แต่น แตน แต้น …...มาเล่าให้ฟังใหม่แล้วนะครับ เรื่องเล่าเช้านี้ 12 มิ.ย.55
เริ่มด้วยถึงศาลตอนแปดโมงเป๊ะ ยืนเคารพธงชาติ อยู่กับ รปภ. ประหนึ่งเราก็เป็นเจ้าหน้าที่รปภ.เหมือนกัน ยืนเข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง เข้มแข็ง อย่างกับเตรียมสลายการชุมนุมอย่างนั้น
เหมือนเดิม เหมือนครั้งก่อนๆ ก็เดินไปดูบอร์ด ตรวจดูว่าชื่อเราอยู่แห่งหนใด แล้วก็เดินขึ้นไปนั่งรอ หน้าห้องจะมีที่นั่งรอ เป็นลักษณะโต๊ะรับแขก มีทีวีจอแบน ติดฝาผนังให้ชมไปพรางๆ แต่ไม่ยักกะเปิด เรื่องเล่าเช้านี้ รายการโปรดเรา ก็ดูแบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ และเราก็หยิบหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่เราซื้อมาตอนเช้าเหมือนทุกวัน ก็อ่านหนังสือพิมพ์ไปพรางๆ อ่านข่าวโน้น นี่ นั่น ไปเรื่อย ดูเหตุบ้าน การเมือง ข่าวโรคจิตเอาน้ำยาล้างห้องน้ำไปฉีด คนโน้น คนนี้ ไม่รู้จัก ทำยั่งกับสงกรานต์พระประแดงไปได้ เฮ้อ ทำไมมันไม่กินเองหล่ะ ทำชาวบ้านเค้าเดือดร้อน แล้วอ้างน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดมาจน แล้วประชดอย่างนี้นะ เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย เรียกร้องความสนใจแบบผิดๆ เฮ้อ สังคมไทย แล้วก็อ้างว่าเสพยาอ็ซ์ อีก โอ๊ว บร๊ะเจ้า ไปกันใหญ่ ไหนบอกว่าจนไม่มีเงินจะกินข้าว ทำไมสังคมไทยต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวงหรืองัย ก็ไม่รู้ จบข่าว
ก็ขอให้เพื่อนๆสมาชิก ระมัดระวังตัวหน่อยนะครับ
ขอแว๊บไปเล่าถึงความซวยของตัวเองหน่อยนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวานตอนเย็นก่อนไปขึ้นศาล เลิกงานเราก็กลับบ้านปกติ แต่พอ 5 โมงเย็นฝนตกซะงั้น เหมือนแกล้งกันเลย เราไม่มีรถ ต้องเดินจั้ม ๆ รีบไปขึ้นรถแบตัวเปียกๆ แถมยังเป้นรถปรับอากาศซะอีก แบบว่า ลำปางหนาวมาก พอลงจากรถเราก็ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทยกะว่า เอาไปเผื่อไว้เคลียร์ที่ศาลบางส่วน แล้วก็ค่าทนาย เราก็กดตัวเลขไป 15,000 บาท ก็รอเงินที่จะออกมาปกติ ปรากฏว่า รออยู่นานกว่าปกติ ชักเริ่มใจไม่ค่อยดีแล้ว รออยู่ประมาณ นาที 2 นาที ได้ ปรากฏว่ามีข้อความขึ้นหน้าจอประมาณว่า การสื่อสารขัดข้อง ไม่มีสัญญาน ทำเป็นทรูวิชั่นไปได้ ไม่ยอมไปจ่ายค่าสัมปทานให้อากู๋ มีข้อความแล้วก็คายบัตรมา แต่ไม่ยักจะมีอะไรตามมาแฮะ ก็ไม่เป็นไร ได้บัตรคืนมา แต่แว๊บนั้นก็มีข้อความมือถือจากธนาคารที่เป็นโปรเสริมเวลาเบิก แจ้งให้ทราบ ปรากฏว่าข้อความแจ้งตัดยอดเงินที่เพิ่งถอนไปเมื่อกี้ อะไรวะ เงินก็ไม่ได้ แบ็งค์กงเต๊ก ยังไม่มีเลย โฮ้ บระเจ้า อะไรกันนี่ เงินที่เราอุตสาห์ เก็บมา เพื่อเคลียร์กับหนี้บัตร เราก็อึ้งไปพักนึง แล้วเราก็ตั้งสติพริกหลังบัตรเอทีเอ็ม โทรแจ้งคอลเซ็นเตอร์ 1558 กว่าจะถึงตัวพนักงานรับสายได้ ต้องกดโน้น กดนี่ เยอะแยะไปหมด คนยิ่งร้อนใจอยู่ ใช้ความพยายามอยู่พักนึง แล้วก็มีพนักงานเสียงสวยรับ เราก็เล่าเหตุการณ์ที่ประสบให้พนักงานฟัง พนักงานเสียงสวยก็รับเรื่องเอาไว้แล้วก็ดำเนินการตรวจสอบว่า เรามียอดตัดออกไปจริง อ้วแต่เราไม่ได้รับเงินนี่ ทางพนักงานเสียงสวยรับเรื่องไว้แจ้งว่าจะดำเนินการตรวจภายใน 2-3 วัน อ้าว เราจะใช้เงินนี่ หงัยเป็นแบบเนี้ย เราก็บอกให้เค้าพยายามเร่งรัดหน่อยนะครับ เพราะว่าผมรีบใช้ อีกอย่างหนึ่ง ผมกลัวเงินสูญ แล้วเค้าจะไม่รับผิดชอบ ไม่เท่านั้นผมก็ไปแจ้งคำร้องที่สาขาในห้างที่ผมเปิดบัญชีไว้ด้วย เค้าก็รับเรื่องโดยให้เขียนเอกสารถ่ายบัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม บัญชีเงินฝาก แล้วจะดำเนินการตรวจสอบภายใน 1 อาทิตย์ เราก็วิตกจริต แบบว่านึกไปถึงตอนเด็กๆ ที่ว่าใช้โทรศัพท์สาธารณะแล้วหยอดเหรียญแล้วไม่ทอน เพราะว่ามีพวกมากักช่องเอาไว้ แล้วรอดึกๆ ค่อยมาแคะออก เราก็กลัวว่าจะมีมิจฉาชีพ รึป่าว พอเราไปก็มาแงะไป ...........ทำไมมันซวย อย่างนี้ แล้วเราก็กลับบ้าน กดเงินออกมาใหม่เอามันหน้าแบงค์นี่แหล่ะ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ฝนตกอย่ากดเอทีเอ็ม โปรดนำหนวดกุ้งมาจูนเครื่องส่วนตัวด้วย
( นั่งพิมพ์อยู่ ก็มีข้อความของธนาคาร มียอดเข้าในบัญชีละ เดี๋ยวตอนเย็นไปตรวจดูหน่อย ค่อยยังชั่วเฮ้อ )
เอาหล่ะ กลับเข้าเรื่องดีกว่า ออกนอกเรื่องมาเยอะแล้ว
พอเรานั่งอ่านหนังสือพิมพ์จนถึงประมาณ 8 โมงครึ่ง เราก็เดินไปหน้าห้องพิจารณา เพราะว่านัดตอน 9 โมง และแล้วเราก็เจอโจทย์เรา หนุ่มรูปหล่อมีเคราหรอมแหรม แบบบอย ปกรณ์ ยืนดูรายชื่อหน้าห้อง เราก็ดูว่าไม่มีเราก็เลย ถามหนุมเคราเสน่ห์ว่า ใช่ยูโอบี รึเปล่าครับ เค้าตอบว่าใช่ เราก็ตอบว่าเรามาคดียูโอบี แต่ไม่เห็นชื่อหน้าบัลลังค์ เหมือนกับที่ปิดที่บอร์ดด้านล่าง ทนายโจทย์ก็บอกว่าไปดูห้องถัดไปก่อน ปรากฏว่ามีชื่ออยู่ห้องนี้ แล้วเราก็เข้ากันไปสองคน ทนายก็ไปนั่งเตรียมเอกสารที่โต๊ะทนาย เราก็มานั่งม้ายาว แล้วก็โทรหาคุณอา ท่านบอกว่ามาถึงแล้วกำลังเดินขึ้นมา เราก็นั่งรอแล้วก็อ่านหนังสือพิมพ์หน้ากีฬาไปพราง ซักพักคุณอาก็เดินเข้ามา แล้วก็ชวนให้เรามานั่งดต๊ะทนายที่อยู่ตรงข้ามกันกับทนายโจทย์ แล้วคุณอาก็ถามเราว่าทางโน้นเสนออะไรมาบ้างมั้ย เราตอบกลับไปว่า มีติต่อมาครับ แต่เสนอเหมือนเดิมเลย คือ ให้ผ่อนยอดฟ้อง 110,000 บาท 12 งวด หรือถ้า ปิดงวดเดียว คือยอดเงินต้น 97,000 บาท เราก็บอกคุณอาไปว่าถ้า ผ่อน12 งาด มากกว่าอายัดเงินเดือน 30 % อีก แล้วถ้าให้ปิดยอดเงินต้นก็ไม่มีหรอก ถ้ามีคงไม่ปล่อยให้เรื่องมาถึงขนาดนี้หรอก
แล้วท่านก็พูดดังๆเพื่อเรียกทางทนายโจทย์ ว่าทางแบ็งค์มีข้อเสนออะไรให้บ้าง ทางนั้นก็ดูเอกสารแล้วก็เดินมาบอกว่า ให้เหมือนกับที่เราบอกคุณอาเป๊ะเลย คุณอาก็บอกไปว่าพึ่งว่าความเคศยูโอบีมาเนี่ย ยอดทางโน้นเค้า สามแสนกว่า ยังลดให้เหลือ แสนแปดเลย ทางคุณอาก็ลองคุยกับทางทนายโจทย์ว่า คุณลองถามข้อเสนอทางแบ็งค์ใหม่ซิว่า ถ้าปิดจบลดให้เท่าไหร่ จะได้ไม่ต้องว่าความกัน แล้วทางทนายโจทย์ก็หันไปโทรศัพท์แล้วก็เดินออกไปนอกห้อง แล้วกลับเข้ามาบอกว่าข้อเสนอเหมือนเดิมเค้าไม่ลดให้ครับ
ทางคุณอาก็พูดมาว่า อะไรกัน ทำไมไม่ลด เคสโน้นยังลดได้เลย นโยบายน่าจะเหมือนกันนะ
ทนายโจทย์ ยิ้มแหะๆ ก่อนตอบว่า ใช่ครับ นโยบายเหมือนกัน แต่ที่ยูโอบีให้อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้ดูแลบัญชี ว่าอยากกินค่าคอมมิสชั่นเท่าไหร่ พอดีผู้ดูแลบัญชีคนนี้ค่อนข้างคุยยาก ทางทนายโจทย์ก็บ่นเหมือนกัน ว่าบางคนที่ดูแลบัญชีคุยง่ายลดได้ ก็จบง่าย ( ไม่รู้พูดจริงรึเปล่า หรือพูดให้ตัวเองดูดี )
คุณอา พูดขึ้นมาว่า ถ้าเลื่อนนัดแล้ว ให้น้องเค้าเข้าไปคุยที่แบ็งค์เองหล่ะ จะลดได้มากกว่านี้มั้ย
เรานึกในใจว่า เราต้องเข้าไปคุยด้วยเหรอเนี่ย จะต้องทำหน้ายังงัยหล่ะทีเนี้ย จะโดนทางเขาขู่มั้ย !!!!!!!!
เรายิ่งต่อรองอะไรไม่ค่อยเก่งด้วย
ทนายโจทย์ ก็ได้นะครับ ลองดูก็ได้ ผมไม่มีปัญหาเลื่อนก็ได้ เด๋ยวผมหาเบอร์คนที่คุยง่ายๆให้
คุณอาหันไปถามเจ้าหน้าที่หญิงหน้าบัลลังค์ดูมีอายุรูปร่างอวบ ไม่เหมือนครั้งแรกเลย อย่างกับสาวเชียร์เบียร์ ถามว่าเลื่อนได้มั้ย
เจ้าหน้าที่หญิงหน้าบัลลังค์ดูมีอายุรูปร่างอวบ เธอก็ตอบกลับมาว่า ไม่ทราบเหมือนกัน คุณทนายต้องแถลงเอง ท่านผู้พิพากษาท่านนี้ไม่เหมือนใคร
คุณอาก็กลับมาคุยกับเราว่า เดี๋ยวลองขอเลื่อนดูก่อน ถ้าเลื่อนได้ก็ให้เราเข้าไปเจรจากับทางแบ็งค์เองเลย
เราก็ ครับๆ แต่ก็นึกในใจว่า อยากจะจบๆเหมือนกันวันนี้ ทำไมทางโน้นยุ่งยากมาก ดอกก็กินไปตั้งเยอะแล้วอย่างที่คุณอาบอก เรามันไม่ค่อยมีดวงเอาซะเลย เฮ้อ....
จากนั้นคุณอาก็บอกว่า ถ้าท่านไม่ให้เลื่อนก็สู้ไปตามข้อกฏหมาย แต่ให้คุณออกไปก่อน ซึ่งก็หมายถึงเรา คุณอาบอกว่ายังงัยท่านก็เบิกความแทนอยู่แล้ว เด๋ยวอยู่แล้วท่านถามแล้วตอบเสียรูปการณ์
เราก็หยิบกระเป๋าเดินออกจากห้อง ด้วยความเสียดาย เพราะอยากมีส่วนร่วมบ้าง จะได้รู้ว่าเค้าว่าความกันยังงัย จะได้เป็นความรู้แล้วมาบอกต่อ เพื่อนๆ สมาชิกได้ เฮ้อ......เสียดาย
เรานั่งอยู่หน้าห้องด้วยความใจจดใจจ่อ มีใครเปิดประตุเดินเข้าเดินออก เราก็จะลุกยื่นหน้าไปดู เห็คุณอายืนอยู่หน้าบัลลังค์ แต่ไม่ได้ยินเสียง ประตูปิดเราก็กลับมานั่งต่อ ด้านหน้าห้อง ดูวุ่นวายมาก เต็มไปด้วยผู้คน มีตำรวจด้วย แล้วก็มีคนแก่ลากรองเท้าแตะมาด้วย แล้วคนอื่นๆ เยอะแยะไปหมด สนทนากันดูวุ่นวาย บ้างก็โทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ใส่ชุดอย่างกับไปเที่ยวทะเลเสื้อลายดอกชบาสีฟ้า ถือเอกสารเดินไปเดินมาให้ขวักไขว่ แถมยังมีพนักงานทำความสะอาดถูพื้นไปมา หลายรอบ ทั้งที่คนก็เดินกันให้วุ่น ช่างทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ เวลานี้
แล้วเราก็เดินไปดูรายชื่อหน้าห้องพิจารณาข้างๆ แก้เซ็ง เห็นมีอยู่ห้องหนึ่ง มีคดีผิดสัญญาเงินกู้และก็บัตรเครดิตด้วย เห็นมีไทยพาณิชย์ กสิกร ซิตี้แบ็งค์ และก็อีอ้อนด้วย อีอ้อน......ไหนบอกไม่ค่อยฟ้องงัย สงสัยคนนี้จะโดนแจ็คผ็อต แล้วเราก็กลับมานั่งที่เดิม
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาประมาณ 10 โมงกว่า คุณอาก็มาเรียกว่าให้เข้าไปได้แล้ว เราก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆคุณอา คุณอาบอกว่าท่านผู้พิพากษาไม่ให้เลื่อน ให้สืบพยานเลย แล้วก็นัดฟังคำพิพากษาอีก 1 เดือน วันที่ 12 ก.ค.55 คุณอาบอกว่าถ้าช่วงนี้เค้าเสนอมา ลดซัก 40-50% ถ้ามีจะปิดก็ได้ เดี๋ยวน้องทนายฝ่ายโจทย์ เค้าจะหาเบอร์โทร คนที่คุยง่ายๆให้ แล้วจะโทรมาบอกเรา หรือถ้ายังไม่มีข้อเสนอที่น่าสนใจก็ให้รอฟังคำตัดสิน โดยที่ว่าไม่ต้องมาวันนั้น ให้พ้นไปซัก อาทิตย์ สองอาทิตย์ ค่อยมาคัดคำพิพากษา ท่านบอกก็น่าลุ้น ถ้าชนะก็ลดตั้ง 60% หลังจากนั้นก็แยกย้ายกลับคุณอาก็ไปทักทนายหนุ่ม ทนายหนุ่มก็ยกมือไหว้ แล้วก็จากกันด้วยดี
เป็นอันว่าจบแบบไม่จบ ยังมารู้จะยังงัยต่อ รอทางโน้นเสนอมาแล้วจบปิด หรือรอลุ้นคำพิพากษา
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส แต่ช่วงนี้หน้าฝนก็ต้องมีติดฝน ตัวเปียกกันบ้าง
หวังว่าโชคคงเข้าข้างบ้าง ขอให้เพื่อนๆ สมาชิกโชคดีกันทุกคนหมดหนี้ไวๆ นะครับ