@04/04/2017
สรุปสถานการณ์หนี้ ณ ปัจจุบัน (หยุดจ่าย2-3 ปี แล้วแต่บัญชิ)
เรียงตาม สถาบัน // ประเภทหนี้ // ยอดหนี้ // สถานะ บ/ช
1.
บัตร KTC (บัตรเครดิต visa) จ่ายขั้นต่ำ พยายามใช้ให้น้อยที่สุด ระยะหลังมีปัญหานิดหน่อยเลยต้องรูดไปบ้าง ส่วนใหญ่ใช้รูดสำรองจ่ายตอนไปโรงพยาบาล แล้วเมื่อได้เงินตกเบิกคืนมาก็เอาไปโปะใส่บัตรเต็มจำนวนที่รูดไปค่ะ
2.
บัตร KTC cash revolve (บัตรกดเงินสด) จ่ายขั้นต่ำ ไม่ได้กดเงินสดออกมาใช้ 3 ปีแล้วค่ะ --- ยอดลดลงเรื่อยๆ
3. + 4. ธ. ไทยพาณิชย์ (บัตรเครดิต master card และ บัตรเครดิต visa) หยุด 1 ปี 7 เดือน เจรจาขอปิดจบทั้งสองใบด้วยจำนวนเงิน 39,000 + 12,000 = 51,000 บาท (ยอดหยุดของทั้งสองใบคือ 42,xxx กับ 10,xxx บาท คิดเป็นประมาณ 52,000 บาท)
สรุปก็คือ หยุด 1 ปี 7 เดือน เจรจาปิดจบก่อนส่งฟ้อง ได้ H/C ที่ยอดหยุดจ่ายค่ะ (จำไม่ได้ว่ายอดก่อนปิดมันพุ่งไปเท่าไหร่)
เคสนี้โดน จนท. ยื่นโนติสว่า ถ้าไม่ชำระภายใน ตค. 59 จะส่งฟ้องรวมกันทั้ง 4 บัญชี (เรามีหนี้กับ SCB อยู่ 4 บัญชีค่ะ มี 3 บัตร กับ 1 loan ยอดรวมกันทั้งหมดที่มันว่าตอนนั้นก็ 1.2 ล้าน ค่ะ ยื่นโนติสให้จ่ายทั้ง 4 บัญชี ใจดีลดให้เหลือ 8 แสนบาทค่ะ !!!
เลยบอกไปว่า จะจ่ายปิดตัวเล็กก่อน นางบอกยังไงก็จะยื่นฟ้องอยู่ดี เราก็ไม่แคร์ค่ะ ก็จะปิดได้เท่านี้ ก็ทำไปตามที่มีค่ะ (หรือคุณจะไม่เอา?? )
สรุปสุดท้ายนางก็ยอมเจรจาปิดได้ค่ะ แหม... อยากได้ค่าคอมก้อนใหญ่ล่ะสิ เชอะ แต่อีก 2 บัญชีที่เหลือกับ SCB ก็ฟ้องในเวลาต่อมาค่ะ
5. + 6.
ธ. ไทยพาณิชย์ speedy loan (สินเชื่อบุคคล) + ธ. ไทยพาณิชย์ (บัตรกดเงินสด speedy cash)
หลังจากปิด ข้อ 3+4 ไป อีก 2 เดือนหมายศาลก็มาเลยค่ะ จำได้แม่น มาวันที่ 2 มค. 60 เลย แหมๆๆๆ เลยปีใหม่มาวันเดียว ลางดีจริงๆ กะว่าจะให้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยหมายศาลเลยชิมิ !!! แรงส์ค่ะ !!!
หยุดจ่าย 1 ปี 7 เดือน โดนฟ้องรวม 2 บัญชี ทุนฟ้อง 1.2 ล้านบาท (เฮือกกกก) ไปศาลมาแล้ว 1 นัดตอนต้นเดือน มีค. ค่ะ ยื่นคำให้การสู้คดีไป นัดสืบวันที่ 15 พค. 60 นี้ค่ะ
เคสนี้ช่วงเดือน กพ. ทาง สนง.กม. โทรมากรุณาให้ปิดจบได้ที่ 7 แสนบาทถ้วนก้อนเดียวค่ะ .... ถ้าเทียบดูแล้วก็เหมือนลดจากยอดฟ้องไปเยอะนะคะ ตั้ง 41% แหน่ะ แต่จะเอาจากไหนมาคะ ก้อนเดียว 7 แสนในฉับพลัน ค้ายาบ้าเท่านั้นค่ะที่ทำได้ !!!
ตัวนี้ตัดสินใจยื่นสู้ไปด้วยเหตุผลบางประการค่ะ พอมีประเด็นอยู่บ้าง แล้วก็เลื่อนเวลาตายยืดเวลาเก็บเงินไปได้อีก 2 เดือนเป็นอย่างน้อย
ระหว่างนี้คือต้องรีบเก็บเงินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แต่ยากนะ เศรษฐกิจชะลอตัว รายได้ต่อเดือนลดลงอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่รายจ่ายที่จำเป็นก็มาเพียบเลยค่ะ เงินเก็บที่มีอยู่เอาไป H/C จนไม่เหลือเงินคงคลังแล้ว ... นี่ขนาดเขียมสุดๆ แล้วนะ)
7. ธ. ทหารไทย (บัตรเครดิต) หยุด 11 เดือน H/C ก่อนส่งฟ้อง ยอดก่อนปิด 201,800 ได้ส่วนลด 40% (เหลือ 120,000) แบ่งจ่ายได้ 3 งวด งวดละ 40,000 ปิดจบไปตั้งแต่ มีค. 2015
8. ธ. ทหารไทย (บัตรกดเงินสด) หยุด 6 เดือน เจรจา H/C ที่ 150,000 จ่ายงวดเดียว (จากยอด 216,400 // ลดไป 30%)
9. ธ. CIMB (สินเชื่อบุคคล 1)
10. ธ. CIMB (สินเชื่อบุคคล 2)
ทั้งสอนอันนี้ ปิดจบไปเมื่อ สค. 2016 ค่ะ หยุดจ่ายเกือบ 2 ปี เจรจา H/C กันที่ บ/ช ละ 2 แสน กับ 2.1 แสนบาท ได้ส่วนลดประมาณ 50% มีข้อแม้ว่าแต่ละบัญชีต้องปิดจบภายใน 5 เดือน แต่อนุโลมให้ปิดทีละบัญชีได้ เท่ากับผ่อนเดือนละ 4 หมื่นบาท x 5 เดือนแรก คือปิดตัวแรก แล้วผ่อนต่ออีก เดือนละ 4 หมื่นบาท นาน 5 เดือน เพื่อปิดจบตัวที่สอง .... โคตรโหดค่ะ แต่เอา เพราะยอดมันเยอะ และเงินเก็บพอมี ขืนดื้อดึงไปกว่านี้อาจจะไม่ได้ข้อเสนอดีแบบนี้แล้วก็ได้ ส่วนลดเยอะ ยอมให้ผ่อน 5 งวด แถมให้ปิดทีละบัญชีได้อีก คาดว่าดีกว่านี้คงไม่มีแล้วล่ะค่ะ (จนท. เค้าคุยดีด้วยแหละ)
*** หลังจากปิด 2 แสนแรกไปเสร็จและเตรียมตัวผ่อนจ่ายงวดแรกของบัญชีที่สอง ก็มี จนท.สนง.กม. เดิมนี่แหละ (แต่เปลี่ยนคน) โทร.มาตามงาน เลยลองแหย่ขอส่วนลดของบัญชีที่สองไป (จากเดิมราคาลดแล้วอยู่ที่ 2.1 แสน ปิดใน 5 เดือน) เราก็อ้างถึงความจริงใจและการให้ความร่วมมือในการแก้หนี้ของเราที่ปิดตัวแรกไปแบบเรียบร้อยตามเงื่อนไขเด๊ะๆ ... แล้วก็สำเร็จค่ะ นางลดให้อีก เหลือ 1.5 แสน ปิดใน 3 เดือน !!!
สรุปว่า CIMB ตัวแรก ได้ส่วนลดไป 50% เหลือ 2 แสน ปิดจบใน 5 งวด
ต่อมา CIMB ตัวที่สอง ได้ส่วนลดเพิ่ม จากเดิม ลด 50 % เหลือ 2.1 แสน ปิดใน 5 งวด กลายเป็น 1.5 แสน ปิดจบใน 3 งวด !!!
~ H A P P Y ~
11. ธ. UOB (สินเชื่อบุคคล i-cash)
12. ธ. UOB (บัตรกดเงินสด cash plus)
13. ธ. UOB (บัตรเครดิต)
โดนฟ้องเป็นตัวแรกหลังจากหยุดจ่าย 6 เดือน ฟ้องรวม 3 บ/ช ยอดฟ้อง 6 แสนกว่าๆ ไปขึ้นศาล 1 นัด หลังจากศาลพิพากษาแล้วก็หักคอจ่ายไปเรื่อยๆ ไม่กี่เดือนธนาคารก็โทร.มาเจรจาให้ปิดบ/ช เอง คิดเป็นส่วนลด 40-50% ค่ะ (แล้วแต่บ/ช ตัวสินเชื่อ I-cash ได้ลดเยอะสุดคือ 54% ส่วนบัตรกดเงินสด cash plus จะลดน้อยสุดคือ 40% ค่ะ) … กว่าจะเขี่ย UOB ออกจากชีวิตได้ ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ปี 5 เดือน ค่ะ
14. ธ. กสิกร (บัตรกดเงินสด) หยุด 5 เดือน H/C ที่ 150,000 งวดเดียว (จากยอด 241,000 // ส่วนลด 42%)
15. ธ. กรุงศรีฯ (บัตรเครดิต) หยุด 4 เดือน H/C ที่ 130,000 งวดเดียว (จากยอด 242,000 // ส่วนลด 48%)
16.
ธ. กรุงศรีฯ (สินเชื่อ Dreamloan) โดนฟ้องหลังจากหยุด 8 เดือน ยอดฟ้อง 4 แสนกว่า ทำยอมหน้าศาล จ่ายเดือนละ 10,000 บาท 36 งวด ดบ.10% (ตอนนี้จ่ายมา 24 งวดแล้วค่ะ)
ตอนนั้นตัดสินใจทำยอมเพราะมองว่าข้อเสนอจ่ายเดือนละ 1 หมื่นบาทพอสู้ไหว อีกอย่างไม่มีเงินก้อนพอค่ะ
วางแผนว่า เมื่อครบ 36 งวดแล้วจะเจรจาขอ H/C หนี้ส่วนที่เหลือค่ะ ตอนนี้เงินก้อนหมดไปกับการ H/C ของ CIMB หมดแล้ว
17.
ธ. กรุงศรีฯ (สินเชื่อบุคคล smile cash) ยอดหยุด 486,000 หยุด พค. 57 /// ตอนนี้หยุดมาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ นานๆ โทรมาสักครั้ง ล่าสุดเพิ่งโทรมาเมื่อกี้ ยอดพุ่งไป 760,xxx บาทเรียบร้อย ฮือๆๆ ยื่นโนติสถ้าไม่จ่ายภายในเดือนนี้ (เมย. 60) จะฟ้องละ
ส่วนลดที่เสนอมาคือ 590,xxx งวดเดียว หรือไม่ก็จ่ายมาก่อน 187,xxx บาท แล้วทำยอมผ่อน 12 งวด !!! บ้าไปแล้วค่ะ เอ่อ ฟ้องไปเหอะถ้างั้น รายนี้เยินค่ะ ชื่อบริษัทเหมือนชื่อโครงการบ้านและคอนโด มีคำว่านุ่มละมุนต่อท้าย โทรมาทีแรกนึกว่าพวกขายเกมออนไลน์ อะไรประมาณนี้ เจ้าหน้าที่คุยดีค่ะ แต่ผจก.นี่คุยอย่างเถื่อน
ดูจากรูปการณ์แล้ว ปีที่ 3 นี้จะเป็นปีที่ลำบากที่สุดละ เพราะงานหายากขึ้น รายได้ต่อเดือนลดลง
แถมมีแววจะเจอฟ้องบัญชีใหญ่ๆ ติดๆ กัน 2 ทีแน่ๆ ค่ะ
(อาอึ้มบอกว่า ปีนี้ดวงเราชง 100% ซะด้วย แค่คิดก็เพลียแล้วค่ะ ถึงว่าสิ ปีนี้เจรจาอะไรแต่ละทีมันถึงได้ลำบากยากเย็นจริงๆ)
แต่ก็เหลือแค่นี้แล้วจริงๆ ค่ะ กัดฟันอีกสักนิด ถ้าไม่โดน lay off ก็น่าจะปลดหนี้ทั้งหมดนี้ได้ภายในอีก 2-3 ปีค่ะ