองโทรถามฝ่ายประนอมหนี้ เพื่อสอบถามนโยบายการลดค่าธรรมเนียม
รวมถึงดอกเบี้ยต่างๆ ว่าจะจ่ายงวดเดียวนั้น เท่าไหร่
ทางเจ้าหน้าที่แจ้งกลับว่าให้ผมส่งสำเนา ID ไปเพื่อให้เค้าทำหนังสือแจ้งกลับ โดยยอดที่ให้ส่วนลดมา
สรุปต่ำกว่ายอดที่ได้รับการพิจารณาคดีจากศาล ( เพราะผมต้องชำระค่าฤชาและค่าทนายด้วย )

จะถามว่า ผมสามารถแจ้งกลับ และขอหนังสือยืนยันยอดสุดท้ายจากเจ้าหน้าที่เลย
ว่าจะปิดจบเท่านี้ แล้วถือว่าหนี้เป็นอันสิ้นสุด.... สามารถทำได้หรือไม่ครับ
เหมือนว่าเราขอเจรจาส่วนลดว่าเราจ่ายไม่ไหว ถ้าจ่ายงวดเดียวขอส่วนลดลงอีก ประมาณนั้นน่ะครับ
โดยศาลท่านให้ช่องว่า ดอกเบี้ยคิดได้ในอัตรา 15% แต่ไม่เกินเท่าไหร่ พร้อมให้ผมชำระค่าฤชา กับค่าทนายด้วย

ผมทำเรื่องเจรจาโดยไม่อ้างอิงผลพิจารณาจากศาลท่านได้มั้ยครับ
ขอบคุณครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #46070 โดย เด็กหญิงส้มโอ
คำพิพากษาของศาลคือที่สุด
เเต่ถ้าจะเจรจาปิดบัญชีกับเจ้าหนี้ก็ทำได้
ขึ้นกับความพึงพอใจในการลดหนี้ของเจ้าหนี้ว่าจะลดให้เเค่ไหน เเละความพร้อมจ่ายของลูกหนี้
เพราะถ้าตกลงตัวเลขกันไม่ได้ ก็กลับไปยึดตัวเลขตามคำพิพากษา
ถ้าจะส่ง ID ไป ก็ขีดคร่อมให้เรียบร้อย เเละต้องมีใบ haircut ก่อนจึงจ่ายเงิน

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #46071 โดย tangwirun
ขอบคุณมากๆ ครับ
เพราะจำได้ว่า พี่ๆ ระบุไว้ในบอร์ดคือเราสามารถเจรจาได้ทุกๆ ระยะ
ก่อนขึ้นศาล หลังขึ้นศาล เราก็เจรจาได้เช่นกัน ขอแค่เก็บเงินก้อนไว้ให้ได้มากพอ
แสดงว่า ผมสามารถเจรจาและยึดตามยอดที่ตกลงกับทางทีมประนอมหนี้ล่าสุดได้
เพราะคำตัดสินของศาลให้กรอบไว้เพียงว่า คิดดอกเบี้ยไม่เกิน.... จ่ายค่าฤชา จ่ายค่าทนายเท่าไหร่
หากเรามีกำลังไม่ถึง ขอเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อชำระครั้งเดียว จะหาจากไหนเพิ่มเติมเพื่อปิดยอด
ก็สามารถดำเนินการได้ ใช่มั้ยครับ
เพียงแต่ให้มีเอกสารส่งกลับเพื่อยืนยันยอดปิด
ก่อนผมจะไปชำระตามกฏเหล็กที่เราต้องยึดถือ

คือผมแค่เกรงว่า เราไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ในการชำระเท่านั้น เท่านี้
ต้องจ่ายค่าทนายแทนโจทก์ 3,000 บาท พร้อมค่าฤชา
แล้วจะมีผลอะไรให้เค้ามาบังคับคดีผมมั้ยน่ะครับ

แต่ในใจคิดว่า หากมีใบยินยอมปิดหนี้จากเคทีซีแล้ว น่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยระดังนึงเข่นกัน
ก็กะจะดำเนินการไปก่อน หากเค้าไปตรวจสอบจะให้จ่ายเพิ่มยังไง ค่อยมาเจรจากันอีกต่อไป

หากพี่ๆ เพื่อนๆ ผู้รู้ท่านใดพอทราบ หรือแนะนำเพิ่มเติมได้ รบกวนแนะนำผมด้วยนะครับ
ปิดตัวนี้ได้ ผมก็จะโล่งไปอีกรายแล้วครับ
ขอบคุณครับผม

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.430 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena