สวัสดีค่ะ หลังจากแอบอ่านในเว็บนี้มานาน ร้องไห้ตาบวมมาหลายครั้ง วันนี้อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ตัวเอง โดยขอผ่านพื้นที่แห่งนี้นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
เราลาออกจากงานเมื่อเดือน พ.ย. 54 และเป็นจุดเริ่มต้นของการหยุดจ่าย โดยได้ศึกษาวิธีการปลดแอกหนี้สินมาหลายครั้งหลายครา จดหมายมากมายที่ถูกส่งมาที่บ้าน โทรศัพท์ที่ดังไม่เว้นในแต่ละวัน วันละเป็น 10-20 สาย ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็คงจะคล้ายๆหลายๆท่านได้ประสบมา
ปัจจุบันเราค้าขาย ทำธุรกิจเอง การประหยัดช่วยได้หลายสิ่ง การเพียงพอและพอเพียงทำให้ลืมตาอ้าปากได้ การไม่เครียดทำให้มีสติแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
พูดถึงหนี้สิน เรามีหนี้ในระบบ 3 อย่างค่ะ
1.รถยนต์ ทำไฟแนนซ์กับธนชาต
2.บัตรเครดิต มีเฟิร์สช้อย 55,000 บาท / ธนชาตไดร์ฟ 40,000 บาท / ธนชาตแฟลช 40,000 บาท
3.รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกับธ.อิสลาม 150,000 บาท
ตอนที่ 1 เราจะเล่าเรื่องราวตลอดเกือบ 8 เดือนที่ผ่านมาค่ะ
การลาออกจากงาน ตรงนี้เราไม่ขอเอ่ยถึงนะคะ เรานิสัยไม่ดีเองที่ไม่มีภาวะในการทำงานแบบบริษัท ที่หลายๆท่านก็รับรู้ปัญหาในการทำงานในบริษัทอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสินใจลาออกแบบไม่รอรับโบนัสในเดือนธ.ค ด้วยเหตุผลที่ว่าศักดิ์ศรียิ่งใหญ่กว่าเงิน ยอมรับว่ามีความเสียดายเงินแสนที่กำลังจะได้ในอีกไม่กี่วัน แต่ว่าเราเลือกที่จะไม่ก้มหัวเอง เลยต้องดิ้นรนอย่างหนักกับภาระที่มีอยู่ข้างหลัง ไม่แนะนำให้ใครๆทำตามนะคะ เพราะมีอันตรายต่อจิตใจมาก
เราหยุดจ่ายหนี้ในข้อ 2 และข้อ 3 เพื่อรอการเจรจา แต่ว่ารายรับไม่เข้า เงินกองทุนยังไม่ได้ ทำให้ค่างวดเริ่มติดขัด เราเริ่มค้างชำระค่างวดรถยนต์ จนกระทั่งครบ 3 เดือน
ด้วยการค้นหาข้อมูลพบว่า ไฟแนนซ์สามารถยึดรถได้เมื่อครบ 4 เดือน แต่ดันลืมหาข้อมูลว่าจะเกิดค่าปรับมากมายแค่ไหน ค่างวดเราครบกำหนดทุกวันที่ 9 แต่การติดตามหนี้จะตัดค่าปรับทุกสิ้นเดือน เมื่อเริ่มเดือนใหม่ค่าปรับจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ
เราคุยกับ จนท.ทางโทรศัพท์ประมาณวันที่ 25 และนัดชำระค่างวด 3 งวดพร้อมค่าปรับ 3000 บาทภายในวันที่ 5 ซึ่งในวันที 9 จะครบ 4 เดือนและไฟแนนซ์อาจจะมายึดรถทันทีก็เป็นได้ แต่เช้าวันที่ 5 มี จนท.ผู้ชายมาที่บ้านเพื่อตรวจสอบรถยนต์ พร้อมแจ้งจำนวนเงินที่ต้องไปชำระ ผลคือค่าปรับจาก 3000 กลายเป็น 8000 บาท ส่วนต่างมากขึ้น 5000 บาท วันนั้นเลวร้ายมากเลยค่ะ เราร้องไห้ต่อหน้าพ่อ แฟน เรารู้สึกแย่และรู้สึกไม่ดีที่ทำให้พ่อเครียดไปด้วย คุณพ่อเราท่านดีมากค่ะ พูดมาว่าเดี๋ยวจะไปถามแม่ให้ว่ามี 5000 บาทไหม สถานะการเงินบ้านเราไม่ได้รวยเลยค่ะ หากิน หาใช้ ไปวันๆ
แต่เรามีเงิน 5000 บาทไว้สำหรับซื้อของมาขาย ก็บอกพ่อไปว่าไม่เป็นไรเรามีเงินจ่าย แค่เสียดาย แฟนเราก็ปลอบใจว่า ช่างมันเถอะ ไว้หาใหม่เงินแค่นี้ เรายังโชคดีที่มีกำลังใจมากโขอยู่ข้างๆ
ทำให้เรารู้ว่าค่าปรับพอขึ้นเดือนใหม่ จะเพิ่มมากขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ ทีแรกเราตั้งใจจะไม่จ่ายค่าปรับนะคะ เราเสียดายเงิน แต่ว่าปรึกษากันในครอบครัว ไม่อยากให้มันค้างไว้กลัวนู่นนี่ กลัวตอนปิดไฟแนนซ์จะโดนค่าปรับอีกเยอะ ก็ตัดสินใจกันว่าจ่ายทั้งหมดค่ะ
วันที่ 6 เราไปชำระค่างวด 3 งวด พร้อมค่าปรับ 8000 บาทที่ธนชาต ซึ่งในเดือนนี้เป็นเดือนที่เราขายทุกอย่างเลยค่ะ เพื่อรักษารถไว้ใช้ทำมาหากิน โทรศัพท์ นาฬิกา รองเท้า เสื้อผ้า ตุ๊กตา อะไรที่มีแบรนด์ หรือพอจะขายได้ เรากับแฟนขายหมดเลยค่ะ พ่อและเพื่อนรักให้โทรศัพท์โนเกียมาใช้ติดต่อเวลาขายของในเน็ต แรกๆทำใจไม่ได้เลยนะคะ จากที่มีกลายเป็นไม่มี แต่ว่าล่ะที่มีของดีๆแพงๆใช้ก็เพราะเจ้าบัตรเครดิตเนี่ย เฮ้ออออ ที่ทำบัตรก็เพราะพอมีเงินเดือนสูง ก็ทนงตัวเองค่ะว่ารวย ต้องมีหน้ามีตาในสังคม ซื้อนู่นนี่นั่นไว้ประดับบารมีตัวเอง โดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่าจะก่อหนี้ได้หลายแสนขนาดนี้ T^T
ปัจจุับันเราจะจ่ายค่างวดรถ อย่างช้าคือแค่ 2 งวด เพราะกลัวค่าปรับค่ะ
ต่อมาหนี้รีไฟแนนซ์กับธนาคารอิสลาม หยุดจ่ายค่ะ เพราะไม่ไหวจริงๆ และไม่รู้ด้วยว่าเค้าจะฟ้องโดยไม่คุยรึเปล่า เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาได้มีการคุยกับ จนท.ไว้ว่าจะปรับปรุงโครงสร้างให้เหลือจ่ายเดือนละน้อยๆ เท่าที่ไหว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างเลย ไว้คืบหน้าจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
ส่วนหนี้บัตรเครดิต ธนชาตไดร์ฟ และธนชาตแฟลช บัตรละ 40,000 บาท มีจนท.จากสำนักงานทนายความโทร.มาเมื่อต้นเดือน มิ.ย. นี่เอง แจ้งว่าให้เราจ่ายขั้นต่ำบัตรละ 10,000 บาทเพราะเราค้างไว้นาน จ่ายภายในสิ้นเดือนนี้ ไม่งั้นจะส่งเรื่องฟ้อง ซึ่งสิ้นเดือนนี้เราไม่ีมีจ่ายอ่ะคะ ก็รอดูว่าในเดือน ก.ค. เค้าจะโทร.มาว่ายังไงต่อ
สุดท้ายบัตรเฟิร์สช้อย เป็นเจ้าเดียวที่มีการติดตามหนี้ต่อเนื่องที่สุด ล่าสุดมี จนท.ทางสำนักงานทนายโทร.มาปลายเดือน พ.ค. ให้เราชำระ 3000 บาทภายในวันที่ 11 มิ.ย. และเพื่อจะส่งเรื่องปรับปรุงหนี้ให้หรือให้เราชำระ 32,000 บาทเพื่อปิดบัญชีหนี้ เสียดายตรงนี้มากค่ะ แต่ไม่มีเงินก้อนไปปิด T^T เราชำระ 3000 บาทไปแล้วค่ะ และมี จนท.เฟิร์สช้อยโทร.มาให้ปรับปรุงหนี้ ผ่อนเดือนละ 1,784 บาท ระยะเวลา 48 เดือน คิดเป็นเงินนี่เกือบ 90,000 บาทได้ แต่ไม่เป็นไรเป็นหนี้ก็ต้องจ่ายค่ะ ไว้มีเงินก้อนค่อยไปขอปิดบัญชีเอา
จบตอนที่ 1 ค่ะ
ตอนนี้สบายใจมากๆค่ะ พยายามคิดบวก ไม่เครียด เพราะจะได้มีสติกับชีวิต แต่ถ้าวันไหนขายดีกำไรเยอะ เราก็จูงมือกับแฟนไปกิน บาร์บีคิวพลาซ่าเป็นรางวัลทำงานกัน มื้อนึงไม่เกิน 500 บาท
ไว้รวบรวมเรื่องตอนที่ 2 ได้ จะมาเล่าต่อนะคะ