มหกรรม KCT โรงแรมริเวอร์ กาญจนบุรี 24/04/2559

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #84259 โดย bankmrc054
มหกรรม KCT โรงแรมริเวอร์ กาญจนบุรี 24/04/2559

จัดขึ้นที่จัหวัดกาญจนบุรี ออกเดินทางจากกรุงเทพ 8.000 ถึงนั้น 10.30 ศาลพิพากษา 157000 รวมกัน 2 ใบ
เครดิต กับกดเงินสด วงเงินใบล่ะ 60000 บาท ไปถึงมีพนักงานตอนรับ ถามว่าลงทะเบียนมาหรือยัง เราลงมาแล้วเพราะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาก่อน (เจ้าหน้าที่จะติดต่อเฉพาะที่เขาจะติดต่อกับเรา) และเราก็เดินไปที่โต๊ะลงทะเบียน ได้บัตรคิวมา นั่งรอในห้องประชุมก็โดนเรียก ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลคิวเราเดินมาหาและพาไปที่โต๊ะเจรจา ในเอกสารที่เจ้าหน้าที่นำมามีขอเสนอแนบมาเรียบร้อย

ปิดจบ ไม่มีดอกเบี้ย
ผ่อน 3 เดือน ลดดอกเบี้ย 80 %
ผ่อน 6 เดือน ลดดอกเบี้ย 50 %
ผ่อน 12 ลดดอกเบี้ย 30 %

ผมขอบคุณตัวผมเอกที่ตัดสินใจไปครั้งนี้
ผมเลือกช้อยที่ 1 และเป็นอันสุดท้าย ตอนนี้ผมไม่หนี้ล่ะ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเพิ่มจะมาสบายใจก็วันนี้

ขอบคุณครับสำหรับการแชร์ประสบการณ์ของเว็บแห่งนี้ และขอให้ทุกท่านโชคดี

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #84260 โดย bankmrc054
ลืมบอกไป 126000 ยอดปิดครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #84467 โดย pison1998
ยินดีด้วยครับ
ของผม ktc 144000 6-7 เดือนฟ้องแล้ว ไม่ลดด้วย เลยผ่อนแบบขั้นบันได 3 ปี ดอก 10%
แต่ยังสู้ต่อครับเพื่อปลดหนี้

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85264 โดย Pheonix
ข้อ ๔. ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๒ ความว่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงออกประกาศกำหนดให้การให้สินเชื่อส่วนบุคคล อันเป็นกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการธนาคาร ซี่งมีลักษณะตามที่ระบุไว้ในประกาศนี้ เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาต ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑. ในประกาศนี้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของตนเอง “สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ” หมายความว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะที่ไม่มีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ฯ
ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๒ ความว่า ๑. เหตุผลในการออกประกาศ ประกาศนี้เดิมออกมาตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ เพื่อเป็นการพิทักษ์รักษาประโยชน์ของประชาชน และเป็นการป้องกันปัญหาจากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ๒. อำนาจตามกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ของผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเงินทุน ปฏิบัติตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ คำนิยาม ๔.๒ ในประกาศนี้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของตนเอง “สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ” หมายความว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะที่ไม่มีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ฯ
ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใด ๆ และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ๔.๕ ให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติในเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม ใด ๆ และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใดๆ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (ร้อยละ ๑๕ ต่อปี) โดยอัตรารวมสูงสุดของดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ ดังกล่าว รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ ๒๘ ต่อปี (Effective rate) (๒) นอกจากดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ ตาม (๑) แล้ว ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุได้ ฯ ตามคำฟ้องข้อ ๓. เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ จำเลยได้ยื่นคำขอสมัครสินเชื่อพร้อมใช้ เคทีซี(KTC CASH Revolve) ไว้กับโจทก์ โดยโจทก์ได้อนุมัติเงินกู้ให้จำเลยในวงเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี โจทก์ได้ออกบัตรเงินสดพร้อมรหัสส่วนตัวเพื่อให้จำเลยใช้เบิกถอนเงินสดจากเครื่องฝากถอนอัตโนมัติหรือเคาน์เตอร์ของธนาคารฯ โจทก์จะจัดส่งใบแจ้งหนี้ไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยทุกรอบบัญชีหรือทุกเดือน ตามประกาศโจทก์ สินเชื่อบุคคล KTC CASH และสินเชื่อพร้อมใช้ KTC CASH Revolve สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๒ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๒, ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒, ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓, ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔, ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕, ๑ มกราคม ๒๕๕๖, ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ และ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ รวม ๘ ฉบับ กำหนดไว้ว่า • อัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำ สินเชื่อพร้อมใช้ KTC CASH Revolve หรือ KTC PROUD ขั้นต่ำ ๓% ของยอดเงินคงค้างทั้งสิ้น แต่ไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ บาท
จำเลยได้จัดทำตารางการผ่อนชำระ สินเชื่อพร้อมใช้ KTC CASH Revolve วงเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี ผ่อนชำระตามที่โจทก์ประกาศกำหนด สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ ปรากฏว่า จำเลยต้องผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เป็นระยะเวลา ๒๓๐ เดือน ผ่อนชำระขั้นต่ำ ๓% ของยอดเงินคงค้างทั้งสิ้น แต่ไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ บาท เดือนสุดท้าย ผ่อนชำระหนี้ที่เหลือจำนวน ๑๓๕.๕๐ บาท เงินที่ผ่อนชำระในแต่ละเดือนนำไปชำระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินก่อนส่วนที่เหลือนำไปหักชำระเงินต้น รวมจำนวนเงินที่จำเลยต้องผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ทั้งสิ้น ๑๐๙,๕๖๓.๑๑ บาท (๓๖๕.๒๑% ของเงินต้น) นำไปชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๔๒,๖๒๓.๐๙ บาท นำไปชำระค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๑๓ ต่อปี เป็นเงิน ๓๖,๙๔๐.๐๑ บาท นำไปชำระเงินต้น เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท รวมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินที่ต้องชำระทั้งสิ้น ๗๙,๕๖๓.๑๐ บาท คิดเป็นอัตราร้อยละ ๒๖๕.๒๑ ของเงินต้น ๓๐,๐๐๐ บาท (๑๐๐%) โจทก์อนุมัติสินเชื่อพร้อมใช้ KTC CASH Revolve ให้จำเลย วงเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี ผ่อนชำระขั้นต่ำ ๓% ของยอดเงินคงค้าง แต่ไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ บาท ทำให้จำเลยต้องผ่อนชำระนานถึง ๑๙ ปี ๒ เดือน จึงจะหมดหนี้ รวมเงินที่จำเลยต้องผ่อนชำระเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐๙,๕๖๓.๑๑ บาท คิดเป็น ๓๖๕,๒๑% ของเงินต้น ๓๐,๐๐๐ บาทดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินที่ต้องผ่อนชำระ ๗๙,๕๖๓.๑๐ บาท คิดเป็น ๒๖๕.๒๑% ของเงินต้น ๓๐,๐๐๐ บาท จึงเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงการคลังที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน และเป็นการฝ่าผืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมา เพื่อเป็นการพิทักษ์รักษาประโยชน์ของประชาชน และเป็นการป้องกันปัญหาจากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๐ จำเลยเป็นประชาชนผู้บริโภค ไม่มีความรู้ทางด้านการเงิน จึงไม่เข้าใจถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้น และถ้ามีการเบิกใช้สินเชื่อพร้อมใช้ KTC CASH Revolve ระยะเวลาที่ต้องผ่อนชำระก็จะเกินกว่า ๑๙ ปี ๒ เดือน ไปอีกมาก อาจถึงตลอดชีวิต ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินก็จะเกิดขึ้นอีกมาก โจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลย่อมทราบสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี จำเลยจึงกราบขอประทานศาลท่านได้โปรดเมตตา จำเลยขอปฏิเสธยอดหนี้สินเชื่อพร้อมใช้ KTC CASH Revolve ที่โจทก์ส่งมาเพียง ๓ ฉบับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.380 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena