ทวงหนี้ประจาน แบงค์ชาติพึ่งได้ - ของคุณปูเป้

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #35769 โดย Skynine
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ คุณนายสาม..คิดถึงนะจากคุณนายรอง

สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #35839 โดย Na123123
คุณแสนดี ขอบคุณมากเลยค่ะ เราต่อสู้ไปพร้อมกันนะคะ :สู้ๆ:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #35955 โดย Yupin
ขอบคุณนะคะ สำหรับข้อมูลดีๆ แล้วเรื่องแบบฟอร์ม นี่ต้องดาวน์โหลดที่ไหนได้คะ พอดีมีอิออนเข้ามาทวงหนี้ที่บริษัทค่ะ :cry2:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36239 โดย june
-ขอบคุณน้อง wikanmar มากๆ นะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวพี่เป้จะรบกวนบ่อยๆ ^^ -

-คุณนายแสนดี โผล่มาหาพี่เป้บอกสั้นๆ ว่าคิดถึง แต่กับน้อง wikanmar ร่ายเสียยาวเชียว

ได้ข่าวว่าไปเที่ยวเมืองนอก เมืองนา แล้วได้ซื้ออะไรฝากพี่เป้บ้างล่ะ...แค่คิดถึงไม่พอหรอกนะ (o_O)

-สาธุค่ะ คุณนายรอง แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการ :love:



รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Champcyber99

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36258 โดย june
น้อง Yupin เจ้าหนี้สิทธิในการทวงถามได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ด้วยการละเมิด ข่มขู่ หรือประจาน

ใช้คำพูดเหมือนเราเป็นขี้ข้าคนทวงหนี้ การกู้ยืมเงินเป็นเรื่องส่วนตัว การข่มขู่

หรือการนำความลับของลูกหนี้ไปเปิดเผยแก่บุคคลอืนเป็นความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา

ลูกหนี้ที่เจอการทวงหนี้ลักษณะเช่นนี้ให้สอบถามรายละเอียดว่า เจ้าหน้าที่คนนั้นชื่ออะไร

ทำงานบริษัทไหน ขอเบอร์โทรกลับ และแจ้งถึงความผิดที่เขาได้กระทำอยู่และเป็นสิทธิ

ชองเราที่จะดำเนินตามกฏหมายได้

ที่มา สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการทวงหนี้

แต่พี่เป้ว่าสอบถามชือและรายละเอียดก่อนก็ดี เพราะบางที่มันกวนตรีนก่อน ถามทีหลัง

มันจะไม่บอก...ถ้าเจอเข้าข่ายในลักษณะเช่นนี้ก็สามารถร้องเรียนธปท".ได้ค่ะ

ข้อมูลนี้ถือว่าเล่าสู่กันฟังนะคะ

รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Champcyber99

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36264 โดย Champcyber99
วิธีกู้ชีวิตยามตกยาก

มีโยมผู้หญิง อยู่รายเจ้งปิดโรงงานหนี มีหนี้ 11 ล้าน ปิดโรงงานหนีมาอยู่วัด

........เลยให้ตั้งใจรักษาศีล 5 ได้ไม๊ ต้องคิดแบบนี้นะ...
ถ้าเจ้าหนี้มาฆ่าเรา ๆไม่ชอบ เราก็ห้ามฆ่าไคร

โจรมากระชากสร้อยทองเรา ๆไม่ชอบ เพราะฉนั้น อย่าทำร้ายน้ำใจใครหักหาญเอาของเขา

สมมุตหากมีลูกหลานเราโดนเขาข่มขืน เราเสียใจ เราจะไม่ทำอย่างนี้กับคนที่ไม่ใช่ภรรยา สามีเรา

ปรากฎเธอขอรักษาศีล 8 เลยก็เป็นอันว่าอยู่วัดรักษาศีล 15 วัน...

ตลอดระยะเวลา15 วัน เจ้าหนีโทรมาทวงไม่เว้นวันแต่เข้าตาจนเธอก็ประคองตัว มาจน วันที่ 14 ของการบวช

มีสายโทรเข้ามือถือ คิดว่าคงเจ้าหนี้แต่จะไม่หนีแล้ว จึงรับสาย.... ปรากฎ ชาวต่างชาติโทรมาขอซื้อหนี้โรงงาน 11ล้านและให้ค่าเซ็นสัญญาอีก 1 ล้านรวมมีเงินก่อนสึกมาตั้งตัว อีก 1 ล้านบาท

แต่กรณีคุณโยม ต้องพร้อมใจรักษาศีล ทั้ง สามี ภรรยา จึงมีโอกาสรอด

รักษาศีล อยู่บ้านก็ได้ เช้าก็นึกรักษาศีล เย็นก็นึกว่าศีลเราวันนี้บริบูรณืดีไม๊ ต้องนึกถึงศีลที่ตั้งใจรักษา เช้า-เย็น ขาดไม่ได้ ศีลจึงจะมีกำลังมาก พาพ้นวิกฤติ

ว่าง ๆ พากันสวด คาถาเงินล้านไปด้วยวันละ 30 จบเป็นอย่างน้อย สวดได้มากวันละหลาย ๆ ครั้ง ก็ยิ่งดี คาถาเงินล้านนี้ให้คนสวดแล้วเห็นผลทันตา

บางรายเงินไม่มีติดกระเป๋ามาเป็นเดือนเป็น คนจีนก็จดคาถาให้...นั่งสวดนึกขอบารมีพระพุทธเจ้าเทวดา ฟ้าดิน สวดเช้าตกบ่ายคนก็เอางานมาจ้าง รอดตายไปได้เพราะคาถานี้จริง


กรวดน้ำทุกวันให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สงเคราะห์แล้ว แผ่เมตตาอธิฐานให้กับความย่ำแย่ให้หมดไปเหมือนน้ำที่กรวด



ขอเจริญพร
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36265 โดย juthatip.jj
แหมมมมม ... ทำเป็นน้อยอกน้อยใจ ก็เป็น freind กันอยู่ใน FB ไปแอบๆ ส่องๆ ก็คุยกันบ้างก็ได้ น้องหนีหนี้เน่าๆ ไปเมืองนอกเมืองนาเพราะกลัวว่ามัวแต่ใช้หนี้เงินหมดไม่มีโอกาสได้ไปอ่ะดิ ปูนนี้แล้วด้วย เดี๋ยวนี้ต่อรองก็ยาก ลดให้จิ๊ดเดียวแต่ละที่ เลยช่างแม่มมมม... ทำไรก็ทำไป ขอหาความสุขใส่ตัวบ้างสู้กับมันมาหลายปีแล้วนิ คิดถึงพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคนนะ แต่ตั้งแต่ต้นปีมางานเยอะมาก มากจนต้องหนีไปเที่ยว กลับมาหนักกว่าเดิมอีก 5555 หาโอกาสเวลางานเข้ามาคุยกับใครในนี้ไม่ได้เลย นอกจากเข้าห้องน้ำเหน็บมือถือไปคุยใน FB เบื่อเหมือนกันค่ะพี่เป้ แต่ลูกยังเล็ก หนี้ก็ยังอยู่อีกถึงจะหายไปเยอะแต่ก็ยังเหลืออีก 5 บัญชีที่ยังไม่จบกัน 4 ยังคุยกันเรื่อย ๆ ส่วนลดไม่มีเลยใช้เงินเยอะก็ปล่อยไปก่อน 1 บัญชีฟ้องก็ผ่อนไปก่อน ขอส่วนลดปิดก็ไม่ให้ เบื่อจะคุยแล้วเหมือนกันค่ะ รวมๆ ชีวิตยังลั่นล้าอยู่ค่ะพี่เป้ :สู้ๆ:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june, aruchat

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36300 โดย june
คุณนายแสนดี พี่เป้เล่นเฟสไม่เป็นหรอกจ้า แต่เห็นน้องมีความสุขชีวิตลั่ลล้า

ก็ดีใจด้วย ทำไงได้ล่ะนิ...คนเป็นหนี้ก็ต้องหาความสุขใส่ตัวบ้าง

หลังจากผจญกับหนี้ทั้งหลายมาเนิ่นนาน ของพี่เป้ก็วิ่งรอกขึ้นศาลจนรองเท้าสึกไปหลายคู่

ยังไงก็ขอให้หมดหนี้ไวๆนะจ๊ะ อย่ามัวแต่เมคมันนี่จนลืมรักษาสุขภาพล่ะ


[/color]

รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36633 โดย Champcyber99
ผมเชื่อนะครับคุณปูเป้ว่า คนกลุ่มหนึ่ง ไม่มีหนี้สิน และมีเงินเก็บสม่ำเสมอ
เรียกได้ว่า มีการวางแผน และ มีวินัยทางการเงินที่ดีทีเดียว
คนอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่มีหนี้สิน แต่ ก็ไม่มีเงินเก็บเลย
เพราะหาได้เท่าไหร่ ก็ใช้เสียจนหมด ยังไม่คิดถึงอนาคต
กลุ่มนี้มักจะเป็นวัยเริ่มต้นทำงาน อายุยังไม่มาก
อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มที่มีหนี้สิน และไม่มีเงินเก็บเลยสักบาท
กลุ่มนี้นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่ากลัวทีเดียว
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการรับภาระที่มากเกินพอดี
ได้แก่ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เกินฐานะของตน
หรือ การใช้เงินล่วงหน้าอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งซื้อของ กิน เที่ยว
เห็นได้จากการเติบโตของบัตรเครดิตทั้งหลาย
ที่ทำให้คนใช้จ่ายเงินล่วงหน้า ที่ไม่ใช่เงินของตน อย่างลืมตัว
ทั้ง เบิกเงินสดล่วงหน้า, ผ่อนสินค้าล่วงหน้า
หรือ ซื้อสินค้าด้วยบัตร แล้วไม่สามารถชำระเต็มจำนวนได้
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36717 โดย Champcyber99
อ่านหรือยังเรื่องนี้คุณปูเป้ เจ้าของ ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย

"ผมเป็นหนี้ด้วยเม็ดเงิน ผมก็ต้องใช้หนี้ด้วยเม็ดเงิน ทำไมผมต้องใช้หนี้ด้วยชีวิตล่ะ ผมรักชีวิตผมมากกว่าทุกอย่าง มันไร้สาระที่ผมต้องเอาชีวิตไปใช้หนี้"

คำบอกเล่าที่ออกมาจากใจของ "สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" หรือเจ้าของวลีเด็ด "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็ก ที่ต้องแบกรับภาระหนี้กว่าแสนล้านบาท เพียงแค่ชั่วข้ามคืน

หลังจากโดนผลพวงของภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตกที่กระทบไปทั่วทุกธุรกิจ จนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 และในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ศาลฎีกาสั่งให้เขากลายเป็นบุคคลคนล้มละลาย ... เพราะอะไรทำไมคนที่เคยเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทยถึงมีหนี้มากมายขนาดนั้น และทำไมถึงยังใช้ชีวิตอยู่ได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปค้นหาคำตอบกันค่ะ...

สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง หรือ ฮ่อก๊กห่ง เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนกวางตุ้ง เกิดวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2484 ที่ ซอยวัดพิเรนท์ ย่านวรจักร กรุงเทพมหานคร พ่อแม่นั่งเรือสำเภามาจากประเทศจีน ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยหรือคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เพราะอยู่ในครอบครัวที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ต้องสู้ชีวิต ต่อมาปี พ.ศ. 2490 พ่อส่งเขาไปเรียนที่โรงเรียนกวางตุ้ง เมืองกวางเจา ประเทศจีน จนจบ ป.4 ถึงกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนธีรพัฒน์วิทยา และต่อในระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนสาธรวิทยา และจบการศึกษาระดับปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบูรพา

โดยในสมัยหนุ่มๆ เขาเริ่มทำงานเป็นล่ามให้กับโรงงานน้ำตาลศรีราชาไทยรุ่งเรือง ก่อนกลับมาช่วยงานโรงกลึงของพ่อที่ชื่อ "เขื่องหว่า" โดย สวัสดิ์ ย้อนวันวานว่า ผมจบม.6 มาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะครูช่วย จะไปหางานโรงแรม 4-5 ดาวทำก็ไม่ได้ เพราะเรียนมาน้อย สุดท้ายก็ได้ช่วยงานโรงเหล็กของครอบครัว อ่าน เขียน และพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะต้องส่งโทรเลข ติดต่อธุรกิจสั่งของกับต่างประเทศ ช่วงรอรับโทรเลขก็ไปเที่ยวไนต์คลับรอเพราะเวลาต่างกัน 12 ชั่วโมงจนเต้นรำเก่ง

แต่ด้วยความความฝันที่ว่าจะต้องเป็นเจ้าพ่อโรงเหล็กให้ได้ เขาจึงก่อตั้งกลุ่มบริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีล กรุ๊ป จำกัด (NTS) และบริษัท นครไทย สตริปมิล จำกัด (NSM) ในเมื่อ พ.ศ. 2531 เขาได้สร้างอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) โดยเน้นไปที่การก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม และได้จับมือกับ "เดวิด เหลียง" นักธุรกิจฮ่องกง ตั้งบริษัท ไทย-ฮ่องกง เรียลเอสเตท เทคโอเวอร์ บริษัท ซันเทค ผลิตมะเขือเทศกระป๋อง

ในปี พ.ศ. 2537 เขาขออนุญาตตั้งโรงงานเหล็กรีดร้อน "มังกรสวัสดิ์" โดยตัดสินใจกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากมาสมทบ เพื่อที่จะขึ้นนั่งแท่นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมเหล็กให้จงได้ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้ แต่การจะได้มาซึ่งธุรกิจนับแสนล้านบาทนั้น สวัสดิ์ ต้องกู้เงินจำนวนมาก เพื่อนำมาสร้างฝันของตัวเอง พร้อมๆ กับหันมาสนใจที่จะเล่นการเมือง โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย ในยุคของ พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 ภายหลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย จนถึงขั้นฟองสบู่แตก ทำให้กระทบธุรกิจหลายๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก แถมเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้เขากลายเป็นหนี้แสนกว่าล้านเพียงข้ามคืน

โดยหลังทราบข่าว สวัสดิ์ บอกว่า ในวันที่ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ผมนอนไม่หลับ คิดว่าจะจัดการปัญหาหนี้ได้อย่างไร ยอมรับว่า มืดเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นผมใช้เวลาอยู่กับตัวเอง 2-3 วัน ก็คิดว่าอะไรที่เป็นส่วนตัวเราเก็บไว้ก่อน ทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด ทำอย่างไรจึงจะรักษาบริษัทเหล่านั้นไว้ให้ได้ ผมไม่โทษใคร นอกจากตัวเอง และคิดว่าทุกอย่างต้องเดินหน้า การต่อสู้จะต้องดำเนินต่อไป และวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จึงถูกประกาศออกมา

สวัสดิ์ กล่าวอีกว่า ผมยอมให้ถูกสังคมและเจ้าหนี้ตราหน้าว่า "จอมเบี้ยวหนี้" การประกาศออกมาว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" ไม่ใช่เป็นการพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ใช่คำพูดของเจ้าพ่อ ที่จะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เพื่อข่มขู่ให้เจ้าหนี้หวาดกลัว แต่เป็นการพูดที่มีความหมาย เพื่อต้องการรักษาสภาพคล่องในบริษัทไว้ให้มากที่สุด ก่อนจะหาทางแก้ปัญหาต่อไป

พูดง่ายๆ ก็คือ การกลับมาตั้งหลักนั่นเอง ผมมองแล้วว่าในภาวะเช่นนี้ ไม่มีเจ้าหนี้รายไหนจะกล้าปล่อยสินเชื่อหมุนเวียนมาให้แน่นอน แต่เครื่องจักรจะต้องเดินเครื่องตลอดเวลา ซึ่งจะต้องใช้เงินเข้าไปหล่อเลี้ยง หากผมเอาเงินของบริษัทที่มีอยู่ทั้งหมดไปคืนหนี้ แล้วบริษัทจะอยู่อย่างไร เครื่องจักรมูลค่าหลายพันล้านบาท ที่เป็นหลักประกันนั้น จะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ ซึ่งก็เท่ากับทำร้ายเจ้าหนี้ทางอ้อมด้วย

ช่วงแรกๆ เจ้าหนี้หลายๆ รายก็มีปัญหา ไม่เข้าใจกับความคิดของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหนี้ส่วนใหญ่เริ่มจะเข้าใจ และบางรายถึงกับแสดงความขอบคุณ และบางรายถึงกับยกให้เป็นทฤษฎี 3 ไม่ เลยทีเดียว เพราะเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า ทฤษฎี 3 ไม่ ทำให้ธุรกิจอยู่รอด ทั้งนี้ สวัสดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้บอกว่าให้โกงแล้วหนี แต่ต้องรอก็เท่านั้น

จากนั้นเมื่อตั้งหลักได้ สวัสดิ์ จึงเดินหน้าเจรจากับเจ้าหนี้ทั้งหมด เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่กว่า 1 แสนล้านบาทในขณะนั้น โดยได้ข้อสรุปให้แปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 90% ให้แก่เจ้าหนี้ ที่เหลืออีก 10% ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งในส่วนของ สวัสดิ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งเหลือหุ้นเพียง 3% แต่ก็ได้วอร์แรนท์ อายุ 10 ปี เป็นการตอบแทน








แต่ถึงแม้จะปลดหนี้ได้ 1 แสนล้าน แต่ สวัสดิ์ ก็ยังต้องแบกรับภาระหนี้อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะหนี้ค้ำประกันกว่า 3 หมื่นล้านบาท ที่ติดตัวมาตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นเงินต้นแค่ 8 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นดอกเบี้ยค้างจ่าย ยังเป็นภาระที่หนักสำหรับตัวเขา แม้เขาจะบอกว่าไม่มีปัญหาก็ตาม แต่ช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา หนี้ส่วนนี้ยังไม่ลดลง เพราะสวัสดิ์เชื่อว่าการใช้หนี้ทุกอย่างต้องมีเหตุผล และเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ศาลฎีกาสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแก่ นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลล้มละลาย

อย่างไรก็ตาม สวัสดิ์ กล่าวว่า ผมไม่รู้สึกเสียดายความร่ำรวย ที่วันนี้เหลือเพียงแค่อดีต ชีวิตวันนี้มีไว้เพื่อวันข้างหน้าเท่านั้น ผมจึงมักจะสร้างโอกาสให้กับตนเองอยู่เสมอๆ ผมไม่เคยเสียดายเวลาที่ได้พบปะผู้คนเป็นร้อยๆ คนในแต่ละวัน เพราะทุกคนที่ได้พบ ได้เจอ ย่อมหมายถึงโอกาสที่ผมเลือกที่จะไขว่คว้า ผมจะทำงานเพื่อเงิน ไม่ใช่ทำเพื่อความเป็นเจ้าของ

"ถึงวันนี้ผมไม่ซีเรียส ผมไม่แคร์ ว่าวันนี้ผมจะสูญเสียความเป็นเจ้าของในธุรกิจที่ผมตั้งมากับมือ ผมรอได้ บริษัทจะเป็นของใคร หรือเป็นของเจ้าหนี้ และผมจะเหลือหุ้นส่วนน้อย ผมเชื่อว่าหากบริษัทผ่านพ้นวิกฤติไปได้ สักวันหนึ่งผมก็มีสิทธิกลับมา แม้จะใช้เวลาเป็น 10 ปีก็ตาม ในชีวิตนี้จะมีสักกี่คนที่ทำตามความฝันได้ทั้งหมด ซึ่งผมทำได้ทั้งหมดแต่อาจไม่ได้เป็นเจ้าของเท่านั้นเอง เพราะผมทำให้มันเกิด ที่สำคัญผมยังใช้ชีวิตปกติ หิวก็กิน ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะต้องอดหรือว่าต้องฆ่าตัวตาย เพราะปัญหามันมาทุกชั่วโมง แก้อันนี้จบ อันใหม่ก็มา เพราะฉะนั้นปัญหามีไว้แก้ เช่นเดียวกับเวลาเครียด เครียดไม่กี่วัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป และอีกอย่างผมเป็นนักสู้มาตั้งแต่เด็ก แต่เราตัวเล็กสู้ไม่ชนะก็ต้องใช้หัวเอาชนะ" สวัสดิ์ กล่าว

สวัสดิ์ กล่าวอีกว่า เครดิตส่วนตัวในวันนี้ ไม่ดีหรอก แต่ว่าเขาก็ไม่แคร์เท่าไหร่ และมั่นใจว่าถ้าโครงการที่ทำนั้นดี ข้อมูลดีเขาต้องทำได้แน่ การก้าวมาถึงวันนี้ เป็นทั้งจุดเปลี่ยนและก้าวใหม่ เพราะโลกเปลี่ยนไป แต่ความเป็นนักฝันของเขายังคงอยู่ และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความฝันนั้นให้เป็นจริง
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #36790 โดย Champcyber99
สัญญาณการที่มีหนี้เริ่มผิดนัดชำระ มันก็จะพบอยู่ได้ที่เครดิตบูโร เพียงแต่ว่าที่เครดิตบูโรไม่มีข้อมูลว่ารายได้ เราไม่มีข้อมูลรายได้ เรามีข้อมูลลักษณะที่เป็นบัญชี ผมเรียนอย่างนี้ก่อนนะครับ เดือนหนึ่งจะมีข้อมูลมาที่เครดิตบูโร 42 ล้านบัญชีสิน ในเชื่อ 42 ล้านบัญชีสินเชื่อ มี 1.6 ล้านบัญชีสินเชื่อ ที่เป็น NPL ไปแล้ว คือค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไป และมี 1.1 ล้านบัญชี ที่อยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย พูดง่ายๆ ใน 42 ล้านบัญชี ที่ยังเดินกันอยู่ มันมี 2.7 ล้านบัญชี ที่อยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย และเป็น NPL

คำถามก็คือว่า แล้วระดับตรงไหนล่ะ ที่เป็นปัญหา เมื่อหน่วยงานอื่นเขาเอาข้อมูลทางฝั่งเราไปร่วมประมวลผล ในหลายๆ มุม ก็พบว่ากลุ่มที่น่าเป็นห่วง ก็คือกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 หรือ 10,000 พูดลักษณะง่ายๆ ก็คือว่า บ้านเช่า กินข้าวถุง กินข้าวกล่อง ปัญหาคือคนกลุ่มนี้อาจจะมีหนี้สินที่เยอะแล้ว เขามีรายได้ 100 บาท เขามีหนี้สินที่ต้องไปจ่ายแต่ละเดือน 50, 60 บาท เหลือกินเหลือใช้แค่ 40 กว่าบาท คำถามก็คือถ้าเรายังกระตุ้นให้เขาเอาหนี้ไปต่อหนี้ หนี้ไปใช้หนี้เดิม เอาหนี้ใหม่ไปใช้หนี้เก่า ถ้ามีขบวนการกระตุ้นการตลาดแล้ว มีเป็นอันตราย แต่ละคนมีครอบครัว แล้วมันก็จะสู่ปัญหาครอบครัวได้ รัฐบาลพอเขาเห็นว่าหน่วยงานรัฐ ที่สภาพัฒน์ เขาเห็นสัญญาณแบบนี้ เขาก็เลยออกมากระตุ้นเตือนว่า ควรจะระมัดระวัง เพราะว่าในช่วงเวลาปีใหม่ เป็นช่วงที่เรามักจะใช้หัวใจในการซื้อของ ใช้สติในการซื้อของ เขาก็ออกมาเตือนตรงนี้

ถาม คุณสุรพล ครับ 42 ล้านบัญชีเป็นรวมกันหมดหรือยังครับ

ตอบ ทุกอย่าง ครับ 42 ล้านบัญชีนี่คือทุกอย่าง รถ บ้าน บัตร สินเชื่อโอดี ทุกอย่างครับ เดือนเดือนหนึ่งจะมีข้อมูลไหลเข้ามาที่เครดิตบูโร เดือนละ 42 ล้านบัญชี

ถาม ทุกอย่าง 42 ล้านบัญชี สำหรับรายละเอียดแล้วอาจจะเป็น 1 คน มีหลายบัญชีได้หรือเปล่าครับ

ตอบ โดยปกติ 1 คน จะมีประมาณสัก 5-6 บัญชี รถ 1 บ้าน 1 เครดิต 2 ใบ อาจจะมีบางคนมีฉุกเฉินไว้บ้าง

ถาม ที่ คุณสุรพล บอกว่า เรื่องของคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 หรือ 15,000 มีการวิเคราะห์ไหมว่า เนื่องจากปัญหาอะไรที่ทำให้เขามีเรื่องของการใช้จ่าย การเป็นหนี้ค่อนข้างสูง

ตอบ คืออย่างนี้ครับ โดยปกติเดี๋ยวนี้ ลองนึกนะครับ ทุกคนใช้ความเร็วเป็นตัวตั้ง เช่น จะโทรหาใครโทรเร็ว รับกับใครเร็ว ข้อมูลก็ต้องเร็ว ซึ่งความที่เราถูกบ่มเพาะ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต้องเร็ว เร็ว เร็ว เวลาเราตัดสินใจเราก็จะเร็ว เพราะเราเกิดความอยากได้อะไรขึ้นมาบางอย่าง ไม่รอ สมัยก่อนกว่าเราจะได้ทีวีแต่ละเครื่อง เก็บตังค์ไปดาวน์ เก็บตังค์เป็นก้อน ต้องอดทน ทีนี้ความอดทนเรามันไม่มี พอไม่มีปั๊บ ประกอบกับมีเครื่องมือ ถามขอสินเชื่อมาผ่อนได้ มันมีเครื่องมือมาเชื่อ ทำให้คนตัดสินใจเร็ว บางครั้งตัวเองมีความสามารถชำระหนี้ไม่พอ

ผมแนะนำอย่างนี้นะครับ ถ้าเรามีเงิน 100 บาท/เดือน แล้วเรามีหนี้ที่ต้องจ่ายแต่ละเดือน ผ่อนรถ ผ่อนงวดบ้าน รวมแล้วไม่เกิน 30 บาท อย่างนี้เราไปก่อหนี้ใหม่ก็พอไหว แต่ถ้าเรามีเงิน 100 บาท แล้วเราใช้เงิน 50,60 บาท ไปจ่ายหนี้เก่า บ้าน บัตร อันนี้ถือว่าไฟเหลือง แต่ถ้าเมื่อไหร่เราไปถึง 70 บาท หมายถึงเราต้องจ่าย 70 บาท เหลือกิน ใช้ 30 บาท อันนี้ถือว่าเป็นไฟแดง การก่อหนี้ทุกคนไม่สามารถจะก่อหนี้ได้ไม่สิ้นสุด ต้องรู้ตัวเองเวลา ณ เวลาที่เราจะก่อหนี้ใหม่ ต้องรู้ตัวเอง ณ เวลานั้น ต้องมีสติ ฉันกู้ไปทำอะไร ฉันจะผ่อนได้อย่างไร

ถาม คุณสุรพล ครับ เมื่อเปรียบหนี้ครัวเรือน ถ้าเราไปเปรียบตอนที่เรามีปัญหาเมื่อปี 40 ตอนนี้นี่เรียกว่าสูงกว่า หรือต่ำกว่า

ตอบ ตอนปี 40 NPL มัน 47% ดอกเบี้ยปาเข้าไป 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ดอกเบี้ยเงินฝากนะครับ ไม่ต้องพูดดอกเบี้ยเงินกู้ ณ เวลานั้นไม่มีเครดิตบูโรอยู่ ลูกหนี้เป็นหนี้เท่าไหร่ สถาบันเองก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ณ เวลานั้น ผมคิดว่าเปรียบเทียบกับเวลานี้ เวลานี้มี NPL อยู่ในระบบจริง 1-2% มาตรการการควบคุมติดตามหนี้ดีขึ้น สถาบันระมัดระวังมากขึ้น เพราะฉะนั้น เวลานี้ไม่ได้มีปัญหา เพียงแต่ว่ามันมีสัญญาณอะไรบางอย่างที่ทำให้เห็นแล้วไม่สบายใจ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ก็ต้องออกมาส่งสัญญาณว่าเพลาๆ กันหน่อยในระหว่างคนที่ปล่อยกู้ แล้วคนที่จะกู้ก็ต้องเตือนกันเท่านั้นเองครับ

ถาม คุณสุรพล เห็นบอกว่า เครดิตบูโรเองจะมีการจับมือกับศูนย์วิจัยของสถาบันแห่งหนึ่ง พอจะบอกได้ว่าเป็นที่ไหนครับ

ตอบ คือขณะนี้ยังทำโครงการกันอยู่ ประเด็นมันอย่างนี้ครับ ในแผนแม่บทการทางเงินฉบับที่ 2 เขามีมาตรการบอกให้เครดิตบูโรไปทำ ไปทำที่เรียกว่าสัญญาณเตือนภัย ทีนี้สัญญาณเตือนภัยมันเตือนทั้งสองส่วน 1.สัญญาณเตือนภัยสำหรับสถาบันการเงิน 2.สัญญาณเตือนภัยสำหรับสาธารณะ ในต่างประเทศเครดิตบูโรเขาทำเรื่องพวกนี้ เป็นสาธารณะ จะออกคล้ายๆ รายงานสั้นๆ ประมาณ 2 หน้ากระดาษ เหมือนกับที่สภาพัฒน์แถลงอะไรอย่างนี้ คล้ายๆ อย่างนั้น บอกว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผ่านมา ว่ามีการใช้สินเชื่อกันกี่มากน้อย อันนี้เขาเรียกว่าเป็นมาตรการโดยทั่วไปในต่างประเทศที่ไหนเขาก็ทำกันแบบนี้ แล้วก็เครดิตบูโรก็ได้มอบหมายตามแผนมาทำ เราก็กะว่าเราจะทำร่วมกับสถาบันวิจัย เพราะเราไม่ได้เก่งเรื่องวิจัย เราก็จะทำร่วมกับเขาแล้วก็เผยแพร่ในปีหน้าครับผม
มาจากผู้จัดการ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #37015 โดย Champcyber99
คุณเคยเป็นอย่างนี้หรือไม่?

๑. คิดไปเรื่อยๆจึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

จิตนี้มีความสำคัญ
ธรรมดาคนเราคิดอะไรมักจะไม่ค่อยรู้ตัว
วันหนึ่งๆคนที่จะรู้ตัวว่า คิดอะไรทำอะไรจริงๆมีน้อย
ส่วนมากก็คิดไปตามความเคยชิน หรือตามอำเภอใจ ตามอารมณ์นี่แหละ
คิดไปเรื่อยๆจึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
ทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเราทุกวันนี้ เพราะเราไม่รู้จักความคิด คิดผิดคิดถูกก็ไม่รู้ และเมื่อคิดผิดก็เกิดทุกข์ขึ้นทันที บางครั้งก็ทุกข์เกินกว่าเหตุอีกด้วย บางครั้งเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่สบายกายนิดหน่อย
แต่จิตใจทุกข์มาก ทุกข์กายนิดหน่อย แต่ไปเพิ่มทุกข์ใจอีก
เพราะเราปล่อยความคิดของเราให้คิดไปตามกิเลส
ถ้าเราสามารถระงับจิต ทำใจให้สงบได้ ปัญหาก็จะเบาลง
๒. เขาไม่มีเจตนาร้าย แต่เรา..ไม่ถูกใจในการกระทำและคำพูดของเขา...เราโกรธเขา
เมื่อเราอยู่ในสังคมตั้งแต่๒คนขึ้นไป ย่อมมีบ่อยๆที่เราไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจในการกระทำ หรือคำพูดของคนรอบตัวเรา ไม่ชอบใจไม่ถูกใจในสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่เขาทำ
เช่นเขาพูดธรรมดาๆของเขา ไม่มีเจตนาร้ายต่อเราเลย แต่เรารู้สึกเจ็บใจ น้อยใจ ไม่สบายใจ คิดว่าเขาพูดใส่ร้ายเรา เขาพูดไม่ดี เขาพูดให้เราเสียหาย ฉิบหาย เป็นต้น
เมื่อเราเจ็บใจก็คิดโกรธ คิดปองร้ายหรือน้อยใจ อาจจะตลอดคืนหรือหลายวัน บางครั้งก็หลายสัปดาห์ หลายเดือนก็มี
ใจเราเดือดร้อนเป็นนรก แต่คนที่เราโกรธ บางทีเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย.....กินสบาย นอนสบาย อยู่สบายตามวิถีทางชีวิตของเขา
ใครฉลาดหรือโง่กว่ากัน สมควรหรือทุกข์อย่างนี้.....คิดดูให้ดีๆ
นี่ทุกข์เพราะความคิด ทุกข์เพราะคิดผิด
เราหลงตัวอยู่ว่า เราไม่เคยทำให้ใครหนักใจ ไม่เคยทำความลำบากใจให้ใคร
ไม่เคยเบียดเบียนใครเลย อาจจะจริงอยู่ตรงที่ว่าเราไม่มีเจตนาเบียดเบียนใคร
แต่คนที่ไม่ชอบใจ โกรธ ทุกข์ กับสิ่งที่เราทำ เราพูดก็มีเหมือนกัน
อาจจะมีหลายอย่างด้วยซ้ำไป.....แต่เราไม่รู้ ต่างคนต่างทุกข์ซึ่งกันและกันอย่างนี้
ถ้าเราเห็นความโง่ของตัวเองได้
ก็จะปล่อยวางทุกข์ได้
ให้อภัยเขาได้เห็นใจเขาได้
. บางคนขี้บ่นก็บ่นไปเรื่อยๆ มีอะไรไม่ถูกใจหน่อยก็บ่น จนผู้อื่นเกิดความรำคาญ
ลูกหลานรำคาญเพราะเราทำตามความเคยชิน ไม่ถูกนิดหน่อยก็บ่น บ่นไปเรื่อยๆ
ให้ถามตัวเองว่าถ้ามีใครมาบ่นอย่างนี้เราชอบไหม เราก็ไม่ชอบ
บ่นอย่างนี้ดีหรือไม่....ไม่ดี ใครบ่น....เราบ่นเอง บ่นแล้วใครไม่สบายใจ......เราไม่สบายใจ
คนอื่นก็ไม่สบายใจด้วย เห็นไหมว่าเมื่อคิดไม่ดี ทำไม่ดี พูดไม่ดี
ก็มีผลออกมาเป็นความไม่สบายใจ เป็นทุกข์ เมื่อเราตั้งใจศึกษาธรรมะ คือศึกษาตัวเองอย่างนี้
๔. บางทีเขาทำผิดจริงๆ แต่ถ้าเราคิดเป็น เราก็ไม่โกรธหรอก
เขาทำแก้วแตก เขาพูดไม่เพราะ เขาขี้เกียจ เขาทำงานไม่ดีเลย
เราต้องระวังใจ อย่าโกรธเลย ความผิดของเขา เอาไว้เป็นความผิดของเขา
อย่าให้ทำลายใจของเรา อย่าให้ใจเสีย อย่าเสียใจเลย
โกรธเขาเมื่อไหร่เราผิดทันที เป็นบาปเป็นอกุศล
บาปกว่าเขา โง่กว่าเขาซ้ำไป คิดดูพิจารณาดีๆ
เขาทำแก้วแตกโดยความประมาท เราโกรธ เดือดร้อนใจเป็นนรก
ถ้าขาดใจตายเดี๋ยวนี้...เป็นทุกขคติ ตกนรกจริงๆ ถ้าเขาตายเดี๋ยวนี้เขาไม่เป็นไร
ทำแก้วแตกไม่เป็นเหตุให้ตกนรก แต่โกรธเป็นเหตุให้ตกนรก
คิดดูใครผิด ใครโง่ ใครบาป มากกว่ากัน เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็จะไม่โกรธ ไม่ทุกข์
คิดถูกดับทุกข์ได้
๕. คนชอบยุ่งกับเรื่องของคนอื่น

อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น ภาวนามากๆ ดูตัวเองมากๆ
หลวงพ่อพระโพธิญาณเถร บอกว่า “ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น๙๐% ดูตัวเองแค่๑๐%”
คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น
ไม่ค่อยคิดจะแก้ไขตัวเอง กลับซะใหม่
ดูคนอื่นเหลือไว้๑๐% ดูเพื่อศึกษาว่าเมื่อเขาอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ ดูตัวเองพิจารณาตัวเอง๙๐% จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่
ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง โบราณมักจะพูดว่าเรามักจะเห็น
“ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม” มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ เห็นความผิดของคนอื่นให้หารด้วย๑๐ เห็นความผิดตัวเองให้คูณด้วย๑๐ จึงจะใกล้เคียงความจริงและยุติธรรม
เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ
และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ
แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ พยายามอย่าสนใจการกระทำและการปฏิบัติของคนอื่น
ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั่นแหละมากๆ เช่นเข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ แล้วเกิดอารมณ์ร้อนใจ
ยังไม่ต้องบอกให้เขาแก้ไขอะไรหรอก รีบระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน
เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่าใจเย็นๆไว้ก่อน
ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่.....ไม่แน่ อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้
เราอาจเปลี่ยนความคิดเห็นก็ได้ สักแต่ว่า.....สักแต่ว่า......ใจเย็นๆไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว จึงค่อยพูดจึงค่อยออกความเห็น
พูดด้วยเหตุด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด
ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้เสียความรู้สึกของตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
มักจะเสียประโยชน์ซ้ำไป
เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็สงบๆไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ

ดูแต่ตัวเราระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของตัวเองให้มากๆ พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา....นั่นแหละ
เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อนเรื่องของคนอื่นพยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา
ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งแต่เรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ
หาเรื่องอยู่อย่างนั้น เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราหมด
มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจทั้งวัน อารมณ์มากจิตไม่ปกติ ไม่สบายทั้งวันก็หมดแรง

พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มากๆ
ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา
แม้เขาจะมาทำกับเรา ว่าเรา....ก็เรื่องของเขา
อย่าเอามาเป็นอารมณ์
อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา ดูใจเรานั่นแหละ พัฒนาตัวเองนั่นแหละ ทำใจให้ปกติสบายๆมากๆ
หัดฝึกปล่อยวางนั่นเอง ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา
คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june, Na123123

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #37606 โดย june
ยาวจังแต่เพื่อเพื่อนก็ต้องทนอ่านให้จบ ^^ ^^ ^^

รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, Na123123

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #38256 โดย Champcyber99
เป้รถถูกยึดหรือยังไอ้ป้านแดงนะ ปากไม่ดีแต่เช้าเลยตู

รถคันแรกเจอพิษ0% แห่ทิ้งใบจองพุ่ง 4 พันคัน ค่ายรถยอมเฉือนเนื้อกระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง

(June 7) รถคันแรกเจอพิษ0% แห่ทิ้งใบจองพุ่ง 4 พันคัน ค่ายรถยอมเฉือนเนื้อกระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง: ยึดรถคันแรกแล้ว 232 ราย -แห่ทิ้งใบจองพุ่ง 4 พันคัน สรรพสามิต กำชับเร่งทวงภาษีคืน ไฟแนนซ์แฉต้นเหตุ ค่ายรถอัดแคมเปญแข่งเดือด ทั้งคืนเงิน - ดอกเ...บี้ย 0% -แถมประกันชั้น 1 ฯลฯ โดยยอมเฉือนเนื้อหวังกระตุ้นตลาดรถยนต์ซบครึ่งปีหลัง ทำคนกล้าทิ้งใบจอง บวกบางรายผ่อนต่อไม่ไหว

"กรุงศรี ออโต้ " เจ้าตลาดไฟแนนซ์รถ ห่วงตลาดรถหดตัว ขณะที่สมาชิกสมาคมเช่าซื้อไทยเปิดช่องปรับโครงสร้างให้ผ่อนชำระ/กรณีผ่อนต่อไม่ไหว แนะขายรถ-คืนเงินภาษีรัฐ-รักษาเครดิต
ปัญหารถคันแรกยังไม่นิ่ง แม้รัฐจะปิดโครงการนี้ไปแล้วด้วยยอดจอง 1,254,854 คัน เป็นเม็ดเงินภาษีคืนประชาชนรวมกว่า 9.189 หมื่นล้านบาท
*ทิ้งใบจองพุ่ง 4 พันคัน
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าว่าข้อมูล ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2556 มีผู้ได้รับเงินคืนตามสิทธิ์โครงการรถยนต์คันแรกแล้วจำนวน 192,587 คัน เป็นเงินที่ขอคืนจำนวน 13,048 ล้านบาท จากจำนวนผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ 1,258,869 ล้านคัน และเป็นเม็ดเงินที่ขอคืนภาษีรวม 92,167 หมื่นล้านบาท จำนวนนี้ปรากฏว่ามีผู้ขอยกเลิกใช้สิทธิ์ทั่วประเทศถึง 4,015 คัน เป็นเงินขอคืนภาษี 275.66 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีเมื่อเปรียบเทียบกับยอดเงินคืนภาษีรถคันแรก ในส่วนของกรมบัญชีกลางจนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2556 มียอดคืนทั้งสิ้น 253,350 คัน เป็นเงินคืนภาษีจำนาน 1.726 หมื่นล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินคืนภาษี ทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินคืนภาษีเข้าบัญชี อย่างช้าที่สุดไม่เกิน 2 รอบเดือนถัดไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทยอยตรวจสอบข้อมูลของเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ตามลำดับ
**ยึดรถแล้ว 232 คัน
ทั้งนี้รายงานตัวเลขยอดยึดรถล่าสุด จากทางสมาคมเช่าซื้อฯ ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 232 ราย เป็นรถยึดที่จ่ายเงินคืนภาษีแล้วจำนวน 89 ราย และอยู่ระหว่างกระบวนการเร่งติดตามเงินภาษีคืน และยังไม่ได้จ่ายเงินคืนภาษีอีกจำนวน 142 ราย โดยสาเหตุรถยึดส่วนใหญ่เจ้าของรถผ่อนต่อไม่ไหวทั้งให้สถาบันการเงินมายึดและนำรถมาคืนเอง อีกทั้งยังมีกรณีเจ้าของรถเสียชีวิตอีกจำนวน 29 ราย และผ่อนครบก่อนกำหนดอีก 1 ราย นอกจากนี้ ยังตรวจพบอีก 130 ราย ที่ไม่เข้าสิทธิ์ในโครงการ
ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงกรณีการทิ้งใบจองสิทธิ์จากการตรวจสอบเบื้องต้น ล่าสุดพบมีจำนวนประมาณ 3.9 พันราย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเจ้าของรถต้องการรถรุ่นใหม่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า กรณีไม่สามารถผ่อนชำระไหว รวมถึงกรณีไม่ผ่านเกณฑ์การอนุมัติของไฟแนนซ์
**แจงเหตุทิ้งใบจอง
"ฐานเศรษฐกิจ"ได้สำรวจสาเหตุของการทิ้งใบจองรถยนต์ พบว่ามาจาก 2 สาเหตุหลักกล่าวคือเป็นผลจากการจองเผื่อเหลือเผื่อขาด บางรายจองมากกว่า 1 ยี่ห้อ หรือนิยมยี่ห้อเดียวแต่จองเกิน 2 ชื่อหรือจอง 3 โชว์รูม ทำให้เกิดการส่งรายชื่อซ้ำซ้อนและยอดจองท่วม และที่สำคัญเป็นผลจากการทำแคมเปญรถคันแรกในงาน "มอเตอร์เอ็กซ์โป " เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ที่ให้วางเงินจองต่ำเพียง 1-2 พันบาท บางโชว์รูมยังยินดีคืนเงินจองหากไม่รับรถยนต์ รวมถึงเหตุผลอื่น ๆเช่น จองไว้เพื่อได้รับเงินโบนัสคืน เมื่อเงินไม่พอจึงต้องชะลอการรับรถหรือทิ้งใบจอง หรือกรณีผู้ผลิต ผลิตรถยนต์ตามใบจองแต่ปรากฏผู้จองไม่รับรถยนต์ ทำให้แต่ละโชว์รูมต้องแบกสต๊อกจากปัญหาขายไม่ออกหรือขายออกแต่ช้ากว่าที่ควรจะเป็น และปัญหาจากความสามารถในการชำระหนี้ ของลูกค้าเอง ทำให้สถาบันการเงินปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ
สอดคล้องกับนายรุ่งโรจน์ จรัสวิจิตรกุล ผู้อำนวยการอาวุโสการตลาดสินเชื่อรายย่อย ธนาคารทิสโก้ จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงกรณีการทิ้งใบจองของลูกค้าว่า ในกรณีนี้ ทางสถาบันการเงินหรือเช่าซื้อจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าผู้ผลิต เพราะเช่าซื้อจะจ่ายเงินกู้ให้ผู้ผลิตหรือโชว์รูมเมื่อมีการส่งมอบรถแล้ว
**แนวโน้มแข่งเดือดดบ. 0%
ส่วนแนวโน้มยอดขายรถยนต์ในระยะต่อไป คาดว่ายังคงทรงและซบเซาต่อเนื่องในไตรมาส 2 ไปจนถึงไตรมาส 3 ก่อนที่ตลาดกลับมาคึกคักไตรมาส 4 ขณะที่แนวทำตลาดจะเป็นการจับมือ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #38671 โดย Champcyber99
คุณปูเป้คนมีความสุขไม่จำเป็นต้องเป็นเศรษฐี
คนมีความสุขไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งกล้าสามารถ
คนมีความสุขไม่จำเป็นต้องมีการศึกษาสูงๆ
แต่คุณสมบัติของคนที่มีความสุข คือคนที่รู้จักทำใจให้เป็นสุขนั่นเอง
ทำใจให้พอใจกับสิ่งที่คุณมีอยู่เป็นอยู่ คิดถึงคนที่ลำบากว่าเรา ทุกข์กว่าเรา ก็จะช่วยให้ ทำใจได้ง่ายขึ้นครับ ในความรู้สึกของคนเรานั้นมีขึ้นๆลงๆ บางครั้งก็ทุกข์
บางคราวก็สุข และบางเวลาก็เรื่อยๆ เฉยๆ ไม่ทุกข์ไม่สุข ซึ่งถ้ารู้สึกเฉยๆ เป็นเวลายาวนาน ก็อาจนำไปสู่ความรู้สึกเบื่อ และเซ็งได้ ดังนั้น ถ้าทุกข์แล้ว รู้จักคิด และปรับมุมมองเสียใหม่
เพื่อลดความทุกข์ หรือรู้จักใช้กลวิธีต่างๆ เพื่อสร้างความสุข ความสบายใจ ก็จะทำให้ชีวิตของคุณ รื่นรมย์ขึ้น และประสบกับความสุข มากกว่าความทุกข์
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june, Na123123

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #38701 โดย Skynine
คุณนายสามรักษาสุขภาพด้วย..คิดถึงเสมอ คุณนายรอง





ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #38992 โดย Champcyber99
เตือนใจคุณปูเป้
"ต่อให้คุณทำดีแค่ไหนคนที่ไม่ชอบคุณก็ไม่ชอบคุณอยู่นั่นแหละ
ดังนั้นจงทำดีให้ถูกคน สถานที่และเวลาดีกว่า สาธุ
คนที่ชอบปวดต้นคอบ่อยๆ บ่งบอกโรคอะไร
การปวดเมื่อยต้นคอส่วนใหญ่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อต้นคอและสะบักผิดวิธีหรือมากเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อซึ่งไม่อันตราย เพียงแต่ปรับวิธีการและท่าทางการทำงาน และหมั่นออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อสม่ำเสมออาการก็จะดีขึ้น แต่บางครั้งพบว่ามีผู้ป่วยบางกลุ่มมีอาการปวดคอเรื้อรังจากโรคที่อันตราย เช่น กระดูกหรือหมอนรองกระดูกต้นคอเคลื่อน เนื้องอก หรือติดเชื้อที่กระดูก
ต้นคอซึ่งพบได้น้อยแต่สามารถสังเกตได้จากอาการร่วมดังต่อไปนี้


1. มีอาการชาที่แขนและมือหรืออย่างอื่นร่วมด้วย
2. มีไข้ เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลดร่วมด้วย ถ้ามีอาการดังกล่าวควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงครับ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #39485 โดย Champcyber99
คุณเป้รู้นะทำไมไม่มาตอบสมาชิกเลย เบื่ออีกผี Botox หรือไง ชั่งมันเถิดมันไม่มีที่ไป
คิดเสียว่า ทำบุญปล่อยวัวปล่อยควาย ได้บุญดี
ปล่อยมันสักตัวก็คงจะได้บุญเหมื่อนทำบุญปล่อยวัวปล่อยควาย นั้นละ
ทุกข์ได้แต่อย่าจมอยู่กับทุกข์ อาจมีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิต ก็ให้คิดซะว่ามันคือ บท ทดสอบ สักวันคุณจะเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีวาระของมัน
มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ก่อนนอนคืนนี้ สวดมนต์ ไหว้พระ ทำใจให้สบายอย่าเก็บเรื่องราวที่ผ่านมาคิดซ้ำซาก วกไปวนมาให้ตอกย้ำตัวเองเลย
เชื่อสิว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #40712 โดย Champcyber99
วันที่17/7/56ไปทำบุญฉลองพระใหม่มา ลูกชายของคุณปูเป้บรรพชาอุปสมบทและฉลองพระใหม่
ดีใจมากๆเลยครับที่ได้ไปร่วมฉลองพระใหม่กับคุณปูเป้
ขออนุทโมนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ











กรวดน้ำให้ใครบอกได้หรือเปล่าสวยทุกงานเลยนะยัยหม่อมอัง


ไอ้อึ้งอ่างอ้วนดำมันไปทุกงานเลยวะงานบุญ



ดูภาพอดปลื้มใจไม่ได้จริงๆ


ยัยหม่อม เจ้าอาวาสวัดนะ********
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Skynine, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #40734 โดย Skynine

chaowalert เขียน: วันที่17/7/56ไปทำบุญฉลองพระใหม่มา ลูกชายของคุณปูเป้บรรพชาอุปสมบทและฉลองพระใหม่
ดีใจมากๆเลยครับที่ได้ไปร่วมฉลองพระใหม่กับคุณปูเป้
ขออนุทโมนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ











กรวดน้ำให้ใครบอกได้หรือเปล่าสวยทุกงานเลยนะยัยหม่อมอัง


ขออนุญาตคุณนายสามตอบคำถามท่านเจ้าคุณ..
ว่าคุณนายรองกรวดน้ำให้ใคร...

เดือนนี้เป็นปีที่ 17แล้ว ที่ฉันยังจมกับอดีตแห่งความสุขที่อบอุ่น เสียงหัวเราะ เสียงคุย เสียงง้อน เสียงอ้อนของเขา ฉันจำได้เสมอ คิดถึงเขาทุกวัน ทุกคืน ..ไม่มีวันใดที่ไม่คิดถึงเขา เขารักฉันมากและฉันก็รักเขา ความรักของเราเกิดมาตั้งแต่วันที่ฉันพบหน้าเขาหลังจากที่เขาเกิดในเดือนที่มี 8 สองหน เขาเกิด 8 หลัง ฉันหลงรักเขาในวินาทีแรกที่เห็น...(หน้าตาจิ้มลิ้มดั่งผู้หญิง ขาว ตัวยาว) ผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันรักที่สุดในชีวิต..เขาคือผู้ชายคนนี้ที่ฉันรัก รักมากแต่ด้วยวิบากกรรมทำให้เราต้องพรากจากกัน ไกลจนฉันตามไม่ทัน ทุกคืนก่อนนอนฉันมักจะบอกกับเขาว่า เอาหัวมาขอหอมหน่อย เขาก็จะเอาหัวมาพิงที่ไหล่ให้ฉันหอม..ก่อนเข้านอนทุกคืน ..จวบจนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขา...
เช้ามาเขามักจะบอกกับฉันว่า พี่ซื้อแชมพูกับครีมนวดอย่างซองให้ด้วย จะสระผม...เขาเป็นคนรักษาผมมาก ผมยาวมาก หากฉันหยุดอยู่บ้าน บางครั้งฉันถามเขาว่า ชอบยี่ห้อนี้ เดี๋ยวพี่ซื้อให้ขวดใหญ่เลยจะได้ไม่ต้องไปซื้อบ่อยๆ เขาตอบมาว่า พี่ครับ รู้ไหมว่าอย่างซองนั้นมันจะเข้มข้นมากกว่าอย่างขวด เวลาเราได้รับแจกให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์เห็นไหมว่าเขาจะให้เราอย่างซองมา เวลาเราใช้ก็จะรู้สึกว่ามันดีนะ..น่าซื้อใช้ ทำนองนี้ ซื้อขวดใหญ่ความเข้มข้นมันผิดกัน..ฉันนึกตาม..เออก็ถูกของน้อง..
เขาเป็นคนรูปร่างหน้าตาหล่อ..เรียนเก่งรวมทั้งการร้องเพลง อาจเป็นเพราะได้เลือดศิลปินมาจากพ่อ กีฬา ทั้งมีหัวคิดสร้างสรรค์จนได้รับรางวัล..เขาเป็นความหวังของบ้านและพี่ๆ น้องๆ ทุกคน..อนาคตกำลังไปได้สวย สง่างาม..
แต่ความหล่อก็มีพิษภัยให้เกิดกับตัวเองได้..บางครั้งก็มีผู้หญิงมาทะเลาะกันที่หน้าบ้านฉัน ..จนทางบ้านรู้สึกเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติเวลาฉันเดินกับเขา ฉันเองก็ตกเป็นเป้าด้วย...คิดว่าฉันเป็นแฟนเขา..จนน้องต้องบอกกับผู้หญิงของเขาว่า นี่พี่สาวผม...อย่าทำกิริยาที่ไม่ดีต่อพี่สาวผม..ผมรักพี่ผมมากด้วย หากอยากคบกับผมต้องรักพี่ผมและเข้ากับพี่ผมให้ได้ ฉันจำประโยคที่เขาพูดได้เกือบหมด...เขารักฉันจริงๆ ...
บางครั้งฉันถามเขาว่า รักทุกคนเลยไหม เขาตอบว่า พี่ครับ ผมรักทุกคนแบบเพื่อนครับ แต่เขาจะคิดอะไรกับผม ผมห้ามไม่ได้..ผมยังไม่พร้อม..
แต่แล้วสุดท้ายพิษแห่งความหล่อก็ทำให้เขาต้องจากฉันและครอบครัวไป ด้วยการตัดสินอันเด็ดเดี่ยวของเขา ฉันเฝ้าเขาจนวินาทีสุดท้าย..
ไม่สามารถยื้อเขาจากมัจจุราชได้ น้ำตาฉันไม่แห้งจากหน้า..จนน้องบางคนบอกให้น้องอีกคนดูแลฉันอย่างห่างๆ เพราะรู้ว่าฉันรักน้องคนนี้มาก และจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กัน จนขนาดมีการพูดคุยในหมู่พี่น้องว่า พี่อังลำเอียง รักแต่เจ้านี่มากกว่าใคร อะไรก็ของเจ้านี่ตลอด หากฉันได้ยินฉันก็จะยิ้มแล้วพูดว่า อิจฉาหรือ น้องๆ บอกเปล่าแต่พี่แสดงออกชัด..ฉันบอกฉันรักน้องทุกคนไม่ลำเอียง แต่จะมีพิเศษบางคนเท่านั้น นิ้วมือยังไม่เท่ากันเลย ...เวลาฉันแสดงชัดว่ารักพวกเธอ เธอก็รู้ แต่เธอโตกว่าเจ้านี่แล้วเธอจะไปอิจฉาน้องทำไม...น้องๆ ก็ยิ้มหัวเราะกัน

วันนี้่ได้ไปทำบุญฉลองพระใหม่ลูกชายคุณเป้มา เท่ากับได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์แล้ว และบุญที่ทำในครั้งนี้จงส่งถึงพ่อแม่น้องๆ ทุกคน เทวดาที่รักษาตัวฉันและเจ้ากรรมนายเวรของฉัน....ด้วยเทอญ สาธุ
ไม่ว่าภพชาติหน้าจะมีจริงหรือไม่ก็ตาม ขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันทุกชาติทุกภพไป...







ไอ้อึ้งอ่างอ้วนดำมันไปทุกงานเลยวะงานบุญ

แล้วทำไมอึ่งอ้วน ดำ สั้น เตี้ย จะอิ่มบุญไม่ได้ วันนี้ท่านเจ้าคุณอิ่มบุญหน้าตาผ่องมาก

ไม่พบไฟล์ที่แนบ อาจจะถูกลบไปแล้ว


ดูภาพอดปลื้มใจไม่ได้จริงๆ


ยัยหม่อม เจ้าอาวาสวัดนะ********


ได้พบทางสว่างแล้ว...

ปล.อย่าลืมไปส่งของในสวนด้วย...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Champcyber99, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.526 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena