ประสบการณ์"ปลดหนี้"ตามแนวทางชมรม... (ของพี่ mom23)

ประสบการณ์"ปลดหนี้"ตามแนวทางชมรม... ของพี่ mom23 ที่เคยโพสต์ไว้เมื่อ 9 ก.ค. 2010, 12:47

เพื่อนพ้องน้องพี่...ชาวชมรมหนี้ทั้งหลาย...

เรา...ไม่ได้เข้า web.เสียหลายเพ-ลา(ศัพท์ สว.) มีประสบการณ์"ปลดหนี้"ของตัวเองและสามี มาฝาก

เล่าแบบพอเป็น idea นะ....

1. วางแผน"ปลดหนี้"

- เริ่มเป็นสมาชิกชมรมเมื่อประมาณ 1 ปี 5 เดือนกว่าๆ รู้จักชมรมเพราะกัลยาณมิตรที่ทำธุรกิจด้วยกันแนะนำ

- ตอนเป็นน้องใหม่ของชมรม...อ่านๆๆๆๆข้อมูล...เก็บเรียบเรียงความรู้ไว้เพื่อใช้วางแผน"ชีวิตหนี้"ของตัวเองและสามี...จะได้ไม่เดินเข้าไปในวังวนของการเป็นหนี้แบบเดิมๆ

- ไม่เคยตั้งกระทู้เพื่อถามอะไรๆเลย....เพราะข้อมูลต่างๆที่กรรมการและสมาชิกมีให้ชัดเจนและใช้เป็นแนวทางได้...อยู่ที่ตัวเราจะหยิบส่วนไหนไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์หนี้ของเรา

- เริ่มรู้จักการบันทึกรายรับ-รายจ่าย จากที่ไม่เคยให้เวลากับเรื่องนี้ เพราะยังไม่เห็นความสำคัญซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์

- พอเรารู้จักการบันทึกรายรับ-รายจ่ายที่ถูกต้อง...โอ้โห...รูรั่วมากมายที่เราไม่เคยรู้หรือรู้แต่ไม่ใส่ใจรวมทั้งรู้ยอดหนี้ที่เราต้องจ่ายขั้นต่ำในแต่ละเดือน...สิ่งนี้...คือจุดเริ่มต้นของความเข้าใจสถานะหนี้ของตัวเอง

- นอกจากนี้เราเริ่มเข้าใจการบันทึกมูลหนี้ของตัวเอง...สามารถแยกแยะประเภทสถาบันการเงินได้...รู้จักการตั้งรับหรือรุกกับบรรดาผู้ทวงหนี้แต่ละสถาบัน(กว่าจะ"นิ่ง"ใช้ได้ก็หลายเดือนอยู่...เดือนแรกที่หยุดชำระหนี้ก็"แกว่งๆ/มีเข็ดขยาดกับปากร้ายๆแบบจิกกัด..ไม่รับโทรศัพท์อยู่เดือนกว่าๆเหมือนกัน)

- ใช้บันทึกมูลหนี้ตัวเอง-สามีและบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนปลดหนี้...ตั้งเป้าหมายไว้ว่า 3-5 ปีหนี้ต้องหมด(ขออภัยทำตารางหนี้ไว้แต่ไม่ไฮเทคแทรกไฟล์ไม่เป็น..อ่านจากที่เล่าแล้วกันนะ)

ตอนนี้มาได้ปีกว่าๆเกือบ 2 ปี...ปลดหนี้ไปได้หลายตัวแล้ว

ขั้นตอนต่อไป

2. รับมือการทวงหนี้

- ช่วงแรกที่เริ่มหยุดจ่าย กลายเป็นลูกหนี้ที่สถาบันการเงินหลายแห่ง(สงสัยทุกแห่ง)"ไม่ปลื้ม" เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อปลายปี 51

- กรรมการและเพื่อนๆเขาบอกว่า..ต้องเจอสารพัดรูปแบบของการทวงหนี้.."ดีบ้าง"..."แย่บ้าง" อันนี้ขอบอกว่าแล้วแต่ดวงและการสะสมภูมิคุ้มกันหนี้ของตัวเราเอง....

- ประสบการณ์ถูกทวงหนี้ของตัวเอง...เท่าที่จำได้แล้วกัน..เพราะไม่อยากเก็บความจำที่ควรลืมเอาไว้

- เปิดตัวสถาบันทวงหนี้ดีเด่น...ก็"อีซี่บาย"ของสามีเขาเรียบร้อยไม่ค่อยพูด..เราเลยลุยเอง..โดนจิกกัด..กดดัน..เชือดเฉือน..ประชดประชัน..ครบถ้วนเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ชาย..ออกแนวเกย์..คาดเดาจากน้ำเสียง...(ขออภัยไม่ได้ว่าใครนะ)เลยตกลงกันไม่ได้..จนบัดนี้

- ต่อมาก็ลดดีกรีลงมาหน่อยๆ...ไทยธนาคาร(ชื่อเดิม..ตอนนั้น) เจ้าหน้าที่ผู้หญิงไม่พูดพล่ามทำเพลงส่งแมสเซนเจอร์มาที่ทำงาน(ตามประวัติตอนสมัครสินเชื่อ)ซึ่งเราไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว..ลูกน้องเก่าโทรมาบอกข้อมูล..เราเลยโทรกลับไปอัดเจ้าหน้าที่รายนี้(ได้ความรู้จากชมรมว่าควรทำเพื่อรักษาสิทธิ)แรงพอสมควรเขาก็แรงกลับ(จำไม่ได้แล้วว่าเขาโต้ตอบอะไรบ้าง)แต่เราเลือกที่จะไม่ได้ยินที่เขาตะคอก...สนใจแค่เราได้พูดอย่างที่เราควรพูด..เสร็จแล้ววางสายเลย..

- ที่น่ารำคาญเพราะโทรบ่อยมาก..ความถี่ทวงหนี้ดีเด่น..ก็"สแตนดาร์ดชาร์เตอร์" นอกจากโทรบ่อยแล้วยังมีลักษณะคุ้มดีคุ้มร้าย คือ บางคนพูดดีบางคนพูดร้ายเขาสลับๆกัน...มาแบบไหนก็ได้กลับไปแบบนั้น

- สำหรับ"ซิตี้แบงก์&HSBC" สูสี ที่เจอส่วนใหญ่ดีมากกว่าร้าย..เจ้าหน้าที่ทวงผู้หญิงทั้งหมด..ใจดีด้วยนะ..ฟ้องแล้วโทรมาบอกกลัวเราไม่ได้หมายศาล

- ควิกแคช/อิออน/เฟริสช้อยส์/เซ็นทรัล...ที่เจอไม่มีอะไรโดดเด่นให้จดจำ...น่าเบื่อก็ใช้รูปแบบเหมือนกันคือให้จ่ายหยอดรักษาบัญชี...ไม่รู้จะจ่ายทำไมไม่เกิดประโยชน์...นอกจากนี้ก็มีชวนปรับโครงสร้างหนี้..สารพัดหว่านล้อม..เมินเสียเถอะ...ไม่ใช่เป้าหมาย

- ธนาคารผู้ดี..ต้องยกให้"อเมริกันสแตนดารด์" ทวงสุภาพมาก..ปลื้มเลยแต่ไม่เคยผ่อนผันอะไร..ไม่ได้อย่างเดียว...ตอนนี้เงียบไป..เกือบหายไปจากความทรงจำเราแล้ว

- ธนาคารที่ลงท้ายชื่อด้วย"ไทย"คุยยากสุดๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง"กสิกรไทย" ช่วงอยู่ระหว่างประสบการณ์ถูกทวงหนี้นะ...จำได้อยู่คนเป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเธอก้าวล่วงข้อมูลส่วนตัวของเรา..เอามากดดันให้รีบชำระหนี้...แต่พอดีช่วงนั้นภูมิคุ้มกันเรื่องหนี้เริ่มเข้มข้นทำให้ใจเย็นโต้ตอบกลับตั้งแต่นั้นคนนี้ก็ไม่มารบกวนให้รำคาญอีกเลย...ส่วน"ไทยพาณิชย์"ค่อนข้างโชคดี(กรณีนี้น่าจะเกี่ยวกับดวงล้วนๆ) คนดูแลบัญชีเราพูดรู้เรื่อง ถ้อยทีถ้อยอาศัยแต่เงินเรายังไม่พอปิดบัญชีเลยพักไว้ก่อน

- ท้ายสุดขอแยกเฉพาะ"ธนาคารกรุงไทย"ทวงหนี้ระยะห่างมาก จนเกือบลืมอีกเหมือนกันว่ามีหนี้กับสถาบันนี้ด้วย...ทวงไม่โหดแต่ไม่เคยอะลุ้มอะล่วยอะไร...ไม่ได้สถานเดียว

จบข่าวเรื่อง"ทวงหนี้" รอตอนต่อไป...

ตอนต่อไปเลยแล้วกัน...

3. สถานการณ์หนี้และการ"ปลดหนี้"

- หนี้ของตัวเอง

1. กสิกรไทย มี 3 รายการ หยุดชำระปลายปี 51

- จำนองบ้านประกันสินเชื่อ หนี้คงเหลือ 280,+++ บาท ไถ่ถอนปลดภาระแล้ว
- บัตรวีซ่า 2 บัตร หนี้ตอนหยุด 70,1++ บาท และ 50,8++ บาท อยู่ระหว่างชำระหนี้ตามคำพิพากษาเดือนแรก เราจำเป็นต้องให้ศาลพิพากษาเพราะไม่สามารถเจรจาตกลงผ่อนผันอะไรกันได้และเป็นจังหวะการเงินเริ่มร่อยหรอ หาไม่ทันตอนที่ขึ้นศาลช่วงเดือนพค.53
มีประสบการณ์เจรจาผ่อนชำระหลังศาลพิพากษา...เราเข้าถึงนัดพบหัวหน้าผู้ดูแลบัญชีเราเลย เขาพูดจาดีแบบที่ผ่านการอบรมให้เห็นลูกหนี้คือลูกค้าที่ควรได้รับเกียรติเช่นกันและยังมีข้อแนะนำที่ดีที่เรารับได้...ก็เลยผ่อนคลาย...ไม่ไปถึงกรณีบังคับคดีแน่..ถ้าเรากับเขายังรักษาข้อตกลงที่มีต่อกัน

2. กรุงไทย มี 3 รายการ หยุดชำระ พย. 51

- บัตรวีซ่าแพลตตินัม ยอดตอนหยุดชำระ 118,+++ บาท
- บัตรกดเงินสด ยอดตอนหยุดชำระ 61,+++ บาท
- สินเชื่อ ยอดตอนหยุดชำระ 18,+++ บาท
ทั้ง 3 รายการถูกฟ้องรวม มูลหนี้ที่ฟ้องพุ่งขึ้นเป็น 262,+++ บาท อยู่ระหว่างรอขึ้นศาลนัดแรกปลายเดือนนี้ เจ้าหน้าที่เขาพยายามโทรมาเสนอให้ปิดบัญชีที่ 2 แสนบาทถ้วนจ่ายงวดเดียวแล้วจะถอนฟ้องให้....ไม่ไหวจะเคลียร์นะคะ..ปั๊มเงินไม่ทันแล้วเพราะเดือนหน้ามีรายจ่ายก้อนใหญ่ของลูกสาวคนเดียวรออยู่....ก็ยังมีเวลาให้คิดหาทางออกได้..ไม่ซีเรียส

3. สแตนดาร์ดฯ/เฟริสช้อยส์/ซิตี้แบงก์/HSBC ปิดบัญชีหนี้แล้ว

- แสตนดาร์ด หนี้ 12,+++ บาท ปิดที่ 6,000 บาท ประมาณ 50%
- เฟริสช้อยส์ หนี้ตอนปิดยอดรวม 49,+++ บาท ปิดที่ 15,000 บาท ประมาณเกือบ 70 %
- ซิตี้แบงก์ ......
ปิดบัญชีสินเชื่อจาก ยอดหนี้ 21,+++ บาท ปิดที่ 10,500 ประมาณ 50%
อีกบัญชีเป็นบัตรวีซ่าแพลตตินัม ยอดฟ้อง(คดีแรกของชีวิตหนี้)ประมาณ 120,+++ บาท เจรจาปิดบัญชีตั้งแต่ก่อนฟ้องไม่ลงตัว คดีนี้เลื่อนยาวมาเป็นปี พยายามเจรจานัดที่ 2 ของศาลก็ไม่ลงตัวเลยต้องใช้การผ่อนแบบหยุดดอกเบี้ย ณ ที่ต้นเงินที่หยุดครั้งแรก ประมาณ 98,+++ บาท ผ่อนให้จบที่ 36 งวดๆละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ผ่อนมา 2 งวดแล้วซึ่งยังเจรจาปิดบัญชีแบบมีส่วนลดได้ ติดต่อกับระดับหัวหน้าไว้แล้ว นี่เป็นเป้าหมายเราในอนาคตเมื่อมีเงินก้อน
- HSBC ถูกฟ้องเหมือนกัน ทำยอมหน้าศาลในนัดแรกเพราะเจรจากันมาก่อนล่วงหน้าและลงตัวกับสถานการณ์ชีวิต ณ.เวลานั้น
ยอดหนี้ตามฟ้อง 140,+++ บาท ปิดจบที่ 85,000 บาทผ่อนชำระ 4 งวด
ชำระครบถ้วนปิดบัญชีแล้วเมือ่ปลายเดือน มิย.53นี้เอง รอหนังสือปิดบัญชีอยู่
แจ้งประสบการณ์งวดปิดบัญชีกรณีผ่อนชำระหรือปิดงวดเดียวก็ตาม ต้องนำเงินไปชำระที่เคาน์เตอร์ของสำนักงานใหญ่ของธนาคารนี้เท่านั้นและก่อนชำระต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของแบงค์ก่อนเพื่อตรวจทานยอดที่ต้องชำระแล้วเขาจะเขียนใบนำฝากหรือใบชำระให้เราเพื่อความถูกต้องและได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการชำระที่หน้าเคาน์เตอร์

4. ไทยธนาคาร หรือ CIMB THAI เจรจากันเรียบร้อยแล้ว จากยอดหนี้ 61,4++ บาท ปิดที่ 34,000 บาท ผ่อนให้เสร็จสิ้น 6 งวดๆละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท จะเริ่มชำระงวดแรกเดือนกค.นี้

5. ยูโอบี ปิดไปแล้ว 1 รายการเป็นบัตรกดเงินสด จากหนี้ตอนหยุดปีกว่า 31,+++ บาท ปิดที่ 15,000 บาท เมื่อกพ.53

อีกรายการบัตรวีซ่า ยอดหนี้ตอนหยุด 55,+++ บาท เจรจาไม่ลงตัว เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยญาติดีเท่าไหร่ ฟ้องแล้วมูลหนี้ที่ฟ้อง เกือบ 7 หมื่นบาท รอขึ้นศาลนัดที่ 2 กลางเดือนนี้ ข้อเสนอนัดแรกเราก็รับไม่ได้คงต้องคุยอีกครั้ง

6. อีซี่บาย บัตรยูเมะพลัส ต้องทำยอมหน้าศาล แบบผ่อนยาวหยุดดอกเบี้ย ชำระเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,500 บาทวงเงินทั้งหมด 95,000 บาท ให้จบภายใน 3 ปี ก็ผ่อนไปก่อนจนกว่าจะมีเงินก้อนค่อยเจรจาปิดบัญชีอีกที

7. AMEX/อิออน/เซ็นทรัล/ไทยพาณิชย์ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรและเงียบไปไม่ค่อยทวง ยอดหนี้รวม 3 บัตร ตอนหยุด ประมาณ 3.3 แสนบาท

8. ควิกแคช บัญชีนี้หฤโหดมาก ได้ประสบการณ์ในศาลแบบครบถ้วน ตั้งแต่ยื่นคำให้การสู้คดี เลื่อนนัดและ เข้าให้ปากคำในฐานะจำเลยในคดีวันนัดสืบพยาน ซึ่งวิเคราะห์จากรูปการณ์ในวันสืบพยานแล้วคาดว่าศาลท่านจะตัดสินมาทางด้านเราแต่ผิดคาด โดนเต็มๆแบบไม่ต้องไปสืบอาจจะดีเสียกว่า คือ โดนพิพากษาให้ชำระหนี้เต็มมูลหนี้ที่เขาฟ้อง(260,+++ บาท)บวกดอกเบี้ยอีกร้อยละ 15 ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแถมอีกหนึ่งดอกอาบยาพิษ คือให้ชำระค่าฤชา ธรรมเนียมค่าทนายโจทก์เต็มอัตรา เป็นเงิน 2 หมื่นกว่าบาท คดีนี้ประทับใจไม่รู้ลืมเลย ตอนนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี ซึ่งตอนยื่นเรื่องอุทธรณ์ก็ต้องใช้เงินค่อนข้างสูงตามอัตราที่ถูกศาลกำหนดในคำพิพากษาให้ชำระอีกด้วย....

สรุป....ยอดหนี้รวมประมาณเกือบ 2 ล้านบาท ผ่านไปปีครึ่งปิดไปแล้วจากมูลหนี้เดิมประมาณเกือบ 6 แสนบาท (ใช้เงินปิด3.5 แสนบาท) ก็สู้กันต่อสำหรับส่วนที่เหลือ

มาต่อเรื่อง...ตอน 3 สถานการณ์หนี้และการ"ปลดหนี้"

- หนี้ของสามี

ถ้าใครเคยได้อ่านกระทู้ของเรา เรื่อง"เป็นหนี้เพราะความรัก...ลูก" เราเกริ่นไว้เล็กน้อยถึงที่มาของหนี้..โดยเฉพาะของสามี...ฝีมือสร้าง"หนี้"ของเราทั้งนั้น...เพราะฉนั้นเวลาแก้ไขหนี้..ก็ต้องเป็นหน้าที่เราแน่นอน....ตามมาดูข้อมูลได้เลย....

1. กสิกรไทย ปิดบัญชีแล้วโดยทำยอมหน้าศาล จากทุนฟ้อง 72,599 บาท ตกลงที่ 64,000 บาท ผ่อน 3 งวด เรียบร้อยเมื่อเดือนพค.53 และได้หนังสือยืนยันการปิดบัญชีแล้ว

2. กรุงไทย มี 2 บัตร ฟ้องรวม ทุนฟ้อง 2 แสนเศษ เรื่องอยู่ในชั้นศาล นัดที่ 2 กลางเดือนนี้(กค.53) ยังเจรจาไม่ลงตัว

3. ควิกแคช ปิดบัญชีแล้ว..ทำยอมหน้าศาลเหมือนกสิกรไทย จากทุนฟ้อง 160,+++ บาท ตกลงที่ 72,000 บาท ผ่อน 3 งวด บัญชีนี้ต่างจากสถานการณ์ควิกแคชของตัวเอง ของสามีโชคดีได้ทนายโจทก์ช่วยเจรจากับคนดูแลบัญชีและเราพอจัดสรรเงินได้...ครั้งแรกวางแผนสู้คดีเพราะมีประเด็นเรื่องดอกเบี้ยแต่เมื่อพบผู้พิพากษา ฟังท่านพูดแต่ละประเด็นในคดีแล้ว..เช่นเรื่องการชำระหนี้ตามอำเภอใจคือไม่ทักท้วงเมื่อเห็นว่าถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงเกินควร...ได้ยินอย่างนี้..คดีจบไม่สวยแน่ๆ...เลยต้องรีบกลับลำใหม่ ลงเอยด้วยการทำยอม จบบัญชีนี้เมื่อเดือน มีค.53 ได้หนังสือยืนยันปิดบัญชีเรียบร้อย

4. central personal loan ปิดบัญชีจากยอด 28,+++ บาท ชำระที่ 14,000 บาท จบบัญชีเดือนมีค.53 และรับหนังสือยืนยันการปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว

5. ไทยพาณิชย์/อิออน/อีซี่บาย/เฟิร์สช้อยส์ และ HSBC ยอดรวมกันประมาณ 2 แสนเศษ ช่วงนี้ทวงถี่โดยเฉพาะเฟิร์สช้อยส์พยายามเสนอส่วนลดแต่เรายังไม่โอเค เพราะสถานการณ์การเงินไม่เอื้ออำนวยแล้วภายในเดือนสองเดือนนี้

สรุป...ยอดหนี้รวมทั้งหมดประมาณ 5 แสนเศษ ปิดบัญชีจากยอดประมาณ 2.5 แสนแล้ว(ใช้เงินปิด 1.5 แสน) ก็ถือว่ามูลหนี้หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว...ที่เหลือคงไม่นานเกินรอ

up date ข้อมูลต่อ...

หนี้ตัวเอง...ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก.

- บัตรวีซ่า UOB นัดสองที่ศาลเราไม่ได้ไปเพราะคุยกับทนายโจทก์แล้วไม่มีข้อเสนออะไร ตัดสินใจไม่สู้คดีอยู่แล้วเลยไม่ไปศาลในนัดนี้...ปล่อยให้ศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับมา...ตอนนี้ยังไม่ได้รับ..ได้เมื่อไหร่ก็ดูสถานการณ์และเจรจาอีกครั้ง...ตกลงกันไม่ได้ก็คงหักคอจ่ายให้รู้ว่าเราไม่คิดจะเบี้ยวหนี้...รอลมสงบ..โอกาสเหมาะๆเจรจาใหม่อีก.....รายนี้ก็คงเป็นเดือนกันยาฯถึงเริ่มจ่าย

- สินเชื่อไทยธนาคาร เริ่มชำระงวดแรกเดือนกค.นี้ไปแล้ว 5500 บาท(ชำระมากกว่าข้อตกลงเพื่อให้เดือนที่ 6 งวดสุดท้ายไม่หนักเกินไป)

- บัตรแพลตตินั่มวีซ่า/บัตรกดเงินและสินเชื่อกรุงไทย นัดแรกเรายื่นคำให้การสู้คดี...นัดที่สองศาลให้เวลาที่ต้นเดือนตุลา...ทนายโจทก์ผู้หญิงน่ารักเป็นมิตรดี..ยังแนะนำชื่อเจ้าหน้าที่กรุงไทยระดับหัวหน้าที่ควรติดต่อเจรจาเอาไว้ให้ด้วย....ก็เป็นข้อมูลที่ดี...และเรายังมีเวลาที่จะบริหารจัดการอย่างเหมาะสมได้

หนี้ของสามี...เหลือไม่หนักแล้ว...เมื่อไหร่มีข้อเสนอดีก็ปิดบัญชี(ถ้ามีเงินพอดี)

- HSBC ช่วงนี้เสนอมาบ่อยครั้งแต่เราไม่พร้อม...สังเกตว่าข้อเสนอมักจะมาในช่วงเดือนสุดท้ายที่ต้องเปลี่ยนสำนักงานกฎหมาย...เขาจะพยายามต้อนให้เรารับข้อเสนอของเขา..ถ้าลงตัวกันเขาก็ได้ผลงานและ...(คงเป็นโบนัสมั้ง)

- กรุงไทย เรื่องจบที่ทำยอมหน้าศาลในนัดที่สองเมื่อกลางเดือนกค.นี้ ครั้งหลังพอคุยกับทนายโจทก์และเจ้าหน้าที่ของกรุงไทยรู้เรื่องมากขึ้น(สงสัยเริ่มสนิท...สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น...ขำๆ......ไม่อยากเครียด)ตกลงกันได้ที่ยอดรวม201000 บาท(รวมดอกเบี้ย10% แล้ว)ผ่อน 36 งวดแบบขั้นบันได ปีแรก 2 บัตรๆละ 1500 บาท รวม 3000 บาทต่อเดือนดูแล้วพอไหว เริ่มจ่ายงวดแรกปลายสิงหาฯ(เขาบอกไม่เคยอนุมัติให้ใครอย่างนี้เลยนะเพราะเมื่อตกลงก็ต้องจ่ายปลายเดือนที่ตกลงทันที)....ก็มีโอกาสหายใจ...เพราะถ้าโชคดีมีเงินก้อนเข้ามา...ก็จะเจรจาแบบปิดบัญชีมีส่วนลดที่เรารับได้ซึ่งเราคุยกันไว้แล้ว

- First choice เหมือนๆ HSBC เสนอส่วนลดบ่อยแต่เรายังไม่พร้อมตกลงเช่นกัน

มีเรื่องเล่าสู่กันฟัง...ต่อ...

แปลกๆจาก HSBC......

- บัตรวีซ่าของสามี...ตอนนี้ยอดพุ่งขึ้นเป็น 66000 กว่าๆแล้ว(จากเดิม 49000 หยุดมาปีกว่า)

- มีเจ้าหน้าที่บริษัทกฎหมายที่รับผิดชอบบัญชีอยู่โทรมาเสนอสามีเราให้ชำระเงิน...

- คุยต่อรองไปๆมาๆหลายครั้ง จนล่าสุดเมื่อกลางอาทิตย์ที่แล้ว ยื่นข้อเสนอมาว่า...ลดสุดๆ..ไม่เอาแล้วโบนัสขอผลงาน ให้ชำระที่ยอดเงิน 25000 บาท พอดียังไม่พร้อมเรื่องเงิน สามีเลยบอกขอปรึกษากับภรรยาก่อนค่อยให้คำตอบ เขาบอกให้ติดต่อกลับภายในวันศุกร์ของอาทิตย์นั้น.มิฉนั้นข้อเสนอนี้ก็ตกไป

- พอเราทราบข้อมูลก็พิจารณาว่า..น่าตกลงด้วยและมั่นใจว่ารวบรวมเงินก้อนนี้ได้...เราเลยโทรกลับไปติดต่อตามที่เขาให้เบอร์ไว้

- ข้อมูลที่ได้รับกลับมา...สร้างความงุนงงให้เรามาก...เพราะเขาบอกคนที่เราจะติดต่อนั้นบริษัทไล่ออกไปแล้วและถูกไล่ออกในวันเดียวกับที่เขาติดต่อยื่นข้อเสนอส่วนลดให้สามี....

- เพื่อนๆน้องๆระวังมากๆนะคะ....อย่าผลีผลามดีใจที่ใครเขามาเสนอส่วนลดปิดบัญชีบัตรแล้วรีบจ่ายเงินให้เขาเพราะกลัวจะไมได้ส่วนลดงามๆในทันทีที่ตกลงกับเขาหรือจ่ายตามวันที่เขากำหนดโดยยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันอย่างชัดเจนถูกต้องนะคะ....ขอเตือน

- โชคดี..ที่สามีเขาไม่ด่วนตกลง...และดีที่เขาปรึกษาเรา...และ..โชคดีที่สุด..คือการที่เรามีความรู้"ปลดหนี้"ตามแนวทางชมรม...ขอบคุณ...ขอบคุณ...และขอบพระคุณ

ขอ up date เรื่องหนี้ต่อ...

หลังจากห่างหายจากบอร์ดเสียนานเลย...

วันนี้ดีใจ...ปิดบัญชีหนี้ตัวเองได้อีก 1 ใบแล้ว...เล่าประสบการณ์จัดการบัญชีนี้..ซะหน่อย..แล้วกัน

เป็นบัตรยูโอบีวีซ่าซึ่งคาราคาซังมาหลังจากที่ถูกฟ้องและไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้...เลยปล่อยให้ศาลพิพากษา...โดยนัดที่สองเราก็ไม่ไปศาลเพราะต้องการได้เวลายาวขึ้นสำหรับตั้งตัวเรื่องจัดสรรเงินชำระหนี้(ทราบคำพิพากษาเมื่อไหร่ก็ได้เวลาไม่มากในการหาเงินมาชำระหนี้)

โชคดี....ที่เราวิเคราะห์และตัดสินใจถูกในการไม่ไปศาลนัดที่สอง...เนื่องจากทนายทาง UOB ในคดีของเรานี้เข้าใจลูกหนี้อย่างเรา..และไม่ได้เร่งรัดไปคัดคำบังคับส่งมาให้เรา...เลยทำให้ได้เวลายาวขึ้น

เราใจเย็นมากเลยนะ..สำหรับการวางเป้าหมายชำระหนี้ของบัตรนี้...กะว่า..ถ้าได้คำบังคับเมื่อไหร่..มี 2 แนวทางที่จะใช้ คือ

1. เจรจายอดหนี้กับผู้ดูแลบัญชีเพื่อปิดบัญชีหนี้แบบก้อนเดียวหรือผ่อนตามจำนวนที่เราสามารถชำระได้อย่างต่อเนื่อง

2. ไม่เจรจา..แต่..หักคอจ่ายเลยตามจำนวนที่เจ้าหนี้ไม่มาวุ่นวายทำเรื่องบังคับคดีกับเราเพราะหลังมีคำพิพากษาและเราได้รับทราบคำพิพากษาหรือรับคำบังคับแล้ว เจ้าหนี้เขามีสิทธิ์ยื่นเรื่องต่อกรมบังคับคดีมาบังคับคดีตามกฎหมายได้และอายุความเรียกหนี้คืนของเจ้าหนี้ก็ยาวขึ้นเป็น 10 ปี

เมื่อถึงเวลาเราได้คำบังคับ..ซึ่งรับเป็นสำเนาแนบมาพร้อมจดหมายจากบริษัทกฎหมายที่ธนาคารมอบอำนาจให้ดำเนินการแล้ว....ทีนี้...ก็ต้องตัดสินใจเลือกตามแนวทางที่ตั้งธงไว้

ยกแรก...

เราตัดสินใจเลือกโทรไปเจรจากับเจ้าหนี้(เจ้าหน้าที่ของบริษัทกฎหมาย)ตามเบอร์โทรในจดหมายที่ส่งมาหาเรา.....ไม่สำเร็จ...ไม่ยอมให้ผ่อน...และยอดหนี้ที่จะปิดบัญชีก็รับไม่ได้เพราะตอนที่คุยยังมีเงินไม่พอ

ยกสอง...

ปลายๆเดือนของเดือนแรกที่เจรจากัน..เจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่ามีส่วนลด..จากยอดหนี้ที่ศาลพิพากษาให้ชำระ 7 หมื่นกว่าบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น(มูลหนี้ตอนหยุด ประมาณ 55,000บาท )และค่าทนายอีก 3,000 บาท...

เขาลดให้เหลือ 30,000 บาทแต่ต้องส่งเอกสารหนี้อื่นๆของเราเข้าไปให้ธนาคารพิจารณาซึ่งเขาบอกอาจไม่ได้ก็ได้...เรารู้สึกยุ่งยากและไม่มีเวลาพอจะไปค้นเอกสารที่เขาต้องการ...ที่สำคัญกะทันหันเกินและเงินไม่พอด้วย

เราเลยไม่เจรจาด้วย...และคิดเอาเองว่า..ถ้า..เจรจาตรงกับทางธนาคารน่าจะโอเคกว่า...แต่..ผิดคาดและเซ้งสุดๆเลย...เพราะเจอเขี้ยว...เธอบอก..ไม่มีส่วนลด...ต้องชำระเต็มตามคำพิพากษา..ชำระทันทีด้วย...

เจออย่างนี้...ตูเผ่นดีกว่า...เลือกแนวทางที่สอง..หักคอจ่ายแล้วกัน..กะว่าจะจ่ายเดือนละประมาณ 2-3 พันบาทปลายเดือนตุลานี้...ไม่เจรจาแล้ว

ยกสาม...

โชคดีเป็นของเรา...เจ้าหน้าที่บริษัทกฎหมายคงอยากได้ผลงานและติดตามหนี้ดีเด่น...เขาเลยแจ้งว่ามีโควต้าส่วนลดให้พิเศษ คราวนี้ไม่เรียกเอกสารอะไรและยังให้ชำระปิดบัญชีที่ยอดเงิน 30,000 บาทเหมือนเดิม...เราก็พยายามเจรจาขอผ่อนสักสองงวดก็ยังดี...เงินที่เราเก็บไว้..จะได้หมุนเวียนใช้สบายๆบ้าง

แต่..ความพยายามให้เขาโอเคให้เราผ่อนไม่สำเร็จ...ก็เลยลงตัวที่ปิดงวดเดียวจบ....

ได้เอกสารยืนยันจากธนาคาร...ข้อความชัดเจน..ครบถ้วนตามที่เจรจากัน...เรามั่นใจ...ก็เลยชำระเงินที่ธนาคารเจ้าหนี้โดยตรงและ fax ใบ pay in ยืนยันการชำระของเรา...ประสานเจ้าหน้าที่..เพื่อให้เขาส่งเรื่องทางทนายรับทราบ..ไม่ต้องมาทำบังคับคดีกับเรา...และรอรับหนังสือแจ้งการปิดบัญชีที่สมบูรณ์...

บ๋าย บาย...ยูโอบี...เราไม่มีหนี้กันแล้ว...เป็นไท..อีกหนึ่งรายการ

วันนี้..อารมณ์ดี..อยากเล่าเรื่องต่อ...ห่างหายไปนาน

ว่าด้วยเรื่อง..หมายศาล..ล้วนๆแล้วกัน...แบบสรุปๆ

ระยะเวลาระหว่างเส้นทาง"ปลดหนี้"ของเรา..นับมาก็เกือบสองปีครึ่งแล้ว..หมายศาลที่ได้รับรวมกัน 12 คดี ครบโหลพอดี..เป็นของตัวเอง 9 คดี ของสามี 3 คดี

ของเรา...

- ใบแรก..ฟ้องเร็ว..หลังหยุดชำระหกเดือน..เป็นของซิตี้แบงค์..เจรจายังไงก็ไม่ลงตัว..แต่ได้เลื่อนคดียาวเป็นปีเลย...ตอนนี้อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามยอมในศาล..จ่ายเดือนละ 2000 บาท..มีเงินก้อนเมื่อไหร่ค่อยคุย

- ใบต่อมา..เป็นของกสิกรไทย...ยอดฟ้องเกือบสองแสนบาท...มีการยื่นคำให้การและขอเลื่อนคดี..แต่เก็บเงินไม่ทันและเจรจาจบไม่ลงตัว..เลยปล่อยให้มีคำพิพากษา..แล้วค่อยเจรจา...ตอนนี้ผ่อนจ่ายอยู่ตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชี..เดือนละ 3000 บาท...ก็เข้าคิวรอเงินก้อนปิดบัญชีอยู่

- ใบที่สาม..ตามมาติดๆกับใบที่สอง..เป็นของควิกแคช...
ฉบับนี้เป็นประสบการณ์ไม่น่าจดจำที่สุด...ตัดสินใจสู้กันสองศาล...ก็ไม่เป็นไปตามคาดหมาย...คำพิพากษาอุทธรณ์ออกมาแล้ว..หลังจากยื้อเวลากับเกือบสองปี...กำลังเจรจากันอยู่..เขาให้ยอดปิดมาก็น่าจะโอเค..แต่พอดี..เงินร่อยหรอ...เราเสนอผ่อนชำระประมาณหกเดือนสำหรับยอดปิดที่ 150000 บาท(ยอดที่ศาลให้ชำระ 240000บาท+ดอกเบี้ย10%จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น)..เขายังไม่ตอบตกลง..ถ้าไม่โอเคตามนี้..คงต้องพิจารณาจ่ายรายเดือนตามเหมาะไปก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่

- ใบที่สี่...HSBC..เราไม่ยื่นคำให้การแต่พยายามเจรจาก่อนถึงวันนัดศาล..และไปทำยอมหน้าศาลในวันนัด..ก็ได้ที่เราพอใจ..จบบัญชีกันไปแล้ว

- ใบที่ห้า..อิซี่บาย..คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง..ก็ไปจบที่ทำยอมในศาล..ผ่อนเดือนละไม่ต่ำกว่า 1500 บาท

- ใบที่หก..กรุงไทย...รายนี้ก็ไม่ยื่นคำให้การ..แต่นัดแรกไปศาลขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจาอีกครั้ง..ครบเวลานัดสอง..คุยกันใหม่..ยอดจบครั้งเดียวค่อนข้างสูงเพราะมีหนี้ 3 รายการ..เลยต้องคำนวนกันใหม่ขอเป็นผ่อนจ่ายรายเดือนรวม 4000 บาท

- ใบที่เจ็ด..ยูโอบี..ไม่มีผ่อนปรน..หลังจากขอเลื่อนหนึ่งนัด..ก็ยังไม่มีข้อเสนอที่ดีที่เรารับได้..เลยปล่อยให้มีคำพิพากษา..แล้วใจเย็นมาก..รอเวลาอีก2-3 เดือนหลังรับทราบคำพิพากษา..จนพอมีเงินและได้ยอดปิดที่เราพอใจ..จบบัญชีกันเรีนบร้อยแล้ว

- ใบที่แปด..ไทยพาณิชย์..ฟ้องบัตรเสริมลูกสาวเป็นจำเลยร่วม..ยอดเงินรวมเกือบสองแสนบาท..คดีนี้ยื่นคำให้การโดยให้ทีมทนายที่ปรึกษาชมรมดำเนินการและเราไม่ไปศาลเอง...มีพยายามเจรจานอกรอบแต่เจ้าหน้าที่แบงค์โดยตรงไม่ค่อยญาติดีด้วย...ไม่ยอมลดราวาศอกใดๆ..ให้จ่ายเต็มตามฟ้องอย่างเดียว..เอา.ยังคุยไม่ได้ก็ไว้ก่อนแล้วกัน..คำพิพากษามาเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที..(สงสัยคดีนี้ต้องร่ายมนต์กันหน่อย..ขำๆนะ..คลายเครียด)

- ใบที่เก้า..AMEX...สุดท้ายแล้วและจะไม่มีอีกต่อไป...เพราะที่เหลืออีก 2 ใบ central กับอิออน เกิน 2 ปีแล้ว อเมริกันฯ..ฟ้องมาแบบฉิวเฉียด..สำหรับเราดูวันที่ฟ้องและการนับเวลาอายุความตามหลักกฏหมายที่เราเรียนมา..เกินอายุความแล้ว..เราสู้ประเด็นนี้ด้วย..กำลังลุ้นอยู่ว่าจะเป็นไปตามคาดหมายไหม..ถ้าใช่..มีเฮ..แต่ยังไงเราก็ต้องใช้หนี้เขาเพียงแต่รอไปก่อนได้...

เฮ้อ..เหนื่อยเลย...ประสบการณ์ไปศาลมีเพียบ...

ต่อของสามี..เขามี 3 คดีที่ได้รับหมายศาล...ก็เป็นเราทั้งนั้นที่สร้างหนี้ไว้..เลยต้องจัดการเองทั้งหมด

- ใบแรก..เป็นของควิกแคช..ฟ้องก่อนคดีควิกแคชของเรา..มียื่นคำให้การและขอเลื่อนคดีไปอีกนัดหนึ่ง..วันนัดครั้งที่สอง..สถานการณ์ในศาลไม่เป็นใจกับเรา..ฟังท่านผู้พิพากษาพูดในศาลแล้วท่าทางเราจะอ่วม..เลยต้องตัดสินใจขอปิดบัญชีที่ยอดซึ่งเราพอใจและมีเงินพอ..โชคดีนะ..ทนายโจทก์เป็นใจกับเรา..ช่วยต่อรองให้สุดฤทธิ์...พอดีช่วงนั้นพอมีเงิน..เลยลงตัวกันที่.72000 บาท(ลดจากยอดฟ้องประมาณ 50%)..ผ่อนจ่าย 3 งวด..จบบัญชีกันเรียบร้อยแล้ว

- ใบที่สอง..กสิกรไทย..ฟ้องห่างจากใบแรก 4 เดือน ยื่นคำให้การและขอเลื่อนคดีได้หนึ่งนัด..มาจบที่ทำยอมในศาลไม่ค่อยได้ส่วนลดเท่าไหร่..แต่ช่วงนั้น..พอมีเงินและอยากให้สามีปลอดหนี้เร็วๆ..ก็ปิดไปที่ 64000 บาทผ่อน 3 งวด (ยอดฟ้องประมาณ 75000 บาท)

- ใบที่สาม..กรุงไทย..ฟ้องกลางปี 53 ยอดฟ้องเกือบ 200000 บาท คดีนี้เราก็ดำเนินการเหมือนกรุงไทยของเรา..จบด้วยการทำยอมในนัดที่สอง..ผ่อนจ่ายรวมเดือนละ 3000 บาท

เออ..ลืมไป..มีล่าสุดของสามีเพิ่มอีกคดี..รับคำพิพากษาแล้ว..เป็นของไทยพาณิชย์...ยังเจรจากันอยู่..เจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีคุยเป็นมิตรดี..พูดจาสุภาพจนเรายังเผลอไปแนะนำเลยว่า..ไม่น่ามาทำงานอย่างนี้..มองๆหางานอื่นเถอะ..แบบว่า..เราลืมตัว

คดีนี้ของไทยพาณิชย์..ก็คงล่าสุดและสุดท้ายแล้วเช่นกัน..ปลอดหมายศาลอีกแล้ว..แน่นอน..เพราะที่เหลืออิออนและHSBC อายุความเกิน 2 ปีแล้ว(ถ้าไม่มีกรณีอะไรตุกติกนะ)..แต่เราก็จะไม่เบี้ยวหนี้หรอก..รอมีเงินก่อน..อาจนานหน่อย..ก็เท่านั้น

และมีสินเชื่อที่ยังปิดกันไม่ลงอีกสองรายการคือ อิซี่บาย กับ เฟิร์สช้อยส์..ชิว ชิว ไม่หนักหนาอะไรแล้ว

up date หนี้ 2 รายการ

1. amex ได้รับคำพิพากษาแล้ว ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย ศาลไม่ได้หยิบประเด็นอายุความมาพิจารณา...อาจเป็นไปได้ว่ามีข้อมูลบางประการที่ไม่ชัดเจน...ก็คงต้องยอมรับ...และล่าสุดก็ได้รับหนังสือจากบริษัทที่ฟ้องคดีนี้..เร่งให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา คิดยอดรวมมา 150000 บาทมีเศษๆอยู่หลายพันบาท

( สรุป..ศาลพิพากษาให้ชำระยอดตามฟ้อง บวกดอกเบี้ยร้อยละ 10 บริษัทที่ฟ้องเขาก็คิดยอดให้แล้วตามจำนวนข้างบน )

..สำหรับรายการนี้..รอไปก่อนนะ...ยังไม่เจรจาใดๆเพราะเงินปิดบัญชีไม่พอ..ต้องรวบรวมไปจ่ายให้ควิกแคช

2. ควิกแคช เจรจาลงตัวที่ยอดปิดบัญชี 150000 บาทให้จ่าย 2 งวด เริ่มปลายเดือนมิย.นี้ ก็..ถือว่าโอเคนะ เพราะยื้อกันมาหลายเดือนแล้วหลังมีคำพิพากษาอุทธรณ์ พอดีหาเงินมาได้และไม่อยากยืดเยื้ออีก รวมทั้งยอดเงินที่ต้องจ่ายนั้นลดไปเกือบ 50% (ยอดล่าสุดจากที่ศาลพิพากษาให้ชำระบวกดอกเบี้ยเกือบ 300000 บาท)

...อย่างนี้..ต้องบอกว่ามีเงินในมือเลยกล้าเจรจา...และมั่นใจที่จะจ่ายเพราะได้รับหนังสือยืนยันตามที่เจรจากันไว้..ข้อความชัดเจน

ปลดหนี้ได้อีกรายการแล้ว....ดีใจ

พี่ mom23 ค่ะ

สบายดีนะค่ะ AMEX ไปถึงไหนแล้วค่ะ ขอฟังอัพเดทด้วยค่ะ

ดีใจจัง...กรรมการชมรมค้นกระทู้นี้เจอแล้ว...เย้ๆๆๆ

แถมใส่สีสันสดใส....ถูกใจวัย(เคย)รุ่น........รายงานตัวค่ะ

ช่วงนี้...ยังไม่มีรายการจบหนี้ใดๆเพิ่ม....เนื่องจากอุทกภัยพ่นพิษให้ชีวิต...แต่เอาอยู่....และ.....

ยังอยู่ระหว่างชำระตามยอมไปเรื่อยๆก่อนเพราะต้องใช้เงินกับการลงทะเบียนของลูกและซ่อมบ้านหลังน้ำท่วม(ตามบัญชาของคุณพ่อ)

ภาระงานด้านจิตอาสา(งานสหกรณ์)ก็ค่อนข้างหนัก...ต้องช่วยเขาด้านกฎหมาย..กำลังสะสางเรื่องระเบียบต่างๆให้เป็นระบบ

สำหรับ"หนี้AMEX" หักคอจ่ายเดือนละ 3000 บาท คุยกับคนดูแลบัญชีทุกเดือน no problem มีเงินก้อนค่อยเจรจา

จบข่าว.........

ได้คุยกับพี่ mom23 แล้ว หาเวลาว่างยากเต็มที พี่จ๋า...
อยากเจอหน้าพี่เหมือนกัน ได้ยินแต่เสียง
เที่ยวนัดคนโน้นคนนี้ กินข้าวไปทั่ว ตัวเองนั่นแหละ ที่หาเวลาได้ยากเหลือเกิน
วันนี้ตั้งใจว่า จะไปว่ายน้ำ ไปร้านซักผ้า (เพราะเครื่องซักผ้ายังซ่อมไม่ได้) น้ำมันท่วม เอาผ้าไปซักกะลูกๆ
แต่ปรากฎว่า ลูกชายคนโตวันนี้เขาจะกลับมาจากเขาชนไก่ ไปมา 5 คืน 6 วัน
โทรมาหาแม่ บอกให้แม่รอ อยากกลับพร้อมกัน ป่านนี้ยังไม่ถึงแม่เลย เฮ้อ...ต้องรอต่อไป
จะให้กลับเองก็สงสาร ชุดฝึกรด. ชุดเดียว ฝึกตั้งหกวัน เหม็นตาย...
สงสัยต้องเปิดรถไปตลอดทาง 555++

วันนี้คงได้แต่เอาผ้าไปซัก ดูแลลูกๆ เอาลูกเข้านอน
ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ส่วนใหญ่นอนคุยกันในห้องเดียวกัน คุยสัพเพเหระ หัวเราะเรื่องขำๆของลูกๆ
แล้วก็หอมแก้มทุกๆคน ตั้งเวลาแอร์ให้ แล้วก็มานอนห้องตัวเอง
กว่าจะเสร็จในแต่ละวัน บางครั้งอยากจะคลานขึ้นเตียง หลับไปเดี๋ยวเดียว นาฬิกาปลุกอีกแล้ว...
ยังไงๆ บัวก็คิดถึงพี่สาวคนดีคนนี้เสมอ
ต้องเจอกันสักวันเน๊อะพี่เน๊อะ...คิดถึงมากๆเลยจ๊ะ

กอบัว เขียน: ได้คุยกับพี่ mom23 แล้ว หาเวลาว่างยากเต็มที พี่จ๋า...
อยากเจอหน้าพี่เหมือนกัน ได้ยินแต่เสียง
เที่ยวนัดคนโน้นคนนี้ กินข้าวไปทั่ว ตัวเองนั่นแหละ ที่หาเวลาได้ยากเหลือเกิน
วันนี้ตั้งใจว่า จะไปว่ายน้ำ ไปร้านซักผ้า (เพราะเครื่องซักผ้ายังซ่อมไม่ได้) น้ำมันท่วม เอาผ้าไปซักกะลูกๆ
แต่ปรากฎว่า ลูกชายคนโตวันนี้เขาจะกลับมาจากเขาชนไก่ ไปมา 5 คืน 6 วัน
โทรมาหาแม่ บอกให้แม่รอ อยากกลับพร้อมกัน ป่านนี้ยังไม่ถึงแม่เลย เฮ้อ...ต้องรอต่อไป
จะให้กลับเองก็สงสาร ชุดฝึกรด. ชุดเดียว ฝึกตั้งหกวัน เหม็นตาย...
สงสัยต้องเปิดรถไปตลอดทาง 555++

วันนี้คงได้แต่เอาผ้าไปซัก ดูแลลูกๆ เอาลูกเข้านอน
ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ส่วนใหญ่นอนคุยกันในห้องเดียวกัน คุยสัพเพเหระ หัวเราะเรื่องขำๆของลูกๆ
แล้วก็หอมแก้มทุกๆคน ตั้งเวลาแอร์ให้ แล้วก็มานอนห้องตัวเอง
กว่าจะเสร็จในแต่ละวัน บางครั้งอยากจะคลานขึ้นเตียง หลับไปเดี๋ยวเดียว นาฬิกาปลุกอีกแล้ว...
ยังไงๆ บัวก็คิดถึงพี่สาวคนดีคนนี้เสมอ
ต้องเจอกันสักวันเน๊อะพี่เน๊อะ...คิดถึงมากๆเลยจ๊ะ

พี่กอบัว เตรียมอาบน้ำ ขัดตัว ทาแป้งทั้งตัวให้ลูกชายได้เลยค่ะพี่ ^_^

อัพเดทสถานการณ์หนี้ล่าสุด.......
ของตัวเอง

- หนี้ของซิตีแบงก์บัตรวีซ่า...ทำยอมไว้ที่มูลหนี้ 108,600 บาท ผ่อนเดือนละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทเริ่มงวดแรกเดือนมิถุนายน 53 ต้องผ่อนให้หมดภายใน 24 งวด และในช่วงไล่เลี่ยกันนั้นทำยอมกับอีซี่บายด้วยเลยทำให้สับสนคิดว่าหนี้รายนี้ก็เป็น36 งวดเหมือนกัน...โชคดี ที่หยิบสัญญายอมมาดู......ตายละหว่า...ครบงวดไปเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา...ผ่อนเพลินไปหน่อยคิดว่ายังไม่ครบงวด...ยอดที่เหลืออีกตั้งเยอะ(หกหมื่นกว่าบาท)...ปิดเดือนนี้ไม่ได้ก็เรื่องยุ่งแน่......แต่....การเงินช่วงนี้...เงินก้อนไม่พอด้วยและมีเรื่องต้องจ่ายค่าเทอมของลูกอีก....คงต้องใช้กำลังภายในเจรจาปิดบัญชี....เจรจาได้ข้อยุติ...ได้ที่ยอดสี่หมื่นบาทแบ่งสองงวด...อย่างนี้พอลุ้น.....ก็จะจบอีกหนึ่งบัญชี ในปลายเดือนกรกฎาคม 2555
- หนี้ของอิออน และเซ็นทรัลคาร์ด สองตัวนี้หมดอายุความแล้วแต่ยังมีทวงแบบทำไม่รู้ไม่ชี้มาเรื่อยๆ.....เราจัดอันดับใช้คืนไว้ท้ายๆ
- Amex ไทยพาณิชย์ และ กสิกรไทย สามรายการนี้มีคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว ใช้การหักคอจ่ายโดยมีการเจรจากับผู้ดูแลบัญชี(คุยกันรู้เรื่องดี....ถ้อยทีถ้อยอาศัยและใจดีโทรเตือนทุกเดือน)ก็...เรื่อยๆมาเรียงๆ...ไม่มีเรื่องอะไรตื่นเต้น
- กรุงไทย และ อิซี่บาย ผ่อนจ่ายตามสัญญายอมทุกเดือน ถ้าเงินก้อนพร้อมเมื่อไหร่จะเจรจาปิดบัญชีเพราะเริ่มรำคาญเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีแล้ว

ของสามี

- ผ่อนของกรุงไทยตามสัญญายอมทุกเดือน
- หนี้ที่หมดอายุความมีของอิออนและ HSBC คงต้องรอก่อนนะเจ้าหนี้....ไม่ไหวจะเคลียร์ขอปิดที่น่ากลัวกับชีวิตความเป็นอยู่ก่อน
- ไทยพาณิชย์ หนี้ตัวนี้น่ากลัวอยู่เพราะมีคำพิพากษา และ ส่งคำบังคับมาหลายเดือนแล้ว จะหักคอจ่ายก็ถ้าจะไม่ไหวอีกเหมือนกัน....เราจ่ายหลายรายการ.เงินไม่พอ....ที่เจ้าหนี้ยังไม่บังคับคดีก็คงเนื่องจาก...สืบทรัพย์สามีเรา..เขาไม่มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ใดๆแถมเงินรายรับก็มาจากเงินบำนาญ....(ยังไงเราก็ไม่ชะล่าใจนะ...หาทางหนีทีไล่ไว้แล้ว)

ขอบคุณครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีมากนะคะ อ่านไว้เป็นข้อมูลค่ะ ดีมากๆ เลยค่ะ

เดือนกรกฎาคม2555นี้ ได้ปิดบัญชีเพิ่มอีก 3 บัญชี
- กรุงไทย สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งถูกฟ้องรวมกับวีซ่าและสินเชื่อพร้อมใช้ เราผ่อนตามสัญญายอมหน้าศาล มาได้ปีกว่าแล้ว ตัวสินเชื่อบุคคลยอดเงินที่ต้องชำระไม่มากแล้วแต่ถ้ายังผ่อนไปเรื่อยก็จะเป็นการเพิ่มดอกเบี้ยให้เขา...ก็เลยตกลงปิดตัวนี้ก่อน บวกลบคูณหารแล้วไม่มากกว่ายอดรวมตอนที่หยุดจ่าย จะไปชำระปลายเดือนและอีกสองบัตรที่เหลือ คาดว่าเดือนกันยายนจะเจรจาปิดบัญชี
- ซิตีแบงก์วีซ่า ชำระงวดสุดท้ายเดือนนี้อีก 20000 บาทตามที่เจรจากันไว้ที่ยอดรวม40000บาทให้ผ่อน2งวดๆละ20000บาท ปลายเดือนก็ปิดบัญชีนี้เรียบร้อย(บัญชีนี้ผ่อนชำระตามยอมหน้าศาลเช่นกัน และเมื่อครบระยะเวลาที่ทำยอมไว้ยังชำระไม่หมดก็เลยต้องเจรจายอดปิดบัญชีให้ได้ยอดเงินตามที่เราพอรับได้)
- ไทยพาณิชย์ speedy cash (บัญชีนี้ไม่ได้ถูกฟ้องรวมกับบัตรวีซ่าซึ่งมีคำพิพากษาแล้วและอยู่ระหว่างการหักคอจ่ายตามความเหมาะสม) ยอดค้างชำระเกือบสามปี อยู่ที่ 20000 กว่าบาท จากวงเงินต้นประมาณ 10000 บาท เขาเสนอให้ปิดที่ 6000 บาท รอหนังสือยืนยันเพื่อความชัดเจน ถ้าชัวร์ก็ชำระปิดบัญชีปลายเดือนนี้เช่นกัน และคาดว่าเดือนตุลาคมจะเจรจาปิดบัญชีบัตรวีซ่าทั้งของเราและสามีต่อไป

บัญชีที่เหลืออยู่และยังชำระตามยอมมีอีก 3 รายการเป็นของกสิกรไทย 2 บัตร บัตรยูเมะพลัสของอิซี่บายและ Amex คาดว่าไม่เกินเดือนธันวาคมปี2555นี้ จะเจรจาปิดบัญชี สำหรับบัตรเซ็นทรัลมาสเตอร์คาร์ดกับบัตรอิออนวีซ่าเกินอายุความแล้วรวมทั้งบัตรวีซ่าฮ่องกงแบงค์กับบัตรอิออนวีซ่าของสามีก็หมดอายุความเช่นกัน หากพอมีเงินเหลือจากปิดบัตรอื่นๆค่อยเจรจา......ถ้าเป็นไปตามแผนและเป้าหมายตามที่วางไว้....ก็เป็นอิสระปลอดหนี้เสียที่.....ไชโยล่วงหน้า

หลายท่านอาจจะมึน....มีหนี้หลายบัตรหลายรายการมากๆเลย...ถ้าติดตามแต่เริ่มต้นในกระทู้ของเราก็จะทราบดีว่าเวลาเฟื่องฟูแต่ละเจ้าของเงินก็เสนอให้เปิดบัตร ให้สินเชื่อแบบไม่ต้องพิจารณามากความ เพลิดเพลินไปหน่อยนึกขึ้นได้....ช่วงขาลงและเกิดติดขัดขาดสภาพคล่องแถมมีรายจ่ายการศึกษาของลูกสาวคนเดียวที่ค่อนข้างสูง ก็เลยเข้าสู่วังวนคนเป็นหนี้.....ดีนะที่เจอชมรมนี้ทันเวลา(แต่..ก็หนักหนาสาหัสมาเยอะแล้ว)เลยได้แนวทางปลดหนี้....และ ปลดหนี้ไปหลายรายการแล้วโดยไม่ต้องถลำลึกและทุกข์หนักไม่ผ่อนคลาย....ภายในเดือนสองเดือนที่จะถึงนี้โชคดีมีเงินไหลเข้ามาในชีวิตพอที่จะปลดหนี้แบบไม่เดือดร้อนและยังมีเงินเหลือในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขได้อีก(อย่าเดาว่าไปทำอะไรที่ทุจริตผิดกฎหมายนะ เงินมาแบบโชคช่วยจริงๆ)......

ยินดีกับพี่mom23 ค่ะ กับชีวิตในช่วงขาขึ้นค่ะ
เหมือนนกที่กำลังทะยานสู่ท้องฟ้าที่เมื่อก่อนมืดมิด แต่วันนี้
กลายเป็นสว่างแจ่มใส ขอให้ up up ตลอดไปนะค่ะ