เส้นทางการปิดหนี้ของ 9 บัญชี

ดิฉันเป็นสมาชิกของชมรมฯ ตั้งแต่ต้นปี 2554 ค่ะ

หนี้แรกในชีวิต คือ หนี้ กยศ.ค่ะ กู้ตั้งแต่สมัยเรียน ปวส. จนจบปริญญาตรี จบมาด้วยวงเงินกู้ 170,000 ปัจจุบันยังส่งอยู่อย่างต่อเนี่องค่ะ แต่ส่งไม่ได้เท่ากับจำนวนที่ธนาคารเข้าเรียกเก็บ ยอมเสียค่าปรับทุกปี

หลังจากเรียนจบ ปริญญาตรี ได้ทำงานในโรงงานญี่ปุ่น เงินเดือนรวม OT ประมาณ 20,000 อาศัยอยู่ต่างจังหวัด นิคมอุตสาหรรม 304 ในตำแหน่ง Foreman เข้ากะเช้า ดึก สลับทุก 2 อาทิตย์ มีเงินเหลือใช้ เหลือเก็บ ส่งให้ที่บ้านเดือนละ 5,000 แต่อกหัก เพราะไม่มีเวลาให้แฟน T_T ทำงานได้ 5 เดือน ร่างกายเริ่มแย่ค่ะ โรคภูมิแพ้ โรคไซนัส ชอคโกแลตซีส ไม่รู้เหมือนกันว่าโรคต่าง ๆ มันมาพร้อมกันได้ยังไง ทั้งที่สมัยเรียนร่างกายแข็งแรง บึกบึนมากค่ะ จึงยื่นหนังสือลาออก เพราะรับสภาพตัวเองไม่ได้ที่ต้องลาป่วยบ่อย จึงทำงานได้แค่ 6 เดือน แล้วย้ายกลับเข้า กทม. มาอยู่กับยายค่ะ มีเงินเก็บพอใช้หางานใหม่ ตอนนั้นไม่รู้จักคำว่า หนี้บัตรเลยค่ะ และก็ไม่รู้ด้วยว่าสามารถติดต่อประกันสังคมเพื่อขอค่าชดเชยระหว่างว่างงานได้ เสียสิทธิไปค่ะครั้งนั้น...

หลังจากตกงานได้ 3 เดือน ได้งานในกทม. คือ
1 (ปี 2549-2552) เจ้าหน้าที่การเงิน ญาติฝากให้ค่ะ ตำแหน่งแหวกแนว และเงินเดือนต่ำกว่าเดิมเท่าตัวค่ะ แต่ต้องทำค่ะ งานหายากมากค่ะ เพราะจบสาขาการจัดการธุรกิจ ออกแนวอุตสาหกรรมค่ะ อีกอย่างไม่ยอมไปอยู่ต่างจังหวัดด้วยค่ะ อยากอยู่ กทม. ที่นี้เริ่มเป็นหนี้สินเชื่อค่ะ ทำงานที่แรกด้วยระยะเวลา 2 ปีครึ่ง มีหนี้ดังนี้ค่ะ
- Easy Buy = 50,000
- KTC Cash = 20,000
- ไทยธนาคาร = 50,000 (สินเชื่อเงินสด)
ยอดหนี้ดังกล่าวเอามาช่วยวิกฤตในครอบครัวค่ะ เกิดปัญหาแม่ส่งค่างวดรถยนต์ไม่ไหว และมีเรื่องขับรถชนเด็กต้องขึ้นศาลสู้คดีค่ะ แต่หลังจากนั้นแม่ให้เงินมาปิดหนี้ค่ะ (ไม่ได้ยกเลิกบัตร Easy Buy กับ KTC Cash แต่จ่ายเงินไว้เต็มในบัตร) และต้องส่งคืนเดือนละ 4,000 - 5,000 ค่ะ เพราะกู้สหกรณ์มาค่ะ พอทำงานสักพักก็ได้งานใหม่แถวถนนวิทยุ ตำแหน่งการเงินค่ะ เป็นบ.ประกันวินาศภัย เงินเดือนเท่าที่เดิมค่ะ แต่ลดไป 1,500 ช่วงทดลอง ถ้าผ่านจะให้เพิ่ม ตัดสินใจไป เพราะคิดว่าบ.มั่นคง และสวัสดิการดีกว่า คิดผิดค่ะค่าครองชีพแสนสูง เงินเดือนไม่พอใช้ค่ะ เพราะต้องส่งให้แม่เดือนละ 4,000 บ้าง 5,000 บ้าง เพราะความกลัวผิดสัญญาที่ต้องส่งคืน เลยต้องไปกดเงินในบัตรมาใช้ใหม่อีกครั้ง T_T โหดร้ายกว่านั้นทำงานได้ 3 เดือน บ.บอกว่าจะขอต่อทดลองงานอีก 1 เดือน และกล่าวว่าต่าง ๆ นา ๆ ตัดสินใจใหม่ ไม่ทดลองงานต่อ ประจบกับญาติคนที่เคยฝากให้ทำงานที่แรกชวนไปทำงานอีกที่หนึ่งย่านรัชดา เงินเดือนมากกว่าที่นี่ 3,000 แต่ก็ยังไม่ถึง 15,000 ค่ะ

2 (ปี 2552) ทำงานย่านรัชดา ตำแหน่ง Sale Admin แหวกแนวต่อไปค่ะ แต่คิดว่าตำแหน่งนี้หางานได้ง่ายกว่า และตรงกับสาขาที่จบค่ะ แต่ต้องวางเงินประกันเท่าเงินเดือน 1 เดือน (กดจาก Easy Buy มาวาง) แต่ทำได้ 7 เดือนค่ะ โดนเล่นแง่ เพราะบ.การเงินแย่ลงต้องการลดพนักงาน แต่ใช้วิธีกดดันให้ลาออกไปเอง คราวนี้ได้ใช้สิทธิประกันสังคม ได้เงินชดเชยระหว่างที่ว่างงานค่ะ แต่ระหว่าง 7 เดือนนั้น มีหนี้เพิ่มมาอีก 1 บัญชี คือ

- เฟริสช้อย สินเชื่อโอนเงินเข้าบัญชี วงเงิน 28,000 (นำไปใส่บัญชี KTC Cash ให้เต็มค่ะ และที่เหลือก็ใส่เข้า Easy Buy นำเงินประกันที่ได้คืนมาใส่เข้าด้วยค่ะแต่ไม่เต็ม)

น้ำตาตกในค่ะ ตกงานอีกแล้ว ที่นี้เคว้งเลยค่ะ ไม่มีงานใหม่รองรับ ระหว่างหางานใหม่ได้เงินจากประกันสังคมด้วย และต้องนำเงินในบัตรหมุนไปจ่ายให้ Easy Buy กับเฟริสช้อย

ว่างงานได้ 2 เดือน ได้งานที่ใหม่แล้วค่ะ ดีใจค่ะ ที่นี้ย่านสีลมค่ะ เงินเดือนน้อยกว่าที่เดิม 500 ไม่ลังเลค่ะ ขอทำไว้ก่อน

3 (ปี 2552 - ปัจจุบัน) งานที่ใหม่ตำแหน่ง Admin ค่ะ เงินเดือนน้อยค่ะ แต่อาศัยว่ามีเงินในบัตรเหลือหมุนไปมา และผ่อนบ้านที่ทำเรื่องอนุมัติ ตั้งแต่ทำงานที่ย่านรัชดา เดือนละ 2,100 เป็นเวลา 30 ปี รวมแล้วแพงกว่าค่าบ้านราคาซื้อเงินสดเท่าหนึ่งเลยค่ะ บ้านหลังนี้ชื่อดิฉันยื่นกู้ค่ะ และเป็นข้อตกลงกับแม่ค่ะ ว่าให้ส่งบ้านหลังนี้ให้แม่ ปัจจุบันแม่อยู่คนเดียวค่ะ (เป็นเจ้าบ้าน) ไม่ต้องให้แม่แล้วเดือนละ 4,000-5,000 เป็นบ้านหลังเล็กๆ ค่ะ อยู่ลพบุรี และโชคดีที่ไม่โดนน้ำท่วมบ้านเหมือนคนอื่นเขาค่ะ แม่จะใช้วิธีสร้างวินัยให้กับลูกด้วยการซื้ออสังหาค่ะ และให้ลูกเป็นคนส่ง พี่สาวก็โดนค่ะ ต้องส่งคอนโดในกทม. แถวดอนเมือง น้ำท่วมถึงเลยค่ะ เพราะว่าเอาเงินของแม่มาปิดหนี้สินเชื่อเหมือนกัน แม่เล่าให้ฟังว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน มีหนี้บัตรเครดิตมากมาย จนต้องเข้าร่วมโปรแกรมกับธนาคารออมสิน ปัจจุบันเป็นหนี้กับธนาคารออมสินต้องส่งทุกเดือนโดนหักจากเงินบำนาญเดือนละ 9,000 กว่าบาทค่ะ หมดปี 2560 แม่สอนมาตลอดค่ะว่าไม่ต้องซื้อของแพง ไม่ต้องกินของแพงมาก เก็บเงินไว้เยอะๆ จะได้ไม่ลำบากตอนแก่ แม่สบายเพราะรับราชการมีเงินก้อน มีเงินบำนาญ เพราะสาวๆ แม่ใช้เงินเก่งค่ะ ไม่เก็บเงินค่ะ ใช้กิน เที่ยว ซื้อเสื้อผ้า ของใช้ดีๆ ค่ะ พอพ่อเสียเงินก้อนที่ได้ก็เอาไปดาวน์รถยนต์ มาขับ อยู่ต่างจังหวัดลำบากค่ะ ไม่มีรถประจำทางมากมายเหมือนใน กทม. แต่แม่เข้าใจว่าดิฉันไม่มีหนี้ที่ไหนแล้ว เพราะให้เงินไปปิดแล้ว แต่ดิฉันพลาดค่ะ พลาดที่ไม่เห็นโล่งศพ ไม่หลั่งน้ำตาค่ะ ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมส่งหนี้บ้าน และผ่อนบ้านก็ประมาณ 7,000 ค่ะ มิหนำซ้ำมีสินเชื่อเพิ่มมาอีก 1 บัญชีอีกแล้วค่ะ ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากจะปิด Easy Buy ให้ได้ แต่ปรากฏว่าวงเงินที่ได้มาไม่พอปิดค่ะ แต่ก็ยังเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็ใส่เฟริสช้อย หรือ KTC Cash ให้เต็มไว้ก่อนแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะยกเลิกบัตรอีกค่ะ ในหัวกลัวว่าลำบากแล้วจะไม่มีเงินก้อน หนี้นั้นคือ

- นครหลวงไทย โอนเงินเข้าบัญชี = 33,000

หลังจากทำงานได้ 6 เดือน ได้ย้ายแผนกไปทำงานในตำแหน่งที่มี OT, เบี้ยเลี้ยง, ค่าอาหาร, ค่ารถ แต่อยู่แถวหลักสี่ค่ะ เป็นของบริษัทเดิมล่ะค่ะ ^_^

4 บริษัทเดิม กับตำแหน่งใหม่ เงินเดือนเกือบ 20,000 เงินเริ่มคล่องมือค่ะ ทำงานได้ 6 เดือน มีสินเชื่อตัวใหม่เพิ่มอีกค่ะ เจ้าหน้าที่โทรมาหาเองเลยว่าสนใจโปรแกรมปิดหนี้ที่อื่น โดยรวมเป็นหนี้ก้อนเดียวไหมคะ หุหุ เอาแล้วดิคะ อยากปิดอยู่พอดี จ่ายที่เดียวน่าจะดีกว่า เลยตกลง ปลงใจ พร้อมทั้งบริการตัวเอง วิ่งไปรับเช็คเองเลยค่ะที่สาขา ไกลมากค่ะ บางกอกน้อย ค่าแท็กซี่ไป-กลับ 300 บาท และยังโดนบังคับให้ทำประกันไปอีก 2,000 กว่าบาท ลืมเลยค่ะมีบัตรเครดิตแล้วด้วยตอนนั้น ได้บัตรมาตอนทำงานตำแหน่งนี้ได้ 3 เดือน

- KTC บัตรเครดิต = 30,000
- Citi Advance = 86,000 (ได้เช็คออกมาในนาม Easy Buy, KTC Cash, เฟริสช้อย)

ในครั้งนี้ทำการยกเลิก Easy Buy ในวันที่เอาเช็คไปจ่ายค่ะ
แต่ KTC Cash ไม่ได้ยกเลิกค่ะ (ยังคิดว่าจำเป็นในอนาคตอยู่ โง่มาตลอด ยังคงโง่ต่อไปค่ะ)
ส่วนเฟริสช้อย ก็ไม่ได้ยกเลิกเหมือนกันค่ะ เพราะวงเงินที่เอาไปปิดยังไม่พอ เลยกะว่าสิ้นเดือนเงินออกจะปิดตัวนี้ สุดท้ายไม่ได้ปิดเหมือนเดิม เก็บไว้ก่อนเหมือนกัน เพราะคิดแบบว่าเงินเต็มยังไงก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย T_T พลาดมาแล้วแบบนับครั้งไม่ถ้วน มันน่าจะหมดหนี้ตั้งแต่ตอนที่แม่ให้เงินมาปิดแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่คิด และในวันที่ได้รับเช็คของ Citi Advance เจ้าหน้าที่บอกว่าตอนนี้เป็นโปรโมชั่น ทาง Citi จะมอบบัตร Citi M ให้เป็นกรณีพิเศษ เพียงแค่เซ็นต์ในใบสมัคร Citi M ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม และจะมีการจัดส่งบัตรไปให้ที่บ้าน มองหน้าเจ้าหน้าที่ Citi M คืออะไร อ๋อบัตรเครดิตนี่เอง ได้ส่วนลดเวลาซื้อของให้ห้าง 5% (เดอะมอลล์, พารากอน) อืมดีเดินบ่อย มีไว้สักใบคงไม่เป็นไร เหอๆ

หนี้เพิ่มค่ะ

- Citi M = 43,000
- Ready = 17,000
- CIMB = 30,000 (เจ้าหน้าที่ตื้อมากค่ะ เคยเป็นลูกค้าไทยธนาคารเก่า ก็ยังไปเอาของเขาค่ะเพราะตอนนั้นเริ่มใช้วงเงินในบัตรเครดิตเกือบเต็มมีผ่อน I-Phone 3 เครื่อง มีของตัวเอง พี่สาว และเพื่อนค่ะ พอได้เงินสดจาก 2 คนมาก็ไม่เอาไปจ่ายใช้หมดค่ะ ระหว่างเดือน พอสิ้นเดือนค่าใช้จ่ายต่อบัตรพุ่งค่ะ กลายเป็นเงินหมุนค่ะ ไม่เคยทำรายรับ-รายจ่าย ใช้เงินเก่ง เหมือนไปอัดอั้นมาจากไหน ซื้อของแพงๆ กินของดีๆ เที่ยวต่างจังหวัดบ่อยขึ้น ชีวิตสนุกบนเงินของคนอื่นที่เขาให้เครดิตมา และที่หนักไปใหญ่ ธนาคารกรุงศรีฯ เสนอสินเชื่อมาค่ะ ดอกเบี้ยถูกกว่า Citi Advance ในใจคิดไปอีกว่าเออเอาอันนี้ไปปิดเลยดีกว่า ดอกเบี้ยถูกกว่า รับข้อเสนอมาอีกค่ะ
- กรุงศรี Smile Cash = 60,000 (วงเงินที่ได้ไม่พอปิดค่ะ เลยเอาไปใส่บัตรเครดิต Citi M กับ KTC ให้เต็มไว้ก่อน ตอนนั้น Ready ยังไมได้เอาออกมาใช้เลยค่ะ)

ณ ตอนนั้นค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 10,000 เงินเดือนที่เหลือใช้ไม่พอค่ะ ยังคงรูด หมุนไปมาเหมือนเดิมค่ะ

ทำงานที่นี่ได้ 1 ปีค่ะ ได้เลื่อนตำแหน่งค่ะ (ปี 2554) เรียกให้ปรับเงินเดือนใหม่คือรวม OT แล้ว เกือบ 20,000 ค่ะ แต่กลับมาอยู่สำนักงานใหญ่ที่เดิม ครั้งนี้ไม่มีการเป็นหนี้เพิ่มแล้วค่ะ แต่เป็นวงจรการหมุนเงินไปมาไม่จบไม่สิ้น หาทางแก้ไขมาตลอด เพราะนอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เรื่องหนี้ เรื่องการจะหมุนเงินแต่ละเดือนอย่างไง กิน เที่ยว ใช้ของแพงไม่มีแล้วค่ะ เครียด ต้องการใช้เงินสดที่เหลือให้พอ โดยไม่ต้องไปกดเงินจากบัตรไหนมาใช้ เพราะทุกบัตรเต็มเกือบหมด แม้แต่ Ready ยังกดมาใช้แล้วในตอนนั้น

และเกิดปัญหาการได้ใช้เงินก้อนมาตลอด ปลายปี 2553 ที่บ้านได้ทำการต่อเติมบ้าน โดนค่าต่อเติมไปเกือบแสนค่ะ ต้องช่วยกันออก พอเดือน เม.ย. 2554 โดนขโมยขึ้นบ้าน งัดแงะซะจนบ้านเสียหาย ของในบ้านไม่มีอะไรหายมากค่ะ เพราะเคยโดนไปก่อนต่อเติมบ้านไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ที่เสียหายหนักคือตัวบ้าน มันพังซะเละ งัดเหล็กดัด งัดกระจกพัง งัดประตูพัง ห้องข้างบนเป็นฝ้ามันก้อเอามีดพังทะลุเข้าไปหมุนลูกบิด ก็ต้องเสียเงินซ่อมแซมบ้าน และติดเหล็กดัดเพิ่มใหม่ทั้งบ้าน T_T" ตอนนี้เริ่มคิดหาทางออกแล้วค่ะ ไม่ไหวแล้ว เงินไม่พอเลยแต่ละเดือน และเป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้น ...

พ.ค.54 เครียดกับการเป็นหนี้มา จึงเข้า google พิมพ์คำว่า "หนี้บัตรเครดิต" จึงได้พบกับ ชมรมหนี้บัตรเครดิต และได้เข้ามาอ่านอยู่เกือบเดือน อ่านเสร็จสมัครสมาชิก นามแฝง nat1019 ลองทำบัญชีรายรับ รายจ่าย พบว่าติดลบ จึงตัดสินใจหยุด และเดือน มิ.ย.54 เริ่มหยุดการจ่ายตัวแรก คือ
1.นครหลวงไทย = วงเงิน 33000 ส่งเดือนละ 1300 จำนวน 16/36 เป็นเงิน 22100 เงินต้นเหลือ 18771 (ดอกเบี้ย 23%)

เดือน ก.ค. 54 หยุด
2.ธนาคาร CIMB = วงเงิน 30000 ส่งเดือนละ 880 จำนวน 8/60 เป็นเงิน 7040 เงินต้นเหลือ 26263 (ดอกเบี้ย 0% 3 เดือนแรก จากนั้นคิด 28%)
3.เฟริสช้อย = วงเงิน 33000 ส่งเดือนละ 1100 จำนวน จำนวน 6/48 เป็นเงิน 6657 เงินต้นเหลือ 29445 (สินเชื่อนี้เป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2552 มีการใช้บัญชีมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปี เสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 28% เป็นการจ่ายเข้าและสามารถโทรสั่งเอาออกมาใช้ได้ขั้นต่ำ 3000)
4.Citi Advance = วงเงิน 86000 ส่งเดือนละ 3550 จำนวน 9/36 เป็นเงิน 35207 เงินต้นเหลือ 68751 (ดอกเบี้ย 28%)
5.Citi Ready = วงเงิน 17000 ส่งขั้นต่ำ เสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตั้งแต่ ม.ค.54 เป็นเงิน 1620 ยอดหยุดจ่ายเต็มวงเงิน (ดอกเบี้ย 28%)

เดือน ส.ค. 54 หยุด
6.กรุงศรี Smile Cash = วงเงิน 60000 ส่งเดือนละ 1790 จำนวน 9/60 เป็นเงิน 16130 เงินต้นเหลือ 54293 (ดอกเบี้ย 24%)

เดือน ก.ย. 54 หยุด
7.KTC Cash = วงเงิน 20000 ส่งขั้นต่ำ เสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตั้งแต่ มี.ค.50 เป็นเงิน 10400 ยอดหยุดจ่ายเต็มวงเงิน (ดอกเบี้ย 28%)
8.KTC บัตรเครดิต = วงเงิน 30000 ส่งขั้นต่ำ 3000 เสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตั้งแต่ ก.ค.52 เป็นเงิน 5200 ยอดหยุดจ่ายเต็มวงเงิน มีทั้งกดเงินสด และรูดซื้อสินค้า
9.Citi บัตรเครดิต = วงเงิน 43000 ส่งขั้นต่ำ 4300 เสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตั้งแต่ ก.ย.53 เป็นเงิน 4300 ยอดหยุดจ่ายเต็มวงเงิน มีทั้งกดเงินสด และรูดซื้อสินค้า

รับมือกับการโดนทวงหนี้

CIMB, กรุงศรี Smile Cash เป็นการทวงปกติค่ะ ขอให้จ่ายเข้ามาก่อน 1 งวด ความถี่ในการโทรในช่วงแรกจะสัปดาห์ละครั้งค่ะ พอเดือนที่ 2 จะโทรติดกัน 2-3 วัน เข้าเดือนที่ 3-4 จะบอกว่าดำเนินการส่งสำนักงานกฏหมายค่ะ แต่ยังคงเน้นให้เดินบัญชี หรือจ่ายเข้ามา 1 งวดทุกครั้งที่โทรมาค่ะ

นครหลวงไทย, เฟิรสช้อย การทวงนั้นจะมีปะทะคารมบ้างเป็นบ้างครั้งค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าพนักงานคนใดเป็นผู้ทวงถาม การปะทะกันนั้น เช่น
1. ทำไมเอาเงินไปแล้วทำไมไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ชำระเงิน : พอดีมีปัญหาทางการเงิน จึงไม่สามารถชำระได้ ตอนนี้ขอเก็บเงินก่อน
2. อ่านสัญญาบ้างไหม ว่าถ้าผิดสัญญาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง : ทราบค่ะ ดำเนินการตามระบบได้เลยค่ะ
3. รู้ไหมเนี่ยว่าเป็นเสียเครดิต ถ้าโดนฟ้องก็ต้องขึ้นศาลไม่อายหรือไง : ทราบค่ะว่าเสียเครดิต ส่วนถ้าฟ้องก็ต้องว่าไปตามผิดค่ะ คงไม่อายแล้วค่ะ ยอมรับความจริงค่ะ
4. ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะมีปัญหาอย่างไรกับที่บ้าน แต่คุณต้องหามาจ่ายก่อน : งั้นไว้ติดต่อกลับมาใหม่แล้วกัน เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง
5. คุณมีการเปลี่ยนชื่อนิทำไมไม่แจ้งให้กับธนาคารทราบ : แจ้งไปแล้วค่ะ มีเจ้าหน้าที่นครหลวงไทยรับเรื่องไว้แล้ว
ทั้ง 2 ที่นี้จะออกแนวๆ นี้กันค่ะ ประมาณว่าไม่รับรู้ปัญหาของคุณ พูดจายั่วอารมณ์ และจะมีการขู่ให้กลัวเกี่ยวกับการเสียเครดิต และการถูกฟ้องค่ะ

- KTC กับ Citi บัตรเครดิต กับเรดดี้ เงียบมากค่ะ ไม่มีการโทรมาทวงแต่อย่างไรเลยค่ะ มีแต่จม.ทวงหนี้มาค่ะ แต่ของ KTC มีแต่ของบัตรเครดิตที่โทรเข้ามาในตอนหยุดเดือนที่ 2 ประมาณ 2 ครั้งเองค่ะ ถามว่าติดปัญหาอะไร เพราะช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมค่ะ เลยตัดสินใจหยุดบัตรเครดิตทั้งหมดค่ะ

- Citi Advance เจ้าหนี้อันนี้ สุดยอดของการทวงที่แย่ที่สุดค่ะ
1. เดือนแรก มีผู้ชายโทรมาบอกว่าจะเข้ามาวางบิลที่ทำงาน : ไม่อนุญาตให้เข้ามา ถ้าจะจ่ายเดี๋ยวไปจ่ายที่ธนาคารเอง จำได้ว่าชื่อ ไอ้ธนากร ทวงได้ห่วย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กฏหมาย พอขอนามสกุลมัน มันไม่ให้ และขมขู่ต่างๆ นาๆ ดิฉันก็ได้แต่ด่ากลับไปค่ะ ว่ารู้จักกฏหมายการทวงหนี้ไหม ทั้งๆ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่กฏหมายน่ะ จากนั้นก็ไม่โทรมาอีกเลยค่ะ
2. เดือนที่ 2 โทรมาทุกวันค่ะ วันละหลายครั้งมีทั้งได้รับสาย และยิงค่ะ โทรเข้าออฟฟิศด้วยค่ะ จึงบอกว่าเบอร์มือถือที่ให้ไปโทรได้นะ ไม่อนุญาตให้โทรเข้าออฟฟิศ แต่ก็ยังอ้างว่าโทรมาแล้วไม่ติด ไม่รับบ้าง ดิฉันบอกว่าเห็นที่มียิงๆ มาคงเป็นของพวกคุณสินะ มีอยู่ครั้งหนึ่งโทรมาวันเสาร์ ดิฉันเลยบอกว่า วันเสาร์ อาทิตย์ ไม่รับโทรศัพท์ทวงหนี้ ขอเวลาส่วนตัวบ้าง ถ้าจะโทร โทรได้ จันทร์ ถึง ศุกร์ 08.00-08.30, 12.00-13.00 และหลัง 17.30-20.00 น. ก็ยังมีเถียงกลับว่าดิฉันทำงานทวงหนี้ไม่หยุดวันเสาร์ ดิฉันเลยบอกว่า อันนั้นเรื่องของคุณค่ะ แต่วันเสาร์ อาทิตย์ไม่รับค่ะ
3. เดือนที่ 3 ส่งคนเอาจม.มาให้ที่หอ แบบไม่ปิดผนึกค่ะ ดิฉันจึงโทรกลับไปต่อว่าตามที่ระบุไว้ในหนังสือ และบอกว่าถ้าคราวหน้ามาอีกให้ปิดให้เรียบร้อย ขอว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่ต้องการให้ใครทราบ
4. เดือนที่ 4 เสนอส่วนลดมาที่ 46000 ปิดจบ แต่ตอนนั้นมี 35000 เจ้าหน้าที่ก็เงียบไปเลยค่ะ
5. เดือนที่ 5-6 เงียบค่ะ ปรากฏว่าเข้าไปเช็คในศาลแขวงพระนครเหนือ โดนฟ้องเรียบร้อยแล้วค่ะ จึงโทรเข้าไปหาธนาคาร ทางธนาคารบอกว่าประวัติตอนติดตาม คือ โทรไปไม่รับ ติดต่อยาก มีการขู่ให้ทางธนาคาฟ้องร้อง ดิฉันจึงบอกว่า ทางธนาคารมีแต่การยิงเข้ามา และมาหาที่หอพักฝากจม.ไว้ที่หอโดยไม่ปิดผนึก ส่วนเรื่องการขู่นั้นไม่มี มีแต่ทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารที่ขู่จะฟ้องดิฉัน และก่อนหน้านี้ให้ส่วนลดมาที่ 46000 ดิฉันบอกว่ามี 35000 ทางธนาคารไม่ยอม จึงเงียบหายไป รู้อีกทีคือฟ้องแล้ว ถ้ายังไงต้องขอบคุณมากนะคะสำหรับข้อมูล ดิฉันก็วางสายค่ะ

ความสำเร็จบัญชีที่ 1 คือ เฟิรสช้อย

หลังจากหยุดจ่าย 4 เดือน วันที่ 15 พ.ย. 54 มีการเสนอส่วนลดมาค่ะ เหตุการณ์นี้เกิดหลังจากน้ำท่วมลดแล้ว
FC : ทางบริษัทเรามีนโยบายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีส่วนลดให้ในการปิดบัญชีค่ะ
ดิฉัน : ปิดเลยเท่าไหร่คะ และถ้าผ่อน 3 งวดเท่าไหร่คะ
FC : ปิดเลยให้ที่ 17000 ผ่อน 3 งวด ได้ที่ 20000 ค่ะ
ดิฉัน : ตอนนี้มีเงินก้อนไม่ถึง 17000 เนื่องจากใช้ไปตอนน้ำท่วม งั้นขอปิด 3 งวดแล้วกันนะคะ แต่ไหวที่เดือนละ 6000 ค่ะ
FC : ถ้ายังไงจะลองเสนอให้ผู้ใหญ่อนุมัติก่อนนะคะ ว่าแต่มีหนี้กับที่อื่นเยอะไหมคะ
ดิฉัน : ประมาณ 3 แสนค่ะ
FC : รบกวน FAX สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาใบแจ้งหนี้มาสัก 3 ที่ได้ไหมคะ
ดิฉัน : ไม่สะดวกค่ะ ถ้า FC อนุมัติ ขอเป็นใบยืนยันการลดหนี้มาให้ดิฉันแล้วกัน แต่ดิฉันไม่ FAX เอกสารดังกล่าวให้ค่ะ เพราะคิดว่าถ้าทาง FC ต้องการช่วยเหลือกันจริงๆ ไม่น่าจะต้องมีข้อแม้แบบนั้นค่ะ
FC : เอาแบบนี้แล้วกันค่ะ เดินบัญชีเข้ามาก่อนสัก 1000 ระหว่างรออนุมัติ
ดิฉัน : ไม่เดินค่ะ เพราะถ้าอนุมัติก็เอาไปเลยค่ะ 6000 ถ้ายังไงลองไปเสนอดูนะคะ แค่นี้นะคะ ขอบคุณค่ะ
FC : จ่ายวันนี้เลยได้ไหมคะ
ดิฉัน : ถ้าจ่ายน่าจะเป็นสิ้นเดือนนี้ค่ะ
FC : งั้นรอประมาณกลางเดือนจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาใหม่นะคะ เพราะถ้าไม่จ่ายภายในวันนี้ ต้องเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ใหม่ในการทำเรื่องนี้ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ดิฉันจะส่งเรื่องว่าคุณมีความสามารถที่เท่าไหร่ต่อให้กับเจ้าหน้าที่
ดิฉัน : ขอบคุณมากค่ะ

วันที่ 18 พ.ย. 54 มีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามา
FC : ดิฉันขอทราบภาระหนี้คร่าวๆ สัก 3 รายการค่ะ เพื่อที่จะทำหนังสือรายงานให้ผู้ใหญ่อนุมัติ
ดิฉัน : มี citi advance, KTC บัตรเครดิต, กรุงศรี smile cash, ส่งบ้านเดือนละ 2100 แต่สามรายการแรกคือ สถานะหยุดจ่าย
FC : ขอบคุณมากค่ะ ถ้ายังไงถ้าอนุมัติแล้ว จะทำการ FAX ใบอนุมัติไปให้นะคะ
ดิฉัน : ขอบคุณมากค่ะ

วันที่ 23 พ.ย. 54 ดิฉันโทรไปตาม
ดิฉัน : ไม่ทราบว่าเรื่องอนุมัติหรือยัง
FC : เดี่ยวช่วงบ่ายจะดูเรื่องให้นะคะ
ดิฉัน : ขอบคุณมากค่ะ

สักบ่าย 3 ค่ะ FC โทรมา และ FAX เอกสารยืนยันการปิดบัญชี ผ่อนจ่าย 3 งวด ที่ยอด 18000 มาให้ค่ะ จ่ายทุกวันที่ 1 เริ่มวันที่ 1 ธ.ค. 54 ค่ะ ^_^

ใบยืนยันลดหนี้ของ เฟริสช้อยค่ะ

nat1001 เขียน: ใบยืนยันลดหนี้ของ เฟริสช้อยค่ะ

ส่งรูปมาให้ผม ทาง This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. นะครับ
เดี๋ยวผมลงให้ครับ

ขอบคุณมากๆนะคะ ^_^

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=47&Itemid=29

ตามมาที่กระทู้นี้เลยนะคะ คุณ tonepa ในห้องนี้ไว้เล่าอย่างเดียวจร้า ดิฉันตามไปตอบในห้องนี้นะคะ ขอบคุณนะคะ ^_^

ขอบคุณที่มาแชร์ค่ะ

คุณนัท เก่งมากๆเลยค่ะ ทั้งหาข้อมูล รับมือ เก็บเงิน รู้จักประมาณตัวเอง
ผ่านมาได้ขนาดนี้แล้ว สู้ต่อไปอย่าถอยนะคะ
ทุกคนเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอเป็นกำัลังใจให้..เล่าได้ละเอียดดีมากจ้ะ..

จะเป็นประโยชน์มากๆต่อเพื่อนๆ สู้ต่อไปนะ..อีกไม่นานก็หมด

ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับกำลังใจ โดยเฉพาะพี่กอบัวค่ะ คำพร่ำบอกของพี่เป็นแรงใจให้ฮึดสู้ค่ะ ให้ฝ่าฟัน จะเข้ามาเล่าให้ฟังเรื่อยๆนะคะ ว่าแต่ละบัญชีจบยังไง ตอนนี้เริ่มห่อข้าวมากินที่ทำงานแล้วค่ะ หารถเมล์ฟรีขึ้น ใต้ดินแพง ก็เปลี่ยนเป็นนั่งเรือด่วนแทนแล้วค่ะ ประหยัดสุดฤทธิ์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตค่ะ

หมดหนี้ หมดสิ้นกับ FC แล้วค่ะ ได้ทำการติดต่อไปขอใบปิดบัญชี แต่ติดต่อยากมากๆ ค่ะ โอนไปโอนมา สรุปว่าอีก 7 วันให้ติดต่อกลับมาใหม่ เพราะในระบบยังไม่ Update ยอดเป็น 0 ค่ะ

nat1001 เขียน: หมดหนี้ หมดสิ้นกับ FC แล้วค่ะ ได้ทำการติดต่อไปขอใบปิดบัญชี แต่ติดต่อยากมากๆ ค่ะ โอนไปโอนมา สรุปว่าอีก 7 วันให้ติดต่อกลับมาใหม่ เพราะในระบบยังไม่ Update ยอดเป็น 0 ค่ะ

เจ้านี้ผมอยากปิดนะ เพราะทวงดีมากๆ เดือนที่น้ำท่วมเคยให้ส่วนลด50% แต่เงินไม่มี เราก็ให้

ความหวังว่าได้โบนัสจะปิดให้ วันนี้เลยโทรมา เจ้าหน้าที่ สนง.กฏหมายบอก ผมอุตส่าห์ดึงเรื่อง

ไว้ให้ บริษัทไม่ออกโบนัสเลยเหรอ ก็แหม่...ดันติดต่อมาช้าเอง...เงินหมดแล้ว...จะให้พูดว่าไงล่ะ....

ก็เลยบอกไปว่ายังไม่มีหรอกครับ ดึงให้อีกหน่อยได้ป่ะ....มันบอกถ้าเดือนนี้ไม่ได้ ผมก็ไม่ได้

ดูแลให้แล้วนะครับ...เออ....เรื่องของเอ็ง....ข้าไม่มีเงินโว้ย.....

วันเสาร์ที่ผ่านมา Smile Cash โทรมาว่า
SC: สวัสดีค่ะ ตอนนี้สามารถหามาจ่ายสักงวดก่อนไหมคะ
ดิฉัน : ยังไม่มีค่ะ ขอขึ้นศาลสิ้นเดือนนี้ก่อนนะคะ ค่อยมาคุยกันใหม่
SC: อ้าวแล้วไม่กลัวทางเราฟ้องบ้างเหรอคะ
ดิฉัน : ไม่กลัวค่ะ ความจริงก็คือความจริงค่ะ ตอนนี้รับได้ทุกสถานะค่ะ เพราะก่อนหน้านี้เคยที่จะผ่อนจ่ายเหมือนเดิม แล้วทางธนาคารไม่ยอมลดค่าปรับ ค่าธรรมเนียมใดๆ ดิฉันจึงต้องเอาเงินที่สามารถเก็บได้ไปทยอยจ่ายที่อื่นก่อน ซึ่งเขาให้ส่วนลดมาที่พอจ่ายได้ค่ะ
SC: งั้นไว้รอรับหมายศาลได้เลยนะคะ
ดิฉัน : ยินดีค่ะ สวัสดีค่ะ

ได้ใบยืนยันส่วนลดของ Ready มาแล้วค่ะ จาก 21396.80 เหลือ 12000 จำนวน 2 งวด ได้ส่วนลดประมาณ 43% ค่ะ