ขอคำปรึกษา เป็นหนี้ 1.8 ล้านบาท ทั้ง nonbank และ bank

รบกวน ปรึกษาค่ะ เห็นรายละเอียดโครงการคลินิคแก้หนี้ SAM และศึกษาอ่านวิธีแก้หนี้จากชมรม โดยส่วนตัวคิดว่าวิธีการหยุดจ่ายน่าจะดีที่สุดสำหรับเรา เพราะตอนนี้จ่ายหมุนไม่ไหวแล้วเนื่องจากเกินเงินเดือน   โดยเรามีภาระดังนี้ค่ะ เงินเดือนเราเข้าธนาคารกรุงเทพ เงินเดือนเหลือจากหักทุกอย่างเหลือ 57,000 เห็นเพื่อนๆในนี้แนะนำว่าควรจ่ายอันที่เป็นบัญชีเงินดือน เราเลยจะยังคงจ่ายบัตรเครดิต ส่วน KKP เราเช็คแล้วไม่ร่วมโครงการ SAM เลยตั้งใจว่าจะหยุดจ่ายก่อนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เลยอยากจะขอแนะนำดังนี้ค่ะ
1. แต่ละเจ้าหนี้มีกระบวนการขั้นตอนอย่างไรหลังจากเราหยุดจ่ายบ้างคะ
2. ขอวิธีการรับมือกับการทวงถามหนี้ในแต่ละเจ้าหนี้หน่อยค่ะ ไม่แน่ใจว่า กลุ่ม nonbank เป็นอย่างไรบ้างเราคงต้องเตรียมมือเตรียมใจ และยอบรับกับความเครียด ที่จะเพิ่มมากขึ้นหลังจากนี้
3.  เกณฑ์ของSAM ผ่านยากไหมคะ เราเงินเดือนแสนนิดๆ ผ่อนบ้านต่างหากกับธอส เพิ่งไปขอปรับ retention ลดลงมาจ่ายเดือนละ 27600 บาท อ่านเจอเห็นบอกว่ามีอายัดทรัพย์และเงินเดือนด้วยค่ะ ในส่วนสินทรัพย์นอกจากบ้านที่ผ่อน เรามีที่ดิน 2 งานกว่าๆ ที่ต่างจังหวัด
4. ถ้าส่งเรื่องฟ้องศาลแล้ว จะยังเข้า SAM ได้ไหมคะ

ของเรามีอิออนที่ตรงกันค่ะ
ประสบการณ์เดือนที่ 1-2 เจ้าหน้าที่จะโทรมาแจ้งยอดค่ะ อิออนโทรเกือบทุกวัน เรารับบ้างไม่รับบ้าง วันเว้นวันค่ะ ส่วนใหญ่จะตอบกลับไปว่า กำลังหาเงินอยู่ มีค่าใช้จ่ายมากกกว่ารายได้
เดือนที่ 3 ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะกดดันขอคำตอบว่า จะมีจ่ายเมื่อไร่ ให้จ่ายขั้นต่ำเข้าไปก่อน เพื่อรักษาบัตร เราบอกเค้าในเดือนที่ 3 ค่ะ ว่าจะเอาเข้า SAM
เดือนที่ 4-5 จะเป็นเจ้าหน้าที่อีกส่วนนึงค่ะ จะโทรมาชวนให้ปรับโครงสร้างหนี้ ลดจาก 16% เหลือ 12% หรือได้รับส่วนลดถ้ามีเงินก้อนปิดบัตรค่ะ ของเรายอดกลม 250,000 ลดเหลื่อ 160,000 แต่ก้อยังไปอยู่ดี เลยปฏิเสธค่ะ
เดือนที่ 6 จะขู่ว่า ถ้าไม่ตกลงรับปรับโครงสร้างหนี้ จะเข้าสู้ดำเนินการฟ้องศาลค่ะ เราก้อบอกว่า รอบูโรครบ 121 วัน แล้วจะยื่น SAM ให้ทำตามหน้าที่ได้เลย ถ้าได้หมายศาลเดี๋ยวจะเอาใบสมัครเข้าโครงการ SAM ไปยื่นขอเลื่อนศาล เจ้าหน้าที่ก้อเงียบไปค่ะ
ปัจจุบันเข้า SAM เรียบร้อยแล้วค่ะ ยื่น 17 เมษ ได้รับอนุมัติ 16 พค จ่ายงวดแรกไปวันที่ 28 พค ค่ะ 
ใดๆ คือแรกๆ จิตใจจะว้าวุ่น ไม่กล้ารับโทรศัพท์ รับเลยค่ะ รับแล้วก้อฟังๆ ไป บางทีก้อปล่อยให้เจ้าหน้าที่พูดๆๆ แล้วเราก้อตอบว่าไม่มีค่ะ เราเจอเจ้าหน้าที่พูดดีหมดเลยค่ะ ถ้าเรารับโทรศัพท์ เค้าจะได้ไม่โทรมาในออฟฟิตหรือพยายามติดต่อเราทางอื่นค่ะ พอได้รับโทรศัพท์ซักอาทิตย์ ก้อจะชิลแล้วค่ะ แรกๆ ก้อกลัวว่าจะพูดอะไรยังงัย ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเดี๋ยวก้อผ่านไปได้ค่ะ

แนะนำเพิ่มเติมนะคะ บัตรแต่ละบัตร มีส่วนลดปิดจบ มีการเสนอปรับโครงสร้างที่ไม่เหมือนกันค่ะ ลองพิจารณาจากตัวเราว่าไหวแค่ไหนค่ะ
ของเรามีบัตร Tesco ยอด 100,000 ค่ะ ดึงมาจนถึงเดือนที่ 6 ได้รับส่วนลดปิดจบ 60,000 แต่เราไม่มีเงินก้อน เค้าเลยเสนอ 70,000 ผ่อนเดือน 2,000 ทั้งหมด 35 เดือน ซึ่งเรามองแล้วเรารับได้ ก้อรับค่ะ ไม่ได้เอาเข้า SAM ค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะ ที่ให้คำแนะนำ หลังจากอ่านกระทุู้ของทุกท่าน รวมถึง K. Super Thai และ  Badman เราตั้งใจดังนี้
1. Krungsri  Central the one (Credit card) =150,000 หยุดจ่ายรอต่อรองปิดยอด
2. Krungsri Visa(Credit card) =34,000 หยุดจ่ายรอต่อรองปิดยอด
3. Krungsri First Choice Cash Card = 68,000 หยุดจ่ายรอต่อรองปิดยอด
4. UOB Credit card =18,000 หยุดจ่ายรอต่อรองปิดยอด
5. Kasikorn Credit card =94,000  หยุดจ่ายรอเข้า SAM
6. Bangkok Credit card 50,000 =ยังจ่ายต่อเพราะเป็นบัญชีเงินเดือน
7. UMA Cash Card 329,000 = ตัวนี้จากที่อ่านกระทู้ อาจจะเข้าคลินิกแก้หนี้ไม่ได้ส่วนใหญ่ไม่อนุมัติควรเก็บเงินแล้วขอส่วนลดพิเศษ แต่เราน่าจะเก็บเงินไม่ได้ก้อนใหญ่ขนาดนั้น
8. Aeon Cash Card 170,000 = ได้ฟังจาก K. Bambam เลยใจชื้นขึ้นมาบ้าง จะหยุดจ่ายรอเข้า SAM ถือบัตรมาเกิน 10 ปีค่ะตัวนี้
9. Kashjoy Cash Card 92,000= หยุดจ่ายรอเข้า SAM แต่ไม่รู้ว่าการทวงหนี้การอนุมัติเข้า SAM ได้ยากง่ายแค่ไหน
10. UOB Express Personal Loan = 360,000 ได้อ่านจาก K. Superthai ตัดสินใจจะหยุดจ่ายรอเข้า SAM ถือบัตรมาเกิน 10 ปีค่ะ
11. KKP Personal Loan  = 510,000  ตัวนี้ไม่เข้า SAM ตั้งใจจะหยุดจ่ายและปรับโครงสร้าง กำลังถามเพื่อนๆ ในกระทู้อื่นเรื่องปรับโครงสร้างค่ะ

รายการที่ 1-3 ถ้าได้ส่วนละ 30% น่าจะปิดได้จากการเก็บเงินในแต่ละเดือนหลังจากหยุดจ่าย แต่ถ้าโชคดีได้ลดถึง 40% อาจจะปิดได้ ถึงรายการ 5-6 
แต่กังวลของ UMA ถึงแม้จะได้ส่วนลด แต่เราคงหาเงินก้อนมาปิดไม่ได้อยู่ดี คิดวนไปมาหลายตลบ 
บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตเราใช้มาเกินสิปปี