ลูกหนี้บัตรต้อง ปฏิบัติตามเจ้าหนี้ทุกอย่างจริง หรือ

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #5082 โดย bestbam
เรียนถามท่านผู้รู้ช่วยแนะนำทางสว่างให้ที คือผมมีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตนะครับ ผมทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งประมาณปี พ.ศ. 2543 ได้มีโอกาสได้ใช้บัตรเครดิตแบงค์ต่างชาติแบงค์หนึ่งโดยผมได้วงเงิน 100000 บาท (ผมใช้วงเงินของเขา ไป จำนวน 80000 บาท) แรกก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขของแบงค์ได้ดีแต่สักระยะหนึ่งผมเริ่มมีปัญหาด้านการเงินประมาณปี พ.ศ. 2545 ก็มาโดนแบงค์ฟ้อง ในตอนที่แบงค์ฟ้องผมไม่ได้พักอยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้านก็เลยไม่ได้รับหมายศาลและก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ฟ้องมารู้อีกทีหนึ่งก็ก็ฟ้องเรียบร้อยไปแล้วศาลก็เลยตัดสินตามที่โจทย์เสนอไปทุกอย่างโดยตัดสินว่า ผมเป็นหนี้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 135000 บาทให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี นับจากวันตัดสินจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ตัดสินปี 46 ปัจจุบันนี้ทางแบงค์ และสำนักงานบังคับคดีผู้ผดุงคุณธรรมก็เลยส่งหนังสือมาขออายัติเงินเดือน ผมเหนื่อยใจเป็นอย่างมากพยายามขอติดต่อกับทางแบงค์เพื่อขอลดหย่อนเรื่องดอกเบี้ยบ้างและจะขอชำระเป็นเงินก้อนก็ไม่คุยกับทางแบงค์ต้องผ่านสำนักกฏหมายผู้รับผิดชอบ ผมขอเรียนถามท่านผู้รู้เป็นข้อ ๆ นะครับ
1.การส่งหมายของประเทศบ้านเราเนี่ยไม่จำเป็นต้องจำเลยรู้เรื่องก็ฟ้องร้องตัดสินกันได้เลยและศาลก็ตัดสินตามที่โจทย์เป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นมาผมไม่อยากคิดเลยว่าผู้บริสุทธิ์บ้านประเทศไทยจะโดน.....เล่นงานไปเท่าไรแล้ว
2.ด้วยเรื่องของผมทั้งหมดนี้มีทางออกให้ผมได้บ้างไหมผมเป็นหนี้ไม่เคยคิดหนี้ปัจจุยันก็เหลือที่ต้องชำระก็คือบัตรเครดิตบัตรนี้บัตรเดียวเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามเหตุผลก็ดีใจแล้วลำพังแค่ต้นอย่างเดียวผมยังมีปัญหาในการชำระแล้วจะมาคิดดอกเบี้ยกันโหดอีกหรือ
3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ บันทึกการเข้า

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #5083 โดย Nok2865
อ้างอิงคำถามจาก bestbam
1.การส่งหมายของประเทศบ้านเราเนี่ยไม่จำเป็นต้องจำเลยรู้เรื่องก็ฟ้องร้องตัดสินกันได้เลยและศาลก็ตัดสินตามที่โจทย์เป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นมาผมไม่อยากคิดเลยว่าผู้บริสุทธิ์บ้านประเทศไทยจะโดน.....เล่นงานไปเท่าไรแล้ว
ตอบ ศาลและเจ้าหนี้ให้โอกาสจำเลยรู้เรื่องที่จะฟ้องแล้ว ตามนี้ไงคะ
อ่านที่พี่นกกระจอกเทศอธิบายไว้นะคะ


การจะพิจารณาว่าตนเอง ถูกฟ้องที่ศาลใด ให้พิจารณาจากทะเบียนบ้านที่เราอาศัยอยู่
คุณนกกระจอกเทศ ได้กรุณาอธิบายขยายความในเรื่องนี้ ไว้อย่างชัดเจนว่า
เมื่อจำเลยถูกทางฝ่ายเจ้าหนี้ฟ้องด้วยคดีผู้บริโภคแล้ว...และเมื่อจะขึ้นศาล ต้องขึ้นศาลที่ไหนล่ะ?
ผมขออนุญาตหยิบยกเอาข้อกฏหมาย มาว่าให้ชัดเจนกันไปเลยนะครับ

อ้างโดย ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๓๘ ก
พระราชบัญญัติ วิธีพิจาณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑
หมวด ๒ "วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคในศาลชั้นต้น" ส่วนที่ ๑ ว่าด้วยเรื่อง "การฟ้องคดี"
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจะฟ้องผู้บริโภคเป็นคดีผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจ
มีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลอื่นได้ด้วย ให้ผู้ประกอบธุรกิจ
เสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลได้เพียงแห่งเดียว

อ่านแล้ว"งง"ไหมครับ?...มันเป็นภาษากฏหมายน่ะครับ
งั้นผมขอแปลความ จากภาษากฏหมาย ให้เป็น ภาษชาวบ้านในมุมของ "ชาวชมรม คนยิ้มสู้หนี้" ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ

มาตรา 17 ถึงแม้เจ้าหนี้จะมีสิทธิฟ้องลูกหนี้ให้ขึ้นศาลอื่นๆได้ก็ตาม แต่ถ้าหากเจ้าหนี้ต้องการจะฟ้องลูกหนี้ให้ขึ้นศาลผู้บริโภค...ฝ่ายเจ้าหนี้จะต้องฟ้องลูกหนี้ ให้ขึ้นได้เฉพาะศาลที่อยู่ในเขตทะเบียนบ้านของลูกหนี้...ได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
เข้าใจง่ายดีไหมครับ?
อาจมีบางคนถามต่ออีกว่า...แล้วถ้าฝ่ายเจ้าหนี้มันดัน(กวนTeen)ฟ้องลูกหนี้ ให้ไปขึ้นศาลที่อื่นล่ะ...เราจะแก้ไขได้ยังไงบ้าง
ตามปกติแล้ว "หมายศาล" จะต้องถูกส่งไปยังที่อยู่ของผู้ที่ถูกฟ้อง(บ้าน/ภูมิลำเนา ของจำเลย)เท่านั้น...จึงจะถูกต้องตามขั้นตอนของกฏหมาย
แต่ในบางครั้ง หากบ้าน/ภูมิลำเนาของจำเลยนั้น ไม่ปรากฏโดยชัดเจน(เช่นปรากฏว่าจำเลยมีที่อยู่ใน"ทะเบียนบ้านกลาง" ) ทางโจทก์ก็สามารถร้องต่อศาลให้จัดส่งหมายศาล ไปยังที่ทำงานของจำเลย หรือจัดส่งหมายศาลไปยังที่อยู่ของจำเลย ตามที่จำเลยได้เคยให้ข้อมูลไว้ในใบสมัคร ก็ได้
ถ้าโจทก์ส่งหมายศาลไปสถานที่ไหน จำเลยก็ต้องไปขึ้นศาล ณ.ศาลที่อยู่ในเขตพื้นที่นั้นๆรับผิดชอบอยู่
By: นกกระจอกเทศ
จากกระทู้นี้ www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=1642&Itemid=29

แต่คุณเองไม่ได้ใส่ใจ...หยุดจ่ายหนี้เขา ก็ไม่ได้สนใจติดตามข่าวคราว แม้แต่รับสายทวงหนี้ก็คงจะไม่รับ
เพราะปกติแล้ว เจ้าหนี้จะทวงถามตลอด และยื่นข้อเสนอในการชำระหนี้ต่างๆนาๆ จนกระทั่งเขาอาจจะข่มขู่โดยแอบอ้างหมายศาล ตลอดระยะเวลาตั้งแต่หยุดจ่าย จนปี 2545 คุณไม่ได้รับข้อเสนอใดๆจากเจ้าหนี้หรือคะ?


2.ด้วยเรื่องของผมทั้งหมดนี้มีทางออกให้ผมได้บ้างไหมผมเป็นหนี้ไม่เคยคิดหนี้ปัจจุยันก็เหลือที่ต้องชำระก็คือบัตรเครดิตบัตรนี้บัตรเดียวเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามเหตุผลก็ดีใจแล้วลำพังแค่ต้นอย่างเดียวผมยังมีปัญหาในการชำระแล้วจะมาคิดดอกเบี้ยกันโหดอีกหรือ
ตอบ หากคุณไปศาล ตามวันเวลาที่ได้นัด คุณจะได้รับความเมตตาต่อศาลเรื่องดอกเบี้ย อาจจะขอลดหย่อนค่าทนายได้อีก แต่ในเมื่อคุณ “หนีศาล” ศาลต้องพิพากษาลับหลัง ตามโจกท์ฟ้องทุกประการ
เพราะศาลถือว่า ผลประโยชน์ของคุณเอง คุณยังไม่ใส่ใจ ไม่มาแก้ต่าง ไม่มาขอความเมตตาต่อศาล แล้วจะให้ศาลฟังใครหล่ะ? ถ้าไม่ใช่เจ้าหนี้
คดีแพ่งไม่เหมือนคดีอาญาค่ะ มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของคุณเอง คุณไม่ใส่ใจแล้วใครจะใส่ใจ
คนที่ไปศาลตามนัด มักจะได้รับการลดหย่อนดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนดเสมอคือ ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ไม่เชื่อคุณลองหาอ่านสมาชิกที่ไปศาล ในเว็บบอร์ดเราได้


3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ
ตอบ คุณหมายถึงอายุความในการฟ้องร้องคดีแพ่งใช่ไหมค่ะ คุณไปอ่านในนี้
เคสของคุณเขาฟ้องในอายุความแน่นอนค่ะ บัตรเครดิตอายุความไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย จนถึงวันที่ฟ้อง
คุณไปศึกษาได้จากกระทู้นี้

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29 อายุความในการฟ้องร้อง คดีแพ่ง (หนี้เงิน)
และถ้ามีเวลาลองเข้าไปในห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมนะคะ
เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ ลองติดต่อไปทางเจ้าหนี้ และขอผ่อนเป็นงวดๆ ในราคาที่เหมาะสม และคุณไหว เป็นกำลังใจให้ค่ะ

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #5131 โดย Ketsara9652

กอบัว เขียน: อ้างอิงคำถามจาก bestbam
3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ
ตอบ คุณหมายถึงอายุความในการฟ้องร้องคดีแพ่งใช่ไหมค่ะ คุณไปอ่านในนี้
เคสของคุณเขาฟ้องในอายุความแน่นอนค่ะ บัตรเครดิตอายุความไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย จนถึงวันที่ฟ้อง
คุณไปศึกษาได้จากกระทู้นี้

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29 อายุความในการฟ้องร้อง คดีแพ่ง (หนี้เงิน)
และถ้ามีเวลาลองเข้าไปในห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมนะคะ
เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ ลองติดต่อไปทางเจ้าหนี้ และขอผ่อนเป็นงวดๆ ในราคาที่เหมาะสม และคุณไหว เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ช่วยเสริมอีกนิดนะครับ
ถึงแม้โจทก์จะยื่นฟ้องหลังจากดคีหมดอายุความไปแล้ว
แต่ถ้าจำเลย ไม่ยื่นคำให้การต่อศาลว่า คดีนี้ขาดอายุความไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิยื่นฟ้อง
ศาลท่านก็ไม่พิจารณาเรื่องอายุความให้นะครับ ถือว่าจำเลยไม่ใช่สิทธิโต้แย้ง

ดังนั้นถ้าศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว คุณก็ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #5324 โดย bestbam
จากคำถามข้างต้นถ้าผมเองไม่รู้เรื่องหมายศาลหรือไม่ได้รับหมายศาลจะทำอย่างไรได้บ้างเพราะแม้แต่หมายบังคับคดีที่ว่าจะอายัติเงินเดือนผมก็ยังไม่ได้รับทางฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งต่างหากไปที่สำนักงานบังคับคดีเขาบอกว่าส่งจดหมายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 55 วันนี้วันที่20 ก.พ. 55 ยังไม่ถึงผมเลยตอนนี้ผมอยู่ ด้วยครับเป็นไปไม่ได้ที่ส่งมาที่บ้าน
เคสของผม จริง ๆวันนี้ผมไม่มีทางแก้ไขแล้วพยายามขอปิดบัญชีก้ลดดอกเบี้ยให้นิดหน่อยผ่อนชำระก็ไม่ได้จะอายัติอย่างเดียว
ทำไมทางเจ้าหนี้หรือสำนักงานบังคับคดี ถึงไม่ปฏิบัติตามที่ศาลสั่งทันที กลับปล่อยทิ้งระยะเวลามายาวนาน มากกว่า 5 ปี และก็คิดดอกเบี้ยผม ตอนนี้ ที่ผมติดใจก็คือดอกเบี้ยนับจากที่ศาลตัดสิน ผมไม่เคยหนี้ทำงานอยู่ที่เดิม โทรมาก็คุยขอชำระ ขอผ่อน แต่ทางสำนักงานกฏหมายที่ติดตามพยายามไม่ไห้ผ่อนตัดปิดบัญชีก็ไม่ลด คุณคิดดูว่าศาลตัดสินให้ผมชำระ 135000 บาท ตอนนี้ 250000 บาทแล้ว จากผมใช้วงเงินเขา ประมาณ 8 หมื่น บาท เซ้งที่สุดตอนนี้ รู้อย่างนี้น่าจะเรียนกฏหมาย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #5331 โดย Pych
ปล. ผมรวมกระทู้ให้นะครับ ไม่ต้องตั้งกระทู้ใหม่ทุกครั้งที่จะมาถามนะครับ ถึงจะเป็นเรื่องใหม่ก็ตาม เรื่องราวจะได้ต่อเนื่องและไม่ทำให้เว็บบอร์ดรก อีกทั้งดันกระทู้อื่นตกไปอยู่ด้านล่างด้วยครับ

ไว้ตอนสายๆ ถ้ายังไม่มีใครมาตอบ จะมาตอบให้นะครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #5344 โดย ntps
แบงค์ไหนละค่ะพ่อคุณ ในประเทศไทย แบงค์ไทยก็กลายเป็นต่างชาติทั้งนั้น
ข้อมูลให้มาเถอะค่ะ ไม่เอาไปทำอะไรมิดีมิร้ายคุณหรอกนะค่ะ

ถามว่า ที่ผ่านมานะ ตามทะเบียนบ้านคุณอยู่ที่ไหน แล้วตัวคุณอยู่ตาม
ทะเบียนบ้านไหมค่ะ ถ้าไม่ ก็ไม่ต้องสงสัย ทำไมไม่ได้ค่ะ คุณเองควร
รู้อยู่แก่ใจว่า คุณยังติดหนี้เขาอยู่ น่าจะสนใจถามไถ่บ้านเดิมว่า มีเอกสาร
ถึงคุณมาไหม หรือสอบถามศาลในเขตบ้านคุณว่า มีใครฟ้องคุณไหมค่ะ
ส่วนที่ว่า ทำไมเขาเพิ่งอายัดคุณ อาจเพราะว่า คุณเปลี่ยนเบอร์โทร
หรือเปล่า คุณเคยให้ข้อมูลที่ทำงานนี้ไหม แต่บางเจ้าหนี้ ก็เห็นยอด
หนี้สูงก็จะคาไว้ให้ดอกเบี้ยเดินจนถึงขั้นล้มละลายได้ ค่อยอายัดค่ะ
แต่ของคุณไม่น่าใช่ค่ะ เพราะยอดยังไกลหลักแสนค่ะ
ธุรกิจเอกชนที่ว่า จ่ายเงินเดือนผ่านระบบแบงค์หรือเปล่าค่ะ
ถ้าเขาตามอายัดไม่ได้ ก็ต้องค้างอยู่บนกรมบังคับคดีจนกว่าจะพบว่า
ลูกหนี้ได้ที่ทำงานที่จ่ายเงินเดือนผ่านระบบ หรือมีทรัพย์สินใหม่เป็นของ
ลูกหนี้เกิดขึ้น จากข้อมูลบัตรประชาชน หรือประกันสังคมคุณค่ะ

หงุดหงิดไปก็ไม่ดีกับเราเองค่ะ เราเป็นหนี้เพราะเราสร้าง ฉะนั้น
หนี้เราจะหมดไปก็เพราะเราจ่ายคืน หนี้ไม่สูญหายค่ะ

การอายัดที่ค้างบนกรมฯ ไม่มีวันหมดอายุความ และดอกเบี้ยก็เดิน
ไปตั้งแต่วันที่คำพิพากษามีผลออกมาค่ะ ถ้ามีเงินพอสมควร เช่น
ครึ่งหนึ่งของมูลหนี้ ก็ลองโทรเจรจาต่อรองปิดจบ ถ้าไม่มีก็ขอผ่อน
ตามกำลังตัวเองถ้าไม่อยากให้อายัดเงินเดือน แต่ควรคำนวณว่า
สิ่งไหนคุ้มกว่าค่ะ ส่วนที่ว่า ทำไมไม่ได้หนังสือสำเนาการอายัด
อาจเป็นปัญหาที่อยู่ของคุณค่ะ คุณสามารถขอสำเนาที่กรมได้ค่ะ
หรือที่ทำงานค่ะ เพราะกรม เขาจะส่งไปที่ทำงานเราแห่งแรกค่ะ

ถ้าเป็นซิตี้ ขอแนะว่า เดินไปคุยกับคนที่ดูแลบัญชีคุณในแบงค์
โดยตรงค่ะ หรือคนที่เป็นหัวหน้าคนดูแลค่ะ เขายินดีรับฟังข้อ
เสนอของคุณว่า จะจบหนี้กันยังไง ไม่มีเจ้าหนี้ไหน ไม่อยาก
ได้เงินก้อน ดีกว่ามานั่งรออีก 5ปี กว่าจะหมดหนี้ค่ะ หาให้ถูกคน
ที่จะช่วยคุณได้ค่ะ

อ้อ ไปตรวจข้อมูลเครดิตบูโรของคุณหรือยังว่า เจ้าหนี้ขายหนี้
ไปหรือเปล่าก่อนฟ้องคุณ เขาถึงไม่ยอมเจรจาง่ายๆๆ



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #5382 โดย bestbam
คุณครับ ผมไม่เคยเปลี่ยน ที่ อยู่นะครับ เบอร์โทรศัพท์ไม่เคยเปลี่ยน ทำงานทีเดิมตลอด ครับ เงินเดือนผ่านธนาคารตลอดครับดูแล้วทางฝ่ายโจทย์ไม่มีทำอะไรผิดพลาด ผมเป็นหนี้ต้องมใข้อยู่แล้วครับเพราะคิดจะใข้นี้แหละที่โทรติตต่อขอลด ขอปิดแม้จะกู้สวัสดิการปิดคือผมไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะครับ
กรูณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ศาลตัดสินจนถึงวันนี้ต่างหากครับ และที่ว่าสำนักงานบังคับคดีส่งสำนาหนังสือไม่ถึงผมเพราะผมเปลี่ยนที่อยู่เลิกคิดได้เลยครับ ผมอยู่บ้านตามทะเบียนบ้านมา 40 ปี แล้วครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #5388 โดย Napassawan
เคสคุณเนี่ย เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมองว่าตัวเองถูกต้องหมดทุกอย่างซะที

ยอมรับความจริงซะ (เถียงกับคนในบอร์ดไม่ได้ประโยชน์อะไรกับคุณหรอก)

มองความเป็นจริงตอนนี้ก่อนดีกว่า (เรื่องในอดีตมันผ่านมานานจนถึงขนาดนี้แล้ว)




ว่าศาลตัดสินเป็น เกือบ 10 ปี

เขาโทรมาคุณก็ขอลด ขอผ่อน ขอลดดอกเบี้ยเขา อยู่เกือบ 10 ปี

แต่ไม่เคยผ่อนจริงๆ ซะที (แค่เอาใบแจ้งหนี้ไปจ่ายทุกเดือน ด้วยยอดที่เท่ากัน เรียกว่าผ่อน)

ซึ่งถือว่าคุณทำตามศาลตัดสินแล้ว หนี้ของคุณจะลดลงเรื่อยๆ ดอกเบี้ยจะไม่เดิน

แต่คุณยื้อกับเขามาจนเกือบหมดอายุบังคับคดี เขาก็ต้องบังคับคดีแล้ว

แล้วเขาเห็นแล้วว่าทางเดียวที่เขาจะได้เงินจากคุณได้ก็คือ บังคับคดี

ตอนนี้ เขามองว่าเขาหักเงินเดือนคุณเอาเขาก็ได้เงินคืน เขาคงไม่ต่อรองลดให้ง่ายๆหรอก

อยากปิดก็ต้องปิดในยอดที่สูงหน่อยเขาอาจยอมแต่ให้ลดให้มากๆคงยาก

ให้อายัดเงินเดือนไปสักพักแล้วค่อยไปขอปิดส่วนลดก็ยังได้

bestbam เขียน: เรียนถามท่านผู้รู้ช่วยแนะนำทางสว่างให้ที คือผมมีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตนะครับ ผมทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งประมาณปี พ.ศ. 2543 ได้มีโอกาสได้ใช้บัตรเครดิตแบงค์ต่างชาติแบงค์หนึ่งโดยผมได้วงเงิน 100000 บาท (ผมใช้วงเงินของเขา ไป จำนวน 80000 บาท) แรกก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขของแบงค์ได้ดีแต่สักระยะหนึ่งผมเริ่มมีปัญหาด้านการเงินประมาณปี พ.ศ. 2545 ก็มาโดนแบงค์ฟ้อง ในตอนที่แบงค์ฟ้องผมไม่ได้พักอยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้านก็เลยไม่ได้รับหมายศาลและก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ฟ้องมารู้อีกทีหนึ่งก็ก็ฟ้องเรียบร้อยไปแล้วศาลก็เลยตัดสินตามที่โจทย์เสนอไปทุกอย่างโดยตัดสินว่า ผมเป็นหนี้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 135000 บาทให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี นับจากวันตัดสินจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ตัดสินปี 46 ปัจจุบันนี้ทางแบงค์ และสำนักงานบังคับคดีผู้ผดุงคุณธรรมก็เลยส่งหนังสือมาขออายัติเงินเดือน ผมเหนื่อยใจเป็นอย่างมากพยายามขอติดต่อกับทางแบงค์เพื่อขอลดหย่อนเรื่องดอกเบี้ยบ้างและจะขอชำระเป็นเงินก้อนก็ไม่คุยกับทางแบงค์ต้องผ่านสำนักกฏหมายผู้รับผิดชอบ ผมขอเรียนถามท่านผู้รู้เป็นข้อ ๆ นะครับ
1.การส่งหมายของประเทศบ้านเราเนี่ยไม่จำเป็นต้องจำเลยรู้เรื่องก็ฟ้องร้องตัดสินกันได้เลยและศาลก็ตัดสินตามที่โจทย์เป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นมาผมไม่อยากคิดเลยว่าผู้บริสุทธิ์บ้านประเทศไทยจะโดน.....เล่นงานไปเท่าไรแล้ว
2.ด้วยเรื่องของผมทั้งหมดนี้มีทางออกให้ผมได้บ้างไหมผมเป็นหนี้ไม่เคยคิดหนี้ปัจจุยันก็เหลือที่ต้องชำระก็คือบัตรเครดิตบัตรนี้บัตรเดียวเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามเหตุผลก็ดีใจแล้วลำพังแค่ต้นอย่างเดียวผมยังมีปัญหาในการชำระแล้วจะมาคิดดอกเบี้ยกันโหดอีกหรือ
3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ บันทึกการเข้า



1. คุณไม่อยู่ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเอง ถ้าเกิดเขาหาตัวคุณมาขึ้นศาลไม่ได้(ตามไม่เจอ)

ก็ไม่ต้องใช้หนี้ เรื่องก็คาอยู่ในศาลอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่คดีอาญาที่ต้องเอาคนผิดมาสอบสวนลงโทษนะ

เกิดลูกหนี้แกล้งไม่รู้ว่าถูกฟ้องไปเรื่อยๆ ไม่รับหมาย ไม่เห็น ก็ไม่ต้องใช้หนี้กันพอดี

2. ดอกไม่โหด ลองไปคิดย้อนดูดีๆ มันนาน ครับ ไม่ได้โหด

คุณไม่ชำระเขาเลยดอกมันก็วิ่งเรื่อยๆ เขาไม่ได้คิดดอกคุณโหดมากเลย

คุณทิ้งให้มันนานเอง อยากหมดหนี้ก็ต้องใช้เขาล่ะครับ



3. จบเรื่องศาลนานแล้วครับ ตอนที่รู้ว่าถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว และ

คุณไม่ได้สู้คดี จึงเอาประเด็นที่อ้างมายกอีกไม่ได้

bestbam เขียน: จากคำถามข้างต้นถ้าผมเองไม่รู้เรื่องหมายศาลหรือไม่ได้รับหมายศาลจะทำอย่างไรได้บ้างเพราะแม้แต่หมายบังคับคดีที่ว่าจะอายัติเงินเดือนผมก็ยังไม่ได้รับทางฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งต่างหากไปที่สำนักงานบังคับคดีเขาบอกว่าส่งจดหมายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 55 วันนี้วันที่20 ก.พ. 55 ยังไม่ถึงผมเลยตอนนี้ผมอยู่ ด้วยครับเป็นไปไม่ได้ที่ส่งมาที่บ้าน
เคสของผม จริง ๆวันนี้ผมไม่มีทางแก้ไขแล้วพยายามขอปิดบัญชีก้ลดดอกเบี้ยให้นิดหน่อยผ่อนชำระก็ไม่ได้จะอายัติอย่างเดียว
ทำไมทางเจ้าหนี้หรือสำนักงานบังคับคดี ถึงไม่ปฏิบัติตามที่ศาลสั่งทันที กลับปล่อยทิ้งระยะเวลามายาวนาน มากกว่า 5 ปี และก็คิดดอกเบี้ยผม ตอนนี้ ที่ผมติดใจก็คือดอกเบี้ยนับจากที่ศาลตัดสิน ผมไม่เคยหนี้ทำงานอยู่ที่เดิม โทรมาก็คุยขอชำระ ขอผ่อน แต่ทางสำนักงานกฏหมายที่ติดตามพยายามไม่ไห้ผ่อนตัดปิดบัญชีก็ไม่ลด คุณคิดดูว่าศาลตัดสินให้ผมชำระ 135000 บาท ตอนนี้ 250000 บาทแล้ว จากผมใช้วงเงินเขา ประมาณ 8 หมื่น บาท เซ้งที่สุดตอนนี้ รู้อย่างนี้น่าจะเรียนกฏหมาย


เรื่องของหมายศาลก็อย่างที่ตอบไปข้างบนครับ



นานแค่ไหนถึงบังคับคดีไม่สำคัญ เป็นสิทธ์ของเจ้าหนี้ไม่ให้เกิน 10 ปี

ศาลไม่ได้ตัดสินให้เจ้าหนี้บังคับคดีครับ ศาลตัดสินให้คุณใช้หนี้ แต่คุณไม่ใช้

เจ้าหนี้จึงมาบังคับคดีคุณ ซึ่งมีสิทธ์ทำได้ภายในระยะเวลา 10 ปี

ซึ่งตั้งแต่ปี 46 ศาลตัดสินแล้ว คุณก็ไม่ยอมชำระเขาเลยใช่ไหมล่ะ(อย่าอ้างเรื่องต่อรองนะ)

bestbam เขียน: คุณครับ ผมไม่เคยเปลี่ยน ที่ อยู่นะครับ เบอร์โทรศัพท์ไม่เคยเปลี่ยน ทำงานทีเดิมตลอด ครับ เงินเดือนผ่านธนาคารตลอดครับดูแล้วทางฝ่ายโจทย์ไม่มีทำอะไรผิดพลาด ผมเป็นหนี้ต้องมใข้อยู่แล้วครับเพราะคิดจะใข้นี้แหละที่โทรติตต่อขอลด ขอปิดแม้จะกู้สวัสดิการปิดคือผมไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะครับ
กรูณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ศาลตัดสินจนถึงวันนี้ต่างหากครับ และที่ว่าสำนักงานบังคับคดีส่งสำนาหนังสือไม่ถึงผมเพราะผมเปลี่ยนที่อยู่เลิกคิดได้เลยครับ ผมอยู่บ้านตามทะเบียนบ้านมา 40 ปี แล้วครับ


ปัญหาเรื่องที่อยู่ ไม่ได้หมายความว่า ย้ายที่อยู่

แต่ที่อยู่ที่อยู่กับสนง.กฎหมายในบางครั้งไม่ชัดเจน พอเอาให้กรมบังคับคดี

อาจส่งผิดพลาดได้ ซึ่งโทรติดต่อไปขอที่กรมบังคับคดีได้(แต่จะไปเอาทำไม)

ส่วนอีกส่วนหนึ่งที่ส่งให้นายจ้างคุณก็ถึงแล้ว บุคคลถึงแจ้งคุณถูกไหม



เรื่องถึงกรมบังคับคดีแล้ว

หากจะขอส่วนลด ก็ไปขอกับทางสำนักงานกฎหมายที่คุณเจรจาอยู่ครับ

และ เขารู้ว่าคุณอยากปิดมาก ก็คงจะลดยากสักหน่อย





การบังคับคดีก็เหมือนผ่อนจ่ายแล้วครับ

ซึ่งจริงๆแล้วหลังศาลตัดสิน เราเอาใบแจ้งหนี้เดิมไปชำระเรื่อยๆ

เลยก็ได้ แล้วเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน มันก็เหมือนกับผ่อนไหมครับ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ly89, ngang2538

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8403 โดย bestbam
คือผมโดนศาลตัดสิน ปี 2549 ศาลตัดสินให้ผมชำระหนี้ตามเงินต้นที่เจ้าหนี้ฟ้อง และให้ชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี จนกว่าจะชำระหรี้เสริ๗สิ้น จริง เงินต้น
90000 บาทจนถึง วันปัจจุบันปี 2555 เจ้าหนี้ และสำนักงานบังคับคดี ส่งหนังสืออายัติเงินเดือน ไปแล้ว 50000 กว่าบาท คือผมผิดที่ไม่ได้ไปศาล นั้นแหละครับ
ทำไมเจ้าหนี้และสำนักงานบังคับคดีไม่ไม่ส่งหนังสืออายัติเงินเดือนทันที หลังจากศาลตัดสิน ซึ่งผมเอง ทำงานที่เดิม เบอร์โทร ก็เบอร์เดิมบ้านเดิมไม่มี่อะไร
เปลี่ยนแปลง แม้โทรศัพท์เข้ามาก็คุยตลอดขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย พอควร ทั้งขอตัดชำระทังหมด ขอผ่อนชำระ ไม่ยอให้เลย
จากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000 พร้อมเงินต้น 130000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท ผมเป็นหนี้ บัตร
ที่นำไปใช้จริง 90000 บาท โหดไหมครับ และผมจะหาความเป็นธรรมจากไหนได้ครับ มีทนายสักคนไหมครับช่วยด้วย บัตร hsbc ผมพร้อมจะจ้างทนาย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 5 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #8409 โดย jackTs

bestbam เขียน: คือผมโดนศาลตัดสิน ปี 2549 ศาลตัดสินให้ผมชำระหนี้ตามเงินต้นที่เจ้าหนี้ฟ้อง และให้ชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี จนกว่าจะชำระหรี้เสริ๗สิ้น จริง เงินต้น
90000 บาทจนถึง วันปัจจุบันปี 2555 เจ้าหนี้ และสำนักงานบังคับคดี ส่งหนังสืออายัติเงินเดือน ไปแล้ว 50000 กว่าบาท คือผมผิดที่ไม่ได้ไปศาล นั้นแหละครับ
ทำไมเจ้าหนี้และสำนักงานบังคับคดีไม่ไม่ส่งหนังสืออายัติเงินเดือนทันที หลังจากศาลตัดสิน ซึ่งผมเอง ทำงานที่เดิม เบอร์โทร ก็เบอร์เดิมบ้านเดิมไม่มี่อะไร
เปลี่ยนแปลง แม้โทรศัพท์เข้ามาก็คุยตลอดขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย พอควร ทั้งขอตัดชำระทังหมด ขอผ่อนชำระ ไม่ยอให้เลย
จากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000 พร้อมเงินต้น 130000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท ผมเป็นหนี้ บัตร
ที่นำไปใช้จริง 90000 บาท โหดไหมครับ และผมจะหาความเป็นธรรมจากไหนได้ครับ มีทนายสักคนไหมครับช่วยด้วย บัตร hsbc ผมพร้อมจะจ้างทนาย


นี่ไงล่ะครับ...สิ่งที่ผมเขียนบอกลงในกระทู้มาตลอด ซ้ำซากอยู่หลายปีแล้วว่า

การอายัดเงินเดือน หรืออายัดทรัพย์ใดๆ...ไม่มีบรรทัดฐานที่แน่นอน

การอายัติใดๆ ของกรมบังคับคดี หลังจากที่ศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น...มันไม่แน่นอน (ถึงแม้ว่าในคำพิพากษา จะเขียนเอาไว้โดยชัดเจนแล้วว่า บังคับภายใน 15 วัน ก็ตามที)

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนที่ถูกอายัติ...กว่าจะ"โดน" ก็เกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้ (15 วัน) กันทั้งนั้น...เพียงแค่...แต่ละคนจะมีระยะเวลาในการ"โดน"ที่ไม่เท่ากัน...เอาแน่ไม่ได้เลย

บางคน"โดน"หลังจากที่ศาลพิพากษา เพียงแค่ 2 เดือน
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 4 เดือน
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 6 เดือน
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 1 ปี
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 2 ปี
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 4 ปี

แล้วจะเอาตรงไหนมาเป็นบรรทัดฐานดีล่ะ?

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=7238&Itemid=29#7300

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8412 โดย Napassawan

bestbam เขียน: คือผมโดนศาลตัดสิน ปี 2549 ศาลตัดสินให้ผมชำระหนี้ตามเงินต้นที่เจ้าหนี้ฟ้อง และให้ชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี จนกว่าจะชำระหรี้เสริ๗สิ้น จริง เงินต้น
90000 บาทจนถึง วันปัจจุบันปี 2555 เจ้าหนี้ และสำนักงานบังคับคดี ส่งหนังสืออายัติเงินเดือน ไปแล้ว 50000 กว่าบาท คือผมผิดที่ไม่ได้ไปศาล นั้นแหละครับ
ทำไมเจ้าหนี้และสำนักงานบังคับคดีไม่ไม่ส่งหนังสืออายัติเงินเดือนทันที หลังจากศาลตัดสิน ซึ่งผมเอง ทำงานที่เดิม เบอร์โทร ก็เบอร์เดิมบ้านเดิมไม่มี่อะไร
เปลี่ยนแปลง แม้โทรศัพท์เข้ามาก็คุยตลอดขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย พอควร ทั้งขอตัดชำระทังหมด ขอผ่อนชำระ ไม่ยอให้เลย
จากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000 พร้อมเงินต้น 130000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท ผมเป็นหนี้ บัตร
ที่นำไปใช้จริง 90000 บาท โหดไหมครับ และผมจะหาความเป็นธรรมจากไหนได้ครับ มีทนายสักคนไหมครับช่วยด้วย บัตร hsbc ผมพร้อมจะจ้างทนาย



เรื่องของการอายัดเงินเดือน อาจารย์นกกระจอกเทศ ตอบไปชัดแล้วนะครับ

เรื่องของทนาย จ้างไปเพื่ออะไรครับ

คดีของคุณสิ้นสุดแล้ว เข้ามาโพสแล้ว ลองศึกษาหาข้อมูลดูก่อน

เป็นสมาชิกมาก็พอสมควรแล้ว

อย่าเอาแต่ถามอย่างเดียว ศึกษาทำความเข้าใจดูก่อน

ทำความเข้าใจยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ จะได้หาทางออกได้ถูก

ไม่อย่างนั้นก็เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง วนอยู่อย่างนี้

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8413 โดย bestbam
ก็ผมปรึกษาว่าควรจะมีทางออกอย่างไร ก็พยายามบอกในสิ่งที่โดนไม่ได้พูดเพื่อจะเอาชนะใดๆ ในกระทู้แค่เพียง
ร้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องดอกเบี้ย หลังคำพิพากษาจนถึงปัจจุบัน เท่าทีรับคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย
ก็ไม่มีทางออกจริง ๆ ครับเพราะท่านทั้งหลายก็ไม่ได้แนะนำอะไรนอกจากอธิบายให้ปฏิบัติตามเท่านั้นเอง ต้องขอโทษที่ลงท้ายเรื่องจ้างทนายเพียง แต่ผมต้องการผู้รู้กฏหมาย และช่วยแนะนำหาทางออกให้ก็เท่านั้น

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8414 โดย Champcyber99
ผมอ่านของคุณสองรอบไม่เห็นมีอะไรที่คุณต้องทำแบบนั้นเลย ถูกเจ้าหนี้ฟ้องให้ใช้หนี้ ศาลตัดสินแล้ว ลูกหนี้ไม่จ่ายอายัดเงินเดือน เรื่องปกติ คุณbestbamเรื่องมันผ่านไปแล้ว มาหาอ่านในสิ่งที่เป็นปัจจุบันดีกว่า เงินก็ไมใช่มากมายอะไร มาหาวิธีและทางออกดีกว่า เรื่องที่เจ้าหนี้อายัดเงินเดือนก็มีข้อดีนิอีกไม่นานหนี้มันก็หมด เป็นวิธีใช้หนี้ที่หลายๆๆคนทำกัน นะตอนนี้ให้หาอ่านเรื่อง h/c ดีกว่าและวิธีต่อรองกับเจ้าหนี้ คิดไปไกลแล้วคุณนะ

ที่นี้เขาก็มีวิธีใช้หนี้ในเรื่องที่คุณเป็นอยู่ มีมากด้วย ขอให้คุณทำความเข้าใจมันแล้วมันก็จะมีทางออกที่ดีกว่าที่คุณคิดจะทำ :สู้ๆ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8422 โดย เก่ง
คงทำอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องมันเลยมาขนาดนี้ ที่ทำได้น่าจะมีอยู่ 2 อย่าง
1. พยายามติดต่อและเจรจากับเจ้าหนี้ มีเงินก้อนพอก็ปิด
2. ปล่อยให้เจ้าหนี้อายัดเงินเดือนไป ไม่นานก็หมดครับ อายัดก็แต่ 30% เอง คุณยังมีเงินเดือนเหลืออีกตั้ง 70%

สู้ๆๆ ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8434 โดย Napassawan

bestbam เขียน: ก็ผมปรึกษาว่าควรจะมีทางออกอย่างไร ก็พยายามบอกในสิ่งที่โดนไม่ได้พูดเพื่อจะเอาชนะใดๆ ในกระทู้แค่เพียง
ร้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องดอกเบี้ย หลังคำพิพากษาจนถึงปัจจุบัน เท่าทีรับคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย
ก็ไม่มีทางออกจริง ๆ ครับเพราะท่านทั้งหลายก็ไม่ได้แนะนำอะไรนอกจากอธิบายให้ปฏิบัติตามเท่านั้นเอง ต้องขอโทษที่ลงท้ายเรื่องจ้างทนายเพียง แต่ผมต้องการผู้รู้กฏหมาย และช่วยแนะนำหาทางออกให้ก็เท่านั้น


ผมก็รู้ครับ คุณไม่ได้อยากเอาชนะคนที่นี่

แต่คนที่นี่มองเคสคุณ ก็เห็นแล้วว่ามันเลยมาไกลแล้ว

คุณ จะอุทธรณ์ ก็ต้องหลังจากศาลชั้นต้นตัดสินไม่เกินกี่วัน หรือ กี่เดือน นี่ล่ะ

อยากให้คุณค้นคว้าในห้อง รู้ทันกฎหมายหนี้

อยากให้เข้าไปอ่านในเวป กรมบังคับคดี ลองหาอ่านเคสที่ใกล้เคียงกับคุณ

ยอมรับความจริงว่าวันนี้ กำลังถูกอายัดเงินเดือน

ก็ ไปศึกษาหาทางออกว่า จะยอม ให้อายัดไปเรื่อยๆ หรือ จะหาทางปิด อะไรก็ว่าไป

แต่ถ้าจะ วนเวียนเรียกร้อง หาความเป็นธรรม เรื่องคำพิพากษาละก็

ใครก็ช่วยคุณไม่ได้

แล้วก็

เรื่องอายัด ทำไมไม่มาอายัดเลยหลังศาลตัดสิน

จากที่อ่านมาก็เห็นอยู่ว่าเขาโทรทวงคุณอยู่เรื่อยๆ แต่คุณก็ไม่ได้จ่าย จริงไหม

ที่ศาลตัดสินน่ะ เขาตัดสินให้ลูกหนี้ชำระเงินให้แก่โจทย์นะครับ

ไม่ใช่ตัดสินให้โจทย์รีบมาอายัดเงินเดือน คุณมีหน้าที่ต้องไปจ่ายครับ


เจ้าหนี้จะถือสิทธ์บังคับคดีไว้ รอลูกหนี้มาจ่าย บางรายไม่อยากรอนาน อยากได้เงินก้อน

ก็ให้ส่วนลดเพื่อจูงใจลูกหนี้ แต่ถ้าลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายเลยเป็นเวลานานๆ

นอกจากเขาจะทนทวงไม่ไหวแล้ว จึงปฎิบัติตามสิทธ์ของเจ้าหนี้คืออายัดเงินเดือน-ทรัพย์สิน

ภายใน 10 ปี

ไม่ใช่ศาลตัดสินแล้ว ให้เจ้าหนี้รีบมาอายัด


เราเห็นใจนะครับ แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่พลาดไปแล้ว และก็ต้องเดินต่อไปครับ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8438 โดย Ly89
คุณเจ้าของกระทู้ น่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนแล้วนะครับ....

จุดหมายปลายทางของลูกหนี้ก็คือ ใช้หนี้ให้จบครับ

ถ้ามีเงินก้อนก็ต่อรองแฮร์คัท ไปซะ จะได้จบเรื่องไป

ถ้ายังไม่มีเงิน ก็ปล่อยให้อายัดเงินเดือนไปพลางๆก่อน เก็บเงินก้อนได้ ค่อยเจรจาแฮร์คัท

เพราะเคสของคุณ มันทำอะไรไม่ทันแล้ว...อย่าไปพูดถึงเรื่องในอดีตที่มันแก้ไขไม่ได้

ให้มองปัญหาที่ปัจุบัน...แล้วก็ลงมือแก้ไข มันจะได้จบ นี่ล่ะครับ ทางออกของคุณ....
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 7 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #8557 โดย jackTs
.
ตอบประเด็นคำถาม แบบ คำ-ต่อ-คำ

ผมทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งประมาณปี พ.ศ. 2543 ได้มีโอกาสได้ใช้บัตรเครดิตแบงค์ต่างชาติแบงค์หนึ่งโดยผมได้วงเงิน 100000 บาท (ผมใช้วงเงินของเขา ไป จำนวน 80000 บาท) แรกก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขของแบงค์ได้ดีแต่สักระยะหนึ่งผมเริ่มมีปัญหาด้านการเงินประมาณปี พ.ศ. 2545 ก็มาโดนแบงค์ฟ้อง ในตอนที่แบงค์ฟ้องผมไม่ได้พักอยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้านก็เลยไม่ได้รับหมายศาล และก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ฟ้องมารู้อีกทีหนึ่งก็ก็ฟ้องเรียบร้อยไปแล้ว

สรุปว่า...ในปี พ.ศ.2545 คุณไม่ได้อยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้าน ก็เลยไม่รู้ว่ามีหมายศาลฟ้องส่งมา



ศาลก็เลยตัดสินตามที่โจทย์เสนอไปทุกอย่างโดยตัดสินว่า ผมเป็นหนี้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 135000 บาทให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี นับจากวันตัดสินจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ตัดสินปี 46

ศาลตัดสินปี 46...ก็แสดงว่าคุณรู้แล้วว่าถูกศาลตัดสินในปี 2546
แล้วหลังจากนั้นคุณมัวไปทำอะไรอยู่? หลังจากที่รู้ว่าศาลตัดสินแล้ว



ปัจจุบันนี้ทางแบงค์ และสำนักงานบังคับคดีผู้ผดุงคุณธรรมก็เลยส่งหนังสือมาขออายัติเงินเดือน ผมเหนื่อยใจเป็นอย่างมากพยายามขอติดต่อกับทางแบงค์เพื่อขอลดหย่อนเรื่องดอกเบี้ยบ้างและจะขอชำระเป็นเงินก้อนก็ไม่คุยกับทางแบงค์ต้องผ่านสำนักกฏหมายผู้รับผิดชอบ

เรื่องนี้ผมเคยตอบไปแล้วนะครับ ว่ามันเป็นกำลังเล่นมุข"โยนลูก" ทางเจ้าหนี้ตัวจริงมันไม่ยอมเจรจาคุยด้วยหรอกครับ รายละเอียดอยู่ในกระทู้นี้

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=7599&Itemid=29

หรือไม่...มันก็ได้ขาย”หนี้เน่า”ของคุณ ไปให้สำนักงานกฏหมายแล้ว (ตามที่ผมเคยอธิบายเอาไว้อยู่ในกระทู้ Hair cut) ทางเจ้าหนี้ตัวจริงจึงไม่สามารถเจรจาเรื่องหนี้ตัวนี้ได้อีกแล้ว



1.การส่งหมายของประเทศบ้านเราเนี่ยไม่จำเป็นต้องจำเลยรู้เรื่องก็ฟ้องร้องตัดสินกันได้เลยและศาลก็ตัดสินตามที่โจทย์เป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นมา

ก็กฏหมายมันเขียนเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้วนี่ครับ ผมก็เคยอธิบายไปแล้ว...อยู่ในกระทู้นี้ไง

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=6974&Itemid=29



ผมไม่อยากคิดเลยว่าผู้บริสุทธิ์บ้านประเทศไทยจะโดน.....เล่นงานไปเท่าไรแล้ว

ก็โดนเล่นงานเหมือนคุณแบบนี้ไปหลายรายแล้วล่ะครับ(สำหรับผู้ที่อ้างว่า“ไม่ได้รับหมายศาล”)

แต่ถ้าคุณอยากจะแก้ไขอะไรให้มันดีขึ้นตามความคิดของคุณเพียงแต่ผู้เดียว คุณจะลองเขียนจดหมายถึง”นายกรัฐมนตรี”ก็ได้นะครับ เพื่อขอให้นายกเอาเรื่องนี้เข้าในสภา สำหรับขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งในส่วนของ ปพพ. และ ป.วิผู้บริโภค ที่ว่าด้วยเรื่อง“การนำส่งหมายศาล” ให้ผู้ที่ตกเป็นจำเลยในคดีแพ่งต้องได้เปรียบในทางกฏหมาย และต้องได้รับทราบว่าถูกฟ้องแล้วทุกครั้ง...เช่น

- หากผู้ที่ถูกฟ้องไม่อยู่ในบ้านตามในทะเบียนบ้าน ต้องให้ผู้ที่นำส่งหมายนอนรอเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้านของจำเลย จนกว่าจำเลยจะกลับมาที่บ้านตามในทะเบียนบ้านนั้นๆ ไม่ว่าจะต้องเฝ้ารออยู่กี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปีก็ตาม

- หากผู้ที่ถูกฟ้องไม่ได้พำนักอยู่ในประเทศไทย(เดินทางไปต่างประเทศ) ต้องให้ผู้ที่นำส่งหมาย เดินทางติดตามไปยังประเทศนั้นๆด้วย เพื่อนำส่งหมายให้ได้ ไม่ว่าจะเดินทางด้วย ทางรถ ทางเครื่องบิน หรือทางเรือก็ตาม โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผู้นำส่งหมายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

- เมื่อผู้นำส่งหมายได้พบเจอกับตัวของจำเลยแล้ว จะต้องให้จำเลยเซ็นต์ชื่อรับทราบลงในหมายด้วยว่า“จำเลยได้รับทราบตามหมายแล้วทุกประการ” หากจำเลยไม่ยอมเซ็นต์ชื่อ ผู้นำส่งหมายจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้จำเลยต้องเซ็นต์ชื่อให้ได้ เช่น การวิงวอน , ขอร้อง , ก้มลงกราบเท้า , ร้องให้ขอความเห็นใจ...ฯลฯ…จนกว่าจำเลยจะใจอ่อนยอมเซ็นต์ชื่อให้

- หากจำเลยไม่ยอมเซ็นต์ชื่อใดๆลงในหมาย ให้ถือว่าไม่สามารถเอาผิดกับจำเลยในทางกฏหมายได้เลย

- ข้อบังคับในการส่งหมายนี้ ให้ใช้บังคับทั้งในการนำส่งหมายฟ้อง , คำพิพากษา และหมายบังคับคดีต่างๆด้วย


คุณจะลองส่งจดหมายไปร้องเรียนก็ได้นะครับ? เผื่อบางทีนายกและสภาฯ อาจจะเข้าใจในความยากลำบาก ในมุมของจำเลยที่เป็นผู้บริสุทธิ์แต่ไม่ได้รับหมายศาล เฉกเช่นกรณีของคุณก็ได้



2.ด้วยเรื่องของผมทั้งหมดนี้มีทางออกให้ผมได้บ้างไหม

ถ้าจะว่ากันตามตัวบทกฏหมายจริงๆแล้วล่ะก็...คงต้องตอบว่า“ไม่มีทาง”แล้วล่ะครับ เพราะเรื่องของคุณมันได้ถูกปล่อยให้เนิ่นนานมาจนถึงปลายทางของขั้นตอนกฏหมายแล้ว



ผมเป็นหนี้ไม่เคยคิดหนีปัจจุยันก็เหลือที่ต้องชำระก็คือบัตรเครดิตบัตรนี้บัตรเดียวเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามเหตุผลก็ดีใจแล้วลำพังแค่ต้นอย่างเดียวผมยังมีปัญหาในการชำระแล้วจะมาคิดดอกเบี้ยกันโหดอีกหรือ

ดอกเบี้ย ณ.ปัจจุบัน มันก็ต้องคิดตามที่ศาลพิพากษานั่นแหละครับ คุณจะมาโอดครวญว่าโหดเกินไป ผมคงคล้อยตามไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะศาลได้พิพากษาไปแล้ว ก็ในตอนที่คุณหยุดจ่ายหนี้เมื่อปี 2545 คุณไม่ได้ตามเรื่องเองนี่ครับ ว่าเรื่องมันไปถึงไหนแล้ว จะได้ขึ้นศาลไปสู้คดีให้“ดอกเบี้ย”มันเป็นโมฆะไปเลยตั้งแต่ต้น

คุณไม่ได้ไปศาลเพื่อสู้คดีเสียตั้งแต่แรก เพราะไม่ยอมติดตามเรื่องหนี้ของตัวเอง แล้วจะมาคร่ำครวญว่าศาลพิพากษาให้จ่ายดอกเบี้ยโหด...ผมว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ



3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ

เวปไหนล่ะครับ?...ชื่อเวปไซด์อะไร?...ช่วยเอาทำเป็น Link ลงให้ดูหน่อยได้ไหม?

แต่ถ้าเป็นเวปไซด์แห่งนี้ จะอธิบายเรื่อง“อายุความ”ว่าอย่างนี้ครับ
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=1296&Itemid=29



จากคำถามข้างต้นถ้าผมเองไม่รู้เรื่องหมายศาลหรือไม่ได้รับหมายศาลจะทำอย่างไรได้บ้าง

ถ้ารู้ตัวว่ายังติดหนี้เขาอยู่ แล้วไม่ได้จ่ายหนี้เขามานานแล้ว ก็ควรตรวจเช็ค“การเดินหมาย” ที่ศาลในภูมิลำเนาของตัวเองด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางฝ่ายเจ้าหนี้เพียงอย่างเดียว
ไม่ต้องไปบ่อยก็ได้ครับ ไปเช็คแค่ปีละครั้งก็พอ…ไปเช็คข้อมูลที่ศาลปีละครั้ง มันยากลำบากถึงขั้นเลือดตากระเด็นเลยหรือครับ?
www.debtclub.consumerthai.org/odebt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&id=841&catid=2

ในปัจจุบันยิ่งสะดวกเข้าไปอีก เพราะมีศาลบางแห่งสามารถเช็คทาง Internet ได้แล้วด้วย
www.debtclub.consumerthai.org/odebt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=6524

www.thailaws.com/aboutthailaw/court_02.htm



เพราะแม้แต่หมายบังคับคดีที่ว่าจะอายัติเงินเดือนผมก็ยังไม่ได้รับทางฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งต่างหาก

หมายบังคับที่ส่งไปยังที่ทำงาน มันเป็นเพียงแค่หมาย“อายัดเงินเดือน”นะครับ...ไม่ใช่หมายอายัดทรัพย์(หมายยึดทรัพย์)



ไปที่สำนักงานบังคับคดีเขาบอกว่าส่งจดหมายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 55 วันนี้วันที่20 ก.พ. 55 ยังไม่ถึงผมเลยตอนนี้ผมอยู่ ด้วยครับเป็นไปไม่ได้ที่ส่งมาที่บ้าน

ถ้ามีหมายบังคับส่งไปที่บ้านคุณ มันจะเป็นหมายยึดทรัพย์นะครับ ไม่ใช่หมาย“อายัดเงินเดือน”



เคสของผม จริง ๆวันนี้ผมไม่มีทางแก้ไขแล้วพยายามขอปิดบัญชีก้ลดดอกเบี้ยให้นิดหน่อยผ่อนชำระก็ไม่ได้จะอายัติอย่างเดียว

ถ้าคุณจะปิดบัญชีแบบ Hair cut ก็สามารถทำได้นะครับ แต่ส่วนลดอาจจะไม่ได้มากนัก เพราะทางเจ้าหนี้มันถือว่าได้เปรียบคุณในทางกฏหมายทุกประตูแล้ว...ว่าแต่...คุณมีเงินไปจ่ายปิดบัญชีแบบ“ก้อนเดียว”หรือเปล่าล่ะ?
ถ้าไม่มีตังค์ไปจ่ายจบเพื่อปิดบัญชี แต่จะขอผ่อนต่อแทน ขอบอกได้เลยนะครับว่า “ไม่มีเจ้าหนี้รายไหนมันยอมหรอกครับ

เพราะเรื่องมันไปถึงมือของกรมบังคับคดีแล้ว ถ้าหากจะผ่อนกันต่อกันเองใหม่อีกครั้ง โจทก์(เจ้าหนี้)จะต้องไปทำการถอนเรื่องอายัดที่กรมบังคับคดีเสียก่อน(ตามมาตรา 169/2 ว่าด้วยเรื่อง“การถอนการอายัด”) แล้วยังต้องไปจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับการ"ถอนอายัด"ให้กับกรมบังคับคดีอีกด้วย
และถ้าโจทก์ไปทำเรื่องถอนออกมาจากกรมบังคับคดีแล้ว หากภายภาคหน้า จำเลยไม่ยอมผ่อนต่อตามข้อตกลงที่ไปสัญญากันเอง โจทก์จะไม่มีสิทธิ์ส่งเรื่องเข้าสู่การอายัดที่กรมบังคับคดีได้อีกแล้ว จะฟ้องศาลใหม่ก็ไม่ได้ด้วย เพราะศาลถือว่าได้พิพากษาถึงที่สุดแล้ว จะมาฟ้องใหม่ในคดีเดิมอีกไม่ได้

สรุปง่ายๆก็คือ หากเรื่องไปอยู่ในมือของกรมบังคับคดีแล้ว หากโจทก์(เจ้าหนี้)ไปทำเรื่องถอนการอายัดของจำเลยออกมา ในภายภาคหน้าจะไม่สามารถยื่นเรื่องในคดีเดิมกลับเข้าไปใหม่ได้อีกเลย หรือจะทำเรื่องส่งฟ้องศาลใหม่อีกรอบก็ไม่ได้ เพราะศาลถือว่าเคยพิจารณาคดีนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว

...ในมุมกลับกันนะ ถ้าสมมุติว่าคุณเป็นฝ่ายเจ้าหนี้ คุณจะกล้าเสี่ยงถอนเรื่องออกมาจากกรมบังคับคดี แล้วไปลุ้นเอาว่าลูกหนี้มันจะยอมผ่อนหนี้ให้ตามที่ไปตกลงกันเองไหม ถ้าเกิดลูกหนี้ไม่ยอมผ่อนต่อ ก็เท่ากับว่าต้องสูญเงินไปเลย

ถ้าตัวคุณเองเป็นเจ้าหนี้...คุณจะกล้าเสี่ยงไปถอนอายัดไหมล่ะ?



ทำไมทางเจ้าหนี้หรือสำนักงานบังคับคดี ถึงไม่ปฏิบัติตามที่ศาลสั่งทันที กลับปล่อยทิ้งระยะเวลามายาวนาน มากกว่า 5 ปี

คำถามนี้ผมได้ตอบไปแล้วนะครับว่า

การอายัดเงินเดือน หรืออายัดทรัพย์ใดๆ...ไม่มีบรรทัดฐานที่แน่นอน

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=7238&Itemid=29#7300



และก็คิดดอกเบี้ยผม ตอนนี้ ที่ผมติดใจก็คือดอกเบี้ยนับจากที่ศาลตัดสิน ผมไม่เคยหนี้ทำงานอยู่ที่เดิม โทรมาก็คุยขอชำระ ขอผ่อน แต่ทางสำนักงานกฏหมายที่ติดตามพยายามไม่ไห้ผ่อนตัดปิดบัญชีก็ไม่ลด

เรื่องขอผ่อนต่อหลังจากที่ศาลตัดสินแล้ว ไม่เคยมีเจ้าหนี้รายไหนมันยินยอมให้ลูกหนี้ สามารถผ่อนต่อได้อีกในระยะยาวๆหรอกครับ...ขอย้ำ...ไม่เคยมีเลยสักราย
มีแต่กำหนดให้จ่ายปิดบัญชีแบบ"งวดเดียว"ตามเงื่อนไขของ Hair cut เท่านั้นแหละ พวกผมถึงได้หันมาใช้ยุทธวิธี“หักคอจ่าย”แทน ยังไงล่ะครับ



คุณคิดดูว่าศาลตัดสินให้ผมชำระ 135000 บาท ตอนนี้ 250000 บาทแล้ว

เฉพาะแค่ดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว ที่คุณไม่ได้จ่ายมาตั้ง 8-9 ปี ก็ตกประมาณแสนกว่าบาทแล้วนะครับ



จากผมใช้วงเงินเขา ประมาณ 8 หมื่น บาท

คุณอย่าไปคิดแค่เพียงว่า คุณไปเอาเงินเขามา 80,000 บาทแค่นั้นสิครับ...แล้วดอกเบี้ยที่คุณไปเอาเงินเขามา 80,000 บาทล่ะ...คุณไม่คิดบ้างหรือครับ?



เซ้งที่สุดตอนนี้ รู้อย่างนี้น่าจะเรียนกฏหมาย

จะเรียนตอนนี้ก็ยังทันนี่ครับ ไม่มีใครสายเกินเรียนหรอก
แต่ควรเรียนกฏหมายไว้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นจะดีกว่านะครับ ไม่ใช่เรียนเพื่อใช้ความรู้ในด้านกฏหมาย หาผลประโยชน์ใส่ตัว หรือ“เอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว”



คุณครับ ผมไม่เคยเปลี่ยน ที่ อยู่นะครับ เบอร์โทรศัพท์ไม่เคยเปลี่ยน ทำงานทีเดิมตลอด ครับ เงินเดือนผ่านธนาคารตลอดครับ

อันนี้ผมไม่ทราบข้อเท็จจริงหรอกครับ เพราะผมไม่ใช่เจ้าหนี้ของคุณ



ดูแล้วทางฝ่ายโจทย์ไม่มีทำอะไรผิดพลาด

ดูแล้วก็น่าจะเป็นเช่นนั้นแหละครับ เพราะเขาฟ้องคุณตามขั้นตอนของกฏหมายทุกประการ



ผมเป็นหนี้ต้องใข้อยู่แล้วครับ

ดีแล้วครับ ที่คุณคิดเช่นนี้



เพราะคิดจะใข้นี้แหละที่โทรติตต่อขอลด ขอปิดแม้จะกู้สวัสดิการปิดคือผมไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะครับ





กรูณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ศาลตัดสินจนถึงวันนี้ต่างหากครับ

ศาลเป็นผู้พิพากษาเรื่องดอกเบี้ยเองนะครับ...แล้วจะให้ใครมากรุณาเรื่องดอกเบี้ยอีก?



และที่ว่าสำนักงานบังคับคดีส่งสำนาหนังสือไม่ถึงผมเพราะผมเปลี่ยนที่อยู่เลิกคิดได้เลยครับ ผมอยู่บ้านตามทะเบียนบ้านมา 40 ปี แล้วครับ

อ้าวววว!!!...แล้วในตอนแรกที่คุณบอกว่า
ปี พ.ศ. 2545 ก็มาโดนแบงค์ฟ้อง ในตอนที่แบงค์ฟ้องผมไม่ได้พักอยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้านก็เลยไม่ได้รับหมายศาล และก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ฟ้องมารู้อีกทีหนึ่งก็ก็ฟ้องเรียบร้อยไปแล้ว

แล้วไหงตอนนี้มากลับพูดว่า ผมอยู่บ้านตามทะเบียนบ้านมา 40 ปี แล้วครับ

สรุปแล้วมันยังไงกันแน่ครับเนี่ย?...อยู่บ้าน? หรือว่า ไม่อยู่บ้าน?



คือผมโดนศาลตัดสิน ปี 2549

เอาอีกแล้ว...ตอนแรกบอกว่าตัดสินปี 46
พอมาตอนนี้บอกว่าโดนศาลตัดสินปี 2549 อีกแล้ว...งง วุ๊ย



ศาลตัดสินให้ผมชำระหนี้ตามเงินต้นที่เจ้าหนี้ฟ้อง และให้ชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี จนกว่าจะชำระหรี้เสริ๗สิ้น จริง เงินต้น 90000 บาท

นี่ก็อีกเหมือนกัน ตอนแรกก็บอกว่าเป็นหนี้เงินต้น 80,000 บาท
พอมาตอนนี้ก็บอกว่า เงินต้น 90000 บาท...โอย...ปวดเฮด



จนถึง วันปัจจุบันปี 2555

เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว
มีครั้งนี้แหละ ที่บอกปี พ.ศ.ได้ถูกต้อง



เจ้าหนี้ และสำนักงานบังคับคดี ส่งหนังสืออายัติเงินเดือน ไปแล้ว 50000 กว่าบาท

ไหนคุณบอกว่า“ตอนนี้ 250000 บาทแล้ว”…แล้วทำไมเจ้าหนี้มันถึงส่งเรื่องมาอายัดเงินเดือนแค่ 50,000 บาทเองล่ะครับ...ยิ่ง“งง”เข้าไปใหญ่



คือผมผิดที่ไม่ได้ไปศาล นั้นแหละครับ

เริ่มยอมรับความจริงได้แล้วใช่ไหมครับ?



ทำไมเจ้าหนี้และสำนักงานบังคับคดีไม่ไม่ส่งหนังสืออายัติเงินเดือนทันที หลังจากศาลตัดสิน

เฮ้อ...คนที่เป็นหนี้ส่วนใหญ่(แทบจะทุกคน) ไม่มีใครต้องการให้เจ้าหนี้รีบทำการอายัดเงินเดือน หรือรีบยึดทรัพย์โดยรวดเร็วทันด่วน แบบคุณเลยสักราย

ทุกรายมักจะตั้งคำถามว่า ถ้าศาลพิพากษาแล้ว อีกนานไหมกว่าจะโดนบังคับคดี , ไม่อยากถูกบังคับคดีเลยกลัวมาก , มีทางไหนบ้างที่สามารถยืดระยะเวลาในการบังคับคดี หลังจากที่ศาลพิพากษาแล้ว ออกไปให้นานที่สุด...เป็นต้น

มีแต่คุณนี่แหละ ที่อยากจะให้รีบโดนอายัดเร็วๆ หลังจากที่ศาลตัดสิน...แปลกคน ???



ซึ่งผมเอง ทำงานที่เดิม เบอร์โทร ก็เบอร์เดิมบ้านเดิมไม่มี่อะไรเปลี่ยนแปลง

งั้นก็คงจะมีแต่ตัวเลขในคำถามของคุณมั๊งครับ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ
พิพากษาปี 46มั่ง ปี 49มั่ง...บางทีก็เป็นหนี้เงินต้น 80,000 บาท แล้วก็มาเปลี่ยนมาเป็น 90,000 บาทอีก



แม้โทรศัพท์เข้ามาก็คุยตลอดขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย พอควร ทั้งขอตัดชำระทังหมด ขอผ่อนชำระ ไม่ยอให้เลย

คำถามเดิมๆ...งั้นผมก็ขอตอบแบบเดิมๆนะครับ
ถ้าคุณจะปิดบัญชีแบบ Hair cut ก็สามารถทำได้นะครับ แต่ส่วนลดอาจจะไม่ได้มากนัก เพราะทางเจ้าหนี้มันถือว่าได้เปรียบคุณในทางกฏหมายทุกประตูแล้ว...ว่าแต่...คุณมีเงินไปจ่ายปิดบัญชีแบบ“ก้อนเดียว”หรือเปล่าล่ะ?
ถ้าไม่มีตังค์ไปจ่ายจบเพื่อปิดบัญชี แต่จะขอผ่อนต่อแทน ขอบอกได้เลยนะครับว่า “ไม่มีเจ้าหนี้รายไหนมันยอมหรอกครับ



จากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000

มันเป็นดอกเบี้ยในระหว่างหลายปีที่ผ่านมา(ซึ่งคุณไม่ได้จ่ายเขาเลย) ก็ประมาณนั้นแหละครับ



พร้อมเงินต้น 130000 บาท

อีกแล้ว!!!...ตอนแรกบอกว่าศาลสั่งให้จ่าย 135,000 บาท...ตอนนี้กลายเป็น 130,000 บาทอีกแล้ว
เงินต้นมันลดลงได้ด้วยเหรอครับ?



รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท

นี่ก็อีก...ตอนแรกบอกว่า 250,000 บาท
ตอนนี้ลดเหลือ 247,000 บาทแล้ว

เฮ้อ...เอาล่ะ...ผมจะคิดดอกเบี้ยตามคำพิพากษาให้คุณดูแบบละเอียดเลยนะ เอาจากตัวเลขตามข้อมูลใหม่ ที่คุณบอกมาใหม่ในครั้งหลังสุดนี้แหละ

ศาลตัดสินให้จำเลยชำระหนี้เงินคืนให้กับโจทก์ = 130,000 บาท
โดยอนุญาตให้โจทก์ สามารถคิดดอกเบี้ยในระหว่างที่จำเลยไม่ชำระหนี้ ในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี (18%) ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจำเลยใช้หนี้จนหมด
ดังนั้น ดอกเบี้ย 18% ต่อปีของเงินต้น 130,000 บาท จะเท่ากับ 130,000 ÷ 100 x 18 = 23,400 บาทต่อปี
สมมุติว่าคุณถูกศาลพิพากษาตั้งแต่ปลายปี 2549 ส่วนปัจจุบันก็คือต้นปี 2555 เท่ากับผ่านมาแล้วเป็นเวลา 5 ปี
ดังนั้น ดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จึงเท่ากับ 23,400 x 5 = 117,000 บาท
ถ้าเอาไปรวมยอดกับหนี้ที่ศาลพิพากษา ก็จะได้เท่ากับ
130,000(หนี้เงินต้น) + 117,000(ดอกเบี้ยในระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมา) = 247,000 บาท

ที่คุณบอกมาว่า “จากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000 พร้อมเงินต้น 130000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท

มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอครับ?



ผมเป็นหนี้ บัตร ที่นำไปใช้จริง 90000 บาท โหดไหมครับ

คุณเอาเงินเขามาตั้ง 90,000 บาท โดยไม่เคยใช้หนี้ +ดอกเบี้ย คืนให้เขาเลยสักบาท ตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา...โหดไหมครับ?



และผมจะหาความเป็นธรรมจากไหนได้ครับ

สามารถหาความเป็นธรรมได้จาก“การยอมรับความจริง” และ “ความไม่เห็นแก่ตัว” ครับ



มีทนายสักคนไหมครับช่วยด้วย บัตร hsbc ผมพร้อมจะจ้างทนาย

ทนายความมีอยู่เยอะแยะเลย เห็นไหมครับ ที่เปิดเป็นสำนักงานทนายความ อยู่ตามย่านชุมชน , ตามริมถนน และตาม ตรอก ซอก ซอย นั่นแหละครับ
หรือถ้ายังหาทนายไม่ได้อีก ก็ลองไปหาตามร้านขายยา หรือตามร้านขายส้มตำดูก็ได้นะครับ



ก็ผมปรึกษาว่าควรจะมีทางออกอย่างไร

ผมก็ตอบไปแล้วนะครับว่า
ถ้าจะว่ากันตามตัวบทกฏหมายจริงๆแล้วล่ะก็...คงต้องตอบว่า“ไม่มีทาง”แล้วล่ะครับ เพราะเรื่องนี้คุณได้ปล่อยให้มันผ่านมาเนิ่นนาน จนถึงปลายทางของขั้นตอนกฏหมายแล้ว



ก็พยายามบอกในสิ่งที่โดนไม่ได้พูดเพื่อจะเอาชนะใดๆ ในกระทู้

ในนี้ก็มีสมาชิกที่โดนแบบคุณเยอะครับ แต่เขาก็“ยอมรับได้” เพราะเขาเข้าใจดีว่า มันเป็นความผิดพลาดของเขาเอง ที่ดันเป็นหนี้แล้วไม่ยอมติดตามในเรื่องหนี้สินของตนเอง



แค่เพียงร้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องดอกเบี้ย หลังคำพิพากษาจนถึงปัจจุบัน

ก็คงต้องขอตอบคำเดิมนะครับว่า
ดอกเบี้ย ณ.ปัจจุบัน มันก็ต้องคิดตามที่ศาลพิพากษานั่นแหละครับ คุณจะมาโอดครวญว่าโหดเกินไป ผมคงคล้อยตามไปกับคุณไม่ได้หรอก เพราะศาลได้พิพากษาไปแล้ว ตอนที่คุณหยุดจ่ายหนี้เมื่อปี 2545 คุณไม่ได้ตามเรื่องเองนี่ครับ ว่าเรื่องมันไปถึงไหนแล้ว จะได้ขึ้นศาลไปสู้คดีให้“ดอกเบี้ย”มันเป็นโมฆะไปเลยตั้งแต่ต้น
คุณไม่ได้ไปศาลเพื่อสู้คดีเสียตั้งแต่แรก เพราะไม่ยอมติดตามเรื่องหนี้ของตัวเอง แล้วจะมาคร่ำครวญว่าศาลพิพากษาให้จ่ายดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม...ผมว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ



เท่าทีรับคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย ก็ไม่มีทางออกจริง ๆ ครับ

สำหรับคำถามนี้ หลายๆคนก็ได้ตอบให้คุณรู้แล้วนะครับ



เพราะท่านทั้งหลายก็ไม่ได้แนะนำอะไรนอกจากอธิบายให้ปฏิบัติตามเท่านั้นเอง

จะแนะนำอะไรได้อีกล่ะครับ ก็ทุกอย่างมันถึงปลายทางของกระบวนการทางกฏหมายหมดแล้วนี่ครับ

พวกผมไม่ใช่พวกมีอำนาจ ที่จะสามารถไป“ปฎิวัติ/รัฐประหาร”ประเทศชาติได้ตามอำเภอใจ
หรือนึกอยากจะฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แล้วเขียนใหม่ยังไงก็ได้ตามใจชอบนะครับ



ต้องขอโทษที่ลงท้ายเรื่องจ้างทนายเพียง แต่ผมต้องการผู้รู้กฏหมาย และช่วยแนะนำหาทางออกให้ก็เท่านั้น

ถ้าคุณต้องการจะหา“ทางออก”เพียงแค่อย่างเดียว ไม่ต้องไปหาจ้างทนายหรือผู้รู้กฏหมายที่ไหนหรอกครับ
สมาชิกทั่วไปที่เขาไม่รู้กฏหมาย ก็สามารถแนะนำให้ได้ครับ

นี่ไงล่ะครับ“ทางออก”



.

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ly89, Nok2865, ntps, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 8 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #8610 โดย Nok2865

หายไปไหนแล้วง่ะ...คุณ bestbam
ประธานฯ อุตส่าห์ตอบละเอียดยิบย่อยให้ขนาดนี้ คิดได้หรือยัง????

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8703 โดย คุณากร
เฮ้ย คุณbestbam
หายไปไหนซะแล้ว โผล่หัวออกมาตอบกันหน่อยสิ

ขอเสียงหน่อยยยย ยอมรับความจริงได้แล้วรึยัง

ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 5 วัน ที่ผ่านมา #9930 โดย คุณากร
.
bestbam ไปมุดหัวอยู่ที่หนาย

ขอเสียงหน่อยเร๊วววว


ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.711 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena