ลำนำ แห่งหนี้ มาได้ ก็จากได้ อย่าได้แคร์

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24066 โดย Ruthai_Ning
สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนหนี้ ทุกท่าน

เข้ามาอีกครั้งสำหรับ webbord แห่งนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นสมาชิกชื่อ rh_ning แต่ไม่สามารถเข้าได้และก็สมัครใหม่ไม่ได้ เลยขอกลับมาด้วยชื่อสมาชิกใหม่ ชือ Ruthai_Ning แต่ก็เป็นสมาชิกคนเดิมที่ได้ความรู้จาก webbord แห่งนี้ ทำให้ชีวิตปัจจุบันดีขึ้นตามเศรษฐกิจ ที่เป็นอยู่ค่ะ

ก่อนอื่นขอท้าวความถึงการเป็นหนี้ก่อนนะค่ะ เมื่อก่อนมีหนี้ทั้งหมด 11 ตัว ค่ะ เป็นดังนี้

1. สินเชื่อบัตรกดเงินสด city bank วงเงิน 20000 หยุดจ่ายเมื่อปี 2006
2. สินเชื่อบุคคล city corp วงเงิน 4000 หยุดจ่ายเมื่อปี 2006 (ตัวนี้โดนฟ้องศาล ประมาณ กลางปี 2007)
3. สินเชื่อผ่อนสินค้า Easy By วงเงิน 20000 หยุดจ่ายหนี้เมื่อปี 2006
4. สินเชื่อ แซทเทเลม ยอดเงิน 12000 หยุดจ่ายเมื่อปี เมื่อปี 2006(ปัจจุบันไม่รู้เปลี่ยนเป็นบริษัทอะไรแล้ว) น่าจะเป็น อยุธยา แคปปิตอล
5. สินเชื่อบัตรเครดิต AEON ยอดเงิน 15000 หยุดจ่ายหนี้เมื่อปี 2006
6. สินเชื่อบุคคล AEON ยอดเงิน 20000 หยุดจ่ายหนี้เมื่อปี 2006
7. สินเชื่อบุคคล KTC ยอดเงิน 30000 หยุดจ่ายหนี้เมื่อปี 2006
8. บัตรเครดิต UOB ยอดเงิน 30000 หยุดจ่ายเมื่อปี 2006
9. สินเชื่อบัตรเครดิต ธนาคารนครหลวงไทย ยอดหนี้ 25000 (ปัจจุบันเป็นธนชาติ) บัตรใบนี้ยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยจ่ายขั้นต่ำ
10 . สินเชื่อบุคคล(บัตรกดเงินสด) ธนาคารนครหลวงไทย ยอดหนี้ 25000 (ปัจจุบันเป็นธนชาติ) บัตรใบนี้ยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน แทบไม่ได้กดมาใช้ด้วยซ้ำ (แต่ถือไว้เนื่องจากงานมีความจำเป็นต้องเดินทางไป ต่างประเทศบ้างค่ะ จึงควรจะมีไว้สักใบ)
และ หนี้ตัวสุดท้าย ไม่เคยเลท ไม่เคยเบี้ยว ไม่เคยโกง เลย คือ
11. หนี้ กยศ (ประมาณ 120000) จ่ายตั้งแต่เค้าให้เริ่มคืนเงิน จนถึงทุกวันนี้เพราะรู้ว่า มันคือเงินแผ่นดิน เงินจากภาษี
(ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงน้องๆ รุ่นหลัง ๆ นะค่ะ แต่คิดว่า เงินนี้สำคัญมากถ้าไม่มีเงินตรงนี้ แม่เราก็คงจะเหนื่อยมากกับการส่งควายตัวนึงเรียนให้จบ ปวส)


โดยขอบอกว่า หนี้สินทั้งหมดที่เกิดขึ้น นั้น เกิดขึ้นในช่วงที่เงินเดือนเพียง 7000 บาท เท่านั้น ขอย้ำว่า 7000 บาท เท่านั้น (สุดยอดไปเลยลูกเพียต)

ซึ่ง ทั้ง 9 ใบนั้น ปัจจุบัน เราเคลียร์ เกือบหมดแล้วค่ะ
โดยที่สาเหตุของการเป็นหนี้เยอะขนาดนั้น ก็เพราะว่า
1. ไม่มีวินัยทางการเงิน เพราะรูดง่าย ใช้คล่อง ตอนนั้นไม่คิดอะไร คิดว่า รูดง่ายและใช้เยอะขนาดนั้น แต่ตอนจ่ายคืนน้อย (หารู้ไม่ว่ากำลังเดินเข้าสู่บ่วงของคำว่า หา - ยะ - นะ)
2. ช่วงนั้น ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย และคุณยายมาเสียในปีนั้นพอดี บ้านเราก็ไม่ค่อยมีตังค์ แล้วต้องมีจัดงานศพ และต้องเข้าเรียนเทอมแรก ของ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ค่าเทอม เทอมแรก (เทอมแรกของการเรียนเสาร์อาทิตย์จะต้องชำระ 30000 บาท) ซึ่งอันนี้ เราไม่ได้กู้ กยศ แล้ว เพราะมีงานทำแล้ว มหาวิทยาลัยแจ้งมาแต่แรกถ้ามีงานทำ ไม่ให้กู้ค่ะ
คิดหาวิธีไหนไม่ได้ จึงทำการกู้เงินในระบบเอา (และทุกที่ก็ให้ผ่านพร้อมกัน)
3. ชอบซื้อของพวกอุปกรณ์ไฮเทค เช่น เมื่อก่อน มือถือเครื่องละ 20000 ก็ซื้อ คอมพิวเตอร์ รุ่นล่าสุดแพงเป็น 4-5 หมื่นก็ซื้อ (แต่เป็นแบบผ่อน) เพราะคิดว่าผ่อนต่อเดือนยอดน้อย
3. เมื่อได้เงินเดือน มาแล้ว ไม่เคยคิดจะเก็บออม ใช้ และ ก็ใช้ แต่ก็ยังโชคดีบ้าง ที่ชอบซื้อทองเก็บไว้บ้าง (คือคิดว่า ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีตังค์ยังมีทองพอจะเอาไปจำนำได้ ประมาณนั้น)
และทองไม่ได้ซื้อไว้เยอะนะค่ะ รวมแล้วน่าจะไม่เกิน 2 บาท (สมัยปี 2006 นะค่ะ)

และ ทั้งหมดทั้งมวล นี้ คือ สาเหตุของการเป็นหนี้ สาเหตุหลัก ๆ คือ ไม่มีวินัย ของตนเอง นั่นแหละ ทำไงได้ตอนนั้น หนูยังเด็ก ยังไร้เดียงสา ยังอ่อนต่อโลกอันโหดร้าย :)
และแล้ว เมื่อหนี้มาพร้อมกันทั้งหมด จึงทำให้เงินเดือน 7000 ไม่สามารถจะจ่ายให้ทุกเจ้าหนี้ โดยที่จะไม่กดจากบัตรไหนมาจ่ายอีกใบได้เลย และกอรปกับขณะนั้น เรียนไปได้ 2 เทอมแล้ว
ต้องซื้อหนังสือ ต้องถ่ายเอกสาร มีแต่ค่าใช้จ่าย (แต่เรื่องเรียนไม่เคยรบกวนที่บ้านเลยค่ะ) จนสุดท้าย ไม่สามารถประคับประคองชีวิตการจ่ายขั้นต่ำได้อีกต่อไป
จึงต้องหยุดจ่ายขั้นต่ำ เพื่อเอาเงินเดือน ทั้งหมดที่มี เก็บไว้กิน และ ใช้จ่ายสำหรับเรื่องเรียน และก่อนจะหยุดจ่ายนั้น เรายังไม่ได้พบเจอ web นี้นะค่ะ แต่คิดเอาเองว่า ขีนจ่ายแบบนี้ สักวัน อาจจะตายเพราะไม่มีกินได้
จึงต้องหยุดจ่าย เพื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ช่วงแรก ๆ ที่หยุดจ่าย ก็เหมือนกับทุกคนโดนเจ้าหนี้โทรทวงทุกวัน วันละหลายรอบ มีทั้งพูดจาดี เสียดสี ด่าพ่อ ด่าแม่ ด่าถึงบรรพบุรุษ แต่ด้วยความที่ไม่ใช่นางเอกแห่งบ้านทรายทอง เมื่อด่ามา ก็ด่ากลับ
ปะ ฉะ ดะ กันไปเลย บอกจะเอาตำรวจไปจับพ่อ จับแม่ บอก เอาไปจับเลยนะ แล้วเอาตำรวจจริงไปด้วย แล้วจะไปจับมีหมายจับไม๊ ถ้าไม่มีเดี่ยวจะให้แม่ไปแจ้งความไว้ที่ สน ก่อน คือสมัยก่อน เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ
(สมัยนี้ไม่รู้ยังมีไม๊ เพราะเราเคลียร์หนี้ไปหมดแล้วเลยไม่ต้องเจอพวกทวงหนี้นรกนั่น) บางทีก็บอกว่า จะมาหาถึงบริษัท จะมาประจานให้อาย ก็บอกว่า อยากมาหาถึงบริษัทก็มา กล้ามาก็กล้าเจอ มาดีไม่เป็นไร มาร้าย ก็ร้ายกลับ ไม่กลัว สู้โว้ย
เพราะตอนนั้นยังไม่มีกฏหมายคุ้มครองเรื่องการทวงหนี้ค่ะ
แต่ถามว่า เป็นหญิงเล็ก แห่งบ้านทรายทอง ในช่วงนั้น เครียดไหม ขอบอกว่า เครียดมาก ถ้าพูดจาพวกทวงหนี้ก็ต้องบอกว่า โครตเครียดเลยว่ะ แอบร้องไห้บ่อย ๆ เพราะความเหนื่อย ความเครียด
เพื่อนที่ทำงานเค้าก็เฉย ๆ แต่เรารู้ว่า ลับหลังเรา เค้าจะพูดถึงเรายังไง แต่พวกที่พูดถึงเราลับหลัง เราไม่ค่อยสนใจเท่่าไหร่ เพราะ เราไม่ได้ยิน คือ ถ้าได้ยิน เราก็ยืนด่าตรงนั้นเลย อยากรู้มาถามเจ้าตัวไม่ใช่ถามคนอื่น ประมาณนั้นนะ นิสัยเรา ขวานผ่าซาก

และ เหมือน สวรรค์ จะยังพอมีทางให้เดินอยู่บ้างวันนั้น นั่งทำงานไปเครียดไป เปิดอากู๋ (google) แล้วก็มาเจอชมรมนี้ เลยเข้าอ่าน ๆๆ และก็อ่าน ๆๆๆๆ และก็สมัครเป็นสมาชิก ได้ความรู้เยอะจากเว็บนี้ แต่อย่างที่บอก เว็บนี้ไม่เคยให้คนหนีหนี้ แต่สอนวิธีให้ใช้
ชีวิตให้ถูกช่วงถูกตอนของการเป็นหนี้ และเมื่อเจอทางเดินแห่งแสงสว่าง พร้อมกับช่วงนั้น ชีวิตเริ่มดีขึ้น เงินเดือนเพิ่มเป็น 8500 จาก 7000 (ขึ้นเยอะมากในตอนนั้น) แต่เราก็ส่งกลับบ้านทุกเดือน เดือนละ 1000 บาท ส่งตั้งแต่แรกทำงาน เราไม่เคยขาดส่งให้
พ่อกับแม่เลย ถึงแม้เงินจะน้อยนิด แต่ก็ทำแบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้(แต่ไมได้ส่ง 1000 นึงแล้วนะค่ะ ส่งเพิ่มขึ้นค่ะ)

กลับมาเข้าเรื่องหนี้กันต่อดีกว่าค่ะ ออกทะเลจนจะถึงอันดามันอยู่แล้ว :)

ช่วงแรก ๆ ที่หยุดจ่าย ขอให้ทุกคนอดทนกับการโทรทวงหนี้ เพราะเค้าจะขยันโทร จะคิดถึงเราตลอด บางทีก็คิดถึงคนที่เราอ้างอิงไว้ คิดถึงบรรดาญาติพี่น้องเรา(ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยให้เบอร์โทร) แต่พอผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ประมาณ 4-5 เดือน บรรดาพวกทวงหนี้
จะคิดถึงเราน้อยลง โทรหาน้อยลง บางทีก็มีจดหมายรักฝากไว้กับบรรดาเพื่อนร่วมงาน เป็นข้อความสั้น ๆ ว่า จ่ายเงินที่เอาไปด้วย(ประจานนั่นเอง) ช่างมันปล่อยมันไป เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรจากเรา ต่อให้มาแบบ 3G ก็เชื่อมต่อเราไม่ได้ แต่การเงียบหาย
ของเราไม่ได้หมายถึงการชักดาบ นะค่ะ ตอนนั้น เราปฏิวัติตัวเองใหม่ กระชับพื้นที่การใช้เงิน เก็บเงินแบบบูรณาการ เพื่อชีวิตจะได้เอาอยู่ ค่ะ โดย เราใช้วิธีการดังนี้

1. ทำสมุดรายรับรายจ่าย ว่า เราจำเป็นต้องใช้เงินเท่าไหร่
2. เริ่มทำการออมเงิน ตั้งแต่เดือน ธค 2006 (เพราะได้โบนัส) และเริ่มเก็บเงินทุกเดือนเดือนละ 1000 โดยเงินออมนี้เราไม่แตะ มันเลย เพราะตั้งใจจะเก็บไว้ใช้หนี้
3. ทำบัญชีหนี้ขึ้นมา ว่า เรามีหนี้ แต่ละที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้รู้ว่าตอนนี้เรามีหนี้เท่าไหร่ และต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อการใช้หนี้
4. หารายได้พิเศษ โดยไปขายของที่ตลาดนัด โดยขายเสื้อผ้ามือสอง (เอาทั้งของตัวเอง ซื้อของเพื่อนที่ออฟฟิศ ไปขาย) ตอนนั้นขายดี เพราะเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าอย่างดี ไปขายช่วงเสาร์อาทิตย์ หลังเลิกเรียน)
5. อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ ไปซื้อของ ก็จดรายการไป ว่าจะซื้ออะไร แล้วตรงไปที่จะซื้อ ไม่ต้องแวะที่ไหน พวกอาหาร อะไรที่ไม่ค่อยกินก็ไม่ต้องซื้อใส่ตู้เย็น เพราะสุดท้ายก็ไม่กิน (เปลี่ยนนิสัยการกินอยู่ไปเลย)
6. เที่ยวกับที่ทำงานน้อยลง ปฏิเสธไปบ้าง เช่น ติดเรียน ไปไม่ได้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จำเป็นต้องไป เช่นเลี้ยงส่ง พี่ ๆ เพื่อน ๆ ลาออก แต่เมื่อออกจากร้านอาหาร เวลาหารเงินจ่ายค่าอาหาร เราจะจ่ายทันที ไม่งั้นเราจะไม่รู้ว่าเราเหลือเงินเท่าไหร่จริง ๆ


ขณะที่ชีวิตกำลัง ดำเนินไปได้ด้วยดี ก็มีพายุโหมมาอีกรอบ นั่นคือ ได้รับหมายศาล จาก city crop เค้าส่งหมายศาลไปที่บ้านที่ต่างจังหวัด แม่โทรมาหา บอกว่าเค้าจะฟ้อง แต่เราโชคดีที่แม่เรา ไม่ใช่คนอ่อนแอ ตีโพยตีพาย แม่บอกว่า จะยังไง จะให้แม่ส่งเอกสารพวกนี้ไปให้ที่ กทม ไหม
ตอนนั้น เป็นตอนที่เรา กำลังจะเรียนจบ เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเรียน ความเครียดก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง ก็เข้าไปอ่านข้อมูลในเว็บแห่งนี้ และมีโทรปรึกษา คนนกกระจอเทศด้วย ตอนนั้น เว็บนี้ยังไม่บูมเท่าไหร่ คุณนกกระจอกเทศให้คำแนะนำดีมากๆ ถ้าใครปฏิบัติตามคำแนะนำ ขอบอกว่า
ไม่มีวันจนหนทางต่อให้หมายศาลมาจ่ออยู่ตรงหน้าคุณก็เถอะ

เมื่อไปขึ้นศาลมาแล้ว ก็ปล่อยหนี้ไว้อยู่นะค่ะ ยังไม่ได้ชำระเข้าไป จนกระทั่งมีเลขคดีแดง หรือ คดีดำ หว่า จำไมได้จริงๆ ขอโทษนะค่ะ เราก็เริ่มเจรจากับเจ้าหนี้ขอผ่อนเป็นรายเดือนผ่อนไปสักพักนึง ตอนนั้น เรียนจบแล้ว
และได้งานใหม่ เงินเดือนเยอะขึ้น แตะระดับหลัก 15xxxx ทำให้เรารู้ว่า ปริญญา ใครว่าไม่สำคัญ เพราะมันคือใบเบิกทางใบแรกของการทำงานอันดับหนึ่ง ที่จะทำให้คุณก้าวสู่การมีประสบการณ์ในการทำงาน
เมื่อได้เงินเดือนที่ใหม่ เดือนแรก บวกกับเงินที่เก็บสะสมเพื่อชำระหนี้ ทำให้เรา พอมีเงินที่จะชำระหนี้ จึงได้โทรติดต่อเจ้าหนี้ โดยเราเริ่ม ชำระเงินแบบ H/C ดังนี้

ปี 2008
กพ 2008
1. สินเชื่อบุคคล city corp วงเงิน 4000 (ตัวนี้โดนฟ้องศาล และชำระเป็นรายเดือนประมาณ 6 เดือน) เราโทรไปคุยกับเจ้าหนี้ ขอส่วนลด นั่นนี่โน่น สุดท้ายจ่ายที่ 20000 (ตอนที่ศาลท่านตัดสินมันมีดอกเบี้ย 15% ต่อปีด้วยนะค่ะ)
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เอกสารการปิดหนี้และเอกสารจากทาง city ที่แจ้งต่อศาลว่า เรากะ city ไม่มีหนี้ต่อกันแล้ว
จบไป 1 บัตร

พค 2008
2. สินเชื่อผ่อนสินค้า Easy By วงเงิน 20000 ตัว H/C ได้ 14500 หลังจากได้เอกสารยืนยันการปิดยอด และโทรติดต่อ Easy Buy ว่าเป็นยอดหนี้จริงหรือไม่ก็ชำระทั้งหมดเลย

จบไปอีก 1 บัตร

3. สินเชื่อ แซทเทเลม ยอดเงิน 12000 อันนี้ บริษัทน่าจะขายหนี้ไปให้ที่ไหนสักแห่ง ติดต่อไม่ได้ ในบูโร คือ อยุธยาแคปปิตอล หนี้ =0 สถานบัญชี X11= ปิดบัญชี ตั้งแต่ปี 2008
ยกผลประโยชน์ให้ลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ติดตามแล้ว แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมบอกว่าขายหนี้ให้ที่ไหน ลูกหนี้ติดตามไม่ได้เป็นเวลานาน ศาล(เตี้ย) จึงยกผลประโยชน์ให้ลูกหนี้อย่างเราไป

ธค 2008

4. สินเชื่อบัตรกดเงินสด city bank วงเงิน 20000 H/C ได้ 8900 บาท ได้เอกสารยืนยันปิดยอด ก็ชำระเลยทันที

5. บัตรเครดิต UOB ยอดเงิน 30000 H/C ได้ 8000 บาท อันนี้ เค้าให้ชำระเข้าธนาคารก่อน แล้วใบปิดมาตามหลัง (แต่เราก็ได้ใบปิดจากธนาคารค่ะ) ถือว่าโชคดีมาก ๆ

2009

1. สินเชื่อบุคคล KTC ยอดเงิน 30000 H/C 20000


และเหลือ 2 ตัวสุดท้าย เพราะคุยไม่ลงตัว แล้วทางเจ้าหนี้ก็ไม่ค่อยโทรหาเรา โทรไปก็ติดยาก บอกอยู่กับสำนักงานที่นั่น ที่นี่ ทำให้เรา ไม่ค่อยได้ติดตามตัวนี้เท่าไหร่ ก็คือ
AEON นั่นเอง


1. สินเชื่อบัตรเครดิต AEON ยอดเงิน 15000 เราเพิ่งปิดไปเมื่อสองวันที่ผ่านมา H/C ได้ 10000 ถือว่า รับได้ เลยปิดไป

2. สินเชื่อบุคคล AEON ยอดเงิน 20000 อันนี้ AEON ขายหนี้ไปแล้ว (รู้ได้ยังไง)

เพราะเราไปเช็ค เครดิตบูโรมา ทำให้รู้ว่า ตอนนี้ สถานภาพทางบูโรของเราเป็นยังไง

ตัวอื่นๆ ที่เราปิดไป สถานะ คือ X11= ปิดบัญชี ไปหมดแล้ว ยกเว้นตัว AEON No.2 ที่ขึ้นสถานะว่า 42 = โอนหรือขายหนี้ไปแล้ว และ AEON No.1 ขึ้นว่า 40= อยู่ระหว่างชำระสินเชื่อปิดบัญชี

และเพราะเราจะกู้ซื้อบ้าน จึงต้องเอารายละเอียดของเครดิตบูโร ไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่แนะนำให้ปิดตัวของ AEON แล้วเอาเอกสารใบปิดแนบไปด้วย
ส่วนอีกตัว เดี่ยวเราคงตามแหละว่าจะให้จ่ายเท่าไหร่ เพราะทาง AEON ก็บอกว่า ให้ติดต่อสำนักงานอะไร ให้เบอร์โทรมาเรียบร้อย ถึงแม้จะขายหนี้ไปแล้วแต่เราก็ไม่เคยเบี้ยวนะค่ะ ถ้าตกลงกันได้ ในราคาที่พอใจ (เพราะเมื่อเรา
มีประสบการณ์มากขึ้น อย่างน้อยเราก็รู้ว่า หนี้เน่าที่มันขายไปถูก ๆ นั้น เราควรจะต่อรองยังไง)

เราก็เลยอยากเป็นกำลังใจให้กับคนที่เป็นหนี้อยู่ตอนนี้ แล้วยังปลดหนี้ไม่หมด ไม่ต้องกังวลนะค่ะ ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเครียดกับหนี้ มันมาได้ มันก็จากเราไปได้ ไม่ต้องไปเสียดายถ้าเราจะต้องจ่ายเงินเพื่อให้มันหนีจากเราไป
เพราะหนี้ ไม่ใช่คนรัก ถึงมันจะอยู่กับเรา แล้วจากลา ก็ปล่อยหนี้มันไปตามทางของมันค่ะ

และอยากบอกทุกคนที่ยังไม่หมดหนี้ว่าขอให้สู้ ๆ นะค่ะ คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อให้ปลดหนี้ได้กันทุกคน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ

เมื่อคุณได้รับคำแนะนำจากที่นี่ในวิธีการปลดหนี้แล้ว สิ่งสำคัญคือ ตัวคุณต้องปฏิบัติให้ได้ อย่าสักแต่ฟังแล้วไม่ปฏิบัติตาม มิเช่นนั้น คุณก็จะวนอยู่แต่ว่า ฉันเป็นหนี้ เครียด และอีกหลาย ๆ อย่าง จงปฏิบัติเพื่อให้ได้เกิดผลกับตัวเองค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24068 โดย ntps


ขอขอบคุณที่เข้ามาเป็นสมาชิกจนได้ และขอขอบคุณที่มาแชร์ความสำเร็จค่ะ



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24072 โดย Ploylyly
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24073 โดย น้ำมนต์



ดีใจด้วยนะคะ ....... ขอบคุณทีมาแชร์ประสพการณ์ค่ะ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24090 โดย Ruthai_Ning
ขอบคุณทุกคนค่ะ ช่วงที่ไม่ได้เข้ามาเพราะงานยุ่งย้ายงานมาที่ใไม่ได้3ปี และงานค่อนข้างเยอะ เราก็เลยทำot บ่อยๆ จริงๆก็อยากไปช่วยงานที่สวนลุมนะค่ะเพราะออฟฟิศอยู่ใกล้แถวนั้น เผื่อจะได้ช่วยคนอื่นบ้างนะค่ะ เพราะเราผ่านอะไรที่มันเลวร้ายม่ได้ก็เพราะคนในนี้คอยให้คำชี้แนะค่ะ เลยิยากกลับไปช่วยบ้างนะค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24091 โดย Ruthai_Ning
จากที่ตั้งกระทู้ ลำนำแห่งหนี้ไว้ที่ห้องเรื่องเล่าชาวหนี้ วันนี้ได้ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่เครดิตบูโร ที่ศาลาแดงมาแล้วค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติมมาคือ 1.บัตรเครดิตAeon ที่เพิ่งปิดไปเมื่อวันที่10 ที่ผ่านมา และ 2. สินเชื่อบุุคลAeon ที่ทางAeon ได้ขายหนี้ไปแล้วนั้น. สามารถดำเนินการในส่วนของเครดิตบูโร ดังนี้ค่ะ.
1.บัตรที่ปิดไปให้ทำการกีอกเอกสารขอโต้แย้งจากเครดิตบูโร พร้อมทั้งแฟกซ์เอกสารคือสำเนาบัตรปชช หนังสือปลดภาระหนี้หรือหนังสือยืนยันการปิดหนี้ ใบเสร็จที่จ่ายเงิน แฟกซ์เข้าที่สำนักงานขิงเครดิตบูโร เพื่อเค้าจะได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่าเราหมดหนี้กะเจ้านันจริงๆ(แต่ถ้าใครรอไหวก็ไม่ต้องทำข้อนี้ก็ได้นะค่ะเพราะ Aeon. บอกว่าจะต้องใช้เวลานานถึง60วันจึงจะแจ้งเป็นปิดบัญชีต่อเครดิตบูโรได้ เรารอไม่ไหวอะค่ะ เลยต้องขอโต้แย้งไป 555)
2.หนี้เงินกู้ที่ขายให้กับบริษัทอื่นไปแล้วนัั้น สถานะ=42 คือขายหรือโอนนี้ไปแล้วนั้น เราสามารถใช้เอกสารเหมือนข้อที่1 ค่ะ โดยเราจะต้องมีเอกสารปิดจากเจ้าที่รับซื้อหนี้ไปแล้วส่งให้บูโรเหมือนกันค่ะ แต่สถานะ42 ไม่หายไปนะค่ะ แต่เมื่อเค้าตรวจสอบแล้วพบว่าเราเคลียร์หนี้ไปจริง เค้าจะmemoเพิ่มต่อท้ายว่า ได้ชำระหนี้แล้ว เท่านั้นค่ะสถานะนี้จะอยู่กับเราจนครบ3ปีค่ะ
3.เวลาที่เราดูเอกสารในเครดิตบูโรที่เราเห็นว่า ย้อนหลัง8เดือน ย้อนหลัง20เดือนหมายถึง นับย้อนหลังจากวันที่เจ้าหนี้ส่งบัญชีล่าสุดนะค่ะ ไม่ใช่นับจากเดือนปัจจุบันนะค่ะ (ข้อนี้อาจจะมีคนรู้แล้ว แต่เราเพิ่งรู้นะค่ะเลยนำมาบอกกัน)เผื่อบางคนอาจจะยังไม่รู่้
และเผื่อบางคนคิดว่าเจ้าหนี้ขายหนี้ไปแล้วเราจะสบายไม่ใช่นะค่ะ ถึงแม้จะขายหนี้ไปแล้วเวลาเราทำธุรกรรมอะไรพวกธนาคารยังขอเอกสารปิดจากเจ้าหนี้ที่รับซื้อหนี้นะค่ะ เพราะมันหลักฐานที่ทำให้เราทำธุรกรรมได้มากขึ้นค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24121 โดย Ruthai_Ning
วันนี้ หนี้กับอิออน จบหมดทุกใบแล้วค่ะ รวมทั้งหนี้ที่ถูกขายต่อด้วยค่ะ สิ้นสุดกันสักที กับพวกเจ้าหนี้เหล่านี้ ใครที่ยังไม่หมดหนี้ขิให้สู้ๆๆๆกันต่อไปนะค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #24835 โดย Ruthai_Ning
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชมรมทุกคนที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ ร่วมให้คำแนะนำ รวมทั้งกรรมการทุกท่านที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องหนี้กับพวกเราทุกคน วันนี้ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาก็เพราะอยากให้กำลังใจกับทุกคนที่หนี้สินยังไม่หมดและยังต่อสู้กันต่อไป สำหรับ Ning วันนี้หนี้หมดแล้วค่ะ หมดแบบสดๆซิงๆ ในวันที่13ตค ที่ผ่านมา โดยหนี้ตัวสุดท้ายคือ. Aeon เราได้ชำระครบหมดแล้วและก่อนชำรพก็ได้ใบเงื่อนไขมาก่อนจ่าย และเมื่ิอวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปเครดิตบูโร เพื่อขอแก้ไขเครดิตของเราค่ะ โดยใช้เอกสารหลักฐานที่ได้แนบไปด้วย ณ วันนี้มีความสบายใจมาก อย่างน้อยเราก็ปลดพันธนาการได้สักที และ อาจจะเป็นความบังเอิญ หรืออะไรก็ไม่ทราบ :P วันนั้นเปิดดูYouTube แล้วเราเจอเรื่องการเอาชนะหนี้ การดำรงชีวิตในช่วงที่ยังเป็นหนี้ เลยอยากแนะนำให้เพื่อนๆทุกคนได้ดู. แต่เราจำ link ไม่ได้ ^^ แต่ให้เพื่อนๆที่ยังเครียดยังกังวลยังคิดไม่ตก ก็อยากใด้ลองได้ฟังได้ดูนะค่ะ. โดยเข้าwebsite แล้วพิมพ์คำว่า เข็มทิศชีวิต ตอนหนี้. และ อีกอัน คือแก้ปัญหาหนี้ด้วยสติ ลองsearchจากอากู๋ (google) ดูนะค่ะอยากให้หลายๆคนได้ลองฟัง เพราะหลังจากที่หนิงลองฟังแล้วมันมีประโยชน์และทำให้เรามีสติมากขึ้น ลองหาดูนะค่ะทุกคน :bye:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #24875 โดย meawpung
เพื่อเปนประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ คุณเล่าประสบการณ์ปิดหนี้แต่ละตัวเลยครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.289 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena