ขอแชร์ประสบการณ์ ปิดหนี้ 1.50 ล้านบาท ใน6ปี ตามแนวทางของชมรม

ผมเริ่มอ่านweb ของชมรมนี้ตั้งแต่ปี 52 ขณะนั้นหนี้สินเริ่มจะพอกหางหมู
แต่ยังพอจะหามาชำระได้ จึงไม่ได้สนใจจะหยุดจ่ายแต่อย่างใด

จ่ายวนไปวนมา จนทุกบัตร ทุกสถาบัน วงเงินเต็ม บางบัตรจ่ายขั้นต่ำแล้วกดออกมา

จนกระทั่งปี 54 จึงได้ตัดสินใจ หยุดจ่าย แล้วดำเนินการตามวิธีการของชมรม
1. จัดระบบระเบียบของหนี้
2. หยุดการขอบัตรเพิ่ม หยุดกดเงินออกมาใช้อีก
3. ประหยัด ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำได้ ตั้งใจเก็บเงิน
4. ขายสิ่งของไม่จำเป็นทิ้งไป

จานนั้นก็รอรับโทรศัพท์ รอรับการทวงหนี้แบบโหดๆ
ซึ่งบางอันก็รับได้บ้าง ทนไม่ไหวบ้าง

ยอดหนี้ที่มีอยู่ ก่อนการหยุดชำระ (ตัวเลขกลมๆ)

1. ธนาคารธนชาติ บัตรเครดิต +บัตรกดเงินสด 240,000 บาท
** เริ่มใช้บัตรตั้งแต่นครหลวงไทย ***
2. ธนาคารไทยพาณิชย์ สินเชื่อ speedy cash 200,000 บาท
3. ธนาคารทหารไทย สินเชื่อ 100,000 บาท
4. UOB บัตรเครดิต+บัตกดเงินสด 200,000 บาท
5. STANDARD CHARTER สินเชื่อ +บัตรกดเงินสด 120,000 บาท
6. CITI ready credit + บัตรเครดิต 100,000 บาท
7. AEON บัตรเครดิต + สินเชื่อ 65,000 บาท
8. First choice ซื้อของ+สินเชื่อโทรด่วน 60,000 บาท
9. Central card 45,000 บาท
10. Powerbuy 45,000 บาท
11. Quick Cash 150,000 บาท
12. KTC 72,000 บาท


*** บ้านผ่อนเดือนละ 15,000 บาท ค้าง 3 งวด
*** SCB ผ่อนรถเดือนละ 17,000 บาทเหลือ30งวด 510,000 บาท ค้างส่ง 3งวด

ขอเล่าทีละตัวไปนะครับ เผื่อเป็นข้อมูล ให้สมาชิก
วิธีการของผมอาจจะผสมๆ กันหลายอย่าง
ตามกำลังที่มีในตอนนั้น

1. ธนาคารธนชาติ หยุดจ่าย กลางปี 55 ต้นปี 56 ส่งฟ้องศาล
ตามเอกสารที่ส่งมาให้ดูครับ

หมายศาล มาวางที่เคาน์เตอร์คอนโด
ตอนเย็นกลับไปถึง ยามเรียกไปเอา ตกใจเล็กน้อย
แต่ก็ไม่มากครับเพราะเตรียมใจไว้แล้ว

ลำดับความตอนไปศาล
ผมไหว้วานให้เพื่อนที่เป็นทนายไปดำเนินการแทนครับ

1. นัดแรก เลื่อนศาล เพราะต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด เลื่อนได้ 1เดือน
2. นัดที่ 2 ได้เลื่อนอีก 1 เดือน ขอไปเจรจากับเจ้าหนี้ก่อน
3. นัดที่ 3 เจรจาประนีประนอมที่หน้าศาล

สรุปเวลาจากฟ้องถึงจ่ายงวดแรก 4 เดือน

ได้ยอด 180,000 จาก ยอดฟ้อง 240,000 บาท คิดดอกเบี้ย 12%
จ่ายแบบขั้นบันได

ปีแรก เดือนละ 4000 บาท
ปีที่ 2 เดือนละ 5000 บาท
ปีที่ 3 เดือนละ 6000 บาท

ระหว่างจ่ายเงิน ทาง สนง โทรมาให้ส่วนลดปิด บช เรื่อยๆ จนถึงขั้นนึงที่ผมมีเงินพอดี
จึงตกลงปิดยอด สุดท้าย 95000 บาท

รวมแล้วจ่ายไปทั้งหมด 165,000 จากยอดก่อนฟ้อง 240,000 บาท
ปิดสำเร็จ โล่งไป เพราะยอดนี้เยอะมากที่สุด

หลังชำระเสร็จ ได้ใบปิดหนี้อันนี้มาครับ
ได้มาช้าไปหน่อย แต่ก็ส่งมาครบถ้วนครับ

ขอขอบคุณ กรรมการชมรมทุกท่าน คุณนกกระจอกเทศ
สมาชิกหลายทุกท่าน ที่ได้ให้ความรู้และข้อมูล

สารภาพเลยครับ ถ้าไม่ได้เจอเวปนี้ ชาตินี้คงจมอยู่กับกองหนี้ มหาศาลต่อไปตลอดชีวิต


พรุ่งนี้จะมาเล่า KTC ต่อครับ

ผมคิดว่าโหดสุด ฟ้องเร็ว ลดน้อย แทบต่อรองอะไรไม่ได้เลย

มาต่อเรื่อง KTC ครับ พอดีวันนี้บ่ายว่างงาน ไม่มีใครอยู่ office

KTC ยอดตอนหยุดจ่าย 72,000 บาท ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์มาตามอยู่เรื่อยๆ
นับว่าเป็นการทวงที่สุภาพที่สุดแล้วครับ เรื่อยๆเปื่อยๆ พอบอกว่าไม่มีจ่ายก็ไม่ว่าอะไร

หลังหยุดจ่ายไป 6 เดือน ก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาให้ข้อเสนอ ลดดอกเบี้ย แต่ต้นไม่ลด
และให้ผ่อนระยะสั้น และยอดสูงมาก 6 งวด

จากการที่อ่านข้อมูลในนี้ พบว่า KTC ฟ้องเร็วมาก และเงินต้นจะไม่ได้ลดแน่ๆ

ผมเลยตกลงตามข้อเสนอนั้น ต่อรองกันหลายรอบ
สรุปยอดจบที่ 67,600 บาท ได้ลดมานิดหน่อย
งวด 1-5 ผ่อนเดือนละ 10,000 บาท / งวดที่ 6 17,600 บาท

โดยเราต้องเป็นคนเขียนว่าความต้องการเราที่จะปิดยอดและจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่
พร้อมบัตรประชาชนไปให้

จบไปอีก 1 ตัวครับ แบบไม่ต้องขึ้นศาล ( ผมคิดว่ารอขึ้นศาลก็คงต้องจ่ายประมาณนี้ )

ช่วงอาทิตย์ก่อนเวปมีปัญหา กลับมาอีกที ข้อความหายไปเยอะเลย
ขอเล่าใหม่ละกันนะครับ

POWERBUY

ตัวนี้เริ่มใช้ จากการผ่อนสินค้า ตอนนั้นอยากได้ทีวีจอ 29 นิ้ว ราคา 36,000 บาท
ก็เริ่มยื่นเอกสาร จึงได้บัตรpowerbuy มา ผ่อนสินค้าจนครบ
วงเงินเหลือ ก็นำไปซื้อ กล้อง วิทยุ ตู้เย็น อยากได้อะไรก็ไปผ่อนเอา

จนปีหลังๆ powerbuy สามารถเอาวงเงินที่เหลือ
ไปเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ โดยไปทำเรื่องที่เคาน์เตอร์ จากนั้นเงินก็จะโอนเข้าบัญชี
ตามวงที่ได้รับอนุมัติ

ก็ตามstep ครับ ใช้ไปใช้มา ก็หมุนขั้นต่ำไม่ทัน พอจะไปทำเรื่องขอเงินเพิ่ม
ก็ไม่สามรถขอได้ จึงหยุดจ่าย หยุดไปประมาณ6เดือน จึงได้รับส่วนลดปิดบัญชี

จากยอดหยุด 37000 บาท ลดเหลือ 18900 บาท ลดไป 50%
ก็เป็นตัวเลขที่พอใจครับ เลยจ่ายปิดไป จากนั้นก็จะมีหนังสือยืนยันส่งมาให้ที่บ้าน

CENTRAL CARD

ผมใช้บัตรเครดิตของเซ็นทรัล มาตั้งแต่ ทำงานใหม่ๆ ปี 40
สมัยนั้นใช้เฉพาะซื้อของในcentral ได้เท่านั้นครับ ใช้มาเรื่อยๆ จ่ายขั้นต่ำบ้าง จ่ายเต็มบ้าง
วงเงินก็ไม่ได้เพิ่มอะไรจากที่ได้รับตอนแรก 45,000 บาท
ช่วงหลังๆ บัตรสามารถใช้กดเงินสดได้ ก็กดไปจ่าย หมุนไปหมุนมา จนวงเงินเต็ม
และไม่สามารถวนได้อีกต่อไป เพราะตัวอื่นก็ติดเยอะ เลยหยุดจ่าย
รอ hair cut หยุดจ่ายไปประมาณ 8เดือน

จากยอดสุดท้าย 37,000 บาท ปิดจบที่ 12,500 บาท

หมดไปอีกหนึ่งครับ

Standard Chartered

รายนี้ใช้มาตั้งแต่ปี 47 ครับ เริ่มจากขอสินเชื่อเป็นเงินก้อน
โดยก้อนแรก ก็ผ่อนชำระตามกำหนดครับ ไม่ติดปัญหาอะไร

ระหว่างที่ผ่อน ทางธนาคารก็ให้บัตรกดเงินสด วงเงินเท่ากับที่ได้รับสินเชื่อไป
ก็กดมาใช้บ้าง จ่ายขั้นต่ำบ้าง จ่ายเต็มบ้าง เพราะช่วงนั้นยังมีกำลังอยู่

จนบัตรอื่นๆเริ่มเต็ม ก็เลยไปขอสินเชื่อมาอีกก้อนนึง ใช้ไปได้ 3 งวด ก็หยุดจ่ายครับ
ยอดเงินที่หยุดชำระ 110,000 บาท หยุดไปประมาณ 5-6เดือน ทางธนาคารได้ขายหนี้ให้
กับบริษัท resolution way

ทาง RW ก็โทรมาติดตามตลอด ว่าจะให้จ่ายอย่างไรได้บ้าง ก่อนฟ้องศาล
จนท้ายสุด ลดยอดหนี้ไป 25,000 บาท ก็ตกประมาณ 20%
ซึ่งจากที่ผมอ่านๆคนที่โดนเจ้านี้ฟ้อง
ไปขึ้นศาล ก็แทบจะไม่ได้ส่วนลดอะไรเลย

ผมจึงตกลงปิดตามเงื่อนไขนี้ คือยอด 85,000 บาท
- จ่าย 5000 จำนวน 4 งวด / จากนั้น 2000 30 งวด

ปิดจบไปอีก 1 ตัวครับ

SCB Speed Loan
หายไปนาน ช่วงนี้งานยุ่งมากครับ

scb เริ่มต้นขอสินเชื่อ ตั้งแต่ปี 2011 ได้เป็นเงินก้อนมา
วงเงิน 200,000 บาท ชำระหนี้ตรงมาตลอด จนถึงช่วงสะดุด

ก็ไม่ได้ชำระ 4เดือน ทางธนาคารเสนอปรับปรุงโครงสร้างหนี้
สำหรับรายนี้ยอมปรับปรุงไปครับ เพราะ มีธุรกรรมหลายอย่างกับธนาคาร
และรับงานจากธนาคารนี้ มาทำด้วย เลยไม่อยากมีปัญหาการติดตาม
โดยชำระ 60 เดือน เดือนละ 3430 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี

ยาวนานมาก 5 ปี ตอนนี้ชำระหมดไปแล้วครับ

การหยุดจ่ายแล้วรอ HC เป็นแนวทางที่ดีที่สุดครับ เพราะจะจ่ายน้อย
แต่อันนี้จำเป็นจริงๆ

อันนี้เป็นสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้

จ่ายมายาวนาน เพิ่งจบไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนครับ

เมื่อวันก่อน ไปจ่ายยอดสุดท้าย ของ TISCO (Standard chartered) เรียบร้อยแล้วครับ
หมดเวรกรรมซักที เดี๋ยวมีเวลาจะมาสรุปอีกครั้งนึงครับ

ขอบคุณชมรมแห่งนี้ กรรมการทุกท่าน เพื่อนๆสมาชิกที่ช่วยแชร์ประสบการณ์
เข็ดไปจนตายแล้วครับ