สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกใหม่ของชมรมขอเล่าประสบการณ์ไปศาลครั้งแรกในชีวิตนะคะ
เมื่อกลางปี 2557 หลังจากหยุดจ่ายบัตรเครดิตทุกใบของคุณแม่
หมายศาล KTC 2 ใบ คือ บัตรเครดิตกับสินเชื่อ ก็มาวางอยู่ในตู้ไปรษณีย์บ้านเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2557
แอบงงว่าทำไมมันไม่แขวนหรือแปะเหมือนชาวบ้าน >_< ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องอายเพื่อนบ้าน สำรวจรายละเอียดดูก่อน ครบไหม เลขที่คดี สถานที่
นัดไกล่เกลี่ย XX มกราคม 2558 ศาลตัดสินคดีเดือนถัดไป โอเค ข้อมูลแน่นปึ้ก เอกสารหนาได้อีก จ่ายดอกเบี้ยมาตั้งแต่ปี 48 ยอดหนี้ฟ้องยัง 2xx,xxx บาท หยุดจ่ายสี่เดือน ฟ้องแล้ว TYT
จะบ้าตาย มีเวลาศึกษาข้อมูล ลุยอ่านหนังสือ "เอาตัวรอดจากหนี้บัตรเครดิต" กับ "เคลียร์หนี้บัตรเครดิตขั้นเทพ[แบบถูกกฏหมายฉบับปรับปรุง]" จนมั่นใจว่ากูรอดแน่
14 มกราคม วันนี้ไปศาลตั้งแต่ แปดโมงเช้า ศาลนัดเก้าโมง ไปถึงก็รับบัตรคิว เช็คเอกสาร เรามาแทนแม่ เพราะพี่ชายไม่ว่าง ก็ต้องมีใบมอบอำนาจพร้อมติดอากรแสตมป์+ขีดฆ่าเรียบร้อย และสำเนาบัตรประชาชนพร้อมเซ็นรับรอง โอเคพร้อม ไปนั่งรอ สักพักคนก็เริ่มทยอยมา วันนี้เป็นวันไกล่เกลี่ยของKTC ค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ออกมาอธิบายรายละเอียดการลดยอดหนี้ บลาๆๆๆ
เสียงหวานเหมือนน้ำตาลเคลือบฟอร์มาลีน เราก็นั่งฟังๆๆๆ ทนายความก็เริ่มมากันเรื่อยๆ เราก็คอยฟังเสียงเรียก รอประมาณ 10 นาที ก็ถึงคิวค่ะ
รอบที่ 1 เจ้าหน้าที่ KTC VS ลูกหนี้จำเป็น
เจ้าหน้าที่ KTC เป็นผู้หญิง น่าจะอายุพอๆกับเรา พูดจาดี แต่เหมือนชั่วโมงบินยังน้อย นางอธิบายว่า KTC จัดมหกรรมช่วยเหลือลูกหนี้มี 3 เงื่อนไขนะคะ
1 ผ่อน 12 เดือน ไม่มีดอกเบี้ย
2 ผ่อน 36 เดือน ดอกเบี้ย 7.5%
3 ปิดจบที่ยอดฟ้อง ลดดอกเบี้ยให้แต่ไม่ต่ำกว่าเงินต้น
เราก็ฟังๆ นางแนะนำว่าของแม่เราอ่ะมี 2 บัตร ยอดฟ้องรวม 2XX,XXX บาท นะคะ
เลือกเงื่อนไขแรก เดือนละ 15,XXX / 12 งวด ปลอดดอกเบี้ย รวม 186,XXX บาท
เลือกเงื่อนไขสอง ไม่รู้ไม่ได้ฟัง รู้แต่จ่ายน้อย 35 งวด และไปตายในงวดที่ 36 TYT
เลือกเงื่อนไขสาม ปิดจบตู้มเดียว จ่าย 188,XXX บาท สรุปคือแทบไม่ลดเลย ว่างั้น TYT
เราบอกงั้นขอเลื่อน จะขายที่ดินตัวเองเพื่อปิดหนี้ แต่มันต้องใช้เวลา เจ้าหน้าที่อึกอักนิดนึง ก่อนบอกว่าจะไม่มีมหกรรมลดหนี้อีกแล้วนะคะ เราก็ค่ะ ไม่ลดก็ไม่เอา ขอเลื่อนค่ะ ชัดเจน [เน้นเสียง] เจ้าหน้าที่ส่งเอกสารเลยบอกว่างั้นนั่งรอทนายด้านนอกค่ะ เราก็โอเค เดินไปรอด้านนอก รู้สึกแปลกๆ [เหมือนอาจารย์เจน ณาญทิพย์] คนอื่นที่มา เหมือนโดนมนต์สะกดจากอะไรบางอย่าง แทบทุกคนเซ็นสัญญายอมความกับเจ้าหน้าที่อย่างง่ายดาย เลือกข้อแรกบ้าง ข้อสองบ้าง ทุกคนมาวันนี้เพื่อจบหนี้โดยไม่ต้องมาในนัดหน้า เราก็ไม่สนค่ะ นั่งรอต่อประมาณ 10 นาที ทนายก็เรียกให้เข้าไปคุย
รอบที่ 2 ทนายความหัวหมอ VS ลูกหนี้จำเป็น
เหมือนที่อ่านในหนังสือทุกประการ ที่คุณนกประจอกเทศบอกไว้เป๊ะๆ ทนายโจทย์ถามเหตุแห่งการเลื่อนนัดศาล เราก็บอกว่าเราไม่พอใจส่วนลด ต้องการเลื่อนเพื่อเจรจากับทางธนาคารอีกครั้ง ทนายก็ชักแม่น้ำแยงซีเกียงถึงปากน้ำโพอ่าวไทย บอกว่าส่วนลดคงไม่ได้แบบนี้แล้วนะ ฉอดๆๆๆๆ เราบอกไม่เป็นไร ขอยืนยันว่าเลื่อนค่ะ [เน้นเสียงอีกรอบ ขี้เกียจฟัง >_<] ทนายโจทย์ก็???? งั้นก็ตามใจครับเหมือนไม่เต็มใจ บอกให้เราเซ็นหนังสือยืนยันการเลื่อนนัดศาล เสร็จแล้วกลับบ้านได้
เราก็ไม่ค่ะ ขอพบศาล จะเซ็นเอกสารพร้อมทนาย เขาก็อึ้งไปนิดนึง แล้วบอกปัดๆให้เรานั่งรอข้างนอก เราก็พยักหน้ารับรู้ แต่มันแปลกๆ เลยตัดสินใจโทรหาคุณอาไพโรจน์ว่ามันทะแม่งๆ คุณอากรุณาเรามาก บอกว่าอย่าไปเชื่อ ทนายโจทย์จะทำทุกอย่างให้เราไม่ได้เจอศาล ไม่อำนวยความสะดวกให้เรา ห้องอยู่ไหน เจอใครไม่บอกเลย เราต้องลุยเอง ถามเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง คุณอาบอกให้เรารอตรงนั้นเลย เราก็โอเควางสาย สักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกให้เราเข้าพบศาลค่ะ
รอบที่ 3 ศาลผู้อารี VS ลูกหนี้จำเป็น
ศาลเป็นผู้ชาย อายุเยอะแล้ว ดูเป็นคุณอาใจดี ท่านถามว่าทำไมอยากเลื่อน มีเหตุผลอะไร เราก็จัดเต็มค่ะ บอกเหตุผลไม่พอใจกับส่วนลด แล้วกำลังจะขายที่ดิน เอาเงินก้อนมาโปะ นำใบประเมินราคา
โฉนดที่ดิน รูปถ่ายให้ดูว่า เนี่ย เราจะขายจริงๆนะคะ แต่มันต้องใช้เวลาในการพูดคุยต่อรองราคา เพราะทางคนซื้อก็อยากได้ถูกๆ แต่เราลดไม่ได้ เพราะแม่เราหนี้เยอะ บลาๆๆ ท่านก็ถามว่างั้นหนูอยากได้เวลาเท่าไหร่
เราบอกว่าอย่างน้อยสักสามเดือน แต่มากกว่านี้ก็ดี เพราะหนี้ของแม่เยอะค่ะ [เน้นอีกรอบ] ท่านก็ใจดีบอกว่างั้นเอาอย่างนี้ลองวิธีที่สองไหม ผ่อน 36 เดือน จ่ายน้อยๆไปก่อน พอได้เงินก้อนแล้วค่อยมาปิด หนูจะได้ไม่เสียเวลามาศาลบ่อยๆ เราก็ยิ้มบอกท่าน ไม่เป็นไรค่ะ ชัดเจนว่าจ่าย แต่ต้องจบในรอบเดียว และต้องเป็นราคาที่เหมาะสม หนี้ไม่ใช่ของเรา เป็นของแม่ แม่มีหนี้บัตรเครดิตสิบที่ เจ็ดสถาบันการเงิน แต่เราแสดงเจตนากับท่านว่าไม่เคยคิดเบี้ยว ยินดีรับผิดชอบแทน ดังนั้นต่อให้มาศาลอีกกี่ครั้งก็ยินดีมาค่ะ ศาลท่านยิ้มพยักหน้าโอเค งั้นหนูมาศาลเดือนหน้าต้องยื่นคำให้การกับศาลเพื่อขอเลื่อนการสรุปผลการพิจารณาด้วยนะ ก่อนกลับก็เซ็นเอกสารเลื่อนนัดไกล่เกลี่ยสืบพยานด้วย
เราก็อ่านๆ โอเค แต่เอ๊ะ ยังไม่มีลายเซ็นทนายโจทย์ค่ะ?? ก็ถามท่านทำไมไม่มีลายเซ็นทนายโจทย์ล่ะคะ? ศาลท่านบอกว่าหนูเซ็นต์ก่อนได้เลยไม่ต้องห่วง ศาลรับทราบแล้ว ทนายโจทย์เซ็นทีหลังได้ เราก็ชัดเจนตามคู่มือค่ะ [คู่มือสอนว่าการจะเลื่อนนัดศาลต้องมีทั้งทนายโจทย์กับลูกหนี้เซ็นรับทราบพร้อมกันต่อหน้าศาล] ดังนั้น...
ไม่ค่ะ [เน้นเสียงรอบสุดท้าย] ไหนล่ะคะ ทนายโจทย์ เราต้องการให้ทนายโจทย์เซ็นก่อน เราถึงจะยอมเซ็นค่ะ !!! ศาลยิ้มแบบปราณีพร้อมกับอึ้ง??? ก่อนจะเรียกเจ้าหน้าที่ให้พาหนูไปหาทนายโจทย์ เราก็ไหว้ลาท่าน พร้อมขอบคุณและขอโทษศาลที่ต้องเรื่องมาก ศาลพยักหน้าเข้าใจ บอกเป็นสิทธิ์ของเราเพื่อความชัดเจน
แต่อายไหมที่ต้องละเอียดถึงขนาดนี้?
ไม่ค่ะ!!! บอกเลย เราไปวันนี้ปล่อยไก่เป็นฝูง เข้าห้องผิดไปเข้าห้องพิพากษาคดี วีน เหวี่ยง รั่ว เอ๋อ งง แต่มันคือประสบการณ์ที่ต้องลองสักครั้งค่ะ
ออกจากห้องก็เดินตามพี่เจ้าหน้าที่ไปหาทนายโจทย์ ซึ่ง...
Surprise มากค่ะ คนเซ็นเป็นทนายโจทย์ไม่ใช่ทนายที่เราเจอในรอบสอง แต่กลับเป็นอีกคน

ซึ่งถ้าเราเชื่อคุณทนายหัวหมอ เซ็นเอกสารไปก็คงแย่เหมือนกัน เพราะเขาให้เรากลับบ้านได้เลย ไม่ต้องรอพบศาล

คุณทนายโจทย์เซ็นเหมือนจำใจที่ตกควายไม่ได้ เราก็เซ็นต่อ เป็นอันว่าเสร็จสิ้น เรารีบบอกขอคัดสำเนาด้วยค่ะ เจ้าหน้าที่บอก คัดสำเนาด้วย?

พูดเหมือนล้อๆเรา เราก็ค่ะ มีหลักฐาน อ้าปากพูดเสียงจะได้ดังๆ

ทนายโจทย์เงิบนิดนึง อย่าได้แคร์ เดินไปถ่ายเอกสาร ถ่ายเสร็จเอามาคืนเจ้าหน้าที่ ก่อนโทรสอบถามคุณอาไพโรจน์ให้แน่ใจว่าเสร็จแล้วจริงๆ คุณอาเอ่ยชมว่าเราทำได้ดีมาก ทำทุกอย่างถูกต้องที่สุด รักษาสิทธิ์ที่พึงมีของเรา ดีที่ไม่ตกหลุมพรางทนายโจทย์ เขาหลอกคนเป็นหนี้เพิ่มมาเยอะแล้ว เก็บสำเนาไว้เป็นหลักฐานแล้วกลับได้ รอมาพบศาลอีกครั้งเดือนหน้า จากนี้ก็เตรียมเขียนคำให้การ ซึ่งหน้าที่นี้เราต้องรบกวนคุณอาเป็นธุระจัดการให้
สรุปการไปศาลในวันนี้จบลงอย่างสวยงามค่ะ เป็นการไปศาลที่ตื่นเต้น สนุก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อยากบอกเพื่อนชมรมหนี้บัตรเครดิตว่า หนังสือคู่มือทั้งสองเล่มช่วยให้เราเอาตัวรอดได้จริงๆ อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่มันช่วยเราได้เยอะมาก ทำให้เรารับมือกับทุกสถานการณ์อย่างมั่นใจ วันนี้เราไปศาลบอกเลยว่า แทบทุกคนยอมประนอมหนี้ค่ะ ยอมเซ็นสัญญานรกสุดโหดเพียงเพื่อจะได้จ่ายน้อยๆ ซื้อเวลาสามปีแล้วจ่ายเยอะในงวดสุดท้าย บอกเลยถ้าคุณไปศาลวันนัดไกล่เกลี่ยของ KTC
ด่านแรก คุณจะเจอกับเจ้าหน้าที่เสียงหวานปานน้ำผึ้งแช่ฟอร์มาลีน พร้อมเสนอเงื่อนไขที่เราคำนวณดูแล้วงง มันลดให้เราแล้วเหรอ???
ด่านสอง คุณจะพบกับทนายความที่ไม่โหด ไม่เคี่ยว แต่พร้อมจะไล่บี้คุณและหว่านล้อมสารพัดเหตุผลให้คุณประนอมหนี้ โดยไม่ให้คุณเจอศาล ไม่บอก ไม่ช่วย ไม่อะไรทั้งนั้น
ด่านสาม ถึงด่านสามคุณก็สบายในระดับนึง จะเจอกับพ่อพระ แม่พระผู้อารี[รึเปล่า?]

เราโชคดีที่เจอศาลใจดี ไม่โหด เราเป็นคนแรกในรอบเช้าที่ได้เจอศาลด้วย แต่รอบหน้าคงต้องเตรียมรับมืออีกที
หวังว่าประสบการณ์ของเราคงจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆบ้างนะคะ นัดศาลคราวหน้าจะแวะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ