สอบถามเรื่องการหักคอจ่ายคะ //ได้รับคำพิพากษามาแล้ว

สวัสดีคะ พี่ๆ
หลังจากติดตามและลองนำแนวทางของชมรมไปลองปฏิบัติดู ก็สามารถปิดหนี้ไปได้บางส่วน แต่คราวนี้มีหนี้ก้อนนึงซึ่งไม่สามารถทำ Hair -cut ได้เพราะยอดมันเยอะมากเลยปล่อยให้ฟ้อง
ได้รับหมายศาลมาตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2560 แล้วก็ไปขึ้นศาลครั้งแรก พฤษภาคม 2560 แล้วก็ไม่สามารถประนีประนอมได้ เนื่องว่าเจ้าหนี้ยื่นขอเสนอให้จ่ายเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 24 เดือน โดยมีดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15ต่อปี ซึ่งหนี้ก้อนเป็นหนี้ ก้อนใหญ่สุดในจำนวน 4 บัตร (ทำ Hair -cut ไปได้ 2 บัตร )
โดยมียอดฟ้อง 99,153.75 บาท คราวนี้ก็เลือกให้ศาลท่านตัดสิน ท่านก็ตัดสินมาตามคำพิพากษา
คือ ให้จำเลยชำระเงิน 99,153.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12ต่อปี ในต้นเงิน 81,698.99 บาท นับจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 ก.พ.60) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทย์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท นอกจากนี้ให้ยก
แต่ว่าไม่มีเงินก้อนที่จะจ่ายหมด เลยจะหักคอจ่าย โดยลองทำตารางมาให้พี่ๆช่วยดูว่า

1.ยอดเงินที่จะหักคอจ่ายแบบนี้พอจะสมน้ำสมเนื้อหรือเปล่าคะ
2.การหักคอจ่ายเราต้องจ่ายตรงวันที่เดิมทุกรอบเลยหรือเปล่าคะ
ยกตัวอย่าง
ครั้งที่ 1 จ่าย 2พ.ค.61
ครั้งที่ 2 จ่าย 2 มิ.ย.61

รบกวนด้วยคะ //ขอบคุณคะ

watthana.b เขียน: สวัสดีคะ พี่ๆ
หลังจากติดตามและลองนำแนวทางของชมรมไปลองปฏิบัติดู ก็สามารถปิดหนี้ไปได้บางส่วน แต่คราวนี้มีหนี้ก้อนนึงซึ่งไม่สามารถทำ Hair -cut ได้เพราะยอดมันเยอะมากเลยปล่อยให้ฟ้อง
ได้รับหมายศาลมาตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2560 แล้วก็ไปขึ้นศาลครั้งแรก พฤษภาคม 2560 แล้วก็ไม่สามารถประนีประนอมได้ เนื่องว่าเจ้าหนี้ยื่นขอเสนอให้จ่ายเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 24 เดือน โดยมีดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15ต่อปี ซึ่งหนี้ก้อนเป็นหนี้ ก้อนใหญ่สุดในจำนวน 4 บัตร (ทำ Hair -cut ไปได้ 2 บัตร )
โดยมียอดฟ้อง 99,153.75 บาท คราวนี้ก็เลือกให้ศาลท่านตัดสิน ท่านก็ตัดสินมาตามคำพิพากษา
คือ ให้จำเลยชำระเงิน 99,153.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12ต่อปี ในต้นเงิน 81,698.99 บาท นับจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 ก.พ.60) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทย์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท นอกจากนี้ให้ยก
แต่ว่าไม่มีเงินก้อนที่จะจ่ายหมด เลยจะหักคอจ่าย โดยลองทำตารางมาให้พี่ๆช่วยดูว่า

1.ยอดเงินที่จะหักคอจ่ายแบบนี้พอจะสมน้ำสมเนื้อหรือเปล่าคะ
2.การหักคอจ่ายเราต้องจ่ายตรงวันที่เดิมทุกรอบเลยหรือเปล่าคะ
ยกตัวอย่าง
ครั้งที่ 1 จ่าย 2พ.ค.61
ครั้งที่ 2 จ่าย 2 มิ.ย.61

รบกวนด้วยคะ //ขอบคุณคะ

ตัวอย่างเคสของคุณ Chairat ครับ ลองศึกษาดูครับ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=45647&limitstart=40&Itemid=64#98860

K.ReFreshZzz
ขอบคุณคะ เดี๋ยวลองศึกษาดูอีกครั้ง

สวัสดีคะ พี่ๆ

หลังจากที่ได้รับคำพิพากษาของเฟริสช้อยส์มาในวันที่ 21/4/18 ก็เริ่มทำการหักคอจ่ายไปได้ 3 งวดแล้วและก็เก็บเงินเพื่อรอเวลาปิดหนี้ก้อนใหญ่ ก้อนนี้ให้ได้ภายในสิ้นปี 61 นี้ (แต่ก็ลุ้นอยู่ทุกวี่ทุกวันเรื่อง อายัดเงินเดือนกับอายัดทรัพย์ที่บ้าน---แต่ว่าที่บ้านอยู่ในสถานะผู้อาศัยนะ ไม่มีรถไม่มีบ้านไม่มีที่ดิน-- แต่ก็กลัวมาก กลัวแม่ด่าแต่ก็ได้แต่ทำใจร่มๆไว้ว่า เอาหน่ะ สู้กันสักตั้งนึง)

ส่วนวันนี้ขอมาอัพเดท หนี้อีกก้อนนึงที่สู้กันมาเกือบจะครบ 2 ปีแล้ว (จะฟ้องแล้วววว สู้กันมาหลายรอบ ต่อรองจนผ่านไปหลายสำนักงานกฎหมาย ) SCB มาแล้วจ้า ในที่สุดก็ให้ส่วนลดแบบ ผ่อนได้มาให้แล้วจ้า

ใครเลือกใช้วิธีที่ 2
ก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมรับกับทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นดังนี้
1.หยุดจ่ายหนี้ต้องหยุดทุกรายการและหยุดตลอดอย่าหยุดบางแบงก์จ่ายบางแบงก์
(ยกเว้นรายการที่เป็นหนี้แบงก์ที่ใช้จ่ายเงินเดือนให้กับ หนี้กองทุน ก.ย.ศ)
และอย่าหยุดบ้างจ่ายบ้าง เพราะจะเก็บเงินก้อนไม่ได้ไม่มีประโยชน์เลย และนับอายุความไม่ได้ด้วย

2.ต้องบอกครอบครัวให้รู้จะได้ไม่ตกใจ รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร ผลจะเป็นอย่างไรและเป็นการระวังไม่ให้มีใครไปหลอกเอาเงินจากทางครอบครัวของลูกหนี้ได้ด้วย

3.ต้องบอกที่ทำงาน(หัวหน้างาน ฝ่ายบุคคล คนที่ทำงานเกี่ยวข้องประสานงาน เพื่อนคนที่อาจถูกรบกวนจากการตามทวงหนี้ที่ไม่มีมารยาท คนที่อ้างชื่อไว้ในสมัคร)ให้รับรู้ไว้ บอกให้รู้ว่าเราจะทำอะไรและจะเกิดอะไรบ้างระหว่างที่เราหยุดรอจ่ายปิดหนี้ที่ละบัญชีห้ามอาย/ไม่อยากให้คนรู้เรื่อง เพราะยังไงๆ ที่ทำงานต้องรู้เรื่องแน่ให้รู้จากเราไปเลยว่าเราจะทำอะไร อย่าให้เขารู้แต่ว่าเราถูกทวงหนี้ให้เขารู้ว่าเราจะจ่ายทีเดียวปิดบัญชีหนี้ไปเลย ไม่จ่ายทีละนิดแล้วหนี้ไม่หมดสักทีให้ที่ทำงานรู้ว่าเราจะทำอะไรและผลจะเป็นอย่างไรเลยดีกว่าแล้วก็ต้องรู้จักขอโทษและขอบคุณเพื่อนรวมงานตามความเหมาะสม

4.จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายใหม่เพื่อดูว่าเมื่อเราหยุดจ่ายหนี้ทุกอย่างแล้วเราเหลือเงินเท่าไหร่เก็บออมไว้ ห้ามใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น เงินเดือน 15,000 บาท ใช้จ่ายตลอดเดือน 10,000 เหลือ 5,000 ก็แยกเก็บไว้สัก สองบัญชี บัญชีจ่ายหนี้ 3,500 และบัญชีสำรองเผื่อฉุกเฉิน 1,500 อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นแต่ละคนจะเก็บได้มากได้น้อยแล้วภาระครอบครัวสำหรับบัญชีจ่ายหนี้พอเก็บได้เป็นเงินก้อนใหญ่ก็ลองเจรจาแฮร์คัทดูส่วนบัญชีสำรองเก็บไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินในครอบครัวพยายามหารายได้พิเศษเพิ่ม
5. หาความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ต่างๆศึกษาให้เข้าใจจริงๆ นำไปใช้ให้ได้ และเมื่อรู้แล้วจะได้ไม่ต้องกลัวรูปแบบการทวงหนี้และการข่มขู่ต่างๆที่มีสารพัดรูปแบบ