CITI Bank เป็นแบงค์สุดท้ายยื่นฟ้อง และกำลังผ่อนจ่ายปิดหนี้ค่ะ ต่อจากนี้แก้วจ๋าก็อดไปเยี่ยมเยียนศาลแขวงเหนือแล้วค่ะ
1. ขอเริ่มด้วย
Ready Credit ยอดหยุด 227,xxx ยอดฟ้อง 222,xxx บาท หลังจากผ่อนมา 1ปี จ่ายไปแล้ว 3หมื่นบาท คุยกันตลอดแต่เจ้าหนี้ยังไม่ยอมลดให้ตามที่ขอไป แม้บางครั้งลดได้แล้วแต่ต้องจ่ายทันทีงวดเดียว ลุกหนี้อย่างเราก็ทำไม่ได้ค่ะ จึงปล่อยตามกระบวนการให้ท่านผู้พิพากษาวินิจฉัย โดยหวังว่าผลจะดีสำหรับลูกหนี้ ว่าการฟ้องเป็นโมฆะ (แม้ทำใจว่า ท่านแถวแขวงเหนือ มักจะทำเป้ามากกว่าดูคำให้การเรา) และผลการพิพากษาก็ออกมาแบบเดิมๆ ให้จ่าย
ต้นเงิน 199,xxx บาท บวกดอกเบี้ย12% ของต้นเงิน ตั้งแต่ก.ยปี53 (1ปี) บวกค่าทนาย3000บาท คำนวณคร่าวก็เท่ากับยอดฟ้อง ฮิ ฮิ เซ็งเป็ด กว่าจะเจรจาได้ข้อยุติที่แก้วจ๋าสามารถทำได้และเขายอมรับก็เหนื่อยโคตร เพราะชอบเล่นลูกโยน ระหว่างแบงค์กับสนงทวงหนี้ อีกทั้งไม่ยอมลดเกินกว่า 30% สุดท้ายจึงต้องจ่าย 15x,xxx บาท โดยแบงค์เสนอ
1. สูตร 1 จ่าย 1แสน เดือนแรกแล้ว ปิดอีก 5หมื่นเดือนถัดไป พอบอกว่าไม่มีเงินก้อนขนาดนั้นก็เปลี่ยน
2. สูตร 2 จ่าย 4หมื่นแรก แล้วตามด้วย ที่เหลือเดือนถัดไป
แต่สุดท้าย เมื่อเงินไม่พอก็ต้องขอเลื่อนการจ่ายเป็นเดือนถัดไป อ้อ ก็ยังดีที่รอกัน
เดือนถัดไป คุยใหม่ คราวนี้แบงค์เริ่มงอแง หาว่า คราวที่แล้วอนุมัติไปแล้วไม่ทำ คราวนี้ก็กลัวไม่ทำอีก จึงไม่ลดแล้ว เออ ชักมีน้ำโห จึงบอกกลับว่า ถ้าคิดจะไม่จ่ายจะไม่โทรมาให้เสียเวลาหรอก และคราวที่แล้วทำไม่ได้ก็มีเหตุผลชี้แจงก่อนมีมติอนุมัติ ไม่ใช่เงียบหาย หากไม่เห็นใจลูกหนี้ ไม่คุยเจรจากันดีๆๆ ก็จะได้บอกแบงค์ชาติว่า ลูกหนี้พยายามเต็มที่ที่จะจ่ายแต่แบงค์ไม่เห็นใจ พยายามขูดรีดเงินจากคนไม่มี ไม่ปฏิบัติตามที่ธปท บอกว่า ให้ช่วยบรรเทาทุกข์ลูกหนี้ในช่วงน้ำท่วม (อ้างสารพัด) ถ้าไม่ลองให้เรา จะรู้หรือว่าเราจะจ่ายจริงหรือเปล่า ถ้าเราเบี้ยว แบงค์ก็ต้องรอ เพราะเราขู่ว่า เราถูกอายัดเงินเดือนไปแล้ว ไม่มีอะไรให้อายัดอีก
สรุปมาถึงสูตร 3 ที่ตกลงกันได้ว่า จ่าย เดือนละ 1หมื่น 3 เดือน ปิดที่เหลือ เดือนที่ 4 ซึ่งเดือนนี้เป็นเดือนที่ต้องปิดหนี้สำหรับ RC และ VISA/MASTER ค่ะ
กลับเข้าสู่เรื่องหนี้ที่ยังไม่จบ ขอท้าวเรื่องเดิม เรื่อง Ready Credit ที่ยอดหยุด 227,xxx
ยอดฟ้อง 222,xxx บาท หลังจากได้ข้อสรุปสูตร 3 ที่ตกลงกันได้ว่า จ่ายปิดที่ 1 แสน 5หมื่น
บาท โดย จ่าย เดือนละ 1หมื่น 3 เดือน ปิดที่เหลือ ประมาณ 1แสน 2 หมื่น เดือนที่ 4 (มกราคม55)
เป็นเดือนที่ต้องปิดจบหนี้ทั้งหมด รวมทั้ง VISA/MASTER สำหรับ CITIBANK ค่ะ (ขาดDINER
ยังรออีก 2เดือนถึงจะปิดค่ะ)
หลังจากแน่ใจแล้วว่า หาเงินมาปิดได้ไม่ครบ เมื่ออังคารที่ผ่านมา แก้วจ๋าได้โทรขอความเห็นใจ
จากแบงค์และสำนักงานกฎหมายที่ดูแล ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้สำหรับ
Ready Credit เนื่องจากบริษัท ฯ ขาดทุน ไม่จ่ายโบนัส ไม่ปรับเงินเดือน (แต่ไปจ่ายน้ำท่วม ทำใจ)
ขอปิดเฉพาะ VISA/MASTER ไปก่อน ส่วนตัว Ready ขอแบ่งจ่ายครึ่งๆ เดือนนี้ 6หมื่น ที่เหลือจ่ายปิดเดือนหน้า เพื่อไม่ให้หนักจนเกินกำลังค่ะ วันนี้เขาตอบตกลงตามข้อเสนอของแก้วจ๋า จะส่งหนังสือยืนยันเงื่อนไขใหม่พรุ่งนี้ค่ะ
อยากบอกว่า ทุกปัญหาแก้ไขได้ ถ้าเรามีเจตนาที่ดีที่จะจ่ายค่ะ การคุยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ เพื่อหาทางออกของทุกปัญหา ขอแค่อย่าหนีค่ะ (ยกเว้น ไปเจอคนงี่เง่าค่ะ แต่ก็อย่าละความพยายามนะค่ะ คงไม่มีคนงี่เง่าไม่รับฟังคนทั้งบริษัทค่ะ)
2
Visa/Master
ยอดหยุด 12x,xxx ยอดฟ้อง 115,xxx บาท เพราะผ่อนสบายไปแล้ว 16,xxx บาท ฟ้องโดยสนง เดียวกับ RC แต่แยกฟ้อง ดังนั้น พอคุยRC ได้ เขาเลยพ่วงอีก 2บัตรให้จ่าย ก่อนนัดสืบพยาน จากยอดฟ้องเสนอให้ปิด 7หมื่น ผ่อน 4 เดือนๆละ 5,000 ปิดจบเดือน 4 ก็คาดหวังว่า น้องโบนัสจะมาช่วยชีวิต จึงยอมตกลงจ่าย ทางทนายจึงไปเลื่อนศาลไปเป็น ก.พ 55 หลังได้เงินครบ ก็ถอนฟ้องให้
3
DINER
ตัวสุดท้ายตัวที่พูดยาก ยอดหยุด 22x,xxx ยอดฟ้อง 21x,xxx บาท ผ่อนไปแล้ว 28,xxx บาท ฟ้องโดยสนง กฏหมายคนละที่กับ 3 บัตรข้างต้น ไม่เคยเสนอส่วนลด บอกว่า งวดเดียว 150,xxx ถ้าผ่อน 180,xxx ยืนยัน ไม่มีเงินจ่ายขนาดนั้น สุดท้าย โทรหาแบงค์ เจ้าหนี้ตัวจริง และได้ข้อสรุปว่า ให้เท่ากับ RC แก้วจ๋าจึงต่อว่า ถ้างั้นก็เงื่อนไขเดียวกัน แต่มัวแต่ยุ่งตอนต่อรอง เพราะตอนต่อรองเป็นเช้าวันนัดสืบพยาน น้องที่ไปว่าความให้แทนคุณอาโทรมาอีกสาย ถามว่า เขาให้จ่ายเดือนละ 3หมื่นกว่า คือ หาร 4งวด อีกสายก็คุยกับแบงค์ จึงบอกว่า มากไป ต่อรองลงมา บัตรนี้เลยต้องจ่ายเดือนละ 2หมื่นแทน และปิดจบที่เหลือเดือนสุดท้าย(มีนา)ค่ะ
วันนี้ แก้วจ๋าเพิ่งได้รับหนังสือยืนยันจาก city consumer หรือ diner
ที่แก้วจ๋าได้โทรไปขอเปลี่ยนเงื่อนไขการปิดหนี้ จากเดิมต้องจ่ายปิด
เดือนนี้ 9หมื่น ขอเปลี่ยนเป็น 2งวด ๆ ละ 4.5หมื่น เดือนนี้และเดือน
หน้า ซึ่งทางแบงค์พูดง่ายๆๆ โทรกลับมาอนุมัติภายใน 1 ชั่วโมง แต่
ต้องรอสนง. เฮง...ตั้ง 1อาทิตย์ แถมยังตุกติกมาก เขียนมาบอกว่า
สัญญาเดิมยกเลิก เพราะเราผิดนัดชำระ และก็แถมดอกเบี้ยผิดนัดมา
ด้วย พร้อมทั้งบอกว่า ต้องจ่ายช่องทางนี้...
ได้วีนตั้งแต่เช้า ถามกลับว่า อุตส่าห์เป็นลูกหนี้ที่ดี บอกล่วงหน้าว่า
ขอจ่ายครึ่งๆ ทางแบงค์ไม่เห็นว่าสักคำ แต่คุณมาเขียนได้ไงว่า ผิดนัด
กับบวกดอกเบี้ย มากไปมัง ยังไม่ถึงวันนัดจ่ายเลย แล้วรู้ได้ไงว่า จะผิด
นัด คุยดีๆๆ ไม่ชอบ ต้องใช้ขู่ ถึงจะยอมจำนน กลับไปแก้ ไม่งั้นไม่เอา
เพราะกลัวเขาเล่นแง่ทีหลัง ปากบอกว่า ไม่มีอะไรเขียนไปยังงั้น
อย่าคิดมาก ตั้งแต่เป็นหนี้และรู้ซึ่งถึงเล่ห์สำนักงานทั้งหลาย แก้วจ๋า
ต้องรอบคอบกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ มากขึ้น เรื่องอะไรจะยอมให้เขามา
เรียกร้องทีหลังอีกตั้ง 8000 บาท อะไรๆ ไม่แน่นอนหรอกค่ะ อย่า
ใจอ่อน ไว้วางใจพวกนี้ง่ายๆ จะเสียค่าโง่ตามมาค่ะ
CITI Bank เป็นแบงค์ที่มีระบบทวงหนี้ของแบงค์เองอย่างเป็นระบบที่สุด หลังจากโทรทวง ก็ตามด้วยขอมาหา แต่แก้วจ๋าไม่ปฏิเสธ อยากมาก็ต้องทำนัด ไม่ใช่จะมาจู่โจมถึงที่ทำงานง่ายๆ เมินเสียเถิด เขาส่งน้องมาคุยเป็นเรื่องเป็นราว แบบเข้าอกเข้าใจลูกหนี้ เสนอโปรแกรมผ่อนสบาย 0 % (ประนอมหนี้) ดูแลดี พูดจาก็ดี ตอนนั้น มีเรื่องให้ต้องปรึกษาน้องเขาถึงหนี้แบงค์อื่น เพราะเขาบอกว่า เคยทำที่แบงค์ตัว U และรู้จักคนที่ดูแลลูกหนี้ แนะนำเราให้คุย และมีการแอบถามคนที่นั่นว่า บัญชีเราไปถึงไหน เขาสืบเรา เราก็ใช้เขาสืบเรื่องเราอีกที สนุกดีค่ะ แต่ที่นี่ พอย้ายฐาน เปลี่ยนผู้บริหาร อะไรๆ ก็เปลี่ยนรวมท้งนโยบายเรื่องทวงหนี้ จากคนเคยง่ายมาเป็นเขี้ยวมากๆๆ ค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนลดมีเสมอค่ะ อยู่ที่ลูกหนี้จะรอได้ไหม หนี้ยิ่งนาน ยิ่งเน่า ยิ่งคนมีความเสี่ยงมากที่แบงค์จะไม่ได้เงินคืน ยิ่งดีค่ะ อยากได้ส่วนลดมากก็ต้องจ่ายงวดเดียว เงินไม่พอก็ขอผ่อนแต่ส่วนลดน้อยลง เป็นสัจจธรรมของลูกหนี้และเจ้าหนี้ค่ะ
หมายเหตุ : วันที่ 30 เมษายน 2555 เป็นวันหมดหนี้กับธนาคาร CITI ไม่ว่าจะ Visa , Master
Ready Credit และ Diner จากยอดที่หยุดเมื่อปี 2552 ประมาณ 570,000 บาท ใช้
เวลา 3 ปี ในการปิดหนี้ ด้วยเงิน 370,000 บาท ก็ยังดีที่ได้ลดค่ะ
ขอเวลาอาทิตย์หน้า มาต่อเจ้าหนี้รายต่อไป
HSBC ค่ะ มาเล่าว่าทำยอมความแล้วสามารถแก้ไขได้อีกค่ะ