หยุดจ่ายเพื่อปากท้อง ของแม่และลูกเรา

สวัสดีคะ เข้ามาอ่านกระทู้และตามอ่านศึกษาได้
ระยะนึงแล้วคะ และมีโอกาสได้ไปอบรม
เมื่อต้นเดือนกับ อ.พี่นกกระจอกเทศ
ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดอบรมมากๆเลยคะ ได้ความรู้มาพอสมควรเลย ยิ่งมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว
ปากท้องคนในบ้านต้องมาก่อนคะ
เจ้าหนี้เราเขารอได้ให้รอไปก่อนนะคะ

เป็นหนี้อยู่3 ใบ
1 เฟริสช้อยส์ 43000 หยุดจ่าย 2 กพ.59
2. กรุงศรีสไมล์แคช 20000 หยุดจ่าย28กพ. 59
3. citibank 50000 หยุดจ่าย 19 กพ.59

ที่เป็นหนี้เพราะต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูกคะ
ไม่ไหวจ้างเพราะตัวเองเงินเดือนไม่เยอะ
แม่ก็สุขภาพไม่แข็งแรง เลี้ยงได้แค่คนโตที่ไป เข้าอนุบาลแล้วได้คนเดียว ส่วนคนเล็กที่เพิ่งคลอด พอลาคลอดครบแล้วต้องไปจ้างน้าเลี้ยง อยู่คนละบ้านเลยคะ เราทนคิดถึงลูกไม่ไหว
และค่าใช้จ่าย 2 บ้านไม่ไหว คือตอนนั้นสามีไม่ค่อยรับรู้เรื่องค่าใช้จ่ายพวกนี้ เราก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเขาดุมากๆ
เขาเป็นคนชอบเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตลูก
ตอนนั้นเขาผ่อนที่อยู่ แต่เราอยู่กับปัจจุบัน คิดแค่วันนี้จะให้แม่ให้ลูกกินอะไร ไหนจะค่ารถไปๆมาๆหาลูกอีกคน ตอนนั้นต้องไปให้นมแม่เกือบทุกเย็น และปั๊มนมที่ทำงานแช่ไว้ให้ลูกด้วย
ตอนกลับทิ้งลูกไว้ก็ร้องไห้ทุกวัน กว่าจะรับมาอยู่ด้วยก็เย็นวันศุกร์ เช้ามืดวันจันทร์ก็เอาไปส่ง
เป็นแบบนี้จนเราไม่ไหวเป็นแบบนี้จนเราไม่ไหว หลายๆอย่าง เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะ แค่ หมื่นสี่เอง เราเลี้ยงแม่ และน้องตอนนั้นเรียน
ม. ปลายสามีออกค่าน้ำไฟค่าเรียน ค่ารถรับส่ง
จนสามีเริ่มได้งานเพิ่มมาอีก เป็นวิศวฟรีแลนซ์
เลยคุยกันว่าขอออกจากงานมาเลี้ยงลูกได้ไหมตอนนั้นก็คิดว่าถ้าออกมาแล้ว ก็จะหาอะไรทำไปด้วย พอได้ออกมาจริงๆ ก็เหมือนออกมาตายเอาดาบหน้า เพราะสามีให้แค่อาทิตย์ละ500 ตกวันละ 70 บาท แค่อาหารเช้าสามีมื้อเดียวก็หมดแล้วคะ
เขาลืมคิดไปมั่งว่าเราให้นมลูก ต้องกินอะไรบ้างไหม ลูกก็เริ่มจะกินอะไรได้แล้ว ส่วนคนโต กินเก่งมาก เราเป็นแม่ ทนดูลูกอดๆอยากๆ ไม่ได้หรอกคะ อีกอย่างช่วงนั้นแม่สามีเห็นเรามีบัตร และต้องการใช้เงินด่วน ให้เรากดให้ 20000
ทั้งๆที่เราตั้งใจแล้วว่าเราจะไม่ใช้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แต่ก็ใจอ่อนอีกจนได้ จริงๆ เป็นอย่างงี้มาหลายครั้งแล้ว เลยอย่างบอกเพื่อนๆว่า อย่าให้ใครรู้ว่าเรามีบัตรกดเงินสดเลยจะดีกว่า
เพราะจริงๆถึงเวลา เขาก็จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ลำบากหนักที่เราอีก เราก็เลยไปกดมาจ่ายทั้งหมดเพื่อใช้หนี้บัตรที่แม่สามี จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง และเอามาลงทุนทำเบเกอรี่ส่ง

นี้คือจุดเริ่มต้นของการก่อหนี้ หมุนไปหมุนมา
จนเป็นหนี้ทุกบัตร หาทางดิ้นรนเพื่อให้แม่กับลูกมีกินไม่ลำบากจนเกินไป เราคิดแค่นี้จริงๆ ของส่วนตัวไม่เคยซื้อไม่เคยอยากได้อะไร

แต่สุดท้ายสามีก็เซอร์ไพรส์ซื้อรถให้
เราก็อยากจะดีใจนะ แต่ในใจคิดขอขึ้นค่ากับข้าวดีกว่าไหม
ไหนจะต้องเติมน้ำมันอีก แต่ก็ผ่านมาแล้วตอนนี้เราก็ใช้รถนี้ทำมาหากินได้ และเอาไว้รับส่งลูกที่รร.

ตอนช่วงปิดเทอมนี้มีเหตุให้เราไม่สามารถทำมาหากินได้เหมือนเดิม เลยตัดสินใจหยุดจ่าย
แล้วจะค่อยๆเก็บเงิน ถ้าเก็บไม่ทันต้องขึ้นศาล
ยังไงก็คงดีกว่า เครียดเอาเงินที่ลูกควรจะได้กินอยู่ไปจ่ายขั้นต่ำที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหมด
เรื่องหนี้นี้สามีเราไม่รู้ เราไม่อยากให้บ้านแตก
สงสารลูก ทุกวันนี้เขาก็พยายามอยู่ หาบ้านหารถให้ลูกให้ภรรยา แต่เป็นชื่อเขานะคะทั้งรถทั้งบ้าน
เรื่องนี้เราว่าจะต้องรบกวนโทรไปถามที่ปรึกษาชมรมว่าเราควรทำยังไง เพราะเราจดทะเบียนสมรส กลัวว่าศาลจะตัดสินยึดทรัพย์ จะลำบากไปถึงเขาไหม
แต่เราตัดสินใจว่าจะไม่บอก เพราะเขาเป็นคนดุมาก เราไม่รู้ว่าถ้าบอกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่รู้ว่าตัดสินใจแบบนี้ผิดหรือเปล่า
แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็รู้สึกสบายใจขึ้น
ที่ได้เวปบอรด์นี้เป็นที่พักใจคะ ไม่รู้จะคุยกับใครจริงๆ บางทีก็ท้อใจเหลือเกิน

เดือนที่แล้ว FC โทรมาประนอมหนี้ไหมคะจะได้จ่ายน้อยลง ดอกเบี้ย15 เปอเซนเอง
ดีว่าเราศึกษาในกระทู้มาบ้าง เราไม่เอาเด็ดขาด เลยบอกไปว่า บัตรที่จ่ายขั้นต่ำ 500 ยังไม่มีจ่ายเลยคะ
ประนอมหนี้ไปก็ไม่มีจ่ายอยู่ดี
เลยบอกให้ 32000 จาก 46000 แต่ยังเก็บเงินไม่ได้เลยคะเอาไว้ก่อน

แต่จนท. พูดดีนะ บอกว่าไม่แนะนำให้ประนอมหนี้หรอก แต่เดี๋ยวส่วนลด จะมีมาเรื่อยๆ
แต่อาจจะไม่เท่ากันทุกเดือน ยังไงจะโทรมาใหม่

ช่วง 3 เดือนแรก รับโทรศัพท์ เกือบทุกวัน แต่ทุกสายพูดดี แถมรับฟังปัญหาเราอีก
แต่พอเข้าเดือนที่ 4 เริ่มเงียบจัง รู้สึกแปลกๆ
แสดงว่าเราเริ่มเน่าแล้วใช่ไหม

มาให้กำลังใจค่ะ สู้ๆๆนะค่ะ ทุกอย่างมีทางออกแต่ต้องให้เวลากับเวลาค่ะ สู้ไปพร้อมกันกะเพื่อนๆในชมนี้ค่ะ เราไม่เดียวดายค่ะ

ขอบคุณคะ คุณ sirimol388. สู้ๆคะ

เมื่อกี้ bs จากcitibank. โทรมาแจ้ง ว่า
Bs. : 4 รอบบิลแล้วนะคะ
ยังไงหามาจ่ายสักงวดนึงก่อน ไม่งั้นถ้าเกินวันศุกร์นี้บัตรจะถูกยกเลิกแล้วนะคะ
เรา :จะพยายามคะ
Bs : เป็นปัญหาระยะยาวหรือเปล่าคะ
เรา: น่าจะสัก2 เดือนคะ
Bs: ยังไงลองดูนะคะถ้าศุกร์นี้ไม่ทัน อาจจะต้องดูกันในเรื่องของการผ่อนจ่ายต่องวดน้อยลง
เรา : คะ

เจ้าหน้าที่พูดดีคะ เรายื้อไว้เพราะยังไม่มีตังเลย
ขั้นต่อไปคงเป็นการเสนอสัญญานรก ตอนนี้หาคำพูดบ่ายเบี่ยงไว้ล่วงหน้าแล้ว

สวัสดีคะ คุณ DD9 ขอเป็นกำลังใจนะคะ ตัว siri23 เองก็ประสบปัญหาเช่นกันลูก 2 คน กำลังเล็ก กินเก่งมากๆ ค่าใช้จ่ายได้จากทางดิฉันคนเดียวคะเงินเดือนสองหมื่นสี่แต่ถุกหักหนี้แทบไม่เหลือ รายรับปัจจุบันสามพันกว่าบาทต้องกินกัน 4 คน สามี ตัวดิฉันและลูก 2 คน หนี้บัตรส่วนใหญ่จากที่ให้สามีออกจากงานเลี้ยงลูกทั้งสอง พอลูกโตเข้าเรียนเตรียมและอนุบาล ดิฉันก้อยู่กับลูกสามคน และด้วยกดเงินให้สามีทำธุรกิจแรกๆก็ดีแต่นานๆไปไม่รอดเพราะใช้หนี้ต่อเดือนเกือบสี่หมื่นแต่รายได้ไม่แน่นอน ปากท้องค่าใช้จ่ายสำหรับลูก และการเดินทางค่อนข้างหนักเมื่อก่อนดิฉันอยู่กับลูกอยู่กันสามคน สามีอยู่อีกจังหวัดเทียวรับส่งอาทิตย์ละสี่รอบเพราะสามีคิดถึงลูกๆและเราก็อยากกลับไปดูผลงานที่สามีทำไว้ สามีต้องขับรถจากอีกจังหวัดหนึ่งมารับดิฉันและลูกเพราะขับรถไปเองไม่ได้เด็กๆซนมากทะเลาะกันในรถ ดิฉันยังเสียดายที่รู้จักชมรมนี้ช้าไปไม่งั้นคงมีเงินเก็บH/Cบ้าง อุตส่าหืจ่ายแต่ละบัตรหมุนๆ หลายบัตรด้วยจนสุดท้ายทุนหายกำไรก็ไม่เหลือไม่มีเงินรายรับทางอื่นนอกจากสามพันกว่าก็เลยหยุดไปดดยปริยาย เห็นใจและเข้าใจคุณDD9 นะคะที่ร่ายมายาวๆเพราะอยากให้คุณมีกำลังใจและรับรุ้ว่าคนที่แย่กว่าคุณยังมี ตอนนี้อย่าว่าแต่จะผ่อนจ่ายขั้นต่ำหรือเก็บเงินสำหรับH/C เลยคะ ดิฉันเอาปากท้องครอบครัวไปให้รอดไปวันๆ มีอะไรที่พอขายได้ขายทุกอย่างคะยิ่งช่วงลูกเปิดเทอมอยากร้องให้ สู้ๆนะคะ มีอะไรก็แชร์ๆกัน ชื่นชมชมรมดีๆแบบนี้คะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจคะ คุณsiri23
ขอเป็นกำลังใจให้คุณเช่นกันนะคะ
ความรักของครอบครัวสำคัญที่สุดเลยคะ
บางครั้งวิกฤติก็ทำให้เราข้าใจอะไรต่างๆมากมาย
จากที่เมื่อก่อนอาจจะคิดไม่ได้ขนาดนี้

สู้ๆไปด้วยกันนะคะ เราต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้คะ

เมื่อสักครู่ บ. บีเอส ได้รับมอบหมายจากซิตี้แบงค์ โทรมาแจ้ง
เราค้างจ่าย 4 รอบบิลแล้ว ถามว่าเรามีปัญหาระยะยาวหรือเปล่า
แนะนำโปรแกรมผ่อนสบาย ดอกเบี้ย13 เปอเซนต์ต่อปี จะได้ไม่โดนค่าปรับต่างๆ
เราบอกตอนนี้ยังไม่มีสักร้อยเลย เลยให้คำตอบอะไรไม่ได้
จนท.บอกขอให้จ่ายเข้ามาก่อนวันที่ 25. จนท.พูดดีอยู่คะ
แต่เราหาคำพูดหลีกเลี่ยงจะไม่เอาสัญญานรก ยากจริงๆ
เพราะนางจะหว่านล้อมต่างๆนานา

เมื่อสักครู่ First choice ก้อโทรมาค่ะ บอกค้าง 3 รอบบัญชี ให้หาทางจ่ายแต่บอกไม่มีค่ะ ชวนทำสัญญาประนอมหนี้ แต่ดิฉันบอกว่าถึงทำก้อไม่มีเงินจ่าย เลยส่งไปให้ Supervisor คุยและจะบอกว่าส่งเรื่องไปสำนักงานกฎหมายค่ะ เราต้องรอก่อนใช่มั้ยค่ะ ถึงจะขอส่วนลดได้ แต่ก้อให้กำลังใจคุณ DD9 ค่ะ

คุณ Timmy1339. เป็นกำลังใจให้คุณเช่นกันนะคะ
ตอนนี้เก็บตังรออย่างเดียวคะ ไม่ใจอ่อนจ่ายหยอดเด็ดขาด
สู้ๆนะคะ

ข้อ ๖. ตามประกาศกระทรวงคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๗ ความว่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงออกประกาศกำหนดให้การให้สินเชื่อส่วนบุคคล อันเป็นกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการธนาคาร ซึ่งมีลักษณะตามที่ระบุไว้ในประกาศนี้ เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาต ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑. ในประกาศนี้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของตนเอง “สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ” หมายความว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะที่ไม่มีทรัพย์ หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ฯ ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ ความว่า ๑. เหตุผลในการออกประกาศ ประกาศนี้เดิมออกมาตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ เพื่อเป็นการพิทักษ์รักษาประโยชน์ของประชาชนและเป็นการป้องกันปัญหาจากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ๒. อำนาจตามกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ของผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเงินทุน ปฏิบัติตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ คำนิยาม ๔.๒ ในประกาศนี้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของตนเอง “สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ” หมายความว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะที่ไม่มีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ฯ
ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใดๆ และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ๔.๕ ให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติในเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม ใด ๆ และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (ร้อยละ ๑๕ ต่อปี) โดยอัตรารวมสูงสุดของดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ ดังกล่าว รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ ๒๘ ต่อปี (Effective rate) (๒) นอกจากดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ ตาม (๑) แล้ว ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุได้ ฯ ข้อ ๗. จำเลยขอให้การว่า ตามประกาศกระทรวงการคลังและประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด จึงต้องมีตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดลงลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด เป็นสำคัญ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ที่ ๓๐๕๙/๒๕๕๒ ระหว่าง บริษัท จีอี แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด โจทก์ นางต่อพงษ์ พิพิธหิรัญการ จำเลย สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ ความว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า โจทก์มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีพยานเอกสารมาแสดงว่าจำเลยได้รับเงินที่กู้ยืม ถือได้ว่าสัญญากู้ยืมบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐ วรรคสอง แต่เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ซี่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายชื่อจำเลยผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าใบสมัครสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ ซึ่งเป็นหลักฐานว่า จำเลยลงลายมือชื่อกู้ยืมเงินโจทก์สูญหายไป ตามรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน เอกสารหมาย จ.๕ โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่า ต้นฉบับใบสมัครสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ที่สูญหายไปมีข้อความเช่นไร อันจะถือได้ว่า เป็นหลักฐานการกู้ยืมและมีลายมือชื่อจำเลยลงไว้ในฐานะผู้ยืม เมื่อตามรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานเอกสารหมาย จ.๕ ระบุแต่เพียงว่า เอกสารดังกล่าวสูญหายไป และโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าต้นฉบับเอกสารดังกล่าวที่สูญหายมีข้อความอันจะถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมโดยมีจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้ยืม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ข้อ ๘. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โจทก์อ้างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งให้ปฏิบัติในเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายจริงและพอสมควรแก่เหตุเกี่ยวกัยสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี) เมื่อรวมดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมแล้ว ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ปรากฏตามใบอนุญาตกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ ถึง ๑๑ ตามประกาศกระทรวงคลังเรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ - ๑๐ ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา ฯ การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ตามคำฟ้องข้อ ๓. เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๖ จำเลยได้ตอบรับเข้าเป็นสมาชิกสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า คาร์ด ซึ่งเป็นสัญญาวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระสินค้า และสินเชื่อเงินสด โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อรวมจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท ตามคำฟ้องข้อ ๓.๒ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำเลยได้เบิกถอนเงินกู้ผ่านเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ ทั้งสิ้นจำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท ปรากฏตามสำเนาเอกสารการเบิกถอนเงินสด เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๕ ตามประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดแก่บุคคลธรรมดาฯ จำเลยขอปฏิเสธว่า จำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดกับโจทก์ ตามที่โจทก์ฟ้องมา จำเลยขอให้การว่า การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ จำเลยจึงขอให้โจทก์นำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ ตามที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์จำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท มาแสดงต่อศาล หากโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลย ผู้ยืมเป็นสำคัญ จำเลยกราบขอประทานศาลได้โปรดยกฟ้องโจทก์เสียทั้งสิ้น ทั้งนี้ ตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ที่ ๓๐๕๙/๒๕๕๒ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า โจทก์มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีพยานเอกสารมาแสดงว่าจำเลยได้รับเงินที่กู้ยืม ถือได้ว่าสัญญากู้ยืมบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐ วรรคสอง แต่เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ซี่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายชื่อจำเลยผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีได้ ข้อ ๙. ประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๐๔ ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดนี้ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ท้ายหมวดนี้ (หมวด ๖ อากรแสตมป์) ๕. กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท หรือเศษของ ๒,๐๐๐ บาท แห่งยอดเงินที่กู้ยืมหรือตกลงให้เบิกเกินบัญชี ค่าอากรแสตมป์ ๑ บาท ฯ มาตรา ๑๑๘ ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว ฯ การที่โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงิน จำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท เกินจากหลักฐานที่ทำไว้เดิม ๓๐,๐๐๐ บาท เพิ่มอีกจำนวน ๖๑,๒๐๐ บาท ในส่วนนี้เป็นการกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไป มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ และไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวดนี้ ๕. กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท หรือเศษของ ๒,๐๐๐ บาท แห่งยอดเงินที่กู้ยืมหรือตกลงให้เบิกเกินบัญชี ค่าอากรแสตมป์ ๑ บาท ตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ การที่โจทก์ประทับตราบนใบสมัครบัตรกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๒ ว่า ชำระอากรแล้ว จึงมีความหมายเพียงว่า ชำระอากรตามตราสารวงเงินที่อนุมัติให้กู้ยืมเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท เท่านั้น ส่วน วงเงิน ๖๑,๒๐๐ บาท ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ และไม่ได้มีการปิดอากรแสตมป์ลงบนตราสารที่ให้กู้ยืมเงินนั้น จึงห้ามรับฟังเป็นพยานเอกสารในคดีแพ่ง จำเลยจึงกราบเรียนขอประทานศาลท่านได้โปรดพิจารณา

วันนี้ ของ citibank. กับเฟริสช้อยส. ให้สำนักงานกฎหมายโทรมา
ชวนประนอมหนี้ เราบอกว่าถ้าประนอมหนี้ไปเราไม่มีจ่ายก็มีค่าเท่ากันอยู่ดี
เฟริสช้อยตอนหยุดจ่าย 46000 เข้ารอบบิลที่4 บอกยอด 53000 มันวิ่งไวจริงๆ
เจ้าหน้าที่พูดจาดี รับฟังปัญหาเราอีกต่างหาก แบบนี้ค่อยอยากรับโทรศัพท์หน่อย

ล่าสุดซิตี้แบงค์ เสนอ ส่วนลดมาแล้วคะ จาก 53000 เหลือ 38000
ยังเก็บตังไม่ได้เลย ลุ้นฟ้องเพราะอาจเก็บเงินไม่ทัน
กำลังเข้ารอบบิลที่6 แล้ว
ระหว่างนี้โทรไปอัพเดต และขอแนวทางกับคุณอาไพโรจน์
ได้คำแนะนำและจะทำตามแนวทางที่คุณอาแนะนำมาคะ
ขอขอบคุณคุณอาไพโรจน์มา ณ ที่นี้ด้วยคะ
ตอนนี้ไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
มีสติพอจะทำมาหากินได้ เก็บเงินกันต่อไปคะ
สู้ๆคะทุกคน

มาอัพเดตคะ
เมื่อเดือนที่แล้ว เราสามารถปิดได้ 1 ใบแล้ว เย้ๆๆๆๆ

สืบเนื่องจากระยะที่ผ่านมา เราเครียดมากและพยายามรีบทำขนมขายเก็บเงินมือเป็นระวิง
เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ทวงหนี้เลย แต่เราว่าทางที่ดีเพื่อนๆ พยายามรับโทรศัพท์ดีกว่าคะ
ทีนี้ของซิตี้แบงค์มีความพยายามส่งข้อความมาเสนอปิดยอด ฝากเบอร์โทรไว้
พอส่งมาครั้งที่ 2 เรามีเก็บเงินได้ 20,000 เลยตัดสินใจ เอาวะ ลองดูถ้าได้ก็จะปิดเลย
เราโทรไปเขาถามว่าตอนนี้พอจะปิดเลยได้ไหม เราบอกว่าถ้าสิ้นเดือนนี้จะมีเงินประมาณ 20,000
เขาบอกถ้าสิ้นเดือนนี้ยอดนี้มันลดกว่า 50 เปอเซนต์ คงไม่ได้ แต่ถ้าภายในอาทิตย์นี้อาจจะพอได้
เจ้าหน้าที่คุยดีมาก ให้เราส่งสำเนาบัตร ปชช.พร้อมเขียนคำร้องว่ามีปัญหาเรื่องการเงินอย่างไรบ้าง
จะลองส่งให้ทางซิตี้แบงค์พิจารณาให้ เราก็ส่งไป
พอช่วงเย็น เขาโทรมาบอกว่า ขออีก 600 เป็น 20,600
เราก็โอเค และขอใบรับรองการปิดยอดด้วย
สรุปเราทำตามแนวทางชมรม เป็นไปได้จริงๆ
จากยอด 5หมื่นกว่า H/C ที่ 20,600
เราขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนนะคะ
ทำตามที่ชมรมแนะนำ แล้วชีวิตเปลี่ยนจริงๆ

อัพเดตอีกเรื่อง แต่เราได้หมายศาลของเฟริสท์ชอยส์แล้ว วันจันทร์นี้จะไปขึ้นศาล
ตอนนี้นั่งอ่านกระทู้เป็นแนวทางการไปศาลอย่างตื่นเต้น
ยังไงขอกำลังใจจากเพื่อนๆ ด้วยนะคะ