มาร่วมแชร์ Case First Choice กันที่นี่ครับ

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85107 โดย Haruethai1984
ของเรานี่ ยอดหยุด53,000คุยล่าสุดปาไป64,000แล้วค่ะ ในใบทวงเป็นของบริษัทศักยภาพ(เจ้าเดียวกับพาวเวอร์ที่ปิดไป) คุยกันเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมา นางบอกลดให้ที่45,000 แต่เราบอกไม่ได้เงินไม่มีถ้า20,000-25,000จะจ่ายเลย นางบอกไม่ได้ค่ะ ถ้างั้นพี่ไปทำผ่อนที่ศาลไหม. เราเลยบอกอ้อ ติดผ่อนศาลกับเจ้าอื่นอยู่เลย นางเลยบอกงั้นเดี๋ยวโทรมาใหม่ แล้วก็หายไปเลย (ตอนที่ได้ใบทวงตอนต้นๆเมษายน บอกว่าค้างชำระมากกว่า190วันแล้ว ไม่แน่ใจว่าตกลงค้างกี่เดือนแน่ค่ะ)

Central ก็ปาไป114,4500แล้วตอนต้นเมษายน ตอนนี้ไม่รู้เท่าไหร่ แต่เงียบมากไม่โทรอะไรมาเลย แอบฟ้องไหมเนี่ย เฮ้อ จะลดก็รีบๆเสนอมาดีกว่า จะได้รอจัดการกับเจ้าอื่นต่อค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85113 โดย AJack

jackky เขียน:

nanok เขียน: วันที่ 11 พ.ค. 59 ขี้นศาลครั้งแรก
ทนายไกล่เกลี่ยแค่ทางบริษัทให้ข้อเสนอแค่ ต้องจ่ายขั้นต่ำต่อเดือน 2000 พัน ผ่อนให้หมดภายใน 24 งวด
ดอกเบี้ย 15% ของยอดหนี้ ไม่สามารถให้ได้มากกว่านี้ ก้อเลยตัดสินใจให้ศาลตัดสิน
พอถึงเวลาศาลท่านก็อธิบายว่าถ้าให้ศาลตัดสินทางเจ้าหนี้สามารถบังคับคดียึดทรัพย์เราได้ตลอดเวลา
แต่ถ้ายอมความ จะมีเวลาผ่อนชำระ ซึ่งในระหว่างนี้ทางเจ้าหนี้ไม่สามารถยึดทรัพย์เราได้
ก็เลยต้องยอมเซ็นต์เพราะไม่อยากโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาดแล้วต้องมีหนี้เพิ่ม
เฮ้อ สิ่งที่หวังไม่เป็นอย่างที่คิด นอกจากไม่ได้ส่วนลดแล้วยังต้องจ่ายต่ออีก
กะว่าจะผ่อนไปซักพักแล้วค่อยคุยใหม่ถ้าขอ H/C ได้
FC เคี่ยวมากกกกก


ผมต้องขึ้นศาลวันที่ 30 พ.ค นี้คับ ก็กลัวๆเหมือนกันคับ ยอดฟ้องประมาณ 65,000 คับ แล้วดอกเบี้ยก็ยังขึ้นไปเรื่อย ทางบริิษัททวงนี้ ลดให้แค่ 55,000 จ่ายงวดเดียว หนักไป อาจจะต้องรอไกล่เกลี่ยที่ศาลดู มันไม่ยอมลดเลย ขอคำแนะนำด้วยคับ


ไม่ทราบว่าทั้ง 2 ท่านหยุดจ่ายนานไหมครับถึงส่งฟ้องกัน

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85118 โดย nanok
ประมาณ 1 ปีค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85142 โดย dnnkid
FC ของผมหยุดมาปีกว่าๆ ตอนนี้เงียบไปเลย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85144 โดย gaara

jackky เขียน:

nanok เขียน: วันที่ 11 พ.ค. 59 ขี้นศาลครั้งแรก
ทนายไกล่เกลี่ยแค่ทางบริษัทให้ข้อเสนอแค่ ต้องจ่ายขั้นต่ำต่อเดือน 2000 พัน ผ่อนให้หมดภายใน 24 งวด
ดอกเบี้ย 15% ของยอดหนี้ ไม่สามารถให้ได้มากกว่านี้ ก้อเลยตัดสินใจให้ศาลตัดสิน
พอถึงเวลาศาลท่านก็อธิบายว่าถ้าให้ศาลตัดสินทางเจ้าหนี้สามารถบังคับคดียึดทรัพย์เราได้ตลอดเวลา
แต่ถ้ายอมความ จะมีเวลาผ่อนชำระ ซึ่งในระหว่างนี้ทางเจ้าหนี้ไม่สามารถยึดทรัพย์เราได้
ก็เลยต้องยอมเซ็นต์เพราะไม่อยากโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาดแล้วต้องมีหนี้เพิ่ม
เฮ้อ สิ่งที่หวังไม่เป็นอย่างที่คิด นอกจากไม่ได้ส่วนลดแล้วยังต้องจ่ายต่ออีก
กะว่าจะผ่อนไปซักพักแล้วค่อยคุยใหม่ถ้าขอ H/C ได้
FC เคี่ยวมากกกกก


ผมต้องขึ้นศาลวันที่ 30 พ.ค นี้คับ ก็กลัวๆเหมือนกันคับ ยอดฟ้องประมาณ 65,000 คับ แล้วดอกเบี้ยก็ยังขึ้นไปเรื่อย ทางบริิษัททวงนี้ ลดให้แค่ 55,000 จ่ายงวดเดียว หนักไป อาจจะต้องรอไกล่เกลี่ยที่ศาลดู มันไม่ยอมลดเลย ขอคำแนะนำด้วยคับ


เราเพิ่งหยุดจ่ายแต่ของเราเป็นผ่อนของน่ะค่ะ จ่ายตรงมาตลอดแต่ตอนนี้มีปัญหาด้านการเงินเลยกะว่าหยุดจ่ายรอ hair cut เพื่อปิดบัญชีทีเดียว แต่กะว่าจะปิดให้ได้ก่อนฟ้องน่ะค่ะ ถ้าไม่ลดเลยแบบนี้สงสัยเราโดนฟ้องแน่เลย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85317 โดย Pheonix
ข้อ ๖. ตามประกาศกระทรวงคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๗ ความว่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงออกประกาศกำหนดให้การให้สินเชื่อส่วนบุคคล อันเป็นกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการธนาคาร ซึ่งมีลักษณะตามที่ระบุไว้ในประกาศนี้ เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาต ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑. ในประกาศนี้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของตนเอง “สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ” หมายความว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะที่ไม่มีทรัพย์ หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ฯ ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ ความว่า ๑. เหตุผลในการออกประกาศ ประกาศนี้เดิมออกมาตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ เพื่อเป็นการพิทักษ์รักษาประโยชน์ของประชาชนและเป็นการป้องกันปัญหาจากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ๒. อำนาจตามกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ของผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเงินทุน ปฏิบัติตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ คำนิยาม ๔.๒ ในประกาศนี้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของตนเอง “สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ” หมายความว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะที่ไม่มีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ฯ
ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใดๆ และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ๔.๕ ให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติในเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม ใด ๆ และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (ร้อยละ ๑๕ ต่อปี) โดยอัตรารวมสูงสุดของดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ ดังกล่าว รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ ๒๘ ต่อปี (Effective rate) (๒) นอกจากดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ ตาม (๑) แล้ว ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุได้ ฯ ข้อ ๗. จำเลยขอให้การว่า ตามประกาศกระทรวงการคลังและประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด จึงต้องมีตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดลงลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด เป็นสำคัญ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ที่ ๓๐๕๙/๒๕๕๒ ระหว่าง บริษัท จีอี แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด โจทก์ นางต่อพงษ์ พิพิธหิรัญการ จำเลย สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ ความว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า โจทก์มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีพยานเอกสารมาแสดงว่าจำเลยได้รับเงินที่กู้ยืม ถือได้ว่าสัญญากู้ยืมบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐ วรรคสอง แต่เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ซี่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายชื่อจำเลยผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าใบสมัครสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ ซึ่งเป็นหลักฐานว่า จำเลยลงลายมือชื่อกู้ยืมเงินโจทก์สูญหายไป ตามรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน เอกสารหมาย จ.๕ โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่า ต้นฉบับใบสมัครสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ที่สูญหายไปมีข้อความเช่นไร อันจะถือได้ว่า เป็นหลักฐานการกู้ยืมและมีลายมือชื่อจำเลยลงไว้ในฐานะผู้ยืม เมื่อตามรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานเอกสารหมาย จ.๕ ระบุแต่เพียงว่า เอกสารดังกล่าวสูญหายไป และโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าต้นฉบับเอกสารดังกล่าวที่สูญหายมีข้อความอันจะถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมโดยมีจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้ยืม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ข้อ ๘. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โจทก์อ้างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งให้ปฏิบัติในเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายจริงและพอสมควรแก่เหตุเกี่ยวกัยสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี) เมื่อรวมดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมแล้ว ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ปรากฏตามใบอนุญาตกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ ถึง ๑๑ ตามประกาศกระทรวงคลังเรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ - ๑๐ ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา ฯ การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ตามคำฟ้องข้อ ๓. เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๖ จำเลยได้ตอบรับเข้าเป็นสมาชิกสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า คาร์ด ซึ่งเป็นสัญญาวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระสินค้า และสินเชื่อเงินสด โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อรวมจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท ตามคำฟ้องข้อ ๓.๒ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำเลยได้เบิกถอนเงินกู้ผ่านเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ ทั้งสิ้นจำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท ปรากฏตามสำเนาเอกสารการเบิกถอนเงินสด เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๕ ตามประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดแก่บุคคลธรรมดาฯ จำเลยขอปฏิเสธว่า จำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดกับโจทก์ ตามที่โจทก์ฟ้องมา จำเลยขอให้การว่า การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ จำเลยจึงขอให้โจทก์นำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ ตามที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์จำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท มาแสดงต่อศาล หากโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลย ผู้ยืมเป็นสำคัญ จำเลยกราบขอประทานศาลได้โปรดยกฟ้องโจทก์เสียทั้งสิ้น ทั้งนี้ ตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ที่ ๓๐๕๙/๒๕๕๒ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า โจทก์มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีพยานเอกสารมาแสดงว่าจำเลยได้รับเงินที่กู้ยืม ถือได้ว่าสัญญากู้ยืมบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐ วรรคสอง แต่เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ซี่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายชื่อจำเลยผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีได้ ข้อ ๙. ประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๐๔ ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดนี้ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ท้ายหมวดนี้ (หมวด ๖ อากรแสตมป์) ๕. กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท หรือเศษของ ๒,๐๐๐ บาท แห่งยอดเงินที่กู้ยืมหรือตกลงให้เบิกเกินบัญชี ค่าอากรแสตมป์ ๑ บาท ฯ มาตรา ๑๑๘ ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว ฯ การที่โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงิน จำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท เกินจากหลักฐานที่ทำไว้เดิม ๓๐,๐๐๐ บาท เพิ่มอีกจำนวน ๖๑,๒๐๐ บาท ในส่วนนี้เป็นการกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไป มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ และไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวดนี้ ๕. กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท หรือเศษของ ๒,๐๐๐ บาท แห่งยอดเงินที่กู้ยืมหรือตกลงให้เบิกเกินบัญชี ค่าอากรแสตมป์ ๑ บาท ตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ การที่โจทก์ประทับตราบนใบสมัครบัตรกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๒ ว่า ชำระอากรแล้ว จึงมีความหมายเพียงว่า ชำระอากรตามตราสารวงเงินที่อนุมัติให้กู้ยืมเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท เท่านั้น ส่วน วงเงิน ๖๑,๒๐๐ บาท ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ และไม่ได้มีการปิดอากรแสตมป์ลงบนตราสารที่ให้กู้ยืมเงินนั้น จึงห้ามรับฟังเป็นพยานเอกสารในคดีแพ่ง จำเลยจึงกราบเรียนขอประทานศาลท่านได้โปรดพิจารณา

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #85353 โดย jackky
อยากจะขอคำปรึกษาคับ ทางบริษัทเชฐษเอเชียเจ้าของหนี้ของ FC โทมาบอกว่าเราพอจะมีเงินก้อนปิดในยอดเดียวหรือป่าว ฟ้องที่ 66,000 กว่าๆแล้วเพราะดอกวิ่งไปเรื่อยๆๆขึ้นศาลวันที่ 30 พ ค. นี้คับ เราบอกงว่าไม่มีขนาดนั้นหรอก ลดให้ได้มั้ย ทางเจ้าหนี้บอกว่า ให้ 62,000 งวดเดียว จะบ้าตาย

ผมไม่มีหรอกคับขนาดนั้น ต้องยอมไปศาลเพื่อไกล่เกลี่ยแล้ว

ทางเจ้าหนี้บอกว่า ถ้าอย่างนั้นลูกหนี้ไม่ต้องไปศาลก็ได้ ให้เราเริ่มจ่ายเดือนล่ะ 2000 บาท ทุกเดือนตามที่กำหนด ห้ามพลาดเด็ดขาด แล้วเค้าจะทำเอกสารให้เอง ระหว่างที่จ่าย เค้าจะมีส่วนลดหรือเจรจาลดหนี้ให้


อยากจะขอคำแนะนำหน่อยนะคับ :เฮ้อ: :เฮ้อ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #85493 โดย flash
ของเรามี 2 ใบ ยอดหยุด FC 80000 Central 54000 หยุดรอบบิลที่ 3
เมื่อกี้ จนท โทรแจ้งว่า ยอดรวม 2 ใบ 140000 แล้ว ไม่ทราบพอมีจ่ายเข้ามาก่อนเพื่อรักษาประวัติมั๊ย
เรา บอกไม่มีค่ะ เด๋วมีจะรีบจ่าย
จนท ประนอมหนี้ไม่สนใจหรอคับ
เรา ไม่ค่ะ เพราะเงินจะประนอบหนี้ก็ไม่มีค่ะ กลัวจ่ายไม่ได้ครบตามกำหนด
จนท ครับ แล้วตอนนี้ทำงานอยู่ไหมคับ หรือ มีปัญหาอะไร
เรา ค่ะมีปัญหา หนักมาก ไม่สามารถจ่ายได้ค่ะ มีอีกหลายใบเลย ไม่ได้จ่ายทุกใบค่ะ
จนท ขอบคุณคับ วางสายไป :bye:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #85626 โดย santaz
รออัพเดทนะคะ
ของเราเพิ่งหยุดเครือกรุงศรีมาเข้ารอบบิลที่สองค่ะ มีอยู่ 3 เจ้า
FC ยอด 29000
Central ยอด 30000
Tesco ยอด 35000

รับสายทันบ้างไม่ทันบ้าง ยังพูดจากันดีอยู่ค่ะ คงเพราะเพิ่งจะหยุดจ่าย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #85689 โดย Pheonix
ข้อ ๗. จำเลยขอให้การว่า ตามประกาศกระทรวงการคลังและประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด จึงต้องมีตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดลงลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด เป็นสำคัญ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ที่ ๓๐๕๙/๒๕๕๒ ระหว่าง บริษัท จีอี แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด โจทก์ นางต่อพงษ์ พิพิธหิรัญการ จำเลย สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ ความว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า โจทก์มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีพยานเอกสารมาแสดงว่าจำเลยได้รับเงินที่กู้ยืม ถือได้ว่าสัญญากู้ยืมบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐ วรรคสอง แต่เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ซี่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายชื่อจำเลยผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าใบสมัครสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ ซึ่งเป็นหลักฐานว่า จำเลยลงลายมือชื่อกู้ยืมเงินโจทก์สูญหายไป ตามรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน เอกสารหมาย จ.๕ โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่า ต้นฉบับใบสมัครสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ที่สูญหายไปมีข้อความเช่นไร อันจะถือได้ว่า เป็นหลักฐานการกู้ยืมและมีลายมือชื่อจำเลยลงไว้ในฐานะผู้ยืม เมื่อตามรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานเอกสารหมาย จ.๕ ระบุแต่เพียงว่า เอกสารดังกล่าวสูญหายไป และโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าต้นฉบับเอกสารดังกล่าวที่สูญหายมีข้อความอันจะถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมโดยมีจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้ยืม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ข้อ ๘. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โจทก์อ้างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งให้ปฏิบัติในเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายจริงและพอสมควรแก่เหตุเกี่ยวกัยสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ (อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี) เมื่อรวมดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมแล้ว ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ปรากฏตามใบอนุญาตกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ ถึง ๑๑ ตามประกาศกระทรวงคลังเรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ - ๑๐ ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด แก่บุคคลธรรมดา ฯ การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ตามคำฟ้องข้อ ๓. เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๖ จำเลยได้ตอบรับเข้าเป็นสมาชิกสินเชื่อเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า คาร์ด ซึ่งเป็นสัญญาวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระสินค้า และสินเชื่อเงินสด โจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อรวมจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท ตามคำฟ้องข้อ ๓.๒ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำเลยได้เบิกถอนเงินกู้ผ่านเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ ทั้งสิ้นจำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท ปรากฏตามสำเนาเอกสารการเบิกถอนเงินสด เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๕ ตามประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ให้คำนิยามไว้ว่า “สินเชื่อส่วนบุคคล” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดแก่บุคคลธรรมดาฯ จำเลยขอปฏิเสธว่า จำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล การให้กู้ยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใดกับโจทก์ ตามที่โจทก์ฟ้องมา จำเลยขอให้การว่า การให้กู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ จำเลยจึงขอให้โจทก์นำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ ตามที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์จำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท มาแสดงต่อศาล หากโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลย ผู้ยืมเป็นสำคัญ จำเลยกราบขอประทานศาลได้โปรดยกฟ้องโจทก์เสียทั้งสิ้น ทั้งนี้ ตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ที่ ๓๐๕๙/๒๕๕๒ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า โจทก์มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีพยานเอกสารมาแสดงว่าจำเลยได้รับเงินที่กู้ยืม ถือได้ว่าสัญญากู้ยืมบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐ วรรคสอง แต่เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ซี่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายชื่อจำเลยผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีได้ ข้อ ๙. ประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๐๔ ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดนี้ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ท้ายหมวดนี้ (หมวด ๖ อากรแสตมป์) ๕. กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท หรือเศษของ ๒,๐๐๐ บาท แห่งยอดเงินที่กู้ยืมหรือตกลงให้เบิกเกินบัญชี ค่าอากรแสตมป์ ๑ บาท ฯ มาตรา ๑๑๘ ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว ฯ การที่โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงิน จำนวน ๙๑,๒๐๐ บาท เกินจากหลักฐานที่ทำไว้เดิม ๓๐,๐๐๐ บาท เพิ่มอีกจำนวน ๖๑,๒๐๐ บาท ในส่วนนี้เป็นการกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไป มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ และไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวดนี้ ๕. กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท หรือเศษของ ๒,๐๐๐ บาท แห่งยอดเงินที่กู้ยืมหรือตกลงให้เบิกเกินบัญชี ค่าอากรแสตมป์ ๑ บาท ตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ การที่โจทก์ประทับตราบนใบสมัครบัตรกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๒ ว่า ชำระอากรแล้ว จึงมีความหมายเพียงว่า ชำระอากรตามตราสารวงเงินที่อนุมัติให้กู้ยืมเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท เท่านั้น ส่วน วงเงิน ๖๑,๒๐๐ บาท ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ และไม่ได้มีการปิดอากรแสตมป์ลงบนตราสารที่ให้กู้ยืมเงินนั้น จึงห้ามรับฟังเป็นพยานเอกสารในคดีแพ่ง จำเลยจึงกราบเรียนขอประทานศาลท่านได้โปรดพิจารณา

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #85891 โดย Khunaey5714
มีหนี้ของ Firstchoice เหมือนกัน 67,000 บาท หยุดเข้ารอบบิลที่ 2 มีโทรเข้าเร่งให้จ่ายเข้าไปก่อน 1 งวด แล้วทำเรื่องประนอมหนี้ จ่าย 5 ปี เดือนละ 1500 บาท เราบอกเค้าไปแล้วว่าไม่มี พยายามหาอยู่ แต่ยังหาไม่ได้เหมือนกัน แต่นางโทรจิกมาก พลาดรับแค่สายเดียว นางโทรเข้าบริษัทเลยคะ ก็ยังต้องสู้กันต่อไป เป็นกำลังใจให้นะคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #85914 โดย Doremon
มีหนี้ของ Firstchoice เช่นเดัยวกันคร้าาาาา ไปขึ้นศาลมาแล้ว สดๆร้อนๆ 6/6/59 ตื่นเต้นมาก แต่ก้อคิดอย่างเดียวว่าขอเลื่อนนัดดีที่สุดละตอนนี้ เพราะมีอีกบัตร จ่อตูดขึ้นศาล เดือนกรกฏา ต่ออีก เหนื่อยค่ะแต่ก้อพยายามสู้ ขอลด FC ไป ได้แค่ 10% เองค่ะ เริ่มเครียดแล้ว ยอดฟ้อง 37,xxx ยอดลด 33,xxx บาทเอง ท้อค่ะ แต่ขอเลื่อนนัดศาลได้ ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ยังถือว่ามีเวลาต่อรองได้อีกนาน รวมทั้งเก็บตังได้อีกสักพัก ใครพอจะได้ส่วนลดดีๆหลังจากไปศาลครั้งแรก ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ว่าเจรจายังไงถึงจะได้ส่วนลดดีๆ ^^

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #85933 โดย Khunaey5714
คุณ Doremon ค้างเฟิสช้อยกี่เดือนคะ ถึงฟ้องศาล

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #86159 โดย aeky55555
ผมก็เป็นหนี้ เฟริสช๊อย เหมือนกัน จ่ายขั้นตํ่าเดือนเกือบ
5000 ไม่ไหว ว่าจะหยุดเหมือนกัน
ต้องหยุดจ่าย นานเท่าไหร่ถึงจะได้ส่วนลดครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #86318 โดย AJack
สรปครับตอนนี้หยุดจ่ายมา 3-4 รอบบิล ของเครือกรุงศรีปิดได้หมดแล้ว ส่วนลดพอใจครับ
HomeproVS. 38,000- หยุดจ่าย 4 งวดปิดH/C ที่ 23,000-(ลด 41%) หยุดจ่าย 4 งวด
First Choice 83,000-หยุดจ่าย 4 งวด ปิดH/C ที่ 42,500-(ลด 49%)
TesCo VS. 108,000หยุดจ่าย 4 งวด-ปิดH/C ที่ 60,000-(ลด 45%)

ยังเหลืออยูระหว่างเจรจา
บัตรเครดิตกสิกรVS. 87,000- หยุดจ่ายมา 4 งวด
บัตรกดเงินกสิกรExpress 44,000- หยุดจ่ายมา 4 งวด
บัตรกดเงินTanachat Flase 70,000- หยุดจ่ายมา 4 งวด
สินเชื่อ CIMB.loan. 126,000-หยุดจ่ายมา 4 งวด
บัตรกดเงินUmay +. 140,000-หยุดจ่ายมา 3 งวด

สู้ต่อไปครับ เส้นทางยังอีกยาวไกล :No: :No:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #92040 โดย วินนี่
ตามของ FC ด้วยคน ใครมียอดเกินแสนบ้าง ตอนนี้เราหยุดมา 6 เดือนแล้ว เสียวสันหลังมาก ให้ส่วนลดมา แต่ยอดเยอะ และให้เราจ่ายก้อนนึงเข้าไปโดยไม่ออกสัญญาอะไรให้ กลัวโดนหลอกซะจริงๆ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #92059 โดย DD9
พรุ่งนี้ต้องไปศาลครั้งแรกเหมือนกันคะ แล้ะจะมาเล่าให้ฟังคะว่าเป็นไงบ้าง

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #92064 โดย aom1boy2
ถ้าไม่มี ทรัพย์สินให้ยึด แถมเงินเดือนยังไม่ถึงหมื่น

ถ้าขึ้นศาลเราควร ให้ศาลตัดสินไปเลยดีไหมครับ

แล้วเก็บเงินค่อยไปจ่ายดี

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.809 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena