ตัวอย่างคำถ้อยแถลง ขอความเห็นใจกับศาล

5 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #105690 โดย siripongw
สวัสดีครับ ขอสอบถามถึงความเข้าใจของผมหน่อยครับ จากการศึกษาของผมเมื่อได้รับหมายศาลแล้ว ในช่วงที่ขึ้นศาล เราสามารถแถลง ข้อความของจำเลย เพื่อขอความเห็นใจจากศาล อันนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ

พอจะมีตัวอย่างคำแถลงไหมครับ กำลังจะไปขึ้นศาลเดือนหน้าครับ

คำแถลงของผมจะประมาณ ภรรยาตกงานกระทันหันในช่วงต้นปีทำให้ภาระทั้งครอบครัวอยู่ที่ผมคนเดียว ช่วงที่หยุดชำระหนี้เป็นช่วงที่บุตรชายขึ้นศึกษาต่อชั้น มอ 1 ซึ่งเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ประกอบกับต้องดูแลบิดาที่เป็นข้าราชการเกษียณ, มารดาที่สูงอายุและพิการทางการได้ยิน และต้องส่งเสียค่าใช้จ่ายการศึกษาของหลานสาวสองคนที่เกิดจากพี่สาวและพี่เขยที่กำลังแยกทางกัน

ข้อความทั้งหมดเป็นความจริงครับมีเอกสารทางราชการทั้งหมด ยกเว้นของพี่สาวกับพี่เขยที่ยังไม่หย่ากันอย่างเป็นทางการและไม่มีหลักฐานทางเอกสารสำหรับดูแล หลานสาวสองคนครับแต่มีหลักฐานว่า บิดา มารดา พี่สาว หลานสาวสองคน อยู่บ้านหลังเดียวกันกับผมครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆ คำแนะนำ ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #105696 โดย jackTs

siripongw เขียน: ขอสอบถามถึงความเข้าใจของผมหน่อยครับ จากการศึกษาของผม เมื่อได้รับหมายศาลแล้ว ในช่วงที่ขึ้นศาล เราสามารถแถลง ข้อความของจำเลย เพื่อขอความเห็นใจจากศาล อันนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ



ถูกต้องครับ

จำเลยสามารถใช้ถ้อยแถลงด้วยวาจา ต่อหน้าศาลได้เลยครับ

(ส่วนศาลท่านจะรับฟังหรือไม่นั้น มันก็เป็นอีกเรื่องนึงนะครับ)



siripongw เขียน: พอจะมีตัวอย่างคำแถลงไหมครับ กำลังจะไปขึ้นศาลเดือนหน้าครับ


จากการให้คำปรึกษาทางปัญหาด้านกฎหมายหนี้ โดยชมรมฯแห่งนี้ มาเป็นเวลา 17 ปี...ชมรมฯแห่งนี้ ไม่เคยมีการสอนถึง"ตัวอย่างถ้อยแถลง" สำหรับการขอความเห็นใจจากศาลในคดีแพ่ง...แม้แต่สักคดีเดียวเลยครับ

เพราะถึงจะพิมพ์เอกสารไปอย่างไร หากไม่มีการแจ้งความจำนงค์เพื่อต่อสู้คดีความ ยังไงศาลท่านก็ไม่อ่านเอกสารใดๆของจำเลยอยู่แล้ว

แต่ถ้าจำเลยอยากจะพูดอะไรต่อหน้าศาล เพื่อให้ศาลท่านเห็นใจ อันนี้ไม่ได้มีข้อห้ามกำหนดเอาไว้
เพียงแต่ศาลท่านจะรับฟัง และนำไปพิจารณาหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ศาลท่านเอง...ในส่วนนี้ ไปก้าวล่วงไม่ได้



siripongw เขียน: คำแถลงของผมจะประมาณ ภรรยาตกงานกระทันหันในช่วงต้นปีทำให้ภาระทั้งครอบครัวอยู่ที่ผมคนเดียว ช่วงที่หยุดชำระหนี้เป็นช่วงที่บุตรชายขึ้นศึกษาต่อชั้น มอ 1 ซึ่งเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ประกอบกับต้องดูแลบิดาที่เป็นข้าราชการเกษียณ, มารดาที่สูงอายุและพิการทางการได้ยิน และต้องส่งเสียค่าใช้จ่ายการศึกษาของหลานสาวสองคนที่เกิดจากพี่สาวและพี่เขยที่กำลังแยกทางกัน

ข้อความทั้งหมดเป็นความจริงครับมีเอกสารทางราชการทั้งหมด ยกเว้นของพี่สาวกับพี่เขยที่ยังไม่หย่ากันอย่างเป็นทางการและไม่มีหลักฐานทางเอกสารสำหรับดูแล หลานสาวสองคนครับแต่มีหลักฐานว่า บิดา มารดา พี่สาว หลานสาวสองคน อยู่บ้านหลังเดียวกันกับผมครับ


คุณก็สามารถไปพูดต่อหน้าศาล ด้วยปากเปล่าได้อยู่แล้วนี่ครับ จะต้องพิมพ์เอกสาร"คำแถลง" หรือ "ถ้อยแถลง" ไปด้วยทำไม?

หรือคุณกลัวว่าคุณจะลืม ว่าตัวคุณจะต้องพูดอะไรบ้าง ต่อหน้าศาล?

(แต่ศาลท่านจะรับไปพิจารณาหรือไม่ มันก็เป็นอีกเรื่องนึงนะครับ)


ปล. ขอย้ำอีกครั้งว่า...หากไม่มีการต่อสู้คดีความเกิดขึ้น

เอกสารของจำเลยทุกอย่าง ยังไงศาลท่านก็ไม่อ่าน และไม่รับพิจารณาอยู่แล้ว

ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกๆคดี มาโดยตลอด เพราะมันเป็นข้อบังคับในทางกฎหมาย





ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64




ความรู้ต่างๆ มีอยู่ในนี้หมดแล้ว

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20


.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #105700 โดย siripongw
ขอบคุณครับ

ตั้งใจจะพิมพ์ ไว้กันลืมครับ และจะอ่านถ้อยแถลงนั้นต่อหน้าศาลครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106837 โดย siripongw
เพิ่งกลับมาจากศาลครับ สำหรับใบแจ้งยอดฟ้องใบแรก เตรียมเอกสารเพื่อที่จะแถลงขอความเมตตาจากศาล สุดท้ายไม่ได้ใช้ครับ

โดยทนายฝั่งโจทย์ กล่อมให้ยินยอมประนอมหนี้ ทั้งที่ทราบก่อนจะไปศาลดีว่า ห้ามเซ็นเอกสารใดๆ สุดท้ายก็เซ็นประนอมหนี้ครับ

ทนายฝั่งนู้นบอกมาประมาณนี้ครับ เราสามารถให้ศาลพิจารณาได้ แต่ศาลก็อาจจะพิพาทษาแบบไหนก็ได้ อาจจะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ยอดทั้งหมด ภายในระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด หรือจะออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ เราไม่มีทางรู้

สุดท้ายเลยต้องยอมทนายฝั่งนู้นครับ เซ็นประนอมหนี้โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ยอดหนี้ก็ไม่ได้ลด ยอดตามฟ้อง

จนถึงตอนนี้ ยอมรับครับว่าพลาด และก็ไม่รู้ว่าจะแก้ยังงัยสำหรับอีก 5 ใบที่เหลือถ้าโดนแบบเดียวกันอีก กระดูกคนล่ะเบอร์ จริงๆ ครับกับทนาย

ท้อใจจังเลย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106839 โดย Badman
แล้วได้เจอท่านผู้พิพากษาไหมครับ?

ลองศึกษาแนวทางนี้ดูครับ

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

ไขข้อข้องใจ “การอายัดเงินเดือน”
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64

แจ้งเพื่อทราบ : ข่าวอายัดเงินเดือนตามกฏหมายฉบับใหม่ล่าสุด

ลูกหนี้เงินเดือนไม่เกิน2หมื่นอายัดเงินเดือนไม่ได้
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=45370&Itemid=64#95615


แต่...กฎหมายฉบับใหม่นี้ ให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4/ กันยายน / 2560 เป็นต้นไป


กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=8746&Itemid=64

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #107325 โดย siripongw
ขอบคุณครับ ได้เจอผู้พิพากษาครับ แต่เซ็นสัญญาประนอมหนี้ไปแล้ว ศาลก็อ่านสัญญาว่าเป็นแบบนี้ แบบนี้ จำเลยเข้าใจใช่ไหม ผมก็ไม่ทราบว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือพูดอะไรได้บ้าง ได้แต่กำกระดาษที่เตรียมแถลงต่อศาล เพราะทำตัวไม่ถูกจริงๆ ครับ ว่าต้องทำยังไงได้บ้าง

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #107326 โดย siripongw
ได้รับหมายศาลใบที่ 3 แล้วครับ อ่านในรายละเอียดในหมายฟ้องเป็นแบบนี้ แสดงว่าเป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นใช่ไหมครับ

ข้อ 3 การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทย์ ทำให้โจทย์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้เงินสดแก่โจทย์เป็นเงิน จำนวน 130,880.52 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยล่ะ 28 ต่อปีของต้นเงิน (ในหมายฟ้องเขียนต้นเงินจริงๆ ครับ) จำนวน 123,239.97 บาท (ในหมายฟ้องยอดเงิน 123,239.97 จริงๆ ครับ ผมไม่เข้าใจว่ายอดนี้มาจากไหนครับ) นับตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไปจนถึงวันฟ้อง คิดดอกเบี้ยเป็นจำนวน 15,599.14 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 146,479.66 บาท รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบบันทึกรายการยอดหนี้ เอกสารคำฟ้องหมายเลข 7

ผมสงสัยว่ายอดเงิน 123,239.97 คือยอดอะไรครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #107327 โดย eakkachai
ผมสงสัยว่ายอดเงิน 123,239.97 คือยอดอะไรครับ

ยอดนี้คือยอดที่คุณค้างจ่ายจริงๆที่เริ่มหยุด แต่ยอดหลังๆคือเขาก็คิดดอกเบี้ยเพิ่มเข้ามาในช่วงที่เราหยุดแล้วไม่จ่ายรวมดอกเบี้ยจำนวน 130,880.52 ส่วน146,479.66 บาท คือยอดถึงวันเขาฟ้อง ถ้าเราเขียนคำให้การสู้เราอาจได้ส่วนลดดอกเบี้ยลงมาเหลือประมาณ12-15% เพราะยอดที่เขาแสดงให้เห็นคือยังเป็นดอกเบี้ยเต็ม28%อยู่ ตามความจริงคือเมื่อเราหยุดจ่ายถือว่าสัญญาเลิกแล้วต่อกันดอกเบี้ยที่เขาจะคิดได้ตอนที่เรายังไม่ชำระคือไม่เกิน15% แต่ในความเป็นจริงถ้าเราไม่มีเงินไปปิดในงวดเดียวเราก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยที่เขาคิดมา แต่ถ้าเรามีเงินปิดงวดเดียวเขียนคำให้การสู้เรื่องดอกเบี้ยได้เพื่อให้ศาลท่านเป็นผู้ตัดสินศาลท่านอาจตัดลดดอกเบี้ยลงมาถ้าศาลท่านตัดสินให้ลดดอกเบี้ยลงมาศาลท่านจะสั่งให้เราชำระหนี้เท่าไหร่ตรงนี้เจ้าหนี้มักจะไม่ไห้ผ่อนเราต้องชำระครั้งเดียวจบ ลองเอาไปปรึกษาทนายดูครับว่าเขาคิดดอกเราแพงไหม

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #107328 โดย siripongw
ขอบคุณครับ คุณ eakkachai ผมคงปล่อยให้เป็นไปตามนั้นแล้วล่ะครับ ผมยอมแล้วครับ ผมไม่มีเงินพอสำหรับค่าทนาย ผมไม่รู้รายละเอียดว่าติดต่อทนายยังไง ไม่รู้จะคุยยังไงครับ

แนวทางของผม ณ ตอนนี้คงเป็นไปตามนี้ครับ ไปศาล ยังไม่ตกลงกับทนาย และแถลงขอความเมตตาจากศาล หลังจากนั้น ศาลตัดสินยังไง ก็ตามนั้นครับ ถ้าศาลตัดสินให้ชำระหนี้ทันทีก็คงจ่ายเลยครับ ตอนนี้ ติดต่อเจ้าหนี้ นอกระบบแล้ว เค้าให้ผ่อนระยะยาวได้ ผ่อนต่อเดือนยอดน้อยแม้ว่าดอกเบี้ยแพงหน่อยแต่ก็พอให้ชักหน้าชักหลังได้ ถ้าให้ศาลบังคับหักเงินเดือนไม่มีโอกาสได้ชักหน้าชักหลังเลยครับ

ประโยคข้างล่างผมเตรียมแถลง ขอความเมตตาจากศาล ครับ

"จำเลยขอประทานกราบเรียนข้อเท็จจริงต่อศาลที่เคารพอย่างสูงเพื่อขอความเมตตาจากศาลดังนี้

ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2560 จำเลยและภรรยาเป็นบุคคลที่มีรายได้ที่อยู่ในฐานะปานกลางและ มีรายได้สม่ำเสมอ ในช่วงนั้นจำเลยและภรรยาได้ถูกชักชวนให้ สมัครบัตรเครดิต และสินเชื่อเอนกประสงค์ต่างๆ ทางโทรศัพท์ แม้จำเลยและภรรยามีความต้องการที่จะปฏิเศษ แต่ก็ไม่สามารถทนการชักจูงต่างๆ รวมถึงการขอร้อง และอ้อนวอนจากพนักงาขายสินเชื่อ จึงได้ทำการสมัครทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อต่างๆ เพื่อที่จะสิ้นสุดบทสนทนานกับพนังงานขาย และด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาในการใช้ชีวิตอย่างประมาท ของ จำเลยและภรรยา จึงเริ่มต้นตกอยู่ในกับดักของ promotion ซื้อก่อนแล้วค่อยผ่อนที่หลัง พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ณ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

จนมาถึงกลางปี พ.ศ. 2560 ด้วยสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทของภรรยาจำเลย ซึ่งอยู่ในฐานะตกที่นั่งลำบาก มีความจำเป็นต้องทำจ่ายเงินเดือนไม่ตรงตามกำหนด ด้วยภาระค่าใช้จ่ายประจำเดือนของจำเลย และภรรยา ทำให้จำเลย และภรรยา หมุนเงินด้วยการนำเงินจากบัตรเครดิตมาใช้ และนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการก่อหนี้แบบไม่รู้จบ จนกระทั่งต้นปี พ.ศ. 2561 บริษัทของภรรยาจำเลย ได้ปิดกิจการอย่างเป็นทางการทำให้ จำเลยเป็นบุคคลเดียวในครอบครัว ที่มีรายได้ประจำ ประจวบกับเป็นช่วงที่ บุตรชายของจำเลยกำลังขึ้นการศึกษาชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ในช่วงเปลี่ยนโรงเรียน

และนี้คือต้นเหตุที่จำเลยมีความจำเป็นต้องหยุดชำระค่างวดกับโจทย์ เพื่อนำเงินค่างวดนั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อต่อชีวิตให้กับจำเลยและครอบครัวในสภาวะที่ลำบาก

สำหรับยอดหนี้รวมถึงดอกเบี้ยที่จำเลยได้เรียกเก็บจากโจทย์ จำเลยมิได้เพิกเฉยแต่อย่างใด จำเลยขอน้อมรับผิดและรับผิดชอบต่อสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้ จำเลยมีเจตนาที่จะชำระยอดหนี้ทั้งหมดตามที่โจทย์ยืนฟ้อง จำเลยเพียงขอความเมตตาจากโจทย์และศาลที่เคราพ ให้หยุดคิดดอกเบี้ยไม่ให้คิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน พร้อมทั้งให้โอากสจำเลยได้ชำระยอดเงินที่โจทย์เรียกเก็บมา ภายในระยะเวลาที่ยืดยาวออกไป เพ่ื่อให้โอกาสจำเลยและครอบครัว ได้ลืมตาอ้าปาก

อย่าให้ความโง่เขลาและความผิดพลาดของจำเลยในอดีต กลายเป็นบทลงโทษพิพาษา ให้จำเลยชดใช้หนี้ตลอดชีวิตไม่มีวันจบสิ้น และในช่วงเวลาที่โจทย์ติดตามทวงถามหนี้สินกับจำเลย จำเลยก็เหมือนได้ถูกลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นการถูกลดเครดิตบูโร ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อีก รวมถึงการถูกรบกวนในช่วงเวลางานและเวลาส่วนตัวจากการติดตามทวงถามหนี้ทั้งแบบสุภาพและ ไม่สุภาพ ซึ่งมีผลกับสภาพจิตใจของจำเลยและประสิทธิภาพในการทำงานประจำของจำเลย

จำเลยจึงขอบารมีและความเมตตาจากศาลเป็นที่พึ่ง ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด "

ในฐานะหัวหน้าครอบครัว หนักครับช่วงนี้ แต่ทุกครั้งที่มองหน้า ลูกเมีย ยังไงก็ต้องสู้ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.512 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena